อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1774 อานุภาพของฮ่องเต้เผ่าพันธุ์ปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุด
ความแค้นระหว่างเผ่าพันธุ์ปีศาจกับเผ่าพันธุ์มนุษย์ดำเนินต่อเนื่องมากว่าหลายหมื่นปี
ไม่ว่าจะเป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจหรือมนุษย์ ส่วนใหญ่ล้วนมีญาติสนิทมิตรสหายที่ถูกอีกฝ่ายสังหารอย่างเลือดเย็น มันเป็นความแค้นที่ฝังรากลึกจนไม่มีทางคลี่คลายได้ด้วยการใช้คำพูดเพียงไม่กี่คำหรือการประนีประนอม
กว่าพวกเขาจะทำให้ผู้นำสูงสุดของเผ่าพันธุ์ปีศาจจนมุมได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย จึงไม่มีทางที่จะปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดมือไป
อำมาตย์เฉินหย่งก็เข้าใจสิ่งนี้ จึงไม่แปลกใจกับปฏิกิริยาของเหล่านักปราชญ์โบราณจากทวีปแห่งปรมาจารย์ เขาลดสายตาลงมองจางหงเทียนและถามว่า “แล้วคุณล่ะ?”
“ตระกูลจางของเราต่อสู้กับเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่นมานานนับปีไม่ถ้วน ทั้งท่านพ่อ ท่านปู่และบรรพบุรุษหลายรุ่นของผมต้องเสียชีวิตภายใต้คมดาบของเผ่าพันธุ์ปีศาจ สองมือของเผ่าพันธุ์ปีศาจล้วนแต่เปื้อนเลือดของตระกูลจาง ในช่วงชีวิตของผม ผมดูถูกดูแคลนพวกที่รุมทำร้ายคนอื่น แต่ก็นั่นแหละ นี่ไม่ใช่การดวลอย่างชอบธรรม แต่เป็นการต่อสู้เพื่อล้างแค้น! ผมเชื่อว่าแม้แต่ปรมาจารย์ขงก็คงเห็นด้วยกับการกระทำของพวกเรา!” จางหงเทียนคำรามขณะชักดาบออกมา สายตาจับจ้องร่างสูงใหญ่ที่ยืนตระหง่านอยู่เหนือศีรษะของเขา
เมื่อได้ยินว่าจางหงเทียนกำลังจะเข้าร่วมการสู้รบ จางเซวียนได้แต่อุทาน “บรรพบุรุษเก่าแก่หงเทียน!”
ตอนนี้อำมาตย์เฉินหย่งถูกล้อมด้วยศัตรูและพิมพ์เขียว ไม่มีทางที่จะหนีรอดจากสถานการณ์นี้ได้
จางเซวียนไม่มีความปรารถนาดีใดๆให้เผ่าพันธุ์ปีศาจ แต่หวู่เฉินอยู่กับเขามาระยะหนึ่งแล้ว เขารู้สึกเหมือนถูกทรยศเมื่อพบว่าแท้ที่จริงแล้วหวู่เฉินเป็นใคร แต่ก็ไม่อาจทนเห็นอีกฝ่ายถูกรุม
รู้ดีว่าจางเซวียนกำลังจะพูดอะไร จางหงเทียนโบกมืออย่างคนที่ตัดสินใจเป็นมั่นเหมาะ “อย่าเสียเวลาประนีประนอมให้เผ่าพันธุ์ปีศาจเลย นี่เป็นโอกาสงามที่เราอาจหาไม่ได้อีกแล้ว!”
ไม่ใช่ว่าเผ่าพันธุ์ปีศาจทุกตัวจะชั่วร้าย แต่ความแตกต่างระหว่างเผ่าพันธุ์ทำให้พวกเขาไม่อาจร่วมมือกันได้ นี่คือการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด ไม่ใช่ต่อสู้เพื่อแย่งชิงความเหนือกว่า
ถ้าปราศจากอำมาตย์เฉินหย่ง เผ่าพันธุ์ปีศาจก็จะเหมือนกับผืนทรายที่ถูกซัดจนแตกกระจาย ประสิทธิภาพการต่อสู้ของพวกมันจะลดน้อยถอยลงอย่างมาก และจะไม่เป็นภัยคุกคามต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์อีก
นี่คือช่วงเวลาสมบูรณ์แบบที่จะกำจัดภัยคุกคามที่ครอบงำพวกเขามานานหลายปี
ก็เพราะสิ่งนี้ที่ทำให้ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ตั้งใจเรียกนักปราชญ์โบราณมากมายมารวมตัวกัน ถึงขนาดที่แม้แต่การต่อสู้เพื่อแย่งชิงมหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วงก็ยังมีความสำคัญเป็นรองสำหรับพวกเขา
“ก็ดี แล้วพวกคุณที่เหลือล่ะ?”
เมื่อเห็นว่าทั้ง 3 กลุ่มอำนาจเลือกจะร่วมมือกันต่อต้านเขา สุดท้าย อำมาตย์เฉินหย่งก็เบนสายตา ไปจับจ้องเผ่าพันธุ์อสูร
“พวกเราไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งครั้งนี้ เป้าหมายของเราอยู่ที่มหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วงเท่านั้น” นายใหญ่สีขาวตอบอย่างเย็นชา
“ถ้าพวกคุณไม่อยากเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งครั้งนี้ กระบี่ของผมก็ไม่มีหน้าที่ต้องปกป้องคุณเช่นกัน หากยังอยู่ที่นี่ล่ะก็ พวกคุณจะต้องสุ่มเสี่ยงกับการเสียชีวิต!” อำมาตย์เฉินหย่งคำราม
เขาสะบัดกระบี่ในมือ เกิดเสียงดังกึกก้องขึ้นกลางอากาศ จากนั้น รังสีทรงพลังก็ระเบิดออกจากตัวเขา ทำให้คนอื่นๆที่เหลือรู้สึกราวกับมีหลุมดำอันไร้ขอบเขตปรากฏตรงหน้า
เมื่อปลอมตัวเป็นหวู่เฉิน เขาก็แค่ใช้พละกำลังในระดับของปรมาจารย์ทั่วไป แต่เมื่อกลับคืนสู่ รูปลักษณ์เดิมแล้ว สุดท้ายอำมาตย์เฉินหย่งก็ใช้ปราณสังหารของเผ่าพันธุ์ปีศาจ ทำให้ประสิทธิภาพการต่อสู้เพิ่มสูงขึ้นอีกมาก
“ฆ่าเขา!”
เมื่อเห็นรังสีของหวู่เฉินใกล้จะพุ่งขึ้นถึงจุดสูงสุด นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงรู้ดีว่าการสังหารอีกฝ่ายจะยากขึ้นหากพวกเขายังคงชักช้า จึงชูง้าวในมือและพุ่งเข้าใส่
“ไปเลย!”
ภาพลวงตารูปกรงเล็บของตาเฒ่าหยูฉีกกระชากทุกสิ่งที่ขวางหน้า การโจมตีของผู้เชี่ยวชาญทั้งสองก่อให้เกิดรอยแยกสีดำและสีขาวพาดผ่านกลางอากาศ ราวกับดาวหางที่พุ่งผ่านท้องฟ้า
“แสดงให้ผมดูหน่อยเถอะว่าคุณทำอะไรได้บ้าง!” อำมาตย์เฉินหย่งคำรามขณะเงื้อกระบี่ขึ้นและฟาดฟันอากาศ
ฉึกกกก!
รอยแยกสีดำปรากฏขึ้นในมิติที่ถูกพิมพ์เขียวสกัดกั้นไว้ มันพังทลายด้วยการโจมตีเพียง 2 ครั้ง ราวกับถูกค้างคาวที่ทรงพลังกวัดแกว่งปีกเข้าใส่ ทั้งง้าวและกรงเล็บถูกสอยกระเด็นไปไกล
อำมาตย์เฉินหย่งใช้โอกาสนี้เดินหน้าโจมตี ด้วยการกวัดแกว่งกระบี่อีกครั้ง เขาก็สกัดกั้นการโจมตีของนักปราชญ์โบราณคนอื่นๆไว้ได้ ก่อนจะพุ่งเข้าใส่เพื่อพยายามเล่นงานนักปราชญ์โบราณเหยียนชิง
การโจมตีครั้งนี้มีพละกำลังมากจนถึงขนาดนักปราชญ์โบราณที่มีวรยุทธขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือดอย่างนักปราชญ์โบราณเหยียนชิงไม่สามารถหลบเลี่ยงมันได้
วิ้งงงง!
ขณะที่ความตายกำลังจะเข้าจู่โจมผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดของ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ ดาบเล่มหนึ่งก็เปล่งประกายวาบขึ้นกลางอากาศ ปล่อยอานุภาพที่อยู่เหนือขีดจำกัดของมิติและเวลา จากนั้นก็ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน
ถ้าอำมาตย์เฉินหย่งยังคงโจมตีต่อไป ต่อให้เขาสังหารนักปราชญ์โบราณเหยียนชิงได้สำเร็จ ก็จะต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการกระทำนั้น ด้วยเหตุนี้ เขาจึงเปลี่ยนเป้าหมายของกระบี่ไปเป็นการปัดป้องการโจมตีที่กำลังจะเข้ามา
เคร้งงงง! เคร้งงงง!
เสียงกึกก้องของโลหะกระทบกันดังสนั่นไปทั่ว การเคลื่อนไหวของจางหงเทียนนั้นเฉียบคมทว่าลื่นไหลราวกับการร่ายรำอันซับซ้อน ท่วงท่าของเขาดูเหมือนไม่จงใจและปรับเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ยากที่จะอ่านทิศทางการโจมตีของเขา ในตอนนั้น จางหงเทียนดูราวกับนักดาบผู้เป็นอมตะ
นี่เป็นครั้งแรกที่จางเซวียนได้เห็นการต่อสู้ของนักรบระดับนี้ เขาอดกลืนน้ำลายไม่ได้
สมกับที่เป็นผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดของทวีปแห่งปรมาจารย์ การโจมตีทุกกระบวนท่าของพวกเขาดูจะกำจัดเอาทุกกฎเกณฑ์ของโลกใบนี้ออกไป โชคดีที่ตัวเขาอยู่ในระยะปลอดภัย ไม่อย่างนั้นก็อาจถูกฉีกกระชากออกเป็นชิ้นๆเช่นกัน
อำมาตย์เฉินหย่งมีพละกำลังเหนือชั้นกว่าที่เขาคิดไว้มาก แม้จะถูกรุม แต่ทุกกระบวนท่าของเขาก็ยังคงสุขุมและผ่านการคิดคำนวณมาอย่างดี ไม่มีร่องรอยของความตื่นตระหนกแม้แต่น้อย
การสู้รบเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ลงท้ายก็มีเสียงร้องโหยหวนขณะที่ร่างหนึ่งพุ่งลงมาจากกลางอากาศ
นักปราชญ์โบราณคนหนึ่งร่วงลงมา!
“นั่นคือบรมครูนักปราชญ์ของเผ่าพันธุ์ปีศาจ…”
จางเซวียนจดจำศพนั้นได้ เขาคือหนึ่งในบริวารของตาเฒ่าหยู เผ่าพันธุ์ปีศาจที่มีวรยุทธระดับนักปราชญ์โบราณขั้น 2
“เยี่ยมเลย…”
รู้ดีว่าศพนั้นมีวรยุทธในระดับขั้นที่ไม่อาจพบเจอกันได้ง่ายๆ จางเซวียนก้าวเข้าไปและยกศพขึ้นโดยใช้หอกสวรรค์กระดูกมังกร
ฟึ่บ!
จากนั้น ศพก็เข้าไปอยู่ในแหวนเก็บสมบัติของเขา
พลั่ก!
ทันทีที่จางเซวียนเก็บศพนั้นเรียบร้อย นักปราชญ์โบราณคนหนึ่งของ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ก็พบจุดจบโดยถูกซ้อมจนร่วงลงมากองกับพื้น
ไม่นานหลังจากนั้น ผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งของสภาปรมาจารย์ก็ร่วงลงมาเช่นกัน
จางเซวียนไม่ลังเลที่จะเก็บศพของเผ่าพันธุ์ปีศาจ แต่เขาไม่เต็มใจจะแตะต้องศพที่มาจาก 100 สำนักแห่งนักปราชญ์กับทวีปแห่งปรมาจารย์
เพราะถึงอย่างไรตัวเขาก็เป็นปรมาจารย์ อย่างน้อยที่สุด สิ่งที่ควรทำก็คือเคารพมิตรสหายของตัวเอง
แต่ก็นั่นแหละ ถึงจางเซวียนจะไม่เก็บศพของพวกนั้น แต่เขาก็ยังดึงเอาหยดเลือดนักปราชญ์โบราณที่ไหลออกมาตลอดระยะเวลาของการต่อสู้มาเก็บไว้
ขณะที่การต่อสู้หนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ อัตราการเสียชีวิตของนักปราชญ์โบราณก็เร็วขึ้น
ภายในไม่ถึง 10 นาที ก็เหลือนักปราชญ์โบราณที่เข้าร่วมการสู้รบอยู่ไม่ถึงครึ่ง
แต่อำมาตย์เฉินหย่งก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน เลือดหยดลงมาตามแขนของเขา ใบหน้าก็ซีดเผือด
นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงกับจางหงเทียนต่างก็ได้แผล พวกเขาหอบหายใจหนักหน่วงและไม่ได้อยู่ในสภาพดีนัก
ตรงกันข้าม กลับเป็นตาเฒ่าหยูที่ได้รับบาดเจ็บน้อยที่สุด
ไม่ใช่เพราะเขาแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาทั้งสามคน แต่เพราะเป็นคนเจ้าเล่ห์เจ้ากลที่สุด ตาเฒ่าหยูจึงซ่อนตัวจากแนวตั้งรับการโจมตีของอำมาตย์เฉินหย่ง และใช้อีกสองคนที่เหลือเป็นโล่
“สมกับที่เป็นผู้เชี่ยวชาญหมายเลข 1 ของเผ่าพันธุ์ปีศาจ คุณสามารถเล่นงานพวกเราได้ทั้งที่ต้องเผชิญหน้ากับพวกเราพร้อมกันทีเดียวหลายคน” จางหงเทียนตั้งข้อสังเกตด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกความยำเกรง
เขาเคยคิดว่าตัวเขาอาจถือได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกแล้ว แต่ใครจะไปรู้ว่ายังมีคนอื่นที่แข็งแกร่งกว่าเขามากอยู่ในโลกใบนี้เช่นกัน
“พวกคุณไม่ได้อ่อนด้อยนะ แต่นั่นคือทั้งหมดที่พวกคุณทำได้ต่างหาก ความปรารถนาของคุณที่จะเอาชีวิตผมในวันนี้น่ะไม่ต่างอะไรกับการเพ้อฝัน!” อำมาตย์เฉินหย่งตอบอย่างวางมาดพร้อมกระชับกระบี่ในมือให้แน่นขึ้น
“ฮึ่ม! ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิต ผมก็จะลากคุณลงหลุมศพให้ได้!” จางหงเทียนคำราม
“งั้นก็ลองดู!” อำมาตย์เฉินหย่งคำราม
เขาเงื้อกระบี่ขึ้นเพื่อต่อสู้ แต่ทันใดนั้น พิมพ์เขียวทั้งอันที่อยู่โดยรอบก็สั่นสะท้านอย่างรุนแรง
โลกดูเหมือนจะหมุนช้าลงด้วยความยำเกรงในลำแสงสีขาวที่ทะลุผ่านพิมพ์เขียว ไม่ช้า แท่นขนาดยักษ์ก็ปรากฏ
แสงนั้นพุ่งตรงไปยังหลัวลั่วชิงซึ่งอยู่ระหว่างการซึมซับมหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วง
“สำเร็จ!” อำมาตย์เฉินหย่งตาโตด้วยความตื่นเต้น
เหตุผลที่เขาเลือกอยู่ที่นี่และสู้ต่อก็เพื่อเตรียมของล้ำค่าในการช่วยเหลือหลัวลั่วชิง เมื่อเห็นว่าสุดท้ายแผนการนี้ก็สำเร็จ เขาก็ไม่อาจระงับความตื่นเต้นไว้ได้อีก
ฟิ้วววว!
ขณะที่แสงจากแท่นนั้นตรงเข้าโอบล้อมหลัวลั่วชิง ก็ดูเหมือนว่าด่านคอขวดของวรยุทธขั้นนักปราชญ์โบราณของเธอจะถูกปลดปล่อยอีกครั้ง พลังงานมหาศาลไหลเวียนไปทั่วร่างของเธอราวกับกระแสคลื่นเชี่ยวกรากขณะที่เธอแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
ด้วยอานุภาพการโจมตีของพละกำลังระดับนั้น สุดท้าย มหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วงก็ยอมจำนน