อัจฉริยะสมองเพชร – ตอนที่ 1752 ความประหลาดใจของเหยียนเฉว่
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1752 ความประหลาดใจของเหยียนเฉว่
“กะอีแค่ต้นไม้ไม่กี่ต้น กล้าขวางทางพวกเราหรือ? ฝันไปเถอะ!”
อสูรตัวที่พูดขึ้นก่อนหน้านี้เงื้อกรงเล็บและตวัดลงมา
กรงเล็บของมันคมกริบอย่างน่าทึ่ง เทียบชั้นได้กับของล้ำค่าระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่เลยทีเดียว ด้วยการเคลื่อนไหวอย่างโกรธเกรี้ยว มิติที่อยู่โดยรอบสั่นสะท้านเล็กน้อย เกิดรอยแยกของมิติสีดำสนิทขึ้นกลางอากาศ
ทั้งกรงเล็บและเขี้ยวของเผ่าพันธุ์อสูรล้วนแต่เป็นวัตถุดิบชั้นเลิศสำหรับการหลอมเป็นของล้ำค่าระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ ยิ่งไปกว่านั้น อสูรเหล่านี้ยังมีพละกำลังเทียบเท่ากับ 5 อสูรผู้ยิ่งใหญ่ด้วย ต่อให้ปรมาจารย์ที่มีวรยุทธขั้นชั่วกัลปาวสานโลกจารึกก็ยังรับมือกับการโจมตีของมันได้ยาก
ภายใต้สถานการณ์ทั่วไป กรงเล็บเหล่านี้ก็เกินพอที่จะฉีกกระชากกิ่งไม้ให้ขาดเป็นท่อนๆ แต่ยังไม่ทันที่กรงเล็บเหล่านั้นจะถึงเป้าหมาย ก็เกิดเสียง ‘แคว่ก!’ ดังสนั่นขึ้นกลางอากาศ
บาดแผลฉีกขาดปรากฏบนใบหน้าของอสูร กิ่งไม้กิ่งหนึ่งพุ่งมาจากที่ไหนสักแห่งและฟาดเข้าใส่หน้าของมันอย่างจัง
“ฮื่ออออ!”
ความปวดแสบปวดร้อนบนใบหน้าทำให้อสูรตัวนั้นแทบคลุ้มคลั่งจากการถูกเหยียดหยาม มันตวัดกรงเล็บอย่างเกรี้ยวกราดเข้าใส่กิ่งไม้ที่อยู่เหนือศีรษะ เปิดการโจมตีอย่างไม่ลดละ แต่ถึงอย่างนั้น กิ่งไม้ก็ยังหลุดรอดการโจมตีของมันไปได้อย่างหวุดหวิดและเข้าเล่นงานจุดอ่อนของมันอีกครั้ง
ไม่ช้า ร่างของอสูรตัวนั้นก็มีแต่บาดแผล เลือดสดๆไหลทะลักออกมาไม่หยุด
เห็นหัวหน้ากำลังเพลี่ยงพล้ำ เผ่าพันธุ์อสูรที่เหลือรีบพุ่งเข้าใส่เพื่อช่วยเหลือ แต่กิ่งไม้ที่กวัดแกว่งอยู่กลางอากาศก็ใช้เวลาไม่นานในการเล่นงานพวกมันให้ลงไปกองกับพื้น สิ้นพละกำลังจะตอบโต้
“เอ่อ…”
เห็นภาพนั้น ทุกคนต่างอ้าปากค้าง แทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็น
เผ่าพันธุ์อสูรเหล่านี้มีประสิทธิภาพการต่อสู้ที่เหนือชั้นกว่านักรบทั่วไป แต่ก็ถูกต้นแอปริคอตเล่นงานจนราบคาบ
“ฮ่า!”
ชายหนุ่มหน้าตาเฉลียวฉลาด, เหยียนเฉว่ หัวเราะหึๆเมื่อเห็นภาพนั้นก่อนจะหลับตา ราวกับคาดการณ์ไว้แล้วว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้
ชายหนุ่มคนหนึ่งจาก 100 สำนักแห่งนักปราชญ์เดินเข้าไปกระซิบกระซาบกับเหยียนเฉว่ “เราควรเข้าไปจัดการไหม? หากช่วยชีวิตพวกมันได้ ก็จะได้รับความสำนึกในบุญคุณและทำให้พวกมันยอมจำนนได้สำเร็จ”
เมื่อดูจากการที่เผ่าพันธุ์อสูรถูกซ้อมจนมีสภาพย่ำแย่ หากตอนนี้พวกเขาเข้าไปขัดจังหวะและช่วยชีวิตพวกมันไว้ได้ ก็มีโอกาสที่จะได้เอาชนะใจและหว่านล้อมให้อีกฝ่ายยอมจำนนโดยเป็นอสูรของพวกเขา
“ไม่ต้องทำแบบนั้นหรอก เพราะนอกจากเราจะยังไม่แน่ใจว่าจะช่วยพวกมันได้หรือไม่ ลำพังแค่การที่ก่อนหน้านี้พวกเราไม่ได้ยับยั้งมันไว้ ก็มากเกินพอจะทำให้พวกมันเกิดความเป็นปฏิปักษ์ต่อเราแล้ว” เหยียนเฉว่ตอบอย่างสุขุม “อีกอย่าง ต้นแอปริคอตพวกนี้ก็มีไว้เพื่อขัดขวางผู้บุกรุก มันไม่สังหารใคร เพราะฉะนั้นคุณไม่ต้องกังวลไปหรอก”
“อย่างนั้นก็ได้” ชายหนุ่มพยักหน้า
มีความเป็นไปได้สูงทีเดียวที่อสูรเหล่านี้จะเกิดความเคืองแค้นที่พวกเขาไม่ยับยั้งพวกมันไว้เมื่อครู่นี้ ต่อให้พวกเขาเข้าไปช่วยชีวิตมันไว้ได้ อสูรเหล่านั้นก็คงจะคิดว่าพวกเขาพยายามเหยียดหยามมัน ซึ่งในกรณีเลวร้ายที่สุด พวกมันอาจหันกลับมาเล่นงานพวกเขาอย่างเคืองแค้นเสียเอง
“อสูรพวกนั้นไปไหนไม่ได้แล้วหรอก เมื่อเราทำสำเร็จ พวกมันจะยอมติดตามเราอย่างว่าง่ายเอง และเมื่อถึงเวลานั้น เราคงสลัดมันไม่หลุด ต่อให้อยากสลัดก็เถอะ…” เหยียนเฉว่หัวเราะเบาๆ
ถึงตอนนี้ ชายหนุ่มคนหนึ่งที่อยู่ด้านหลังฝูงชนก็พุ่งเข้าใส่อย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด
ฟิ้วววว!
ในชั่วพริบตา ชายหนุ่มก็ไปอยู่ตรงหน้าอสูรกลุ่มนั้น เขาโบกมือเพื่อสร้างตาข่ายพลังปราณและลากอสูรทั้งกลุ่มออกจากรัศมีการโจมตีของต้นแอปริคอต
“ขอบคุณที่ช่วยชีวิตพวกเราไว้…”
รู้ดีว่าชายหนุ่มกำลังพยายามช่วยพวกมัน เหล่าอสูรหันมามองเขาด้วยสายตาที่แสดงความสำนึกในบุญคุณ แต่กลับตรงกันข้ามกับที่พวกมันคิดไว้ ชายหนุ่มพุ่งเข้าใส่พวกมันอีกครั้ง และ…
ทั้งหมัดทั้งลูกเตะถูกประเคนเข้าใส่จนทั่ว
เหล่าอสูรพากันจังงัง
กลุ่มคนจาก 100 สำนักแห่งนักปราชญ์และเผ่าพันธุ์ปีศาจก็ถึงกับตะลึง
พวกเขาคิดว่าชายหนุ่มช่วยชีวิตอสูรเหล่านั้นไว้เพื่อต้องการเอาชนะใจและดึงให้มาเป็นพรรคพวก แต่หลังจากช่วยมันจนรอดพ้นจากรัศมีการโจมตีของต้นแอปริคอตได้แล้ว ก็กลับลงมือซ้อมพวกมันเสียเอง นี่มันบ้าบออะไร?
ต้นแอปริคอตต่างก็มองหน้ากันอย่างงงงัน กิ่งไม้ที่พวกมันตั้งใจจะใช้สั่งสอนบทเรียนให้ชายหนุ่มที่เข้ามาก้าวก่ายถูกดึงกลับไปอย่างลังเล
พวกมันคิดว่าชายหนุ่มพยายามจะช่วยชีวิตอสูรไว้จากการโจมตีเมื่อครู่ แต่กลับกลายเป็นว่าเขาอยากซ้อมอสูรเหล่านั้นเสียเอง หรือว่าการโจมตีเมื่อครู่นี้ของพวกมันปลุกความรู้สึกบางอย่างในส่วนลึกของหัวใจของเขาขึ้นมา และทำให้เขาอยากทดลองความสามารถของตัวเอง?
“เป็นโอกาสของพวกเราแล้ว!”
เหยียนเฉว่ก็จังงังไปครู่หนึ่งก่อนจะผุดรอยยิ้มมั่นอกมั่นใจ เขารีบหันกลับไปเร่งกลุ่มคนจาก 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ที่เหลือ “อสูรพวกนั้นเพิ่งถูกเจ้าหนุ่มนั่นเล่นงาน ถ้าเราเข้าไปยับยั้งหมอนั่นไว้ได้ เราก็จะสามารถเอาชนะใจและได้รับความจงรักภักดีจากพวกมัน!”
“ได้สิ” ได้ยินคำนั้น ทุกคนพยักหน้ารับ
อสูรเหล่านี้สำเร็จวรยุทธขั้นชั่วกัลปาวสานโลกจารึก การทำให้พวกมันสักตัวยอมจำนนได้ย่อมหมายถึงประสิทธิภาพการต่อสู้ของพวกเขาที่จะเพิ่มสูงขึ้นอีก และหากพวกเขากลับสู่ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์โดยมีอสูรจากกลุ่มนี้ไปสักตัว สถานภาพของพวกเขาจะสูงส่งขึ้นมาก
“ช่วยเหล่าอสูรกันเถอะ!”
กลุ่มคนจาก 100 สำนักแห่งนักปราชญ์พร้อมดาบในมือพุ่งเข้าใส่ชายหนุ่มที่กำลังซ้อมเหล่าอสูร
“คุณทำอะไรอยู่น่ะ? เลิกทำเรื่องเหลวไหลเลอะเทอะเสียที!”
“วาสนานำพาให้พวกเรามาพบกันที่นี่ เหล่าสหายเผ่าพันธุ์อสูร, พวกเราไม่อาจทนเห็นพวกคุณถูกหมอนี่ซ้อมอย่างโหดเหี้ยมได้”
“สหายจากเผ่าพันธุ์อสูร พวกเรามาช่วยคุณแล้ว!”
ชายหนุ่มหลายคนประกาศศักดาด้วยถ้อยคำที่แสดงถึงความชอบธรรม ในตอนนั้น พวกเขาดูไม่ต่างอะไรกับเหล่าวีรบุรุษที่อุทิศตัวเข้าสู่โลกของปีศาจ
“เจ้าพวกนี้ก็ทำอะไรรวดเร็วเสียจริง” เหยียนเฉว่พยักหน้าอย่างพอใจ “พวกเขารู้ว่าต้องทำอะไรเพื่อเอาชนะใจเหล่าอสูร ขอแค่พวกมันยอมมอบความปรารถนาดีให้ ต่อไปการจะทำให้พวกมันยอมจำนนก็คงง่ายขึ้นมาก”
เหยียนเฉว่กำลังจะสั่งการต่ออีกสองสามประโยคเพื่อควบคุมสถานการณ์ ก็พอดีกับที่เห็นภาพซึ่งทำให้ดวงตาแทบถลนออกจากเบ้า สีหน้าพรั่นพรึงอย่างหนักปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาขณะหลุดคำสบถออกจากปาก “เวรแล้ว มันเกิดนรกจกเปรตอะไรขึ้นละนั่น?”
ก่อนที่ดาบของเหล่าสหายของเขาจะได้เข้าเล่นงานชายหนุ่มที่กำลังซ้อมอสูร อสูรพวกนั้นก็พากันคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว พวกมันตวัดกรงเล็บและสะบัดหางเข้าใส่ ในชั่วพริบตา กลุ่มอัจฉริยะจาก 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ก็นอนระเกะระกะอยู่กับพื้น ฟกช้ำดำเขียวไปทั่วทั้งตัว
ไม่เพียงเท่านั้น หัวหน้าเผ่าพันธุ์อสูรยังคำรามก้อง “พวกคุณจาก 100 สำนักแห่งนักปราชญ์กำลังพยายามทำบ้าอะไร? ถ้าเข้ามาเกะกะตอนที่พวกเรากำลังถูกซ้อมอีกครั้งเดียว ผมสาบานเลยว่าผมจะกินคุณทั้งเป็น!”
“เจ้าพวกงั่ง! ไม่เห็นหรือไงว่าเรากำลังเพลิดเพลินกับการซ้อมที่เขามอบให้?”
“กระหายอยากเป็นวีรบุรุษจนไร้ยางอาย ไสหัวไปซะ อย่ามาวุ่นวายกับพวกเราอีก!”
เหล่าอสูรตวาดด้วยความโกรธเกรี้ยวอย่างหนัก หลังจากสอยพวก 100 สำนักแห่งนักปราชญ์กระเด็นไปแล้ว พวกมันก็หันกลับไปมองชายหนุ่มและวิงวอนอย่างน่าเห็นใจ “ได้โปรดทุบตีพวกเราให้แรงที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้นะ ได้โปรดเถอะ! แรงขึ้นอีก แรงขึ้นอีกหน่อย!”
“….” เหยียนเฉว่กับพรรคพวกทึ้งผมอย่างคลุ้มคลั่ง
นัยน์ตาของกลุ่มเผ่าพันธุ์ปีศาจเบิกโพลงราวกับไข่ไก่ พวกมันถึงกับลืมกลืนน้ำลาย
ต้นแอปริคอตก็หยุดการเคลื่อนไหว กิ่งก้านของมันร่วงหล่นลงกับพื้นด้วยความตกตะลึง ราวกับไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
เผ่าพันธุ์อสูรล้วนแต่หยาบคายและหลงตัวเอง นี่เกิดอะไรขึ้นมา พวกมันถึงได้รื่นรมย์กับการถูกซ้อมขนาดนั้น?
ก่อนหน้านี้ ตอนที่ต้นแอปริคอตเล่นงานพวกมัน มีแต่เสียงร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด ไม่ใช่เสียงครวญครางเพราะความปิติยินดี แล้วเรื่องประหลาดแบบนี้เกิดขึ้นกับเหล่าอสูรได้อย่างไรในช่วงระยะเวลาเพียงแป๊บเดียว?
“ยอมจำนนให้ผมเสีย แล้วผมจะซ้อมพวกคุณเมื่อผมมีเวลา” จางเซวียนโบกมืออย่างวางมาด
เผ่าพันธุ์อสูรพวกนี้ออกจะหนังหนาไปสักหน่อย มือไม้ของเขาเริ่มเจ็บจากการต้องซ้อมพวกมัน
“พวกเรายินดีอย่างยิ่ง! คารวะนายท่าน!”
“ขอให้นายท่านมีอายุยืนนาน! วู้ววว…”
ฟึ่บ!
พริบตาต่อมา อสูรทุกตัวก็ทรุดตัวลงคุกเข่ากับพื้นด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ เห็นได้ชัดว่าพวกมันไม่ได้รู้สึกต่ำต้อยในการยอมรับชายหนุ่มเป็นเจ้านายของมัน
ฉึกกก!
เหยียนเฉว่ทึ้งผมจากกระหม่อมของเขาหลุดออกมาเป็นกระจุก แต่ด้วยความตกตะลึงอย่างหนัก จึงไม่รู้สึกอะไรเลย
บ้าแล้ว! นี่มันนรกจกเปรตอะไร พวกแกถึงภาคภูมิใจกันขนาดนี้!
พวกแกกำลังจะกลายเป็นอสูรของนักรบคนหนึ่งนะ! ต่อให้สถานภาพจะสูงส่งแค่ไหน มันก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่าพวกแกก็เป็นแค่สัตว์เลี้ยง สัตว์เลี้ยงน่ะ เข้าใจไหม? มันเป็นเรื่องที่ควรมีความสุขหรือไง?
ยอมจำนนอย่างง่ายดายให้กับใครคนหนึ่งหลังจากถูกซ้อม…เผ่าพันธุ์อสูรว่าง่ายขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
เมื่อทำให้อสูรยอมจำนนได้แล้ว ชายหนุ่มก็โบกมือก่อนจะเดินเข้าสู่ดงต้นแอปริคอต “เอาล่ะ ผมล้างแค้นให้พวกคุณแล้วนะ!”
เห็นชายหนุ่มยังคงวางท่าอาจหาญหลังจากทำให้อสูรยอมจำนนได้สำเร็จ เหยียนเฉว่อดคำรามเยาะไม่ได้ “หมอนั่นรนหาที่ตายแล้ว!”
ไม่ว่าอีกฝ่ายจะใช้กลวิธีใดก็ตามในการทำให้อสูรยอมจำนน ก็ไม่มีทางที่วิธีนั้นจะใช้ได้ผลกับต้น แอปริคอต
ต้นแอปริคอตพวกนี้เป็นสิ่งมีชีวิตที่เคยรับฟังการถ่ายทอดคำสอนของปรมาจารย์ขง การเข้าไปเผชิญหน้ากับพวกมันจึงไม่ต่างอะไรกับรนหาที่ตาย
ต่อหน้าต่อตาเหยียนเฉว่ ในที่สุดชายหนุ่มก็ไปยืนอยู่ตรงหน้าต้นแอปริคอตที่เรียงราย
ฟึ่บ!
ต้นแอปริคอตตรงเข้าตีวงล้อมชายหนุ่ม ไม่เปิดโอกาสให้เขาได้ล่าถอย