อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1728 เลือดนักปราชญ์โบราณ
“พลั่ก!”
“น้อมรับบ้านคุณสิ!”
เผ่าพันธุ์ปีศาจที่ถูกอดีตอาวุธของพวกมันโจมตีอย่างดุเดือดแทบคลุ้มคลั่ง ความจนปัญญาเอ่อล้น จนน้ำตาไหลอาบหน้า
คุณก็รู้อยู่แก่ใจว่าพวกเราไม่เคยคิดจะมอบอาวุธให้คุณ! สิ่งที่คุณกำลังทำอยู่ไม่ใช่การน้อมรับอาวุธของพวกเรา แต่เป็นการขโมยเข้าใจไหม?
การดวลอย่างชอบธรรมควรจะหมายถึงการที่เราใช้พลังปราณต่อสู้กัน แต่ดูสิ่งที่คุณทำอยู่สิ
ชอบธรรมกับผีอะไร!
ถ้าเป็นอย่างนี้ สู้คุณปล่อยอสูรออกมากัดพวกเราให้ตายเสียดีกว่าอย่างน้อยที่สุดก็ไม่ต้องอับอายขายหน้า…
ด้วยการโจมตีอย่างดุเดือดของอาวุธที่อยู่ภายใต้การควบคุมของจางเซวียน เผ่าพันธุ์ปีศาจร่วงผล็อยลงไปทีละตัวสองตัว ในชั่วพริบตา กว่า 30 ตัวก็ถูกสังหาร
ได้เห็นภาพที่อยู่ตรงหน้า ในที่สุดนักปราชญ์โบราณที่ชื่อผู้เฒ่าหยูก็หมดความอดทน
“แก…แกรนหาที่ตายแล้ว!”
การที่เขาต้องการให้บริวารเข้าท้าทายนักรบที่เป็นมนุษย์ก็เพื่อหาโอกาสเข้าสู่หอความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ แต่ในเมื่อบริวารของเขาถูกสังหารไปเกือบหมดแล้ว จะแย่งชิงโควต้าไปเพื่ออะไร?
เพราะตัวเขาเองก็เข้าสู่หอความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ไม่ได้!
ฟึ่บ!
ฝ่ามือขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นกลางอากาศ สกัดกั้นมิติที่อยู่โดยรอบหอความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ไว้ พละกำลังอันน่าอัศจรรย์ที่ดูเหมือนจะฉีกกระชากได้แม้แต่สวรรค์พุ่งลงมาจากท้องฟ้า พร้อมจะเล่นงานจางเซวียนให้เละเป็นเนื้อบด
“ทรงพลังจริงๆ!”
เมื่อรู้สึกได้ถึงอันตรายที่ใกล้เข้ามา จางเซวียนขับเคลื่อนพลังปราณเต็มพิกัด หวังจะหนีไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ก็พบว่าร่างของตัวเองถูกตรึงให้อยู่กับที่ ไม่ว่าจะดิ้นรนสักแค่ไหนก็ขยับเขยื้อนไม่ได้เลย
เหล่านักปราชญ์โบราณคือนักรบที่ทรงพลังที่สุดในทวีปแห่งปรมาจารย์ แม้แต่วัตถุที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกก็ยังต้องแหลกสลายเพราะพละกำลังของพวกเขา ด้วยระดับวรยุทธของจางเซวียนในเวลานี้ เขาไม่มีโอกาสรับมือกับพละกำลังนั้นได้เลย
วิ้งงงง!
ขณะที่จางเซวียนใกล้จะหมดความอดทน ประกายเย็นเยือกของดาบก็สว่างวาบขึ้นกลางอากาศ
ประกายดาบนั้นไม่ได้มีเป้าหมายที่ฝ่ามือซึ่งกำลังพุ่งลงมาจากท้องฟ้า และไม่ได้ทำอะไรที่เป็นการบรรเทาแรงกดดันที่จางเซวียนได้รับอยู่ด้วย มันพุ่งไปที่ความว่างเปล่าที่อยู่ในมิตินั้น
ฉึกกก!
เสียงดาบจ้วงแทงเข้าใส่เนื้อสดๆดังก้องไปทั่ว จากนั้น เลือดก็หยดลงมาจากความว่างเปล่าในมิติ
ดูเหมือนบรรพบุรุษเก่าแก่ของตระกูลจางได้พยายามยื้อเวลาเพื่อหาตำแหน่งที่ซ่อนของตาเฒ่าหยูก่อนจะทำการโจมตี
“แก…” ตาเฒ่าหยูร้องโหยหวนด้วยความโกรธ
ในเวลาเดียวกัน ฝ่ามือที่อยู่บนท้องฟ้าก็สั่นสะท้านเล็กน้อยก่อนจะหายวับไป
เกิดรอยแยกกระจายตัวไปทั่วความว่างเปล่านั้น ตาเฒ่าหยูรู้ดีว่าตัวเองกำลังเพลี่ยงพล้ำ จึงรีบหนีโดยไม่ลังเล
“ฮ่าฮ่า! น่าตื่นเต้นจริงๆ!” บรรพบุรุษเก่าแก่ของตระกูลจางคำรามและหัวเราะลั่น
การสังหารนักรบที่มีวรยุทธขั้นนักปราชญ์โบราณนั้นเป็นเรื่องยากมาก อันที่จริง ทั้งสองได้ต่อสู้กันมาหลายปีแล้ว แต่การต่อสู้ก็หาผลแพ้ชนะไม่ได้ คราวนี้บรรพบุรุษเก่าแก่ของตระกูลจางตั้งใจโจมตีเข้าที่จุดอ่อนของตาเฒ่าหยูโดยตรง แม้จะไม่รุนแรงพอที่จะโค่นตาเฒ่าหยู แต่อย่างน้อยอีกฝ่ายก็ต้องพักฟื้นชั่วระยะเวลาหนึ่ง
เหตุผลที่เขาทำได้ก็เพราะลูกหลานของเขาได้ยั่วยุตาเฒ่าอยู่จนสูญเสียการควบคุมอารมณ์ ทำให้โจมตีโดยขาดสติ
เขาลดสายตาลงมองสมรภูมิรบอีกครั้ง และพบว่าเผ่าพันธุ์ปีศาจทั้ง 30 ตัวนอนเป็นศพระเกะระกะอยู่กับพื้น
อาวุธกองใหญ่ตกเป็นของจางเซวียน พวกมันเต้นระบำรำฟ้อนอย่างรื่นเริงอยู่รอบตัวเขา ราวกับเหล่านางสนมที่เรียกร้องความพึงพอใจจากจักรพรรดิ
“คุณอาจยังอายุน้อย แต่ทั้งความสามารถและไหวพริบนั้นถือว่าไม่เลวเลย!” บรรพบุรุษเก่าแก่ของตระกูลจางให้คำชมเชย
จากนั้น พละกำลังหนึ่งก็กวาดไปทั่วสมรภูมิรบอย่างช้าๆ รวบรวมหยดเลือดที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วเอาไว้ หยดเลือดสีแดงก่ำนั้นรวมตัวกันกลางอากาศก่อนจะลอยเข้าสู่ขวดหยกใบหนึ่ง
“ก็เพราะคุณที่ทำให้ผมมีโอกาสเล่นงานตาเฒ่าหยูจนได้รับบาดเจ็บ ในฐานะผู้อาวุโสของตระกูลจาง ผมจะปล่อยให้คุณงามความดีของคุณสูญเปล่าไม่ได้ ผมขอมอบหยดเลือด 5 หยดของนักปราชญ์โบราณให้กับคุณ!”
“ขอบคุณมาก บรรพบุรุษ!” จางเซวียนรับขวดหยกมาด้วยความยำเกรง
พูดตามตรง เขายังไม่รู้ว่าหยดเลือดของนักปราชญ์โบราณนั้นมีประโยชน์อย่างไร แต่ข้อเท็จจริงที่ว่ามันสามารถทำให้เผ่าพันธุ์ปีศาจเกิดความคลุ้มคลั่งและยอมรับคำท้าของเขาแม้จะรู้ว่าต้องเผชิญกับความเสี่ยง ก็ย่อมแน่นอนว่าหยดเลือดนี้จะต้องเป็นทรัพย์สมบัติล้ำค่า
“หยดเลือดของเผ่าพันธุ์ปีศาจที่เป็นนักปราชญ์โบราณนั้นมีเจตนาสังหารเข้มข้น จึงอาจไม่เป็นประโยชน์กับวรยุทธของคุณนัก แต่มันก็เป็นทรัพย์สมบัติที่คุณจะพึงได้จากสงคราม ไม่ใช่สิ่งตอบแทนของผม ในฐานะบรรพบุรุษ ผมจะตระหนี่ถี่เหนียวกับสิ่งที่ผมได้รับไม่ได้ เพราะฉะนั้นจึงขอมอบขวดหยกใบนี้ให้คุณด้วย มันมีหยดเลือดของผมอยู่ 5 หยด ใช้มันให้ดีและยกระดับวรยุทธของคุณให้สูงขึ้นโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผมเชื่อว่าคุณจะนำพาตระกูลจางไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองสูงสุดได้สำเร็จ” บรรพบุรุษเก่าแก่ของตระกูลจางพูด
ทันทีที่เขาพูดจบ ขวดหยกใบหนึ่งก็ปรากฏ ก่อนที่มันจะเข้าถึงตัวจางเซวียน เขาก็รู้สึกได้ถึงพละกำลังมหาศาลที่ไหลเวียนอยู่ภายในหยดเลือดซึ่งบรรจุอยู่ในขวดหยกใบนั้น ราวกับพวกมันพร้อมจะระเบิดเป็นเปลวไฟได้ทุกขณะ
แม้สายเลือดตระกูลจางของจางเซวียนจะถูกดึงออกไปหมดแล้วแต่ในเมื่อหยดเลือดนี้เป็นของนักปราชญ์โบราณที่มาจากตระกูลเดียวกัน จึงน่าจะมีประโยชน์กับเขามากกว่าหยดเลือดของเผ่าพันธุ์ปีศาจที่เป็นนักปราชญ์โบราณ
“เซวียนเอ๋อ รีบกล่าวคำขอบคุณบรรพบุรุษเสียสิ!” เซียนดาบเหมิงส่งโทรจิตเตือนจางเซวียนด้วยความร้อนใจ
“ขอบคุณมาก บรรพบุรุษ!” จางเซวียนโค้งคำนับอย่างงาม
“ไม่ต้องเกรงอกเกรงใจไปหรอก นี่คือสิ่งที่คุณสมควรได้รับ”บรรพบุรุษเก่าแก่ของตระกูลจางพูด
เมื่อเสียงนั้นหยุดลง รังสีอันงามสง่าที่อบอวลอยู่ในอากาศก็หายวับไป ราวกับมันไม่เคยอยู่ตรงนั้นมาก่อน
รู้ดีว่าบรรพบุรุษเก่าแก่กลับสู่การซ่อนตัวดังเดิมแล้ว จางเซวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่
ไม่ต้องสงสัยเลยว่านักปราชญ์โบราณจำนวนมากจะต้องหาทางมาที่วิหารแห่งขงจื๊อเพื่อหวังว่าจะได้รับมรดกตกทอดล้ำค่าของปรมาจารย์ขง และในเมื่อเป็นอย่างนั้น จึงไม่ดีนักหากพวกเขาจะเที่ยวสำแดงพละกำลังไปทั่ว
อีกอย่าง มีแต่ต้นไม้ที่แยกตัวออกจากพรรคพวกของมันเท่านั้นที่จะตกเป็นเหยื่อของพายุใหญ่
หากพวกเขาสร้างความขุ่นเคืองให้กับนักปราชญ์โบราณคนอื่นโดยไม่ได้ตั้งใจ และนักปราชญ์โบราณเหล่านั้นเลือกที่จะผนึกกำลังกันเพื่อตอบโต้ พวกเขาคงตายก่อนที่จะทันได้รู้ตัว
จางเซวียนส่งโทรจิตหาเซียนดาบชิง “เลือดนักปราชญ์โบราณใช้ทำอะไรได้บ้าง?”
“เลือดทุกหยดของนักปราชญ์โบราณมีพลังงานในระดับที่น่าทึ่ง”เซียนดาบชิงอธิบายด้วยนัยน์ตาที่เปล่งประกายของความตื่นเต้น“ยิ่งไปกว่านั้น มันยังบรรจุเอาความเข้าใจเรื่องวรยุทธตามแบบของนักปราชญ์โบราณไว้ด้วย ดังนั้น หากใครก็ตามได้ซึมซับหยดเลือดของนักปราชญ์โบราณเข้าสู่ร่างกาย วรยุทธของเขาจะพุ่งพรวด สูงขึ้นจนถึงระดับที่นึกไม่ถึงเลยทีเดียว!”
“ซึมซับ?”
“ใช่แล้ว ยกตัวอย่างนะ ถ้ามนุษย์คนหนึ่งได้สัมผัสกับหยดเลือดของนักปราชญ์โบราณและซึมซับมันได้สำเร็จโดยที่ร่างกายของเขาไม่ถูกพลังแผดเผาจนมอดไหม้ไปเสียก่อน ก็จะสามารถยกระดับจากนักรบธรรมดาไปสู่การเป็นนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ได้ทันที”เซียนดาบชิงอธิบาย
“เอ่อ…” จางเซวียนหรี่ตาด้วยความตกใจ
เขาต้องใช้ทั้งเวลา ความพยายาม และทรัพยากรมากมายกว่าจะยกระดับจากนักรบทั่วไปมาเป็นนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ได้ แต่ด้วยหยดเลือดเพียงหยดเดียวของนักปราชญ์โบราณ ก็เกินพอที่จะทำแบบนั้น
ช่างน่าสะพรึงเสียจริง!
แน่นอนว่าจางเซวียนเข้าใจว่านั่นเป็นแค่การยกตัวอย่าง เพราะเรื่องจริงก็คือไม่มีทางที่มนุษย์ทั่วไปจะซึมซับพลังมหาศาลที่อยู่ภายในหยดเลือดของนักปราชญ์โบราณได้ ต่อให้พวกเขาได้มันมาด้วยวิธีการอะไรสักอย่าง พลังปราณของมนุษย์เหล่านั้นก็จะถูกแผดเผาอย่างรุนแรงจากการฝ่าด่านวรยุทธ
ซึ่งผลจากสิ่งนั้นจะทำให้ประสิทธิภาพการต่อสู้ของพวกเขายังคงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่านักปราชญ์โบราณโดยทั่วไป และยากที่จะผลักดันวรยุทธให้สูงขึ้นอีกได้อันเนื่องมาจากรากฐานที่ไม่แข็งแรง
“แต่อันที่จริง ความเย้ายวนของเลือดนักปราชญ์โบราณนั้นไม่ใช่พลังงานมหาศาลหรือความเข้าใจเรื่องวรยุทธที่ไหลเวียนอยู่ในเลือด สิ่งที่ทำให้พวกเราแทบคลุ้มคลั่งจริงๆนั้นก็คือพลังของการเกิดใหม่ที่อยู่ในเลือดของนักปราชญ์โบราณ หากนักรบคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส ขอแค่จิตวิญญาณของเขายังไม่แตกสลาย หยดเลือดของนักปราชญ์โบราณเพียงหยดเดียวจะสามารถทำให้เขาฟื้นกลับคืนสู่สภาพสมบูรณ์ดังเดิมได้ อานุภาพของมันทรงพลังเสียจนแม้แต่ศีรษะที่หลุดออกจากบ่าไปแล้วก็ยังสามารถต่อให้ติดได้เหมือนเดิม หากนักรบผู้นั้นยังไม่สูญสิ้นลมหายใจสุดท้าย!” เซียนดาบชิงอธิบาย
“คือ…” จางเซวียนถึงกับตัวแข็ง
เขาไม่รู้จะบรรยายความพรึงเพริดของตัวเองในตอนนี้อย่างไร
ด้วยพลังปราณเทียบฟ้า จางเซวียนมีความสามารถในการฟื้นฟูร่างกายที่เปรียบเสมือนปาฏิหาริย์ ซึ่งทำให้เขาฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บได้อย่างรวดเร็ว แต่ถึงอย่างนั้น หากใครสักคนตัดศีรษะของเขาออกไป ก็คงไม่มีทางที่เขาจะฟื้นคืนชีพจากอาการบาดเจ็บสาหัสขนาดนั้นได้
แต่เลือดนักปราชญ์โบราณสามารถทำให้ผู้นั้นกลับมีชีวิตได้ดังเดิมพูดอีกอย่างก็คือหยดเลือดของนักปราชญ์โบราณไม่ต่างอะไรกับการต่อชีวิต!
ไม่แปลกใจแล้วที่บรรดาเผ่าพันธุ์ปีศาจพากันตื่นเต้นเมื่อได้ยิน มันเป็นสมบัติล้ำค่าที่ประเมินค่ามิได้จริงๆ!
“ท่านพ่อ, ท่านแม่ ผมจะมอบหยดเลือดให้คนละหยดนะ ผมคงไม่ใช้เลือดหมดทีเดียวทั้ง 5 หยดหรอก…” เมื่อหายตกใจแล้ว จางเซวียนเปิดจุกขวดหยกและกระดิกนิ้ว
เลือด 2 หยดที่เปี่ยมไปด้วยพละกำลังลอยเข้าหาเซียนดาบชิงเหมิง
คงจะดีกว่าหากเขาจะมอบหยดเลือดให้ท่านพ่อกับท่านแม่ของเขาเพื่ออย่างน้อยทั้งคู่จะได้เก็บไว้ใช้ป้องกันตัวยามเกิดอันตรายเพราะถึงอย่างไร จางเซวียนก็คงไม่ใช้เลือดหมดทั้ง 5 หยด การทำแบบนี้จึงไม่ได้เสียหายอะไร
มีอันตรายที่คาดเดาไม่ได้มากมายรออยู่ในวิหารแห่งขงจื๊อ มันจะทำให้เขาสบายใจขึ้นหากท่านพ่อกับท่านแม่มีทรัพย์สมบัติที่สามารถช่วยชีวิตของตัวเองได้
“คือ…”
นึกไม่ถึงว่าลูกชายของพวกเขาจะมอบสมบัติล้ำค่าให้โดยปราศจากความลังเล เซียนดาบชิงเหมิงสบตากันก่อนจะกำหมัดแน่นด้วยความตื่นเต้น
มีลูกชายแบบนี้…แล้วพวกเขาจะยังต้องการอะไรอีก?