ตอนที่ 2967 ต้องการแค่อยู่เคียงข้าง
ตอนมื้อเช้าขาดไปหนึ่งคน มื้อเที่ยงกลับขาดไปอีกสองคน ขามามีทั้งหมดสิบสองคนตอนนี้กลับเหลือเพียงเก้าชีวิต ทุกคนจึงตกอยู่ในสภาพห่อเหี่ยวไร้ชีวิตชีวา
พวกเขาถึงขั้นมีความรู้สึกสังหรณ์ใจแปลก ๆว่าตอนมื้อเย็นคงไม่เกิดอุบัติเหตุกับใครสักคนหรอกนะ?
พระเจ้าได้โปรดคุ้มครอง ช่วงมื้อเย็นทุกคนต่างผ่านพ้นไปท่ามกลางความพะว้าพะวงไม่สบายใจ สุดท้ายไม่มีใครเป็นอะไรปลอดภัยกันดีเลยถอนหายใจโล่งอกอย่างพร้อมเพรียงกัน
กลางป่าฟ้าจะมืดเร็วเป็นพิเศษเลยทำให้ไม่สามารถเดินทางต่อได้ ทุกคนจึงเริ่มกางเต็นท์ปักหลักในคืนนี้
พวกเสี่ยวเป่ากางเสร็จแล้ว เน่าเน่าเห็นเสี่ยวเป่ากับเล่อเล่อนอนในเต็นท์เดียวกันก็กระชากตัวเล่อเล่อมาถามอย่างอดไม่ได้ “พี่รวบหัวรวบหางพี่เสี่ยวเป่าได้แล้วจริง ๆเหรอ?”
“นอนด้วยกันก็ต้องเคยทำเรื่องแบบนั้นเหรอ? ในหัวของนายอย่าคิดแต่เรื่องสกปรกได้ไหม วัน ๆเอาแต่คิดอะไรเนี่ย!”
เล่อเล่อตบศีรษะเขาไปทีหนึ่งอย่างไม่พอใจ เรื่องไหนไม่พูดดันมาพูดเรื่องที่จี้หัวใจคนอื่นแบบนี้ซะได้
เน่าเน่าค่อยเบาใจลง “ไม่เคยก็ดี ไม่งั้นพ่อไม่มีทางไว้ชีวิตพี่เสี่ยวเป่าแน่!”
เล่อเล่อกลุ้มใจจนขมวดคิ้วแน่น เหยียนหมิงซุ่นเป็นปัญหาใหญ่เทียบเท่าภูเขาใหญ่ที่ขึ้นยากยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์เสียอีก แต่ต่อให้ยากเพียงใด…เธอก็ต้องก้าวข้ามมันไปให้ได้ ถ้าไม่ได้จริง ๆก็ใช้กำลังในการแก้ปัญหา!
ซ้อมจนพ่อเธอต้องหมอบลง ไม่อนุญาตก็ต้องอนุญาตแหละ!
สือเอ้อร์เบียดตัวแทรกเข้ามามองด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ กระซิบถาม “คืนนี้ฆ่าพวกมันหมดเลยดีไหม?”
“ผู้หญิงวัน ๆเอาแต่ตี ๆฆ่า ๆได้ไง ขึ้นเขามาแล้วก็ต้องฟังพี่เสี่ยวเป่าให้หมด เขาไม่สั่งพวกเธอก็ห้ามลงมือเด็ดขาด เข้าใจไหม?” เล่อเล่อเผยความน่าเกรงใจในฐานะพี่คนโตออกมา
เสี่ยวเป่ายิ้มมุมปากมองด้วยสายตาอบอุ่น
พอสั่งสอนทั้งสามคนไปยกหนึ่งเสร็จเล่อเล่อก็หนีกลับเข้าเต็นท์มาส่งยิ้มให้เสี่ยวเป่าทำท่าเหมือนขอรางวัล
“เด็กดี นอนเถอะ!” เสี่ยวเป่าลูบศีรษะเธอเบา ๆ เล่อเล่อยิ้มจนตาหยีพลางเอาศีรษะถูกับฝ่ามือเสี่ยวเป่า
เธอชอบความรู้สึกในตอนนี้เหลือเกิน เสี่ยวเป่าคอยตามใจเธออย่างไร้ข้อแม้เหมือนตอนเด็กไม่มีผิด แล้วยังไม่ปฏิเสธการเข้าใกล้ของเธอด้วย แถมยิ้มให้เธออบอุ่นขนาดนี้ เธอหวังเหลือเกินว่าจะเป็นแบบนี้ไปตลอดกาล…
ถ้าเสี่ยวเป่าจะเป็นเช่นนี้เพียงเพราะอยู่บนเขา ถ้าอย่างนั้น…เธอหวังว่าขุมสมบัตินี้จะไม่มีวันถูกหาเจอ
เธอยอมใช้ชีวิตบนเขากับเสี่ยวเป่าทั้งชีวิต!
ต่อให้ไม่ได้รวบหัวรวบหางก็ไม่เป็นไร สิ่งที่เธอต้องการ…มีเพียงเสี่ยวเป่าคอยอยู่เคียงข้าง เรื่องอื่นเธอก็ไม่สนใจอีกแล้ว
ผ่านไปอีกหนึ่งคืนอย่างสงบ เสี่ยวเป่าตื่นนอนแต่เช้าดังเดิมเพื่อเตรียมอาหารเช้ามื้อใหญ่ ทว่าไม่มีใครทำตามอีก ทุกคนได้แต่ทานเสบียงที่ตัวเองพกมาเงียบ ๆและไม่กล้าทำอาหารตามเสี่ยวเป่าอีกแล้ว
“วันนี้เตรียมจัดการกี่คนเหรอพี่เสี่ยวเป่า?” สือเอ้อร์เลื่อนหน้ามาถาม เธอแทบอดใจรอไม่ไหวอยู่แล้ว
เสี่ยวเป่าเอ่ยเสียงเรียบ “เป็นผู้หญิงอย่าเอาแต่คิดเรื่องตี ๆฆ่า ๆสิ”
สือเอ้อร์กลอกตาทีหนึ่ง เธอรำคาญน้ำเสียงสั่งสอนแบบนี้ที่สุดเพราะเหมือนพ่อของเธอไม่มีผิด ไม่รู้จริง ๆว่าพี่เล่อเล่อถูกใจหนิงเสี่ยวเป่าตรงไหนกัน?
นอกจากหน้าตาดูเจริญหูเจริญตาอยู่บ้างหมอนี่ก็ไม่มีอะไรดีอีกเลย สู้เหยียนเน่าเน่าของเธอก็ไม่ได้ ดีกว่าหนิงเสี่ยวเป่าตั้งหลายร้อยเท่าตัว
ช่วงมื้อเช้ายังคงปกติดี จากบรรยากาศมาคุก็ผ่อนคลายขึ้นประมาณหนึ่ง ทุกคนเริ่มคุยเริ่มหัวเราะกันอีกครั้ง บรรยากาศดีจนรู้สึกเหมือนมาผจญภัยบนภูเขาใหญ่แห่งนี้กันจริง ๆ
ทว่ามีคนหนึ่งกลับปั้นหน้าขรึมมาตลอดและจดจ้องพวกเสี่ยวเป่าด้วยสายตาเย็นยะเยือกราวกับงูพิษ ไม่รู้ว่ากำลังวางแผนอะไรอยู่
เสี่ยวเป่ามองเธอหลายทีก็เผยยิ้มอย่างไม่ยี่หระ จากนั้นก็ล้วงดอกไม้สวยงามอีกสองดอกจากแขนเสื้อเปลี่ยนให้เล่อเล่อ
เขาจะให้น้องเล่อเล่อปักดอกไม้งามสดใหม่อยู่ตลอดเวลา สำหรับเขาแล้วเป็นเรื่องง่ายดายยิ่งกว่าอะไร!
………………………….
ตอนที่ 2968 เกิดเรื่องอีกครั้ง
ขบวนมุ่งหน้าต่อไปอย่างช้า ๆจนผ่านพ้นไปอีกหนึ่งวัน นับดูแล้วพวกเสี่ยวเป่าขึ้นเขาเป็นวันที่สี่แล้ว ตลอดทางมานี้นอกจากตายไปสามคนทุกอย่างก็ราบรื่นดี
“ถ้าดูจากตำแหน่งบนแผนที่ สมบัติน่าจะอยู่ใจกลางป่า จากความเร็วของเราในตอนนี้คาดว่าต้องเดินทางอีกประมาณสิบวัน” เสี่ยวจูประมาณเวลาได้อย่างรวดเร็วหลังดูแผนที่
“ไม่รีบ ค่อย ๆไปแล้วกัน!” เสี่ยวเป่าดูท่าทางใจเย็นอย่างมาก
เน่าเน่าเป็นคนใจร้อนเลยเอ่ยแย้งอย่างไม่เห็นด้วย “ตอนนี้เราช้าเกินไปแล้ว เร่งความเร็วขึ้นจากเดิมได้อีกเท่าตัวเลย แบบนี้ใช้เวลาแค่ห้าวันก็ได้ละ”
เขาอดใจรอไม่ไหวอยากรู้ว่าสมบัตินั่นหน้าตาเป็นอย่างไร ถ้ามีแค่ตัวเขาคนเดียวไม่แน่ตอนนี้อาจไปถึงจุดหมายปลายทางแล้วก็ได้
“นายรีบก็ไปหาเอง ไม่ต้องมาร่วมทางกับเราหรอก!” เล่อเล่อตบศีรษะเขาแรง ๆทีหนึ่ง
เน่าเน่าเอามือลูบหลังศีรษะปอย ๆด้วยความโกรธ ถ้าเขารู้เส้นทางคงไปตั้งนานแล้วไม่คอยติดตามเชื่องช้าเหมือนหอยทากแบบนี้หรอก
ไม่นานฟ้าก็มืดลงอีกครั้ง ทุกคนต่างเข้านอนกันหมดแล้ว ทว่ากลับมีเงาตะคุ่มอยู่ข้างเต็นท์ของพวกเล่อเล่อซึ่งก็คือคิมิโกะนั่นเอง เธอหยิบขวดหนึ่งออกมาจากถุงเทของพวกนั้นออกมาแล้วจุดไฟให้ควันขาวลอยโขมงเข้าไปในเต็นท์
หลังจากของสิ่งนั้นแผดเผาจนหมด คิมิโกะก็สวมผ้าปิดปากเดินเข้าไปในเต็นท์ เสี่ยวเป่ากับเล่อเล่อหลับสนิทรวมถึงเสวี่ยเอ๋อร์ด้วย
คิมิโกะแค่นหัวเราะทีหนึ่งก่อนจะล้วงขวดใหม่ออกมา หลังจากเปิดฝาขวดก็พบว่าข้างในเป็นตะขาบตัวใหญ่สองตัว ขาที่นับไม่ถ้วนนั่นทำเอาคนมองรู้สึกขนลุกซู่ คิมิโกะปล่อยตะขาบลงในถุงนอนของเสี่ยวเป่ากับเล่อเล่อ เสร็จแล้วคิมิโกะก็ยิ้มอย่างได้ใจ แววตาประกายเย็นยะเยือกท่ามกลางความมืด
คนรักตายไปแล้วเธอก็หมดความสนใจว่าภารกิจนี้จะสำเร็จหรือไม่
ตอนนี้เธอแค่อยากฆ่าสองคนที่เป็นเป้าหมายนี้เพื่อแก้แค้นให้โคอิซูมิเท่านั้น คิมิโกะเอาแต่คิดว่าโคอิซูมิถูกพวกเล่อเล่อฆ่าตาย
คิมิโกะเจ้าเล่ห์ เธอรู้ว่าถ้าฆ่าพวกเสี่ยวเป่าด้วยอาวุธอย่างเปิดเผยจะต้องสร้างความไม่พอใจแก่คนที่เหลือแน่ ๆและจะต้องสงสัยในตัวเธอด้วย ฉะนั้น…เธอตัดสินใจสร้างเหตุการณ์ให้ดูเหมือนเป็นอุบัติเหตุ
กลางป่ามีสัตว์มีพิษมากมาย เธอแค่ตามหาหน่อยก็เจอตะขาบมีพิษตัวใหญ่สองตัวที่ฤทธิ์ของมันแรงพอจะฆ่าผู้ใหญ่ให้ตายสักคนได้แล้ว
คิมิโกะไม่ได้อยู่ในเต็นท์นานนัก เธอมั่นใจว่าเสี่ยวเป่ากับเล่อเล่อต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย ยามที่ตะขาบรู้สึกถึงอุณหภูมิในถุงนอนย่อมไต่ไปทั่ว ยิ่งกว่านั้นจะกัดเพื่อปล่อยพิษออกมาด้วย
หลังคิมิโกะจากไปเสี่ยวเป่าก็ลืมตาขึ้นอมยิ้มเล็กน้อย มือตบถุงนอนเบา ๆก่อนที่ตะขาบตัวยาวจะไต่ออกมาพร้อมกับตัวที่อยู่ในถุงนอนของเล่อเล่อ
เสี่ยวเป่าชี้นิ้วไปทางเต็นท์ของคิมิโกะแล้วทำสัญลักษณ์มือไม่กี่ท่า ตะขาบสองตัวไต่ไปยังเต็นท์ของคิมิโกะอย่างเชื่อฟัง
เล่อเล่อโดนฤทธิ์ของยานอนหลับจึงหลับสนิทไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เสี่ยวเป่าอมยิ้มน้อย ๆมุดออกจากถุงนอนเดินไปข้างเล่อเล่อย่อตัวลงจัดถุงนอนให้เล่อเล่อ ยัยคนนี้นอนไม่สงบถึงขนาดถีบถุงนอนออกด้วย
เสี่ยวเป่าจัดถุงนอนอย่างเบามือแล้วมองใบหน้ายามหลับใหลอย่างสงบของเล่อเล่อก็ยื่นมือลูบพวงแก้มของหญิงสาวอย่างอดไม่ได้
น้องเล่อเล่อโดนยาสลบต่อให้ฟ้าถล่มลงมาก็ไม่มีทางตื่น เขาลูบหลายทีหน่อยคงไม่เป็นไร เสี่ยวเป่าก้มหน้ามองเล่อเล่อที่เผยอปากเล็กน้อยพลันหัวใจก็เต้นรัวจนโน้มหน้าจูบหน้าผากของเล่อเล่อทีหนึ่งอย่างหักห้ามใจไม่อยู่
ค่ำคืนอันแสนสงบผ่านไปอย่างรวดเร็ว ป่าในยามเช้าตรู่งดงามดั่งห้วงความฝัน ทุกคนทยอยกันตื่นนอนมาล้างหน้าแปรงฟันทานข้าว
“กรี๊ด…”
เสียงกรีดร้องของหญิงสาวทำลายความสงบในยามเช้า ทุกคนรีบวิ่งไปยังเต็นท์ที่มีเสียงกรีดร้องดังออกมา คิมิโกะนอนร้องโหยหวนบนพื้นขณะที่สวมรองเท้าไปเพียงครึ่งเท้าเท่านั้น
………………