อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1754 หยวนเทายกแท่น
จางเซวียนหันไปมอง และเห็นร่างหนึ่งกำลังเปิดการบรรยายบนแท่นสูงตระหง่าน คำพูดของเขาสั้นๆ ในช่วงแรกนั้นฟังแทบไม่ได้ยินและยากที่จะเข้าใจ แต่เมื่อคำพูดเหล่านั้นพุ่งเข้าสู่จิตใต้สำนึกของเขา ความสงสัยแคลงใจที่จางเซวียนเคยมีในเรื่องวรยุทธก็ดูจะกระจ่างชัดในทันที
ราวกับคนผู้นั้นใช้เวลาเนิ่นนานหลายปีดำดิ่งอยู่ในทะเลแห่งภูมิปัญญา ทำให้ความเข้าใจเรื่องวรยุทธของเขาเข้าถึงระดับที่ลึกซึ้ง
“เอ่อ…” จางเซวียนเลิกคิ้ว นัยน์ตาเบิกโพลงด้วยความประหลาดใจ
เขาสัมผัสได้อย่างเลือนรางถึงเจตนาที่อยู่เบื้องหลังถ้อยคำเหล่านั้น มันคือเทคนิคการถ่ายทอดลิขิตสวรรค์ที่ชัดเจนและเข้าใจง่าย ถึงขั้นที่นักรบคนไหนก็ตามก็สามารถหลอมรวมมันเข้ากับภูมิปัญญาที่ตัวเองมีอยู่ได้อย่างง่ายดาย
ด้วยการถ่ายทอดภูมิปัญญาที่ประกอบกับเทคนิคการถ่ายทอดลิขิตสวรรค์ ก็ชัดเจนว่าปรมาจารย์ขงมีความล้ำลึกเหนือชั้นกว่าเขามาก
จางเซวียนมีความเชื่อว่าแม้ระดับวรยุทธของเขาจะอ่อนด้อยกว่าปรมาจารย์ขง แต่ความสามารถในการถ่ายทอดความรู้ของเขาก็ไม่ด้อยกว่าอีกฝ่ายมากนัก แต่เมื่อได้ฟังถ้อยคำจากร่างนั้น ก็รู้ทันทีว่าตัวเขากับปรมาจารย์ขงไม่เคยเทียบชั้นกันได้เลยตั้งแต่แรก!
“นี่คือถ้อยคำเรียบง่ายแห่งภูมิปัญญาล้ำลึกของปรมาจารย์ขง” เสียงของหลัวลั่วชิงดังขึ้นข้างหูจางเซวียน
เมื่อหันกลับไป จางเซวียนก็เห็นว่าหลัวลั่วชิงมายืนข้างเขาแล้ว
“ถ้อยคําเรียบง่ายแห่งภูมิปัญญาล้ำลึก?” จางเซวียนทวนคำของหลัวลั่วชิงด้วยน้ำเสียงที่เจือความสงสัย
“มันคือการใช้ถ้อยคำเรียบง่ายที่สุดเพื่อบรรยายให้เห็นตรรกะที่ล้ำลึกที่สุด ความสามารถในการถ่ายทอดความรู้ของปรมาจารย์ขงนั้นเทียบได้กับเทคนิคสวรรค์เลยทีเดียว” หลัวลั่วชิงพูด “ปฏิเสธไม่ได้ว่าปรมาจารย์ขงคือบุคคลที่ปราดเปรื่องมาก บางทีอาจจะเหนือกว่าคุณเสียอีก”
จางเซวียนพยักหน้ารับ
คำพูดที่ออกจากปากของร่างนั้นดูเรียบง่าย แต่บรรจุเอาความเข้าใจที่ล้ำลึกที่สุดของโลกเอาไว้ มันนำภูมิปัญญายิ่งใหญ่มาสู่ผู้ฟัง ทำให้พวกเขารับรู้ในสิ่งที่ไม่เคยนึกถึงมาก่อน
ท้องฟ้าสีฟ้าสดใส, ฤดูกาลทั้ง 4…มีปรากฏการณ์มากมายที่ดูจะเป็นธรรมชาติสำหรับพวกเรา และพวกเราก็มองมันเป็นเรื่องธรรมดา แน่นอนว่าเราคิดว่าเรารู้จักมันดี แต่เมื่อพยายามจะอธิบายว่าเหตุใดถึงเป็นแบบนั้น เรากลับอับจนถ้อยคำที่จะนำมาอธิบายให้สมเหตุสมผลได้
เรื่องนี้เป็นลักษณะเดียวกันกับเทคนิคเทียบฟ้า ที่แม้ภายนอกจะดูเรียบง่าย แต่มันบรรจุเอาตรรกะอันล้ำลึกไว้มากมายนับไม่ถ้วน เพื่อจะได้เอาชนะคู่ต่อสู้คนไหนก็ตามได้อย่างง่ายดาย
การปรับเปลี่ยนเรื่องราวอันลึกซึ้งให้เรียบง่ายขึ้นนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย และจะยังคงเป็นปัญหาต่อไปสำหรับปรมาจารย์รุ่นหลังๆ
แต่ปรมาจารย์ขงทำได้!
ในที่สุด เมื่อเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น จางเซวียนก็พลันนึกบางอย่างได้ เขาหันไปถามหลัวลั่วชิง “แล้วคุณมาที่นี่ได้อย่างไร?”
ขณะที่เขากำลังถ่ายทอดความรู้ให้ต้นแอปริคอต ต้นไม้เหล่านั้นก็ยังสามารถเล่นงานผู้ที่เข้าใกล้มันได้ แล้วจู่ๆหลัวลั่วชิงมายืนข้างเขาได้อย่างไร?
“ปรมาจารย์ขงสร้างภาพลวงตาขึ้นหลังจากเปิดการบรรยาย และต้นแอปริคอตกับใบไม้เหล่านั้นก็ตั้งใจฟัง” หลัวลั่วชิงอธิบายยิ้มๆ
ในตอนนั้นเองที่จางเซวียนเพิ่งรู้ตัวว่าต้นแอปริคอตที่เคยรายล้อมอยู่รอบตัวเขาด้วยความยำเกรงก่อนหน้านี้ได้ไปยืนอยู่ตรงหน้าแท่นสูงตระหง่านนั้นแล้ว มันส่ายลำต้นไปมาไม่หยุด ล้อกับสายลมโชยอ่อน ยากที่จะบอกได้ว่ามันส่ายเพราะความตื่นเต้นหรือประหลาดใจ
“….” จางเซวียนรู้สึกเจ็บแปลบในอก
ที่ผ่านมา ใครก็ตามที่ได้ฟังคำบรรยายของเขาจะหมดความสนใจในคำบรรยายของผู้อื่นไปทันที แต่คราวนี้สถานการณ์กลับตาลปัตร เขาบรรยายมาตั้งนาน แต่ต้นแอปริคอตพวกนั้นก็จากเขาไปทันทีที่ได้ยินถ้อยคำเพียงไม่กี่คำจากปรมาจารย์ขง
ฟึ่บ!
ขณะที่จางเซวียนกำลังรู้สึกไม่ค่อยดี เผ่าพันธุ์ปีศาจและพวก 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ที่อยู่บริเวณนั้นก็พุ่งเข้ามาพร้อมกับทรุดตัวลงนั่งบนเบาะรูปกลมที่อยู่ตรงหน้าแท่นสูงตระหง่าน
“นี่คือโอกาสที่พวกเขารอคอยมานานใช่ไหม?” จางเซวียนอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะนึกได้
ตั้งแต่เข้าสู่โดมแอปริคอต พวก 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ก็เลือกที่จะรออยู่ในอาณาบริเวณรอบนอกของสวน ไม่ยอมเข้ามาด้านใน ราวกับกำลังรอคอยอะไรสักอย่าง เท่าที่เห็น พวกเขาน่าจะกำลังรอให้ปรมาจารย์ขงเริ่มเปิดการบรรยาย
“แม้แท่นที่ปรมาจารย์ขงใช้ถ่ายทอดคำสอนของเขาจะทำจากวัตถุธรรมดาสามัญ แต่การที่ปรมาจารย์ขงใช้มันถ่ายทอดคำสอนมานานหลายปี ก็ทำให้แท่นนั้นได้รับทั้งจิตวิญญาณและพละกำลัง ก่อเกิดเป็นภาพลวงตาบางอย่างขึ้นมา” หลัวลั่วชิงอธิบาย “หากจะบอกว่าร่างที่อยู่บนแท่นนั้นคือปรมาจารย์ขง ก็น่าจะถูกต้องกว่าถ้าจะบอกว่ามันคือร่องรอยที่เขาทิ้งไว้ผ่านกาลเวลาเนิ่นนาน”
“เมื่อถึงเวลา ภาพลวงตาจะปรากฏและเริ่มเปิดการบรรยาย แม้ต้นแอปริคอตกับใบไม้พวกนั้นจะฟังคำบรรยายมาแล้วหลายครั้ง แต่พวกมันก็ยังเกิดภูมิปัญญาใหม่ๆทุกครั้งที่ได้ฟัง ทำให้พวกมันเกิดความคาดหวังเมื่อเกิดปรากฏการณ์นี้ขึ้น นี่คือพลังสูงสุดของถ้อยคำเรียบง่ายแห่งภูมิปัญญาล้ำลึกของปรมาจารย์ขง”
จางเซวียนพยักหน้ารับ
นี่คือความแตกต่างอันยิ่งใหญ่ระหว่างคำบรรยายของปรมาจารย์ขงกับจางเซวียน หัวใจของถ้อยคำเรียบง่ายแห่งภูมิปัญญาล้ำลึกไม่ใช่การฉีกกระชากแนวคิดใหญ่ให้แยกออกเป็นเศษเสี้ยวเล็กๆจนถึงขนาดที่แม้แต่เด็กก็ยังทำความเข้าใจได้ แต่เป็นการนำเสนอแนวคิดอันลึกซึ้งในรูปแบบที่ง่ายกว่าขณะกระตุ้นให้ผู้ฟังเกิดภูมิปัญญา ทำให้ผู้นั้นมีมุมมองและจุดยืนของตัวเอง
ส่วนการบรรยายของจางเซวียนนั้นตรงไปตรงมาและกระจ่างชัดเกินไป ทำให้ผู้ฟังพลาดความหมายลึกซึ้งบางอย่าง
การปรับแนวคิดอันล้ำลึกให้เรียบง่ายขึ้นนั้นจะทำให้ผู้ฟังทำความเข้าใจได้ง่ายขึ้นมากก็จริง แต่หากปรับเปลี่ยนมากไป ก็อาจทำให้ผู้ฟังสูญเสียความกระตือรือร้นในการเรียนรู้และความคิดสร้างสรรค์หยุดชะงัก
“คำสอนของคุณมีรายละเอียดมากเกินไป และเต็มไปด้วยการตีความตามแบบของคุณเอง” หลัวลั่วชิงพูด “นักรบคนอื่นๆจะเดินตามแนวทางความคิดของคุณและฝึกฝนวรยุทธตามรูปแบบของคุณอย่างเคร่งครัด ทำให้ผลที่ได้ออกมาเป็นพิมพ์เดียวกันหมด”
“ส่วนถ้อยคําเรียบง่ายแห่งภูมิปัญญาล้ำลึกของปรมาจารย์ขงจะกระตุ้นนักรบให้ตีความแต่ละหัวข้อตามความรู้ที่พวกเขาได้รับการถ่ายทอดมา และด้วยการทำแบบนั้น ปรมาจารย์ขงจะสามารถบ่มเพาะผู้เชี่ยวชาญออกมาได้หลากหลายรูปแบบ”
การฝึกฝนวรยุทธไม่ควรจะเป็นกระบวนการของการเลียนแบบ
หากครูบาอาจารย์ถ่ายทอดระบบการฝึกฝนวรยุทธของพวกเขารวมทั้งแนวคิดให้ลูกศิษย์ ก็เท่ากับเป็นการฉกฉวยโอกาสที่ลูกศิษย์จะได้ใช้จินตนาการและตีความวรยุทธต่างๆตามแบบของตัวเอง
อันที่จริง ถ้อยคำเรียบง่ายนั้นถือว่ามากเกินพอ เพราะสิ่งที่ลูกศิษย์ต้องการจริงๆ คือการจุดประกายความคิดให้พวกเขาก้าวเดินต่อไป เมื่อพวกเขาก้าวเดินตามเส้นทางที่ตัวเองเลือกแล้วเท่านั้น จึงจะเข้าถึงจุดสูงสุดที่ไม่เคยมีใครไปถึงมาก่อนได้
“อือ” จางเซวียนพยักหน้ารับ เขาอดไม่ได้ที่จะหันไปมองหลัวลั่วชิงด้วยแววตาที่ฉายความงุนงงเล็กน้อย
แม้ทั้งคู่จะได้ใช้เวลาร่วมกันมาบ้าง แต่สาวน้อยก็ยังคงเป็นความลึกลับซับซ้อนกับเขา ยิ่งเขารู้จักเธอมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีเรื่องราวให้รับรู้มากขึ้นเท่านั้น
ราวกับเขากำลังว่ายข้ามมหาสมุทรกว้างใหญ่ ต่อให้ว่ายไปไกลแค่ไหนก็ไม่เห็นฝั่ง
คำพูดของเธอดูธรรมดาสามัญ แต่บ่อยครั้งที่ชี้ทางสว่างให้เขาเห็น ราวกับพี่เลี้ยงสักคนที่คอยแนะนำผู้เข้าแข่งขันอย่างเงียบๆ
จางเซวียนรู้ดีว่าต่อให้เขาวิงวอน หลัวลั่วชิงก็คงไม่ยอมเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเธอ จึงแอบถอนหายใจก่อนจะตั้งคำถามต่อ “คุณจะเข้าไปฟังคำบรรยายของปรมาจารย์ขงไหม?”
เพราะจางเซวียนฝึกฝนเทคนิคเทียบฟ้าเหมือนปรมาจารย์ขง คำบรรยายของภาพลวงตาจึงไม่มีประโยชน์กับเขานัก แต่อาจไม่เป็นอย่างนั้นสำหรับหลัวลั่วชิง
“การบรรยายเพิ่งเริ่ม เราน่าจะได้เห็นการเคลื่อนไหวของหยวนเทาเร็วๆนี้ ถ้าทุกอย่างเป็นไปด้วยดีล่ะก็ เขาน่าจะได้ประโยชน์” หลัวลั่วชิงพูด
“ก็ได้” จางเซวียนพยักหน้า
ก่อนหน้านี้ หลัวลั่วชิงบอกไว้ว่ามีโอกาสที่หยวนเทาจะได้พบกับความโชคดีครั้งใหญ่ แต่ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นแม้ภาพลวงตาของปรมาจารย์ขงจะเริ่มเปิดการบรรยายแล้ว บางทีการแสดงที่แท้จริงอาจยังไม่เริ่ม
จางเซวียนมองไปรอบๆเพื่อค้นหาหยวนเทา ซึ่งก็เห็นอีกฝ่ายเดินตรงเข้าสู่แท่นสูงตระหง่านด้วยนัยน์ตาจ้องเขม็ง
“เขาถูกปิดกั้นการรับรู้ไว้ จึงไม่ได้ยินคำสอนของปรมาจารย์ขง…” จางเซวียนสะดุดกับทีท่าแปลกประหลาดของหยวนเทา ก่อนจะตาโตเมื่อนึกได้
มีผู้เชี่ยวชาญอยู่ที่นี่มากมาย ซึ่งทันทีที่พวกเขาได้ยินเสียงปรมาจารย์ขง ก็รีบตรงเข้าหาที่นั่งเพื่อตั้งใจฟังคำสอนนั้น แต่หยวนเทายังคงเคลื่อนไหวอยู่ เป็นไปได้ว่าการรับรู้ของเขาถูกบางอย่างปิดกั้นไว้
ในเมื่อหยวนเทาไม่ได้ยินเสียงปรมาจารย์ขง จึงไม่น่าแปลกใจที่เขาจะไม่มีปฏิกิริยาใดๆ
หยวนเทาเดินตรงเข้าสู่แท่นสูงตระหง่าน เขายืดแขนและปล่อยพละกำลังมหาศาลออกไป ดูเหมือนกำลังพยายามจะบีบบังคับอะไรสักอย่างให้ลอยขึ้นจากพื้น
“เฮ้ย…” จางเซวียนถึงกับผงะ
เขายังสงสัยอยู่ว่าหยวนเทาคิดอะไร ไม่น่าเชื่อว่าอีกฝ่ายตั้งใจจะยกแท่น
“นี่คือแท่นที่ปรมาจารย์ขงใช้ถ่ายทอดคำสอนของเขา มันจึงเหนือชั้นกว่าระดับมนุษย์ธรรมดาสามัญ พลังปราณธรรมดาไม่อาจทำให้มันสะดุ้งสะเทือนได้” หลัวลั่วชิงพูด “ในฐานะผู้มีสายเลือดฮ่องเต้ หยวนเทามีพละกำลังอันน่าอัศจรรย์แม้จะปราศจากพลังปราณ หากต้องการจะเคลื่อนย้ายแท่น จึงไม่มีใครเป็นตัวเลือกที่ดีไปกว่าเขา!”
“หากใครสักคนสามารถนำแท่นนี้ออกไปได้ ด้วยภาพลวงตาของปรมาจารย์ขงที่มีอยู่ ก็จะสามารถบ่มเพาะผู้เชี่ยวชาญรุ่นต่อๆไปได้อย่างง่ายดาย…”
ฟิ้วววว!
พละกำลังของหยวนเทาพุ่งออกมา แท่นสูงตระหง่านนั้นสั่นสะท้านไม่หยุด สุดท้าย มันก็ลอยสูงขึ้นจากพื้น