อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1715 ต้นไม้ใหญ่ยอมจำนน
ความคมของกระบี่เปลวเพลิงสีดำนั้นไม่อาจสบประมาทได้ มันโจมตีกิ่งไม้ได้อย่างง่ายดาย ทำให้การรุกล้ำไม่เป็นผล แต่พละกำลังจากการเคลื่อนไหวของมันก็ทำให้แขนของจางเซวียนเป็นเหน็บ เขาต้องถอยไปหนึ่งก้าวเพื่อต้านทานแรงปะทะนั้น
เหตุผลที่จางเซวียนสามารถรับมือกับนักรบขั้นชั่วกัลปาวสาน โลกจารึกได้ทั้งที่ระดับวรยุทธของเขามีจำกัด ก็เพราะของล้ำค่าอันทรงพลังจำนวนมากมายที่เขามีอยู่ในครอบครอง แต่หากเป็นในแง่ของพละกำลัง เขายังคงห่างไกลกับผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้น
กิ่งไม้ที่ได้รับบาดเจ็บดูเหมือนจะไม่สร้างความบอบช้ำให้กับต้นไม้ใหญ่แม้แต่น้อย มันกลับปล่อยพายุกิ่งไม้เข้าโจมตีจางเซวียนอย่างต่อเนื่อง กิ่งไม้แต่ละกิ่งมีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับนักรบขั้นชั่วกัลปาวสาน โลกจารึก ด้วยความกดดันหนักหน่วงจากการเคลื่อนไหวของกิ่งไม้ พื้นที่โดยรอบบริเวณนั้นถึงกับส่งเสียงหวีดหวิว ดูเหมือนพร้อมจะแหลกสลายได้ทุกขณะ
“ผู้อาวุโส…”
นึกไม่ถึงว่าผู้อาวุโสจะตั้งต้นสู้รบกับต้นไม้ที่ได้พบ กลุ่มนักรบที่เหลือเกิดความระแวง พวกเขารู้ทันทีว่าต้นไม้คือตัวการที่อยู่เบื้องหลังการเสียชีวิตของชายวัยกลางคน จึงรีบพุ่งเข้ามาช่วยเหลือจางเซวียน
“อย่าเข้ามา!”
แต่เสียงของจางเซวียนก็ยับยั้งคนเหล่านั้นไว้
ในเมื่อแม้แต่ตัวเขายังรับมือกับต้นไม้ด้วยความยากลำบาก หากคนเหล่านั้นเข้ามามีส่วนร่วม ก็จะมีแต่รนหาที่ตาย
ฟึ่บ!
พริบตาต่อมา รากไม้จำนวนนับไม่ถ้วนก็ผุดขึ้นจากพื้นทรายและเข้าเล่นงานนักรบที่เหลือ
“ราก? อ๋อ…ฉันเข้าใจแล้ว แกแผ่รากของแกไว้ทั่วทั้งทะเลทรายผืนนี้ แล้วก็เพราะรากของแกนี่เองที่ทำให้แกร่ายมนต์ใส่ยักษ์ผืนทรายพวกนั้นได้!” จางเซวียนตั้งข้อสังเกต
แม้ต้นไม้จะสูงมากเมื่อเทียบกับมนุษย์ แต่ก็ไม่อาจเรียกได้ว่าสูงตระหง่านเมื่อเปรียบเทียบกับต้นไม้อื่นๆในทวีปแห่งปรมาจารย์แต่มันก็มีพละกำลังเทียบเท่ากับนักรบชั่วกัลปาวสาน โลกจารึกการที่ต้นไม้มีพละกำลังมากขนาดนี้ ก็แปลว่ารากของมันน่าจะแผ่ออกไปเป็นวงกว้าง เป็นไปได้ว่าด้วยรากของมันนี่เองที่ทำให้มันสามารถร่ายมนต์ใส่เหล่านักรบที่เสียชีวิตในบริเวณที่ห่างออกไปหลายสิบหรือแม้แต่หลายร้อยลี้ได้
ซึ่งจางเซวียนไม่เชื่อว่าต้นไม้จะสามารถร่ายมนต์พลิกฟื้นจิตวิญญาณจากระยะไกลได้ ในเมื่อแม้แต่ตัวเขายังไม่มีความสามารถแบบนั้น
“แกอาจมีรากเยอะแยะ แต่ฉันก็มีวิธีรับมือกับแกเหมือนกัน…” เมื่อค้นพบไม้ตายของต้นไม้แล้ว จางเซวียนก็ไม่อยากเสียเวลาอีก
เขาสะบัดข้อมือ
ฟึ่บ!
อสูรผู้ยิ่งใหญ่ทั้ง 5 ปรากฏตัวตรงหน้าเขา แผ่รังสีอันทรงพลังของผู้เหนือชั้นกว่า พวกมันพุ่งเข้าใส่ต้นไม้ใหญ่อย่างพร้อมเพรียงกันตามคำสั่งของจางเซวียน
“เอ่อ…”
“ผู้อาวุโสคนนั้นมีอสูรอยู่กับเขามากมายขนาดนี้เชียวหรือ?”
“ทุกตัวมีวรยุทธขั้นชั่วกัลปาวสาน โลกจารึก?”
“แค่อสูรเพียงตัวเดียวก็ทรงพลังเกินพอที่จะทำลายล้างพวกเราทั้งกลุ่มแล้ว…”
…..
เห็นผู้อาวุโสที่ยังหนุ่มปล่อยอสูรทรงพลังออกมามากมายพร้อมๆกัน ฝูงชนที่กำลังเฝ้ามองการสู้รบได้แต่กลืนน้ำลายขณะริมฝีปากสั่นระริกด้วยความหวาดกลัว
ถือเป็นพรจากสวรรค์แล้วหากนักรบระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่สักคนหนึ่งสามารถทำให้อสูรระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ยอมจำนนได้แต่ชายหนุ่มคนนี้ทำให้อสูรยอมจำนนได้มากมาย และทุกตัวก็มีพละกำลังสูงส่งอย่างน่าทึ่ง พวกเขาคิดว่าตัวเองชื่นชมผู้อาวุโสที่อยู่ตรงหน้ามากพอแล้ว แต่ดูเหมือนจะประเมินอีกฝ่ายต่ำไป!
ภาพนี้ทำให้นักรบทั้งกลุ่มอึ้งไปนาน
ทันทีที่อสูรผู้ยิ่งใหญ่ทั้ง 5 เข้าร่วมการสู้รบ ต้นไม้ใหญ่ก็แสดงอาการที่บ่งบอกว่าพร้อมรบทันที
เมื่อการต่อสู้ผ่านไปเพียงครู่เดียว นกฟีนิกซ์ไฟสวรรค์ประกาศอย่างมั่นใจ “นายท่าน อย่าห่วงเลย ให้ผมรับมือกับมันเถอะ”
ฟึ่บ!
เปลวไฟแผดเผาพวยพุ่งออกจากปากของมัน ทำให้ท้องฟ้ากว่าครึ่งกลายเป็นสีแดงก่ำ ทันทีที่ต้นไม้ใหญ่ปะทะกับความร้อน มันก็งอหงิกด้วยความหวาดกลัว ทีท่างามสง่าที่เคยมีอยู่เมื่อครู่หายวับไปไม่มีเหลือ
แม้ต้นไม้ใหญ่จะสามารถปล่อยปุยฝ้ายที่มีอานุภาพแผดเผาแม้แต่นักรบระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ให้กลายเป็นทรายสีเหลืองได้ แต่ถึงอย่างไรมันก็เป็นแค่ต้นไม้ ไม่มีทางที่จะไม่หวาดกลัวเปลวไฟ
ฟิ้วววว!
เมื่อจับจุดอ่อนของต้นไม้ใหญ่ได้ นกฟีนิกซ์สวรรค์พ่นไฟออกมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ช้าต้นไม้ใหญ่ก็เริ่มเหี่ยวแห้ง ใบเขียวชอุ่มของมันกลายเป็นสีเหลือง พละกำลังเหือดหายไปหมด
“ฉันรู้นะว่าแกมีชีวิตจิตใจและคิดอะไรเองได้ ยอมจำนนให้ฉันเสียแล้วฉันจะไว้ชีวิตแก ไม่อย่างนั้น วันนี้แกได้พบจุดจบแน่!” จางเซวียนเอาสองมือไพล่หลังไว้ขณะคำราม ราวกับไม่แยแสชีวิตของต้นไม้แม้แต่น้อย
การที่เขาทำให้อสูรผู้ยิ่งใหญ่ทั้ง 5 ยอมจำนนได้ ก็แปลว่าเขาเก่งกาจพอที่จะรับมือกับนักรบทุกคนที่มีวรยุทธต่ำกว่าขั้นนักปราชญ์โบราณ เว้นเสียแต่นักปราชญ์โบราณจะปรากฏตัว ก็ไม่มีใครยับยั้งจางเซวียนได้อีกต่อไป
ในเมื่อต้นไม้ต้นนี้จงใจสังหารนักรบมากมายและร่ายมนต์ใส่พวกเขาให้กลายเป็นยักษ์ผืนทราย ก็แน่นอนว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความเฉลียวฉลาดไม่เบา
และในเมื่อเป็นอย่างนั้น ก็จะดีที่สุดหากเขาจะเก็บมันไว้ใช้ประโยชน์ ให้มันได้กลายเป็นไม้ตายอีกอันหนึ่ง
เพียงครู่เดียวหลังจากจางเซวียนพูดคำนั้น ประโยคหนึ่งก็แวบเข้ามาในหัวของเขา “คุณอยากให้ผมยอมจำนนให้คุณหรือ? ฝันไปเถอะ!”
“ก็แล้วแต่ ฉันหวังว่าแกจะสนุกสนานกับการถูกแผดเผาจนมอดไหม้ เหมือนกับเหล่านักรบที่แกทำร้ายพวกเขานะ” จางเซวียนตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาพร้อมกับโบกมือ
ฟึ่บ!
นกฟีนิกซ์ไฟสวรรค์เปลี่ยนร่างของมันให้กลายเป็นเปลวไฟสีแดงก่ำขณะพุ่งเข้าใส่ต้นไม้ใหญ่ แล้วพ่นไฟเข้าโอบล้อมอีกฝ่ายไว้
เปลวเพลิงนั้นครอบคลุมพื้นที่โดยรอบและมีอานุภาพแผดเผารุนแรง ต้นไม้ใหญ่เหี่ยวแห้งทันทีที่เผชิญกับอานุภาพของเปลวเพลิง ไม่ช้ามันจะต้องถูกเผาจนตายแน่
“ฮะ?”
เมื่อเห็นต้นไม้ใหญ่ปฏิเสธที่จะยอมจำนนทั้งที่ตัวเองก็ใกล้ตายเต็มที จางเซวียนขมวดคิ้ว เขาชำเลืองมองพื้น จากนั้นก็เหยียดริมฝีปาก “อสูรนรกลวงตา จัดการรากทั้งหมดที่อยู่ใต้ดิน นำมาให้นกฟีนิกซ์ไฟสวรรค์เผาซะ ผมไม่เชื่อหรอกว่าต้นไม้นั่นจะยังคงมีชีวิตรอดอยู่ได้”
ได้ยินคำสั่งของจางเซวียน อสูรนรกลวงตารีบดำลงไปในทะเลทราย ครู่มาก็เกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง โครงข่ายขนาดใหญ่ของรากไม้ผุดขึ้นจากพื้น
จากนั้น นกฟีนิกซ์ไฟสวรรค์ก็เผารากทั้งหมดโดยไม่ลังเล
เปลวเพลิงลุกลามไปทั่ว ทำให้บริเวณนั้นกลายเป็นทะเลไฟ
แม้เปลวเพลิงที่นกฟีนิกซ์ไฟสวรรค์พ่นออกมาจะมีอานุภาพไม่เท่ากับเปลวเพลิงสวรรค์ขั้นสูงสุด แต่ประสิทธิภาพของมันก็เหนือชั้นกว่าแม้แต่เปลวเพลิงปฐพี
หากมันเรียกพลังจากสายเลือดเพื่อเพิ่มพลังให้กับเปลวเพลิงของมัน ก็สามารถหลอมละลายได้แม้แต่ของล้ำค่าระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่
“ผมไม่มีทางยอมจำนนให้มนุษย์ขี้ปะติ๋วหรอก อย่าเสียเวลาเลย!”
แม้ร่างของมันจะมอดไหม้เป็นเถ้าถ่านไปแล้ว แต่ต้นไม้ใหญ่ก็ไม่ยอมจำนน เจตจำนงอันอ่อนแรงถูกส่งเข้าหาจางเซวียน บ่งบอกถึงจิตวิญญาณอันมุ่งมั่น
“ถึงขนาดนี้แล้ว มันยังไม่ยอมจำนนให้เราอีกหรือ?” จางเซวียนชะงัก
มันเป็นแค่ต้นไม้ต้นหนึ่ง ทำไมถึงดื้อด้านขนาดนี้?
ต่อให้ปราศจากลำต้น หากรากของมันยังคงใช้การได้อยู่ ต้นไม้ใหญ่ก็จะยังฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว แต่หากมันสูญเสียรากไป ชะตากรรมเดียวที่รออยู่ก็คือความตาย!
“ไม่…แบบนี้ไม่ถูกแล้วล่ะ ถ้าถึงขนาดนี้แล้วมันยังไม่สะทกสะท้านก็แปลว่าการทำลายรากของมันไม่อาจสังหารต้นไม้ต้นนี้ได้…”จางเซวียนครุ่นคิดหนัก
ไม่เหมือนกับเหล่าปรมาจารย์ จิตวิญญาณส่วนมากไม่ได้ถูกผูกพันอยู่กับกฎเกณฑ์และหลักการต่างๆ โดยเฉพาะเมื่อมีความอยู่รอดเป็นเดิมพัน ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่พวกมันจะยื้อศักดิ์ศรีเอาไว้และปฏิเสธที่จะยอมจำนน
ไม่มีเหตุผลที่ต้นไม้เพียงต้นหนึ่งจะดื้อด้านถึงขนาดนี้ ไม่ยอมจำนนแม้ชีวิตของมันจะแขวนอยู่บนเส้นด้าย!
นั่นหมายความว่าจะต้องมีอะไรบางอย่างที่ทำให้มันยังดำรงชีวิตอยู่ได้ อย่างน้อยที่สุด ต้นไม้ต้นนี้ก็มั่นใจว่าการเผาทั้งลำต้นและรากของมันยังไม่เพียงพอที่จะสังหารมัน…
“ทะเลสาบ!” ความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในหัวสมองของจางเซวียนขณะก้มลงมองทะเลสาบที่อยู่ไม่ห่างออกไป
ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้นึกถึงมัน แต่ทั้งๆที่นกฟีนิกซ์ไฟสวรรค์พ่นเปลวเพลิงแผดเผาออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่น้ำในทะเลสาบก็ไม่ได้ลดระดับลงเลย
“เต่าดำนรก คุณมีองค์ประกอบของน้ำ ผมอยากให้คุณสูบน้ำในทะเลสาบนี้ออกให้หมด อยากรู้ว่าเจ้าต้นไม้นั่นจะทนทานไปได้นานแค่ไหน” จางเซวียนสั่งการ
“ขอรับ นายท่าน!”
เต่าดำนรกมุ่งหน้าไปยังทะเลสาบและอ้าปากขนาดมหึมาของมัน
ซู่!
น้ำในทะเลสาบพุ่งเข้าปากของเต่าดำนรกด้วยความเร็วอันน่าสะพรึง ราวกับมีหลุมดำอยู่ในปากของมัน
ใช้เวลาไม่นาน เต่าดำนรกก็สูบน้ำในทะเลสาบออกจนหมด ที่ก้นทะเลสาบ มีรากไม้สีขาวขนาดเล็กอยู่อันหนึ่ง พื้นผิวของมันดูคล้ายกับหยก
จางเซวียนดึงรากนั้นขึ้นจากพื้นดินโดยไม่ลังเลและถือมันไว้ในฝ่ามือ พริบตาต่อมา ทั้งลำต้นและรากของต้นไม้ใหญ่ที่นกฟีนิกซ์ไฟสวรรค์กำลังแผดเผาอยู่ก็แหลกสลายกลายเป็นผืนทรายสีเหลือง ราวกับมันสูญเสียรากฐานที่ค้ำจุนมันไว้
“ใช่แล้ว นี่คือร่างต้นกำเนิดของมัน…”
เมื่อเห็นภาพนั้น มีหรือที่จางเซวียนจะไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น?
ต้นไม้ขนาดใหญ่และรากของมันเป็นเพียงสิ่งที่ขยายออกมาจากร่างต้นกำเนิด เหมือนกับหุ่นกระบอกที่รากนี้ควบคุมการเคลื่อนไหวของมันอยู่ ไม่น่าแปลกใจแล้วที่ต้นไม้ใหญ่ไม่ยอมจำนนให้เขา ตราบใดที่เขายังค้นหาร่างต้นกำเนิดของมันไม่พบ ก็ไม่มีทางสังหารมันได้!
“นกฟีนิกซ์ไฟสวรรค์ เผารากอันนี้ให้ผมที! หม้อต้นกำเนิดทองคำ, ถ้าเรายังเผามันไม่ได้ ผมอยากให้คุณจัดการให้มันมอดไหม้เป็นเถ้าถ่าน” จางเซวียนสั่งการขณะโยนรากอันนั้นออกไป
ครู่ต่อมา ทั้งหม้อต้นกำเนิดทองคำ นกฟีนิกซ์ไฟสวรรค์ และอสูรตัวอื่นๆรวมทั้งของล้ำค่าชิ้นต่างๆก็เข้ารุมสกรัมรากไม้ขนาดเล็กนั้น
“ยะ-อย่า อย่าฆ่าผม!”
เมื่อเห็นผู้เชี่ยวชาญมากมายจับจ้องมันด้วยสายตาเป็นปฏิปักษ์รากไม้ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวมันร้องออกมาอย่างสิ้นหวัง “ผมยอมจำนนแล้ว! ผมยอมจำนนแล้ว!”
ต่อให้มันถูกถอนรากถอนโคน แต่ตราบใดที่ร่างต้นกำเนิดยังคงอยู่ มันก็สามารถงอกต้นไม้ใหญ่และโครงข่ายของรากได้ทุกเวลาตามแต่ต้องการ แต่ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ ดูเหมือนมันจะไม่มีหนทางอื่นนอกจากยอมจำนน!
“ต้องอย่างนั้นสิ” เห็นรากไม้สลัดความโอหังทิ้งไปหลังจากถูกเล่นงาน จางเซวียนพยักหน้าอย่างพอใจ
เขารีบทำสัญญากับรากไม้ทันที
ด้วยเหตุนี้ เจ้าตัวการที่สังหารนักรบในทะเลทรายไปมากมายและทำให้หลายคนต้องตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวก็กลายมาเป็นอสูรของเขา