ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น – บทที่ 2971 ชายผู้โชคร้ายคนที่ห้า + ตอนที่ 2972 ยามเจอปาฏิหาริย์

บทที่ 2971 ชายผู้โชคร้ายคนที่ห้า + ตอนที่ 2972 ยามเจอปาฏิหาริย์

ตอนที่ 2971 ชายผู้โชคร้ายคนที่ห้า

เน่าเน่าเลือกชายผิวดำคนท้ายสุดของขบวนเพราะบังเอิญชายผู้โชคร้ายคนนี้เป็นคนที่เจ็ดในแถวพอดี ตอนเน่าเน่าตัดสินใจจะลงมือ เขาคิดจะกำจัดคนที่อยู่ลำดับที่เจ็ดอยู่แล้ว

“นายวางแผนจะจัดการอย่างไร?” สือเอ้อร์ถามอย่างแปลกใจ

เน่าเน่าหัวเราะอย่างร้ายกาจ “เจตจำนงแห่งสวรรค์แพร่งพรายไม่ได้ รอดูไปเถอะ!

สือเอ้อร์แค่นเสียงฮึ การเดินทางหลังจากนี้เธอจับจ้องเป้าหมายของเน่าเน่าไม่วางตาเพราะอยากรู้ว่าเน่าเน่าจะใช้วิธีการไหน

ครั้นล่วงเลยใกล้ช่วงเที่ยงผู้ชายคนนี้ก็ยังสุขสบายดีอยู่ เน่าเน่ายังคงเฉยเมยไม่ใส่ใจอะไรเขา แถมยังโวยวายจะไปจับกระต่ายป่ามาใส่ท้องสักสองสามตัว คนอื่น ๆก็ไปล่าสัตว์เช่นกัน พวกเขาทานขนมปังอาหารแห้งหมดแล้วเลยทำได้แค่ไปหาอาหารมาเติมพลังเท่านั้น

ชายผู้โชคร้ายคนนั้นก็ไปล่าสัตว์เช่นกัน เขามีร่างกายแข็งแรงกล้ามเนื้อแน่นทุกสัดส่วนซึ่งเต็มไปด้วยพละกำลัง อีกอย่างฝีเท้าว่องไว ฝีมือคล่องแคล่วไม่ธรรมดา ดูท่าต้องเป็นนักสู้ยอดฝีมือแน่นอน

เน่าเน่าหันไปขยิบตาให้พวกเล่อเล่อแล้วลูบหัวเสวี่ยเอ๋อร์เบา ๆ “วันนี้แกพักผ่อนนะ ฉันจะไปหาอาหารเอง”

เสวี่ยเอ๋อร์ส่งเสียงร้องหงิงตอบรับแล้วเลียมือเน่าเน่าพร้อมนั่งลงอย่างเชื่อฟัง

เน่าเน่าไม่ได้พกอะไรไปด้วย เขาแค่หยิบหินแหลมคมขึ้นมาจากพื้นสองสามก้อนใส่กระเป๋าแล้ววิ่งเข้าป่าลึกไป

“พวกเราตามไปดูกันดีไหม พี่เน่าเน่าต้องเตรียมซุ่มดักโจมตีชายผู้โชคร้ายคนนั้นแน่นอน” สือเอ้อร์เอ่ยเสียงเบา

เล่อเล่อไม่ได้สนใจ เธอกำลังเผาเกาลัดและมันเทศอยู่ “ไม่ไป อยากไปก็ไปเอง…”

สือเอ้อร์คิด ๆแล้วไม่น่าสนใจเลยไม่ได้ไป หลังจากผ่านไปสิบห้านาทีในป่าก็มีเสียงคำรามของสัตว์ป่าร้ายดังแว่วมาไม่ขาดสายซึ่งฟังดูแล้วเหมือนมีสองตัว เล่อเล่อขมวดคิ้ว “หมูป่า แถมมีสองตัวด้วย”

สือเอ้อร์พูดอย่างมั่นใจว่า “เน่าเน่าเรียกมา เขาคิดจะยืมมือหมูป่าฆ่าคน”

แรงสู้ของหมูป่ามีไม่น้อยไปกว่าหมีและเสือดาวเลยโดยเฉพาะยามอยู่กันเป็นคู่ ตัวผู้ตัวเมียสามัคคีรวมพลังกันเป็นหนึ่งย่อมมีพละกำลังไม่น้อยอยู่แล้ว หากหมูป่าสองตัวร่วมมือกันแม้แต่เสือก็ใช่ว่าจะสู้ไหว!

“พระเจ้า…รีบหนีเร็ว มีหมูป่ามา!” มีคนวิ่งลงมาตะโกนบอกพวกเล่อเล่อซึ่งเขาก็คือเจสันนั่นเอง

ทว่าไม่มีใครขยับและนั่งทานกันด้วยท่าทีเฉยเมย แค่หมูป่ามีอะไรน่ากลัวกัน

เจสันวิ่งเข้ามาอย่างตื่นตระหนกแล้วตะโกนใส่พวกเขา “หมูป่าสองตัวใหญ่มาก ขนาดปืนยังฆ่าไม่ตายเลย”

เพิ่งพูดจบเสียงปืนก็ดังขึ้นตามมาด้วยเสียงร้องแหลมสูงซึ่งฟังดูเหมือนหมูป่าจะโกรธ จากนั้นก็มีอีกสองสามคนวิ่งหนีกลับมา เล่อเล่อนับดูแล้วนอกจากชายผู้โชคร้ายคนนั้น คนที่เหลือก็วิ่งกลับมากันครบหมด

“พระเจ้า ลำไส้ของเขาถูกหมูป่าแทงทะลุเข้าไปแล้ว…” มีใครบางคนตะโกนขึ้น

สือเอ้อร์บุ้ยปากเอ่ยเสียงเบาว่า “ฉันรู้ว่าเป็นฝีมือพี่เน่าเน่า”

เล่อเล่อไม่สนใจแล้วปอกเปลือกเกาลัดต่อ ในเมื่อมีเน่าเน่าอยู่หมูป่าสองตัวนั้นไม่มีทางวิ่งมาทางนี้อย่างแน่นอน ครั้นคนอื่น ๆเห็นพวกเขาไม่ขยับก้นทำทีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยผ่อนคลายลงไม่น้อยแล้วนั่งลงเช่นกัน

พวกเขาเป็นถึงสายลับที่ผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชนแล้วจะด้อยกว่าพวกเด็ก ๆเหล่านี้ได้อย่างไร ฉะนั้นจะทำตัวขายหน้าไม่ได้!

จากนั้นก็มีเสียงร้องดังแว่วมาอีกแล้วเงียบลงในท้ายที่สุด ครั้นผ่านไปไม่กี่นาทีเน่าเน่าก็กลับมาพร้อมกระต่ายอ้วนสองสามตัวด้วยเนื้อตัวที่สะอาดสะอ้าน แม้แต่เส้นผมก็ไม่กระดิก

“เจ้าหมอนั่นดวงซวยจริง ๆ คาดไม่ถึงว่าจะไปหาเรื่องสองตัวนั้นได้ แถมเป็นคู่สามีภรรยาตัวใหญ่เบิ้มอีกต่างหาก สมควรตายแล้วจริง ๆ” เน่าเน่าเอากระต่ายป่าที่ล่ามาได้โยนลงพื้นพร้อมยิ้มกริ่ม

เล่อเล่อกลอกตามองบน แค่ทำคนตายคนเดียววางท่าซะใหญ่โต มีอะไรน่าโม้กัน

พวกเขาพักผ่อนหลังทานมื้อเที่ยงเสร็จครู่หนึ่งแล้วเดินทางต่อ อีกทั้งยังมองเห็นศพที่ร่างกายไม่สมบูรณ์อยู่ไกล ๆพร้อมเลือดนองเต็มพื้น รวมถึงไส้ที่ทะลักออกมาเป็นชิ้น ๆบางส่วนซึ่งกลิ่นคาวเลือดแรงไม่เบาเลย

…………………………………………..

ตอนที่ 2972 ยามเจอปาฏิหาริย์

“พระเจ้าโปรดคุ้มครอง…ชายผู้น่าสงสาร!” เจสันไขว้มือเป็นรูปไม้กางเขนตรงหน้าอกแล้วพึมพำกับตัวเอง

จนถึงตอนนี้ชายผู้โชคร้ายคนนี้ตายได้อนาถที่สุดแล้ว เขาคงทำได้แค่โทษความซวยของตัวเอง ในเมื่อต้องมาปะทะกับเน่าเน่าที่ชอบความสุนทรีขั้นรุนแรงเช่นนี้ ขนาดอยากตายอย่างสงบยังทำไม่ได้เลย

ยามราตรีมาถึง คนที่เหลืออีกเจ็ดคนดูสุขุมยิ่งกว่าเดิม ทุกคนเตรียมอาหารมื้อเย็นกันอย่างเงียบ ๆโดยไม่มีอารมณ์จะพูดจาอะไร

สือเอ้อร์หยิบขวดใสขนาดราวนิ้วหัวแม่มือออกมาขวดหนึ่ง ดวงตาเสี่ยวเป่าฉายแววประหลาดใจจึงกระซิบถาม “นี่คือจิตวิญญาณน้ำ?”

“ใช่ จิตวิญญาณน้ำในสภาพของเหลว จากนี้…ก็ถึงเวลาได้เห็นปาฏิหาริย์แล้ว” สือเอ้อร์ยิ้มอย่างลึกลับพร้อมกำขวดเล็กไว้ในมือ เธอเดินมุ่งไปทางลำธารข้างค่ายพักแรม

“ฉันจะไปตักน้ำ” สือเอ้อร์เอ่ยอย่างร่าเริงพร้อมถุงน้ำในมือ

เธอนั่งยองริมธารแล้วยื่นมือลงไปในน้ำ หยดน้ำสุกใสแวววาวหนึ่งหยดไหลไปตามฝ่ามือของเธอลงสู่ธารน้ำใส แล้วถึงเริ่ม…กระจายหายไปอย่างช้า ๆ

สือเอ้อร์ยื่นมือวาดวงกลมบริเวณที่หยดน้ำเม็ดใสนั้นกระจายตัวหายไป ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นจริง ๆเพราะน้ำหยุดแน่นิ่งราวกับถูกแช่แข็งอย่างไรอย่างนั้น

คนอื่น ๆก็มาตักน้ำเช่นกัน จุดตักน้ำก็คือจุดที่สือเอ้อร์วาดวงกลมไว้ คนพวกนี้ไม่มีใครสังเกตเลยว่าน้ำแน่นิ่งไม่ขยับ พอตักน้ำเสร็จก็กลับไปทำมื้อเย็น

หลังจากบุกป่าฝ่าดงมาหนึ่งวัน ตอนนี้พวกเขาแค่อยากทานอาหารอุ่น ๆและนอนดี ๆสักตื่น

สือเอ้อร์เองก็ตักน้ำกลับมาถุงหนึ่งเช่นกันพร้อมขยิบตาให้พวกเขา เอ่ยไร้เสียงว่า “อีกเดี๋ยวจะมีโชว์ดี ๆให้ดู”

เล่อเล่อพูดอย่างหงุดหงิดว่า “มีอะไรน่าดูกัน คนที่เธอฆ่าตายก็ไม่ได้เก่งไปกว่าเน่าเน่าเท่าไหร่ เห็นแล้วสะอิดสะเอียนมากกว่า”

เจ้าเด็กคนนี้ภายนอกดูเหมือนโลลิน้อยแสนน่ารักแต่อันที่จริงมีปีศาจตัวน้อยสิงร่างอยู่ หล่อนชอบศึกษายาพิษมากที่สุด และเพราะพลังวิเศษของเธอคือการควบคุมน้ำ วิธีการวางยาพิษจึงแทบจับไม่ได้ ต่อให้ระมัดระวังแค่ไหนก็ย่อมมีโอกาสโดนพิษได้ทั้งนั้น

พิษที่น่ากลัวที่สุดของสือเอ้อร์ก็คือจิตวิญญาณน้ำอันล้ำค่าที่สุดของเธอ อันที่จริงมันไม่เป็นพิษแต่ทุกอย่างจะมากเกินไปไม่ได้ น้ำก็เช่นกัน การดื่มน้ำมากเกินไปจะทำให้บวมตายได้อย่างแน่นอน

จิตวิญญาณน้ำแค่เพียงหยดเดียวแต่อันที่จริงรวบรวมน้ำไว้หลายร้อยลิตร พอจินตนาการว่าน้ำหลายร้อยกิโลกรัมเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ ผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร?

มีเพียงผลลัพธ์เดียวคือ——ร่างระเบิด

หลอดเลือดและทางเดินอาหาร…ไม่สามารถบรรจุน้ำได้มากและทนแรงดันน้ำไม่ไหวเช่นเดียวกับคนดำดิ่งอยู่ในทะเลลึกซึ่งย่อมถูกแรงดันน้ำทำให้ตายได้แน่นอน

ผลที่ตามมาหลังดื่มจิตวิญญาณน้ำเข้าไปเป็นเช่นนั้น ทั่วทั้งร่างกายจะมีเลือดไหลซึมออกมามากขึ้นเรื่อย ๆ ผิวหนังแตกเป็นรอยปริ ต่อให้ตายไปแล้วร่างกายก็ยังคงแตกเป็นรอยปริต่อไปได้จนกว่าจิตวิญญาณน้ำในร่างกายจะถูกปลดปล่อยออกมา

เมื่อก่อนเล่อเล่อมีบุญได้เห็นคนที่ถูกสือเอ้อร์จัดการด้วยจิตวิญญาณน้ำเช่นกัน น่าขยะแขยงจนไม่อยากทานเนื้อไปสามวันทีเดียว ในหนึ่งเดือนนั้นเธอไม่อยากเห็นต้มเลือดเป็ดเลย ทั้งยังยอมศิโรราบให้ยัยเด็กคนนี้จริง ๆ

สือเอ้อร์ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “เวลาผ่านไปความสามารถก็พัฒนาเช่นกัน ฉันปรับปรุงพัฒนาขึ้นแล้ว ฉะนั้นไม่ทำให้พี่เล่อเล่อสะอิดสะเอียนแน่นอน”

เล่อเล่อเกิดสนใจขึ้นมา “เปลี่ยนเป็นแบบไหนเหรอ?”

“พรุ่งนี้เช้าก็รู้เอง เจตจำนงของสวรรค์จะแพร่งพรายไม่ได้ กินข้าวกันเถอะ” สือเอ้อร์ลอกเลียนคำพูดของเน่าเน่ามา

ฝ่ามือของเล่อเล่อตวัดฟาดไปทีหนึ่งแล้วคว้ากระต่ายครึ่งตัวในมือของสือเอ้อร์มาโยนไปวางกองรวมกับมันเทศ กล้าวางท่าต่อหน้าเธอเหรอ งั้นก็หิวตายไปเลย!

ความเงียบสงัดยามค่ำคืนผ่านพ้นไป เสียงนกร้องยามเช้าอันไพเราะเรียกปลุกคนที่นอนหลับใหลให้ตื่นขึ้นมา ทุกคนทยอยพากันตื่น ทว่าจำนวนคนกลับไม่ถูกเพราะขาดไปสามคน

“ทำไมยังไม่ตื่นอีก ฉันจะไปปลุกพวกเขาเอง” เจสันจอมจุ้นจ้านวิ่งไปที่เต็นท์หลังหนึ่ง ครั้นเปิดเต็นท์ออกเข้าไปข้างในพลางร้องเรียกปลุกแต่จู่ ๆเสียงก็ชะงักกลางคัน สีหน้าตกตะลึงพร้อมแววตาหวาดกลัว

………………………………………….

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

จุดจบที่ความตาย กลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นบันดาลให้เธอได้ย้อนกลับไปในปี 1985

เธอตื่นขึ้นมาอีกครั้งในร่างตัวเองวัย 12 ปี!

เมื่อได้รับชีวิตที่เหมือนได้เกิดใหม่คราวนี้ เธอจึงตัดสินใจลิขิตชะตาด้วยสองเป้าหมาย…

หนึ่ง… มีชีวิตอย่างอิสรเสรี ไม่สนใจสายตาใคร และไม่รับความรักอันน้อยนิดที่ญาติมิตรมีให้

สอง… แก้แค้น สิ่งที่พี่สาวกับอดีตคนรักติดค้างไว้ เธอจะต้องเอาคืนให้หมดในชาตินี้!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท