ตอนที่ 2951 เซอร์ไพรส์อยู่ไหน
เน่าเน่าสงสัยว่าเซอร์ไพรส์ของเสี่ยวจูคืออะไร เขาเดาว่าอาจจะเป็นธนบัตรเพราะช่วงนี้ใช้เงินฟุ่มเฟือยเกินไป หลังจากเงินของเขาที่หักจากการซื้อข้าวของเครื่องใช้สำหรับการเดินป่ากับซื้อตั๋วเครื่องบิน เงินในบัญชีก็เหลือแค่ไม่กี่ร้อยหยวนเท่านั้น
เสี่ยวจูรายได้ดีต้องมีเงินไม่น้อยแน่ ๆ หมอนี่วัน ๆเอาแต่หมกตัวนอนอยู่ในห้องตั้งแต่เช้ายันค่ำเลยไม่ได้ใช้เงิน
เหตุผลสำคัญที่เน่าเน่าชวนเสี่ยวจูมาด้วยก็เพราะเขาเหลืองบประมาณไม่มากแล้ว ถ้าไม่เรียกเสี่ยวจูมาด้วยเขาคงมีเงินไม่พอเหมารถมาด้วยซ้ำ
รอในสนามบินอยู่นาน เน่าเน่าเอาเงินไม่กี่ร้อยที่เหลือเปลี่ยนเป็นบะหมี่เนื้อไม่กี่ถ้วยเติมเต็มกระเพาะ เน่าเน่าลูบท้องพลางทำหน้าหงุดหงิด รู้งี้สู้สั่งหม้อไฟมาทานแต่แรกยังจะดีกว่า!
บะหมี่ไม่กี่ถ้วยไม่ได้ช่วยให้เขาหายหิวเลย น้ำซุปหม้อไฟคลุกข้าวอย่างน้อยก็พออยู่ท้องบ้าง เน่าเน่ามองยอดเงินที่เหลือในบัญชีอย่างเศร้าใจ แม้แต่เลขหลังทศนิยมหลักสิบยังเป็นเลขศูนย์เลย ถ้าเสี่ยวจูยังไม่รีบมาอีกเขาจะไม่มีกระทั่งข้าวเย็นทานด้วยซ้ำ
บะหมี่เนื้อเกือบย่อยหมดแล้วและในที่สุดเสี่ยวจูก็มาสักที เน่าเน่าเดินปรี่เข้าไปต้อนรับอย่างดีใจพลางโอบไหล่น้องชายเอาไว้ “เซอร์ไพรส์อยู่ไหน?”
“ใกล้แล้ว อีกครึ่งชั่วโมงก็ถึง” เสี่ยวจูยกมือขึ้นดูนาฬิกาข้อมือแวบหนึ่ง
เน่าเน่าไม่ได้ใส่ใจแต่หน้ายิ้มแฉ่งกล่าว “นายโอนเงินให้ฉันก่อนสิ ในบัตรฉันเหลือเงินแค่ไม่กี่หยวนแล้ว”
เสี่ยวจูกลอกตาใส่เขาทีหนึ่ง แม่ให้ความเท่าเทียมในการดูแลพวกเขาสองคนมาตลอดซึ่งไม่มีทางลดจำนวนเงินของหมอนี่แน่ เขาคงเอาเงินไปเลี้ยงสาวหมดอีกแล้วแหง เขาควักโทรศัพท์ออกมาแล้วโอนเงินไปให้อีกฝ่ายสองหมื่น
“ถ้าใช้หมดอีกฉันจะไม่โอนให้อีกแม้แต่หยวนเดียว” เสี่ยวจูกล่าวเตือน
“เดือนหน้าแม่จะโอนเงินมาให้ฉัน สองหมื่นหยวนพอใช้สักระยะแล้ว” เน่าเน่าเอ่ยยิ้มหน้าบาน
“พี่สาวกับพี่เสี่ยวเป่าไปภูเขาสือว่านทำไม?” เสี่ยวจูถาม
“ไม่รู้ สงสัยจะไปเที่ยวมั้ง นายจะสนใจทำไมเยอะแยะ มีให้เที่ยวให้เล่นก็พอ ไปกัน เราไปเหมารถสักคัน เพราะต้องขึ้นเขาทางอำเภอผานกู่ คาดว่าจะต้องเดินสักหกถึงเจ็ดชั่วโมงเลยล่ะ”
เน่าเน่าเดินโอบเสี่ยวจูไปข้างนอก เขาต้องทานมื้อใหญ่ให้อิ่มท้องก่อนค่อยว่า
“เหยียนเน่าเน่า…” เสียงใสดังแว่วมาแต่ไกล
เน่าเน่าสีหน้าเปลี่ยนไปคิดจะหนีทันทีเหมือนได้ยินบทคาถารัดเกล้าของซุนหงอคงก็ไม่ปาน ยัยคนนี้ปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไรกัน ฉับพลันเน่าเน่าก็นึกถึงเซอร์ไพรส์ที่เสี่ยวจูเอ่ยถึงก็เอากำปั้นทุบตัวเสี่ยวจูแรง ๆทีหนึ่งด้วยความโกรธ ความรู้สึกขอบคุณกับเงินสองหมื่นเมื่อกี้สลายหายไปในพริบตา
“นายเป็นบ้าหรือไง เรียกเธอมาทำไมกัน?” เน่าเน่ากระชากแขนเสี่ยวจูวิ่งออกไปข้างนอก
“มีประโยชน์น่า อีกอย่างสือเอ้อร์สัญญาแล้วว่าจะให้จิตวิญญาณน้ำห้าลูก เดี๋ยวแบ่งให้นายสองลูกเลย” เสี่ยวจูเอ่ยอย่างเนิบนาบเรียกให้เน่าเน่าหยุดฝีเท้าแล้วชูนิ้วขึ้นมาสามนิ้ว
“อย่างมากสองอัน จะเอาไม่เอาก็แล้วแต่” เสี่ยวจูไม่แม้แต่จะมองด้วยซ้ำ ความสัมพันธ์พี่น้องของเขากับเน่าเน่าก็มีค่าแค่สองอัน มากเกินกว่านั้นไม่มีให้หรอก
เน่าเน่าเบะปาก ตั้งแต่เล็กจนโตเขาไม่เคยเถียงชนะเสี่ยวจูมาก่อนทั้งที่เขาต่างหากที่เป็นพี่ใหญ่!
ลี่สือเอ้อร์วิ่งตามมา อีกฝ่ายเป็นเด็กสาวตัวสูงโปร่งแก้มกลมป่องเหมือนทารกเลยทำให้ดูเด็กไม่เสื่อมคลาย แต่พอจะดูออกว่าตอนโตต้องเป็นหญิงงามคนหนึ่งอย่างแน่นอน
“เหยียนเน่าเน่านายจะวิ่งหนีทำไม ฉันไม่ได้จะกินนายสักหน่อย นายไปเรียนที่อเมริกาทำไมไม่บอกฉัน ฉันไปเรียนด้วยกันกับนายได้นี่…” ลี่สือเอ้อร์พูดเสียงเจื้อยแจ้ว ตั้งแต่เดินออกจากสนามบินมาก็ไม่เคยหยุดปากเลย
เน่าเน่ากระทุ้งหลังเอวของเสี่ยวจูแรง ๆทีหนึ่งด้วยความโกรธ เสี่ยวจูลูบจมูกปอย ๆพลางกล่าว “จิตวิญญาณน้ำล่ะ?”
สือเอ้อร์ไม่พอใจมากที่ถูกขัดจึงกลอกตาใส่เสี่ยวจูแวบหนึ่งอย่างไม่พอใจ หยิบกล่องหยกขาวใบหนึ่งจากกระเป๋าแล้วส่งให้เสี่ยวจูอย่างนึกปวดใจ เธอฝึกทำจิตวิญญาณน้ำตั้งแต่อายุสิบขวบซึ่งรวม ๆกันแล้วเพิ่งทำได้แค่สิบลูกเท่านั้นเอง
“เหยียนเน่าเน่า ฉันยอมจำนนต่อเสี่ยวจูเพราะเห็นแก่มิตรภาพระหว่างเรานะ…”
“มิตรภาพฉันจะมีหรือไม่มีก็ได้” เน่าเน่าแค่นเสียงทีหนึ่ง ระหว่างชายหญิงมีมิตรภาพบ้าบออะไรได้เล่า หากไม่ใช่ความสัมพันธ์แบบข้ามคืนก็คือความรัก…
และอีกแบบหนึ่งก็คือความสัมพันธ์แบบแฟนเก่า!
…………………………………
ตอนที่ 2952 ชีพจรมังกร
“งั้นเรามาพัฒนาให้เป็นความรักกันเถอะ!” สือเอ้อร์มองด้วยสีหน้าจริงจังดวงตาเป็นประกายวิบวับ
เน่าเน่าแค่นหัวเราะทีหนึ่ง “ฉันไม่สนใจต้นอ่อนหรอกนะ ฉันขอบอกกฎกติกาก่อน ถ้าจะไปผจญภัยกับเราต้องปฏิบัติตามกฎ ถ้าไม่ทำตามก็ไม่ต้องตามเรามา”
“นายบอกก่อนว่ากฎอะไร!”
สือเอ้อร์เบะปากน้อย ๆ อีกไม่นานเธอก็จะโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ถึงตอนนั้นเน่าเน่าต้องหนีไม่พ้นเงื้อมมือของเธอแน่
“ฉันมีแค่เงื่อนไขเดียว ห้ามคุยจ้อไม่หยุดต่อหน้าฉัน ถ้าจะคุยก็ไปคุยกับเสี่ยวจูโน้น!” เหตุผลที่เน่าเน่าคอยหลีกเลี่ยงสือเอ้อร์ก็เพราะกลัวต่อความแรงเยอะของยัยเด็กคนนี้ ปากเล็ก ๆนั่นสามารถพูดจ้อได้ไม่หยุดตั้งแต่เช้ายันดึก นอกจากเวลาไปเข้าห้องน้ำก็คุยจ้อไม่มีหยุดพัก
สือเอ้อร์ตอบเสียงไม่พอใจ “ฉันไม่ตกลง ฉันชอบคุยกับนาย คุยกับเจ้าบ้าเสี่ยวจูไม่สนุก นายใจร้ายมากถ้าไม่ให้ฉันพูด ต่อให้เรายังไม่ใช่ความสัมพันธ์คู่รักในตอนนี้แต่ก็เป็นเพื่อนที่โตมาด้วยกัน ทำไมนายถึงใจร้ายกับฉันได้ขนาดนี้ล่ะ…”
“หยุด…ระหว่างฉันกับเธอไม่มีวันเป็นคู่รักตลอดชีวิต เธอต้องยอมรับกับความจริงอันแสนโหดเหี้ยมนี้ให้ได้ ระหว่างเรามันเป็นไปไม่ได้ ต่อให้ฟ้าถล่มดินทลาย ทะเลเหือดแห้งก้อนหินผุพัง ต่อให้ทั้งโลกเหลือผู้หญิงแค่คนเดียวเป็นเธอ ระหว่างฉันกับเธอก็เป็นไปไม่ได้!”
เน่าเน่าพูดขัดสือเอ้อร์แล้วเอ่ยย้ำรอบที่หนึ่งร้อยแปด
เขาไม่เข้าใจจริง ๆว่าทำไมสือเอ้อร์ถึงตั้งใจจะเอาเขามาเป็นสามีให้ได้ แม้เขาหน้าตาหล่อแถมยังมีความสามารถที่ไม่ธรรมดาแต่ความห่างของช่วงวัยมีให้เห็นกันอยู่ เขาจะชอบยายเด็กตัวเปียกที่แบนราบทั้งหน้าและหลังแบบนี้ได้อย่างไร?
ไหนจะเป็นเด็กตัวเปียกที่พูดมากยิ่งกว่านกกระจอกเสียอีก!
แปดชาติแปดภพก็เป็นไปไม่ได้ เขาเหยียนเน่าเน่าไม่ได้โง่ถึงขนาดจะยอมทอดทิ้งสวนดอกไม้ต้นงามอุดมสมบูรณ์เพื่อดอกบานบุรีที่ยังเป็นแค่ต้นอ่อนเติบโตไม่เต็มที่เพียงต้นเดียวหรอก มีแต่คนโง่เท่านั้นแหละที่จะทำเรื่องโง่ ๆเช่นนี้!
สือเอ้อร์ไม่คิดจะใส่ใจกับถ้อยคำทำร้ายจิตใจแบบนี้เลยสักนิด แววตาวูบไหวอย่างเจ้าเล่ห์ ของอะไรที่เข้าตาเธอไม่ว่าจะเป็นของตายหรือสิ่งมีชีวิตล้วนไม่เคยหนีพ้นเงื้อมมือของเธอสักครั้ง
“ตอนนี้นายอย่าเอาแต่สนุกปาก ถึงตอนนั้นคนที่จะเสียใจภายหลังคือนายเองนะ” สือเอ้อร์ยิ้มตาหยีตักเตือน
เน่าเน่าแค่นเสียงทีหนึ่ง สมองเขาพิการน่ะสิถึงจะเสียใจภายหลังได้
ทั้งสามทานมื้อเย็นด้วยกันแล้วเหมารถแท็กซี่คันหนึ่งให้คนขับรถพาพวกเขาไปส่งที่อำเภอผานกู่ภายในคืนวันนั้นเลย โชคดีที่พวกเขาสามคนอายุไม่มากไม่อย่างนั้นโชเฟอร์ไม่มีทางรับงานนี้แน่ ๆ
“เธอรู้ไหมว่าพี่สาวฉันไปทำอะไรที่ภูเขาสือว่าน?” เสี่ยวจูใช้ภาษาอังกฤษถาม
“ฉันเดาว่าน่าจะเรื่องสมบัติที่หนิงเฉินเซวียนทิ้งไว้…” สือเอ้อร์เล่าเรื่องหยกแขวนไป
เน่าเน่าทำหน้าตื่นเต้น เขารู้อยู่แล้วถ้าติดตามพี่เสี่ยวเป่าไปต้องสนุกท้าทายมากแน่ ๆ หนิงเฉินเซวียนเป็นถึงหนึ่งบุคคลที่มีความทะเยอทะยานมากที่สุดในยุคหนึ่ง สมบัติที่ทิ้งไว้ต้องไม่ใช่สมบัติธรรมดาแหง ๆ
“ไม่ได้มีแค่ข้อมูลอาวุธแน่ ถ้ามีแค่รูปอาวุธกลุ่มมังกรไม่จำเป็นต้องเสียเวลามากขนาดนี้ เพราะเขาคงไปตามขอรูปอาวุธจากพี่เสี่ยวเป่าโดยตรงได้เลย” เสี่ยวจูเริ่มจับผิดสังเกตได้อย่างรวดเร็ว
สือเอ้อร์พยักหน้า “ฉันก็คิดแบบนี้เหมือนกัน อีกอย่างมีครั้งหนึ่งพ่อฉันเผลอหลุดปากบอกแต่แค่ครึ่งเดียว น่าจะเกี่ยวของกับสมบัติอันนั้น”
“คุณอาลี่พูดว่าอะไรเหรอ?” เสี่ยวจูรู้สึกสนใจอย่างมาก
“ชีพจรมังกร…สมบัตินั่นมีส่วนเกี่ยวข้องกับชีพจรมังกร” สือเอ้อร์พูดเน้นทีละคำ
เน่าเน่ากับเสี่ยวจูต่างตกใจกันเฮือกหนึ่ง ไม่คิดเลยว่าจะเป็นชีพจรมังกรไปได้
แต่ก็ไม่อยู่เหนือความคาดหมาย หนิงเฉินเซวียนในยามมีชีวิตอยู่นั้นหวังแต่จะฟื้นฟูความรุ่งโรจน์ของราชวงศ์หนิง ไม่แน่เขาอาจจะตามหาชีพจรของมังกรเจอแล้วก็ได้!
“หมายความว่าชีพจรมังกรอยู่ในภูเขาสือว่านงั้นเหรอ?” เน่าเน่าพึมพำกับตัวเอง
“ใช่หรือไม่ใช่แค่เข้าไปดูก็รู้แล้ว คาดว่าตอนนี้ในภูเขาน่าจะกำลังคึกคักเลยแหละ ก่อนฉันมาได้สืบค้นข้อมูลคร่าว ๆว่ามีสายลับอย่างน้อยสี่ประเทศขึ้นเขาไปด้วย” สือเอ้อร์พูดติดขำ
………………