บ่มเพาะร่างอันทรงเกียรติ
ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เราตายแน่…
รู้ดีว่าตัวเองจะไม่มีอะไรเหลือหากปล่อยให้เปลวเพลิงแผดเผาจนหมด จางเซวียนจึงรีบขับเคลื่อนแก่นสารของจิตวิญญาณ
ด้วยการรวบรวมพละกำลัง เขาระเบิดพลังจิตวิญญาณตรงเข้าใส่ลูกไฟสีดำสนิทที่อยู่รอบตัว
ขณะที่การระเบิดของพลังจิตวิญญาณปะทะกับเปลวเพลิงสีดำสนิท เปลวเพลิงนั้นก็แตกกระจายออกเป็นเมล็ดไฟขนาดเล็กนับไม่ถ้วน แต่ยังไม่ทันที่จางเซวียนจะได้ทำอะไร มันก็รวมตัวกันกลับมาโอบล้อมตัวเขาเหมือนเดิม และยังคงโจมตีจิตวิญญาณต้นกำเนิดของเขาอย่างต่อเนื่อง
“เราทำให้เปลวเพลิงสีดำแตกได้ก็จริง แต่การสมานตัวของมันก็เร็วมาก…” จางเซวียนวิเคราะห์อย่างเคร่งเครียด
การที่จางเซวียนใช้แก่นสารของจิตวิญญาณเข้าโจมตีนั้นเป็นการทดสอบว่าพลังจิตวิญญาณจะเล่นงานเปลวเพลิงสีดำได้หรือไม่ ซึ่งก็ต้องยอมรับตามตรงว่าเขาเองก็ไม่คิดว่ามันจะทรงพลังขนาดนี้ แต่โชคไม่ดีที่เปลวเพลิงสีดำสมานตัวกลับคืนกันได้อย่างรวดเร็วจนการโจมตีแทบจะไม่ก่อให้เกิดผลอะไร
ใช่แล้ว! เราใช้แก่นสารของเวลาได้นี่…จางเซวียนเกิดความคิดขึ้นมา
ต่อให้เปลวเพลิงสีดำจะสมานตัวกลับคืนได้รวดเร็วแค่ไหน มันก็ต้องใช้เวลา หากมีการเหลื่อมของระยะเวลา เขาก็สามารถใช้แก่นสารของเวลารับมือกับมันได้
จัดการ!
จางเซวียนรวบรวมพลังจิตวิญญาณเข้าด้วยกันเพื่อปล่อยการโจมตีเข้าใส่เปลวเพลิงสีดำ ในเวลาเดียวกัน เขาก็ยกนิ้วขึ้นและเคาะพื้นที่ว่างตรงหน้าอย่างแผ่วเบา
วิ้ง!
ทุกอย่างที่อยู่รอบตัวเขากลับเชื่องช้าลงอย่างน่าทึ่ง เปลวเพลิงสีดำค่อยๆแตกกระจายออกเป็นเมล็ดไฟเล็กๆจำนวนนับไม่ถ้วน และเมื่อมันอยู่ห่างจากเขาระยะหนึ่ง มันก็เริ่มสมานตัวเข้าหากัน
แตกกระจาย!
จางเซวียนเพ่งสมาธิสุดกำลัง แล้วปลดปล่อยพลังจิตวิญญาณเข้าใส่เมล็ดไฟลูกที่เล็กกว่าและผลักดันให้มันกระเด็นออกไปจากเมล็ดอื่นๆ
เมื่อเขาจัดการเสร็จ การเร่งเวลาก็สิ้นสุดลง ซึ่งก็เป็นอย่างที่คิดไว้ ความร้อนแผดเผาที่เขารู้สึกได้กับจิตวิญญาณต้นกำเนิดเบาบางลงอย่างเห็นได้ชัด
อานุภาพของเปลวเพลิงสีดำลดลงจริงๆ…จางเซวียนคิดขณะถอนหายใจอย่างโล่งอก
แม้จะมีอุณหภูมิเท่ากัน แต่เปลวเพลิงที่แผดเผาอยู่นั้นมีอานุภาพแผดเผารุนแรงกว่าหากจะเปรียบเทียบกับลูกไฟธรรมดา 2-3 ลูก
หลังจากดำเนินกระบวนการแบบเดิมอีกหลายครั้ง เปลวเพลิงสีดำก็แตกกระจายจนเหลือขนาดเพียงหนึ่งในร้อยของขนาดเดิม ในที่สุด ความรู้สึกแผดเผาก็ลดลงจนถึงระดับที่จิตวิญญาณต้นกำเนิดของจางเซวียนสามารถต้านทานได้
“เวลา มิติ และจิตวิญญาณ นี่คือแก่นสาร 3 รูปแบบที่ทำความเข้าใจได้ยากที่สุด…เขาคงจะเป็นคนเดียวในโลกที่เชี่ยวชาญแก่นสารทั้ง 3 รูปแบบ…” นึกไม่ถึงว่าจะได้เห็นการตอบโต้ด้วยวิธีแบบนี้ หอกสวรรค์กระดูกมังกรพึมพำด้วยความทึ่ง
ครั้งแรกที่มันเห็นเปลวเพลิงสวรรค์ขั้นสูงสุดพุ่งลงมาจากกลางอากาศ มันแน่ใจว่าชายหนุ่มจะต้องมอดไหม้เป็นเถ้าถ่าน แต่ใครจะไปคิดว่าเขาสามารถหาวิธีการรับมือกับเปลวเพลิงสวรรค์ขั้นสูงสุดได้ด้วยการควบคุมแก่นสารอันทรงพลังทั้ง 3 รูปแบบนั้นอย่างมีทักษะ
“แต่ถึงอย่างไร การทดสอบของวรยุทธขั้นร่างอันทรงเกียรติก็ยังไม่สิ้นสุด ต่อให้เขาต้านทานการทดสอบแผดเผาวิญญาณได้ ก็ยังยากที่จะผ่านการทดสอบแผดเผาจิตและการทดสอบแผดเผาหัวใจ…”
หอกสวรรค์กระดูกมังกรส่ายหน้า เห็นได้ชัดว่าไม่แน่ใจว่าชายหนุ่มจะเก่งกาจพอที่จะรับมือกับการทดสอบครั้งนี้
…..
แบบนี้ดีกว่าเยอะเลย!
จางเซวียนไม่รู้ว่าหอกสวรรค์กระดูกมังกรกำลังกังวลเรื่องอะไร ใจที่เต้นตึกตักค่อยสงบลงหลังจากพบว่าความร้อนแผดเผาที่โลมเลียจิตวิญญาณต้นกำเนิดของเขาอยู่ลดลงจนถึงระดับที่เขารับได้ เขาอดรู้สึกขอบคุณไม่ได้ที่ตัวเองเชี่ยวชาญทั้งแก่นสารของมิติ เวลา และจิตวิญญาณ ไม่อย่างนั้น หากตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ก็คงจนปัญญา
วิ้ง!
เกิดแสงสีทองเจิดจ้าเป็นประกายบนผิวหน้าของจิตวิญญาณต้นกำเนิดของเขา ทำให้เมล็ดไฟที่กระจัดกระจายเหล่านั้นหยุดนิ่งอยู่กับที่ แสงสีทองได้ลดความรุนแรงของเปลวไฟลง และความเจ็บปวดแสนสาหัสที่จิตวิญญาณต้นกำเนิดของเขาได้รับก็ลดลงมาก
ขณะที่จางเซวียนดำเนินการขับเคลื่อนพลังจิตวิญญาณของเขาต่อไป แสงสีทองนั้นก็เจิดจ้าขึ้นเรื่อยๆ เมื่อไหร่ที่เมล็ดไฟสีดำเริ่มจะรวมตัวกันอีกครั้ง เขาก็จะใช้แก่นสารของจิตวิญญาณทำลายพวกมันให้แตกสลายออกจากกัน แน่นอนว่ามันเป็นกระบวนการที่สร้างความเหน็ดเหนื่อยไม่น้อย แต่ก็โชคดีที่จางเซวียนยังคงรับมือได้เพราะมีจิตวิญญาณต้นกำเนิดที่ทรงพลัง
ขอลองใช้ความร้อนของเปลวเพลิงสวรรค์ขับไล่สภาวะครรภ์เป็นพิษแต่กำเนิดหน่อยเถอะ…เมื่อเห็นว่าสุดท้ายเขาก็รอดพ้นจากอันตราย จางเซวียนรู้ทันทีว่าโอกาสของเขากำลังเข้ามา
นี่เป็นโอกาสหายากที่จะได้ทดลองขับไล่สภาวะครรภ์เป็นพิษแต่กำเนิดในร่างของเขาออกไป
ตราบใดที่มันยังคงอยู่ อายุขัยของเขาก็ยังคงนับถอยหลังอย่างต่อเนื่อง ในเมื่อสบโอกาสแล้ว ก็เป็นช่วงเวลาเหมาะสมที่จะได้ทดลองดูสักหน่อย
จางเซวียนรวบรวมสติสัมปชัญญะอีกครั้ง และปล่อยการระเบิดของพลังจิตวิญญาณเพื่อทำลายเมล็ดไฟที่มีขนาดเท่าเมล็ดถั่วให้แตกสลายจนเหลือขนาดเท่าเมล็ดงา ด้วยเจตจำนงของเขา เขาค่อยๆดึงเอาเมล็ดไฟที่แตกกระจายแล้วเข้าสู่บริเวณที่สภาวะครรภ์เป็นพิษแต่กำเนิดอาศัยอยู่
จากนั้น จางเซวียนก็ส่งความร้อนแผดเผาจากเมล็ดไฟผ่านลำแสงสีทองและเข้าสู่จิตวิญญาณต้นกำเนิด
ซรืดดดดด!
ความเจ็บปวดแสนสาหัสจนจับขั้วหัวใจเข้าโจมตีจางเซวียนทันที แต่เขากัดฟันอดทนไว้ ถ้านี่คือความเจ็บปวดที่เขาต้องแบกรับเพื่อรักษาสภาวะครรภ์เป็นพิษแต่กำเนิด เขาก็จะต้องอดทนให้ได้
แต่หลังจากเวลาผ่านไปครู่หนึ่ง จางเซวียนย่นหน้าผาก “ทำไมมันถึงไม่ได้ผลล่ะ?”
ครั้งหนึ่งปรมาจารย์ขงเคยพูดไว้ว่าเปลวเพลิงสวรรค์จะทำลายสภาวะครรภ์เป็นพิษแต่กำเนิดได้ แต่เขาก็ต้องประหลาดใจที่พบว่าพลังแผดเผาจากเมล็ดไฟนั้นดูจะไม่ส่งผลต่อสภาวะครรภ์เป็นพิษแต่กำเนิดเลยแม้แต่น้อย ดูเหมือนมันไม่รู้สึกอะไรเลยด้วยซ้ำ!
หรือว่า…ต้องนำเมล็ดไฟทั้งหมดเข้าสู่จิตวิญญาณต้นกำเนิดของเรา? จางเซวียนหรี่ตาด้วยความพรั่นพรึง
เมื่อครู่นี้เขาแค่ส่งผ่านพลังงานแผดเผาจากเปลวเพลิงสีดำเข้าสู่ร่าง ส่วนตัวเปลวเพลิงยังคงถูกสกัดกั้นด้วยลำแสงสีทอง อันที่จริง ทำแบบนี้ก็เหมือนกับการเกาขาข้างหนึ่งด้วยขาอีกข้างที่ยังคงใส่รองเท้า หรือว่านี่จะเป็นเหตุผลที่ทำให้สภาวะครรภ์เป็นพิษแต่กำเนิดไม่ได้รับผลกระทบ?
แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงล่ะก็…
เป็นความจริงที่ว่าจิตวิญญาณต้นกำเนิดของเขาไม่ได้อ่อนไหวต่อความร้อนมากนัก ไม่เหมือนกับผู้พยากรณ์จิตวิญญาณโดยทั่วไป แต่เปลวเพลิงสีดำนี้ก็ไม่ใช่เปลวเพลิงธรรมดา มันคือเปลวเพลิงสวรรค์ขั้นสูงสุด แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาเปลวเพลิงสวรรค์ทั้งหมด!
หากเขานำบางสิ่งที่สามารถทำลายได้แม้แต่นักรบขั้นชั่วกัลปาวสานเข้าสู่จิตวิญญาณต้นกำเนิดของตัวเอง ก็มีโอกาสที่เขาจะตายเสียก่อนที่จะได้กำจัดสภาวะครรภ์เป็นพิษแต่กำเนิด!
ช่างมันเถอะ! ถึงอย่างไรตอนนี้เราก็เสี่ยงตายอยู่แล้ว…รู้ดีว่าเขาไม่มีทางได้นอนหลับอย่างเป็นสุขตราบใดที่สภาวะครรภ์เป็นพิษแต่กำเนิดยังอยู่ จางเซวียนจึงใช้เวลาคิดไม่นานก่อนจะตัดสินใจ
เขาขับเคลื่อนศิลปะแห่งจิตวิญญาณเทียบฟ้าอย่างดุเดือดและพยายามรักษาประกายแสงสีทองให้โอบล้อมจิตวิญญาณต้นกำเนิดของเขาไว้เพื่อป้องกันเปลวเพลิงสีดำนั้น และในเวลาเดียวกันก็เปิดช่องเอาไว้เล็กน้อยเพื่อนำเมล็ดไฟเข้าสู่จิตวิญญาณต้นกำเนิด
ฉ่าาาาาา!
ราวกับเนื้อสดๆที่ถูกวางไว้บนก้อนถ่านที่กำลังร้อนแดง เกิดเสียงฉี่ฉ่าดังก้องไปทั่ว มันเป็นความเจ็บปวดที่จางเซวียนไม่เคยเผชิญมาก่อน เหมือนมีบางอย่างกำลังกัดกินเขาจากภายใน ทำให้เขาต้องสะเปะสะปะไปโดยควบคุมตัวเองไม่ได้ จางเซวียนรู้สึกว่าสติสัมปชัญญะค่อยๆเลือนหายไปจากร่างของเขา
เขารีบก้มลงมอง และเห็นว่าพื้นที่ที่สัมผัสกับเมล็ดไฟนั้นกลายเป็นรู ในเวลาเดียวกัน พื้นที่ของจิตวิญญาณต้นกำเนิดที่อยู่รอบๆรูนั้นก็ดูจะเสื่อมสลายไปบางส่วน ถ้าเป็นอย่างนี้ ภายในเวลาไม่นาน จิตวิญญาณต้นกำเนิดของเขาจะต้องแตกสลายไปจนหมดแน่
แล้วเราควรทำอย่างไร? จางเซวียนหน้าเสียด้วยความหมดหวัง
เขาแค่นำเมล็ดไฟที่มีขนาดเท่าเมล็ดงาเข้ามา ซึ่งมันก็สร้างบาดแผลสาหัสไว้บนจิตวิญญาณกำเนิดของเขาแล้ว หากเขาซึมซับอะไรที่มากกว่านั้น คงต้องมอดไหม้กลายเป็นฝุ่นควันแน่!
จะทำอย่างไรดี?
จางเซวียนกำลังคิดว่าจะผ่านเปลวเพลิงสวรรค์นี้ไปได้และแก้ไขสภาวะครรภ์เป็นพิษแต่กำเนิดของเขาได้อย่างไร แต่มันก็เป็นเกมที่ยากเย็น ราวกับเปลี่ยนจากโหมดง่ายเข้าสู่โหมดนรกอย่างกะทันหัน
เราไม่มีทางเลือกแล้ว ถ้าเมล็ดไฟที่มีขนาดเท่าเมล็ดงาใช้การไม่ได้ ก็ต้องแบ่งมันให้เล็กลงอีกจนมีขนาดเท่ากับหัวเข็ม! จางเซวียนกำหมัดแน่น
การลดขนาดของเปลวเพลิงสีดำจะลดความเข้มข้นของความร้อนแผดเผาลงได้มาก ในเมื่อเป็นอย่างนั้น เขาก็จะต้องลดขนาดของมันจนถึงระดับที่จิตวิญญาณต้นกำเนิดของเขาทนทานไหว
เมื่อเกิดความคิดนั้นขึ้น จางเซวียนก็ใช้พลังจิตวิญญาณลดขนาดของเมล็ดเปลวเพลิงสีดำอย่างต่อเนื่อง
ด้วยระดับวรยุทธของเขา แม้เพียงแค่ฝุ่นผง เขาก็มองเห็นมันได้อย่างง่ายดายโดยใช้การรับรู้จิตวิญญาณ ด้วยความสามารถในการควบคุมพลังจิตวิญญาณที่จางเซวียนมี เขาจึงปฏิบัติภารกิจนี้ให้เสร็จสิ้นได้อย่างรวดเร็ว
หลังจากทำการลดขนาดอีก 3 ครั้ง เมล็ดไฟที่มีขนาดเท่าเมล็ดงาก็ถูกลดขนาดลงจนเหลือเท่าหัวเข็ม แม้จะเล็กขนาดนี้ แต่ก็สามารถหลอมละลายทุกสิ่งที่อยู่ในโลกได้
“ซึมซับ!”
จางเซวียนนำเมล็ดไฟที่มีขนาดเท่าหัวเข็มเข้าสู่จิตวิญญาณต้นกำเนิดของเขาอย่างรวดเร็วและเริ่มซึมซับมัน
เมื่อเห็นเมล็ดไฟ สภาวะครรภ์เป็นพิษแต่กำเนิดก็ถอยกรูดด้วยความหวาดกลัว
แต่ก็โชคร้ายที่เมล็ดไฟนั้นเล็กเกินไป ถึงจะทำให้สภาวะครรภ์เป็นพิษแต่กำเนิดหวาดกลัวได้ แต่เมล็ดไฟก็ไม่อาจสร้างความเสียหายที่รุนแรงพอให้กับมัน
มันได้ผลนี่! เราต้องทำต่อไป!
จางเซวียนนำเมล็ดไฟที่มีขนาดเท่าหัวเข็มเข้าสู่จิตวิญญาณต้นกำเนิดของเขาอีกครั้ง ทำให้สภาวะครรภ์เป็นพิษแต่กำเนิดต้องล่าถอยด้วยความพรั่นพรึงอีกรอบ แต่เวลาผ่านไปเพียงไม่นาน เมล็ดไฟก็สูญสลายไปด้วย
เอ๊ะ? ดูเหมือนจิตวิญญาณต้นกำเนิดของเราจะแข็งแกร่งขึ้นนะ?
จางเซวียนรู้สึกได้ว่าหลังจากซึมซับเมล็ดไฟเข้าไป 2 ครั้ง พื้นที่ของจิตวิญญาณต้นกำเนิดบริเวณที่เมล็ดไฟซึมซับผ่านนั้นก็แข็งแกร่งขึ้นมาก ราวกับมันได้รับการบ่มเพาะเป็นพันครั้ง ในเวลาเดียวกัน แสงสีทองที่เจิดจ้าออกมาจากบริเวณนั้นก็ดูจะเจิดจ้ากว่าเดิมด้วย
เปลวเพลิงสวรรค์สามารถบ่มเพาะร่างอันทรงเกียรติได้! จางเซวียนตาโต
ตอนนี้เราปล่อยสภาวะครรภ์เป็นพิษแต่กำเนิดไว้ก่อนดีกว่า เมื่อเราบ่มเพาะจิตวิญญาณต้นกำเนิดทั้งหมดได้สำเร็จ หมอนั่นก็หนีไปไหนไม่ได้หรอก ต่อให้อยากหนีแค่ไหนก็เถอะ!
จางเซวียนตัวสั่นด้วยความตื่นเต้น เขากำลังจะนำเมล็ดไฟที่มีขนาดเท่าหัวเข็มเข้าสู่จิตวิญญาณต้นกำเนิดเพื่อบ่มเพาะมัน ก็พอดีกับแหวนเก็บสมบัติที่อยู่กับกายเนื้อของเขาสั่นสะท้านขึ้นมา จากนั้นร่างหนึ่งก็ปรากฏตรงหน้า
มันคือตัวโคลนของจางเซวียน!
ด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง ตัวโคลนออกมาจากรังนางพญามดโดยไม่บอกไม่กล่าว
“กะอีแค่เปลวเพลิงสวรรค์ คุณก็รับมือไม่ไหวหรือ? ผมทนดูต่อไปไม่ได้แล้ว…” ตัวโคลนชำเลืองมองจางเซวียนด้วยสายตาเยาะหยัน จากนั้นก็พุ่งขึ้นสู่หมู่เมฆสีดำที่อยู่ด้านบน
ฟิ้วววว!
ราวกับจะตอบโต้การใช้กำลังอย่างปุบปับของตัวโคลน เปลวเพลิงสวรรค์อีกลูกหนึ่งพุ่งลงมาจากกลางอากาศ ตัวโคลนอ้าปากกว้างและกลืนมันเข้าสู่ร่างของเขา
“….”
จางเซวียนถึงกับหน้าตาบิดเบี้ยว