อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1780 จางเซวียนปะทะตาเฒ่าหยู
อำมาตย์เฉินหย่งสามารถใช้เลือดของเขาขับเคลื่อนโครงกระดูกท่อนแขนของไอ้โหดได้ และนั่นบ่งบอกความเป็นไปได้ข้อหนึ่ง คือเขามีสายเลือดเดียวกันกับไอ้โหด
“เขาคือท่านปู่ของผม” อำมาตย์เฉินหย่งตอบอย่างไม่ปิดบัง
“ท่านปู่?” จางเซวียนถึงกับผงะ
เขาไม่นึกว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะใกล้ชิดกันขนาดนั้น คิดว่าน่าจะห่างกันหลายชั่วคนอยู่
ไอ้โหดคือผู้เชี่ยวชาญที่มีชีวิตอยู่ตั้งแต่หลายหมื่นปีก่อน แต่อำมาตย์เฉินหย่งก็ยังมีชีวิตอยู่เช่นกันทั้งที่เป็นหลานชายของเขา อายุขัยของเผ่าพันธุ์ปีศาจช่างน่าสะพรึงเสียจริง
“เทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณบอกผมว่าคุณรวบรวมชิ้นส่วนของท่านปู่ของผมไว้ได้มากมาย, นายน้อย และเธอยังสั่งการผมให้ช่วยเหลือคุณเรื่องนี้ ซึ่งในเมื่อเป็นอย่างนั้น ผมจะมอบแขนคู่นี้ให้คุณ แม้มันจะยังไม่เพียงพอให้ท่านปู่ของผมกลับคืนสู่สภาวะแข็งแกร่งสูงสุดได้ แต่ก็คงมากพอให้เขาฟื้นคืนวรยุทธขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือดได้สำเร็จ!”
อำมาตย์เฉินหย่งสะบัดข้อมือ แล้วโครงกระดูกแขนทั้งสองข้างก็ลอยเข้าหาจางเซวียน
“ขอบคุณมาก!”
เป็นความจริงที่ว่าเขากำลังสะสมชิ้นส่วนร่างกายของไอ้โหด ซึ่งเมื่ออำมาตย์เฉินหย่งเต็มใจมอบโครงกระดูกท่อนแขนให้ เขาก็ไม่คิดจะเกรงใจอีกต่อไป
จางเซวียนนำหนังสือเทียบฟ้าออกมา ไม่ช้า แขนสองข้างนั้นก็หลอมรวมเข้ากับร่างของไอ้โหดที่อยู่ภายในหนังสือ
เมื่อรับรู้ได้ถึงการหลอมรวมอย่างสมบูรณ์แบบของแขนทั้งสองข้างเข้ากับร่างกาย ซึ่งหมายความว่าไอ้โหดไม่ได้กำลังเข้าสู่ภาวะจำศีลอันเป็นผลจากความขัดแย้งกันของเจตจำนงในร่างกายแต่ละส่วน จางเซวียนถามด้วยความสงสัย “คุณย้ายจิตใต้สำนึกที่อยู่ในท่อนแขนแล้วหรือ?”
“เทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณช่วยผมกำจัดจิตใต้สำนึกที่อยู่ในท่อนแขนออกไป แล้วแทนที่ด้วยจิตใต้สำนึกของผมเอง ซึ่งในเมื่อผมมอบให้คุณแล้ว, นายน้อย ผมก็ไม่กล้าใส่จิตใต้สำนึกของผมเข้าไปในนั้นหรอก” อำมาตย์เฉินหย่งอธิบาย
เพราะรับรู้ถึงความปราดเปรื่องอย่างน่าทึ่งของชายหนุ่ม รวมถึงความสัมพันธ์ของอีกฝ่ายกับเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณ อำมาตย์เฉินหย่งจึงไม่กล้าทำตัวกระด้างกระเดื่องกับจางเซวียน
อำมาตย์เฉินหลิงกับอำมาตย์เฉินชิงไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณมากนัก ทั้งสองจึงไม่รู้ว่าเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณทรงพลังแค่ไหน แต่แน่นอนว่าอำมาตย์เฉินหย่งรู้ดี
ถ้าเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณปลดปล่อยพละกำลังของเธอออกมา ทวีปแห่งปรมาจารย์ทั้งทวีปจะต้องราบคาบ
แล้วผู้ที่เทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณให้ความสนใจจะเป็นคนธรรมดาสามัญได้อย่างไร?
ด้วยเหตุนี้ อำมาตย์เฉินหย่งจึงไม่ละเลยโอกาสที่จะสร้างความสัมพันธ์อันดีกับชายหนุ่ม อีกอย่าง ชายหนุ่มก็เพิ่งช่วยชีวิตของเขาไว้
“ขอบคุณมาก” จางเซวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่
ตอนนี้ไอ้โหดคือหนึ่งในไพ่ไม้ตายที่มีอานุภาพสูงสุดของเขา และคงจะน่าเสียดายมากถ้าไอ้โหดต้องเข้าสู่ภาวะโคม่าเพราะเจตจำนงที่ขัดแย้งกัน ขอแค่ไอ้โหดมีพละกำลังมากพอ ก็น่าจะกลับคืนสู่สภาพแข็งแกร่งสูงสุดได้ในเร็วๆนี้
จางเซวียนกระดิกนิ้ว แล้วขวดหยกใบหนึ่งก็ลอยเข้าสู่หนังสือเทียบฟ้า มันคือขวดหยกที่บรรจุเลือดนักปราชญ์โบราณที่เขาได้รวบรวมสะสมไว้
ไอ้โหดรีบรับหยดเลือดของนักของนักปราชญ์โบราณที่เป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจไป ครู่ต่อมา พลังงานเหลือเฟือก็พุ่งเข้าสู่ร่างของเขา
“ขัดเกลาวรยุทธของคุณเสีย” จางเซวียนสั่งการก่อนจะปิดหนังสือเทียบฟ้าและใส่มันกลับเข้าไปในหอสมุดเทียบฟ้า
“อ้อ นายน้อย นี่คือชุดฟางที่ท่านปู่ของผมทิ้งไว้ ถ้าคุณซึมซับมันและหลอมรวมมันเข้ากับร่างกายของคุณได้ มันจะช่วยเร่งกระบวนการให้ท่านปู่ของผมสร้างเลือดเนื้อของเขาได้เร็วขึ้น!” อำมาตย์เฉินหย่งพูดขณะชี้นิ้วไปที่ของล้ำค่าซึ่งลอยอยู่ด้านบน
“มันจะช่วยให้ไอ้โหดสร้างเลือดเนื้อได้เร็วขึ้นหรือ?” จางเซวียนตาโตเมื่อได้ยินคำนั้น
สำหรับไอ้โหด วิธีการที่ให้ผลรวดเร็วที่สุดในการฟื้นคืนสภาพร่างกายของเขาก็คือการกลืนกินเลือดเนื้อของเหล่าปรมาจารย์ ด้วยเหตุนี้ แม้ร่างกายบางส่วนของไอ้โหดจะพัฒนาจนมีเลือดเนื้อขึ้นมาแล้ว แต่ส่วนอื่นๆอย่างร่างกายท่อนบนก็ยังคงเป็นโครงกระดูกอยู่
เป็นธรรมดาที่จางเซวียนจะไม่อยากใช้วิธีการแบบนั้น เขาจึงไม่ได้ใส่ใจ
ถ้าชุดฟางช่วยไอ้โหดสร้างเลือดเนื้อได้จริงๆ นั่นก็จะทำให้ประสิทธิภาพการต่อสู้ของมันเพิ่มสูงขึ้นอีกมาก
จางเซวียนกระโจนขึ้นไปคว้าชุดฟาง
เมื่อเห็นเขาทำอย่างนั้น ตาเฒ่าหยูซึ่งเพิ่งฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บมีสีหน้าเคร่งเครียด “คุณทำอะไรน่ะ? นั่นคือทรัพย์สมบัติของอำมาตย์เฉินหลิงนะ”
แต่ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบ กระแสดาบฉีก็ระเบิดเข้าใส่
เกิดรูขนาดใหญ่ 2 รูบนร่างของตาเฒ่าหยู เลือดสดๆกระอักออกจากปาก
“จางหงเทียน คุณทำบ้าอะไร?” ตาเฒ่าหยูคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว
ผู้ที่เพิ่งโจมตีเขาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากบรรพบุรุษของจางเซวียน, จางหงเทียน!
เพิ่งเมื่อครู่นี้เองที่ต่างคนต่างละทิ้งความขัดแย้งเพื่อร่วมกันเล่นงานอำมาตย์เฉินหย่ง แล้วทำไมจู่ๆอีกฝ่ายถึงเล่นงานเขา?
“ผมพยายามทำอะไรน่ะหรือ? ก็ไม่ได้มีอะไรมากหรอก จริงๆนะ เพราะผมไม่มีทางเลือกต่างหาก ถึงต้องร่วมมือกับคุณเพื่อเล่นงานอำมาตย์เฉินหย่ง แต่คุณไม่คิดบ้างหรือไงว่าตอนนี้ถึงเวลาที่เราจะต้องชำระความแค้นส่วนตัวแล้ว!” จางหงเทียนคำรามเสียงเย็นขณะชูดาบในมือขึ้นด้วยท่วงท่าสง่างาม
ก่อนหน้านี้ เขาไม่อยากขัดขวางแผนการของ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ จึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องร่วมมือกับเหล่านักปราชญ์โบราณของเผ่าพันธุ์ปีศาจเป็นการชั่วคราว แต่เมื่อเรื่องของอำมาตย์เฉินหย่งคลี่คลายแล้ว ก็ถึงเวลาชำระความแค้นส่วนตัว
“คุณอยากฆ่าผม? คิดว่าผมกลัวหรือไง?” ตาเฒ่าหยูลุกพรวดและคำราม “ว่าแต่…มาพูดกันให้ชัดเจนก่อน ถ้าคุณแพ้ล่ะก็ หลีกทางให้พวกผมออกไปจากที่นี่เลยนะ”
ไม่ใช่เพราะเขาอยากอยู่ตรงนี้หลังจากเสร็จสิ้นการสู้รบ แต่เพราะมีนักปราชญ์โบราณมากมายจาก 100 สำนักแห่งนักปราชญ์และสภาปรมาจารย์คอยจับตามองอย่างระแวง เขาจึงไม่กล้าด่วนตัดสินใจหรือเคลื่อนไหว
แต่ในเมื่อจางหงเทียนคิดจะจัดการเรื่องความขัดแย้ง ก็คงจะดีถ้าพูดกันให้ชัดเจนเสียก่อน
ตาเฒ่าหยูรู้ดีว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์พยายามจะเล่นงานพวกเขาหลังจากจัดการอำมาตย์เฉินหย่งแล้ว จึงตั้งใจยั้งมือและไม่ทำอะไรมากในการต่อสู้เมื่อครู่ก่อน ด้วยเหตุนี้ บาดแผลที่เขาได้รับจึงเบากว่าของจางหงเทียนมาก หากทั้งคู่เผชิญหน้ากัน ก็ยากที่จะบอกได้ว่าใครจะเป็นผู้ชนะ
“ตกลงตามนั้น” จางหงเทียนพยักหน้า เขาหันไปพูดกับฝูงชนว่า “วันนี้ผมจะชำระความแค้นส่วนตัวระหว่างผมกับตาเฒ่าหยู ถ้าผมแพ้ ก็เป็นเพราะความอ่อนแอของผมเอง ผมจะไม่ขอให้พวกคุณล้างแค้นให้ผม และขอให้ปล่อยเขาไป!”
“พี่หงเทียน…” นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงขมวดคิ้ว
เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะด่วนตัดสินใจแบบนั้น และไม่รู้สึกว่าเป็นความคิดที่เข้าท่า อันเนื่องจากสภาพของจางหงเทียนในเวลานี้
“ผมตัดสินใจแล้ว!” จางหงเทียนโบกมืออย่างเด็ดเดี่ยว
นี่ไม่ใช่การตัดสินใจอย่างหุนหันพลันแล่น เขาครุ่นคิดเรื่องนี้มาระยะหนึ่งแล้ว
เพราะบาดแผลที่ได้รับจากการสู้กับอำมาตย์เฉินหย่ง เขารู้ดีว่าตัวเองคงไม่อาจดูแลตระกูลจางได้นานนัก คงต้องมอบหมายภาระความรับผิดชอบนี้ให้คนรุ่นหลังแบกรับต่อไป
เขามีความพอใจในตัวหัวหน้าตระกูลจางคนปัจจุบัน และเชื่อว่าตระกูลจางจะรุ่งเรืองภายใต้การนำของอีกฝ่าย ในฐานะคนที่เวลาใกล้จะหมดลง ของขวัญชิ้นสุดท้ายที่เขาจะมอบให้ตระกูลจางได้ก็คือขจัดเสี้ยนหนามที่คอยทิ่มแทง
ด้วยสิ่งนี้ เขาจะสามารถเผชิญหน้ากับบรรพบุรุษและบรรดาพี่น้องของเขาที่พลีชีพเพื่อปกป้องตระกูลจางและมวลมนุษย์ได้ นี่เป็นการเสียสละครั้งสุดท้ายที่เขาจะมอบให้เผ่าพันธุ์มนุษย์
เมื่อตัดสินใจแล้ว จางหงเทียนปล่อยกระแสดาบฉีเข้าใส่ตาเฒ่าหยู ล้อมอีกฝ่ายไว้ด้วยการโจมตีอย่างหนักหน่วง
“ฮึ่มมม!”
เห็นเรี่ยวแรงของจางหงเทียนถดถอยลงมากเพราะอาการบาดเจ็บ ตาเฒ่าหยูถอนหายใจอย่างโล่งอก เขารวบรวมพลังปราณไว้ที่แขน แล้วภาพลวงตารูปกรงเล็บก็ทับซ้อนกับสองมือของเขา
นักปราชญ์โบราณสองคนปะทะกัน
ในฐานะนักรบที่มีวรยุทธขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือด ทั้งคู่มีกลยุทธเด็ดๆมากมาย ในตอนนั้น ดูเหมือนพวกเขาจะสู้กันได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ
“ก่อนหน้านี้ พี่หงเทียนใช้พละกำลังเกินขนาดในการสู้กับอำมาตย์เฉินหย่ง และได้รับบาดเจ็บสาหัสด้วย ผมเกรงว่าเขาจะสู้กับตาเฒ่าหยูไม่ได้” นักปราชญ์โบราณคนหนึ่งของสภาปรมาจารย์ตั้งข้อสังเกตอย่างกังวล
“ตาเฒ่าหยูน่ะเจ้าเล่ห์เจ้ากลมาก เขาเอาแต่ป้องกันตัว เห็นได้ชัดว่าพยายามถ่วงเวลาจนกว่าพี่หงเทียนจะหมดแรง แล้วเขาถึงจะตอบโต้ เราควรเข้าไปช่วยพี่หงเทียนไหม?” นักปราชญ์โบราณอีกคนหนึ่งจาก 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ตั้งคำถาม
การเคลื่อนไหวของนักปราชญ์โบราณทั้งสองเฉียบคมและมีพลังอย่างน่าทึ่ง ดูเหมือนทั้งคู่จะมีความเก่งกาจทัดเทียมกัน แต่เหล่านักปราชญ์โบราณที่เฝ้ามองอยู่ก็บอกได้ทันทีว่าพละกำลังของจางหงเทียนถดถอยกว่าที่เขาเคยเป็นมาก และมีแต่จะอ่อนแรงลงเรื่อยๆเมื่อการสู้รบดำเนินไป หากเป็นอย่างนี้ เขาอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้!
ในทางตรงกันข้าม ตาเฒ่าหยูดูมีชีวิตชีวากว่ามาก เขาค่อยๆขยับไปรอบๆ หาโอกาสที่จะตอบโต้
“วางใจเถอะ พี่หงเทียนไม่แพ้แน่!” ปรมาจารย์หยางหัวเราะเบาๆ
“เขาจะไม่แพ้?”
นักปราชญ์โบราณ 2 คนที่พูดขึ้นก่อนหน้านี้ออกจะงุนงงกับคำพูดนั้น
ในฐานะนักปราชญ์โบราณผู้คร่ำหวอดการสู้รบ พวกเขามองออกอย่างชัดเจนว่าจางหงเทียนกำลังตกเป็นเบี้ยล่าง แต่สำหรับนักปราชญ์โบราณคนหนึ่งที่เพิ่งฝ่าด่านวรยุทธได้ไม่นาน ปรมาจารย์หยางแน่ใจได้อย่างไรว่าจางหงเทียนจะชนะ?
ปรมาจารย์หยางรู้สึกได้ถึงความสงสัยของทั้งคู่ แต่ก็ไม่อธิบาย เขาหันไปมองชายหนุ่มที่อยู่กลางอากาศซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการซึมซับชุดฟาง
ก่อนหน้านี้ ชายหนุ่มคนนั้นได้มอบตราหยกอันหนึ่งให้จางหงเทียน ซึ่งในตราหยกก็เต็มไปด้วยข้อบกพร่องในวรยุทธของตาเฒ่าหยู ด้วยความรู้เหล่านั้น เป็นอันรับประกันชัยชนะของจางหงเทียนได้!