Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร – Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร – ตอนที่ 1808

Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1808

อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1808 นักปราชญ์โบราณหลันหยา
“ผมอยากเข้าไปในหอนอนของอำมาตย์เฉินหลิงเพื่อหาเลือดมังกร คุณพอรู้วิธีที่จะเข้าไปบ้างไหม?” จางเซวียนถามต่อ

“ผมเกรงว่าสิ่งที่คุณถามถึงน่ะจะทำได้ไม่ง่าย เพราะหลังจากอำมาตย์เฉินหลิงกลับมาและได้รับบาดเจ็บ หอนอนของเขาก็เป็นสถานที่ที่แม้แต่ผมก็ไม่อาจเข้าไปได้สะดวก คนเดียวที่เข้านอกออกในหอนอนของเขาได้เวลานี้คือนักปราชญ์โบราณหลันหยา เพราะฉะนั้น เขาคือคนเดียวที่รู้รายละเอียดเรื่องสภาวะร่างกายในตอนนี้ของอำมาตย์เฉินหลิง”

นักปราชญ์โบราณโม่หลิงหยุดเรียบเรียงความคิดก่อนจะพูดต่อ “นักปราชญ์โบราณหลันหยาติดตามอำมาตย์เฉินหลิงมาตั้งแต่เขายังเด็กมาก เรียกได้ว่าเขาเป็นบริวารผู้จงรักภักดีที่สุดของอำมาตย์เฉินหลิงทีเดียว แม้จะมีวรยุทธเพียงขั้นการสืบสายเลือด แต่สถานภาพของเขาภายใต้การดูแลของอำมาตย์เฉินหลิงก็ถือว่าสูงส่งมาก!”

คำพูดนั้นทำให้จางเซวียนเลิกคิ้ว นัยน์ตาเป็นประกาย “มีวิธีล่อเขาออกมา…และกำจัดเขาไหม?”

ในเมื่อนักปราชญ์โบราณหลันหยาเข้านอกออกในหอนอนได้อย่างอิสระ เขาก็ควรจะปลอมตัวเป็นอีกฝ่ายและแทรกซึมเข้าไปในหอนอน เหมือนอย่างที่ทำกับอู๋เทา

เพราะถึงอย่างไร นักปราชญ์โบราณหลันหยาก็เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มอำนาจของอำมาตย์เฉินหลิง ซึ่งมีเจตนาโหดเหี้ยมต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์ ยิ่งกลุ่มก้อนของอำมาตย์เฉินหลิงอ่อนแอลงเท่าไหร่ มนุษย์ก็จะปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น

“คุณต้องการสังหารนักปราชญ์โบราณหลันหยา?” นึกไม่ถึงว่าประธานสมาคมคนใหม่จะเด็ดขาดขนาดนั้น นักปราชญ์โบราณโม่หลิงอ้าปากค้างเล็กน้อย เขาก้มหน้าลงด้วยความกังวลใจก่อนจะเปรยอย่างลังเล “การสังหารเขาก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าอำมาตย์เฉินหลิงระแคะระคายอะไรขึ้นมาล่ะก็ เราจะต้องเผชิญกับความโกรธแค้นของแก๊งอำมาตย์เฉินหลิงทั้งแก๊ง…”

ในเมื่ออำมาตย์เฉินหลิงให้ความสำคัญกับนักปราชญ์โบราณหลันหยามาก ถ้าอีกฝ่ายต้องเสียชีวิต ก็แน่นอนว่าอำมาตย์เฉินหลิงจะต้องพลิกเมืองหลวงเพื่อตามล่าตัวการ

จางเซวียนคิดหนักอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “ไม่มีใครรู้หรอกถ้าเราเตรียมการล่วงหน้าให้ดี!”

การขโมยเลือดมังกรจากอำมาตย์เฉินหลิงก็ถือเป็นการสร้างความเป็นปฏิปักษ์กับอีกฝ่ายอยู่แล้ว ในเมื่อชะตาลิขิตมาว่าเขาจะต้องยืนอยู่คนละฝั่งกับอำมาตย์เฉินหลิง การจะทำให้ฝ่ายนั้นโกรธเกรี้ยวก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องลังเล

“เข้าใจแล้ว…ผมจะไปเตรียมการ!” นักปราชญ์โบราณโม่หลิงพยักหน้าก่อนจะดึงจิตวิญญาณกลับเข้าสู่กายเนื้อ

ฟึ่บ!

จางเซวียนเก็บไอ้โหดและกระบี่เปลวเพลิงสีดำกลับเข้าที่อย่างรวดเร็ว เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย มิติรอบตัวเขาก็พร่าเลือน เขาพบว่าตัวเองกลับมายืนอยู่กับบรรดานักตรวจสอบสมบัติและเหล่าองครักษ์อีกครั้ง

ทั้งคู่ได้เข้าสู่มิติลี้ลับเพื่อจัดการกิจธุระของพวกเขา ดังนั้น ผู้ที่อยู่ในห้องโถงจึงไม่รู้เลยว่าเพิ่งเกิดการต่อสู้ขึ้นเมื่อครู่ก่อน

ทันทีที่กลับถึงห้องโถง นักปราชญ์โบราณโม่หลิงตวาดก้อง “พวกเรา!”

ชายวัยกลางคนรีบเข้ามาทันที

“ผมตรวจสอบตัวตนของอู๋เทาแล้ว และแน่ใจว่าเขาบริสุทธิ์ เขาไม่ใช่คนที่เรากำลังตามหา สำหรับตอนนี้ ผมอยากให้พวกคุณดำเนินการสอบสวนและตามล่าต่อไป พลิกก้อนหินทุกก้อน อย่าให้มีอะไรหลุดรอดไปได้!” นักปราชญ์โบราณโม่หลิงสั่งการ

“ขอรับ” ชายวัยกลางคนรีบพยักหน้าก่อนจะถ่ายทอดคำสั่งให้บริวารของเขา

ถึงเขาจะรู้สึกว่าอู๋เทาดูน่าสงสัยมาก แต่ถ้าหากแม้กระทั่งนักปราชญ์โบราณก็ยังไม่พบอะไรผิดปกติ ตัวเขาก็คงไม่พบอะไรเช่นกัน

“นักตรวจสอบสมบัติอู๋เทา ผมบังเอิญมีของล้ำค่าบางอย่างที่ยังมีปัญหาในการพิสูจน์ตัวตนของมัน มันอยู่ในที่พักของผม ถ้าคุณมีเวลา ทำไมไม่ตามผมกลับไปที่พักเพื่อให้คำชี้แนะสักหน่อย?” หลังจากโยนภาระทุกอย่างให้บริวารของเขาแล้ว นักปราชญ์โบราณโม่หลิงก็หันไปเอ่ยปากเชื้อเชิญจางเซวียน

“เป็นเกียรติของผมที่จะได้ช่วยเหลือคุณ” จางเซวียนหน้าตาแช่มชื่นขึ้นทันทีขณะรีบโค้งคำนับอย่างสำนึกในบุญคุณ

“ผมขอรบกวนคุณก็แล้วกัน, นักตรวจสอบสมบัติอู๋เทา” นักปราชญ์โบราณโม่หลิงตอบอย่างวางท่าก่อนจะหันกลับไปหาชายวัยกลางคน “ผมจะพาชายผู้นี้ไปกับผม คงไม่ทำให้คุณมีปัญหาอะไรนะ ใช่ไหม?”

“ไม่ ไม่อย่างแน่นอน!” ชายวัยกลางคนรีบพยักหน้า

ก็แค่นักตรวจสอบสมบัติคนเดียวจากจำนวน 200 กว่าคนที่เขามีอยู่ แน่นอนว่าย่อมไม่กระทบกระบวนการประเมินของล้ำค่าที่กำลังดำเนินไป

“ดี พวกคุณที่เหลือ, ผมขอฝากเรื่องการสอบสวนด้วย คงไม่ต้องอธิบายนะว่าอะไรจะเกิดขึ้นถ้าผู้บุกรุกทำลายแผนการของอำมาตย์เฉินหลิงได้…นักตรวจสอบสมบัติอู๋เทา ตามผมมา!”

หลังจากย้ำกับเหล่าองครักษ์อย่างเคร่งเครียด นักปราชญ์โบราณโม่หลิงโบกมือ แล้วจางเซวียนก็พลันรู้สึกถึงพละกำลังที่โอบล้อมร่างของเขา ดึงเขาขึ้นสู่กลางอากาศ ยังไม่ทันจะรู้ตัว ก็มายืนอยู่ตรงหน้าอาคารขนาดใหญ่แล้ว

“ที่นี่คือหอน้ำพุแสนหวาน มีน้ำพุธรรมชาติที่เปี่ยมด้วยพลังจิตวิญญาณเข้มข้น ในช่วงนี้ นักปราชญ์โบราณหลันหยาจะมาที่นี่ในเวลาเดิมทุกวันเพื่อนำน้ำไป ผมคาดว่าน่าจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับสภาวะร่างกายของอำมาตย์เฉินหลิง” นักปราชญ์โบราณโม่หลิงพูด

จางเซวียนผลักประตูและเข้าสู่อาคารนั้น ที่ใจกลางห้องมีน้ำพุขนาดใหญ่

ซ่าาาา!

น้ำพุสาดกระเซ็น

น้ำนั้นใสแจ๋วและมีพลังจิตวิญญาณเข้มข้น จางเซวียนเดินเข้าไปลองจิบ มันมีรสหวานน้อยๆที่ให้ความสดชื่น

“ไม่เลว!” จางเซวียนพยักหน้า

ถึงน้ำพุนี้จะไม่มีพลังจิตวิญญาณเข้มข้นเท่ากับหยดน้ำทิพย์ แต่ก็ปราศจากสิ่งปนเปื้อน หากนำไปใช้ในการหลอมยา น่าจะเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จได้อีกมาก

“ท่านประธาน คุณคิดจะเปิดการโจมตีที่นี่หรือ? ที่นี่ใกล้กับหอนอนของอำมาตย์เฉินหลิงนะ มีโอกาสที่เราจะทำให้คนอื่นๆรู้ตัว” นักปราชญ์โบราณโม่หลิงเปรยอย่างกังวล

ประสาทสัมผัสของนักปราชญ์โบราณนั้นไม่ใช่สิ่งที่ควรประมาท ถึงนักปราชญ์โบราณหลันหยาจะไม่ได้ทรงพลังมากมาย ถึงขนาดที่พวกเขาอาจสังหารอีกฝ่ายได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว แต่ถ้านักปราชญ์โบราณหลันหยาส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือหรืออะไรทำนองนั้นออกไป การที่เขาอุตส่าห์แทรกซึมเข้ามาในเผ่าพันธุ์ปีศาจได้เนิ่นนานหลายปีก็จะสูญเปล่า

จริงอยู่ว่านักปราชญ์โบราณโม่หลิงดึงจางเซวียนเข้าสู่มิติลี้ลับและต่อสู้กับจางเซวียนได้โดยไม่ทำให้คนอื่นรู้ แต่นั่นก็เพราะจางเซวียนตั้งใจปกปิดตัวตนของเขาเช่นกันและไม่คิดจะทำให้ทุกอย่างเป็นเรื่องใหญ่ แต่ถ้านักปราชญ์โบราณหลันหยาพยายามทำอะไรสักอย่าง ก็มีโอกาสสูงที่เรื่องนี้จะผิดพลาดจนน่าพรั่นพรึง

“คุณพูดถูก เราอยู่ใกล้กับหอนอนมากเกินไป ผมจะสร้างค่ายกลขึ้นเดี๋ยวนี้แหละเพื่อป้องกันไม่ให้อะไรๆเล็ดลอดออกไปได้!” จางเซวียนพูด

“คุณจะสร้างค่ายกลตอนนี้? สร้างทันหรือ?” นักปราชญ์โบราณโม่หลิงถามพร้อมกับขมวดคิ้ว

ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งค่ายกลหรือการจารึกอักษรโบราณ ก็ล้วนแต่เป็นงานที่กินเวลาและต้องการการเตรียมตัวอย่างมาก ยกตัวอย่าง เพียงแค่พิมพ์เขียวค่ายกล ผู้นั้นก็จะต้องศึกษามันอยู่นานกว่าจะทำความเข้าใจได้ที่ถ้วน ยิ่งไปกว่านั้น ค่ายกลที่สามารถเล่นงานนักปราชญ์โบราณได้ก็จะต้องเป็นค่ายกลเกรด 9 ขั้นสูงสุดเป็นอย่างน้อย และแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านค่ายกลระดับ 9 ดาวที่เก่งกาจก็ยังต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 เดือนในการติดตั้งมัน

ดูเหมือนจะสายไปสักหน่อยที่คิดจะทำแบบนี้

“ไม่สายหรอก…ขอเวลาผมครู่เดียว!” รู้ดีว่านักปราชญ์โบราณโม่หลิงกำลังคิดอะไร จางเซวียนหัวเราะหึๆ เขามองไปรอบห้อง และด้วยการดีดนิ้ว ธงค่ายกลสองสามร้อยอันก็ปรากฏ มันลอยอย่างเงียบเชียบอยู่กลางอากาศ

“ไป!” จางเซวียนโบกมือ

ฟิ้ววววว!

ธงค่ายกลลอยละลิ่วไปทุกทิศทางราวกับพายุใหญ่ มันปักตัวเองลงบนพื้นดินรอบๆหอน้ำพุแสนหวานก่อนจะหายวับไป

“คุณทำเสร็จแล้วหรือ? แบบนี้น่ะนะ?” นักปราชญ์โบราณโม่หลิงตาโตอย่างไม่อยากเชื่อ

แม้เขาจะไม่เคยเห็นผู้เชี่ยวชาญด้านค่ายกลระดับ 9 ดาวติดตั้งค่ายกลเกรด 9 ขั้นสูงสุดมาก่อน แต่ก็พอรู้เรื่องอยู่บ้าง แล้วชายหนุ่มทำทุกอย่างได้สำเร็จด้วยกรรมวิธีเพียงเท่านี้!

ทุกอย่างเกิดรวดเร็วเสียจนนักปราชญ์โบราณโม่หลิงรู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังตบตาเขาครั้งใหญ่!

“เนิ่นนานมาแล้วตั้งแต่ผมติดตั้งค่ายกลอันสุดท้าย ดูเหมือนสนิมจะเกาะอยู่สักหน่อย…” จางเซวียนก้มหน้าลงอย่างละอาย

ก่อนหน้านี้ไม่นาน เขาเพิ่งได้อ่านหนังสือจำนวนหนึ่งซึ่งเพิ่มพูนความเข้าใจเรื่องค่ายกลของเขาขึ้นมาก แต่ก็ผ่านมาระยะหนึ่งแล้วตั้งแต่เขาติดตั้งค่ายกลอันสุดท้าย ทำให้กระบวนการติดตั้งค่ายกลครั้งนี้ออกจะหย่อนประสิทธิภาพ ไม่อย่างนั้น เขาคงปล่อยธงค่ายกลออกไปพร้อมกันและเสร็จสิ้นการติดตั้งได้ภายในช่วงเวลาเพียงอึดใจ

“สนิมเกาะ…” ได้ยินคำนั้น ใบหน้าของนักปราชญ์โบราณโม่หลิงกระตุกเล็กน้อย

คุณบอกว่าสนิมเกาะ ก็ยังติดตั้งได้เร็วขนาดนี้ ถ้าอยู่ในสภาพสมบูรณ์แบบล่ะก็ จะเร็วขนาดไหน?

เหลือเชื่อไปหน่อยไหมนี่?

ประธานสมาคมคนใหม่ของเรา…ดูจะไว้ใจไม่ค่อยได้เลย!

ลงท้าย นักปราชญ์โบราณโม่หลิงก็อดไม่ได้ที่จะแคลงใจในประสิทธิภาพของค่ายกลที่ถูกติดตั้งอย่างรวดเร็ว มันเหมือนกับการที่ใครสักคนจะไม่ไว้ใจพ่อครัวที่เพิ่งโยนส่วนผสมมากมายหลายชนิดเป็นตันลงไปในหม้อ แล้วปล่อยให้มันเคี่ยวตัวเอง

ขณะที่นักปราชญ์โบราณโม่หลิงกำลังจะหยิบยกความสงสัยเรื่องอานุภาพของค่ายกลขึ้นมาพูด เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นด้านนอกหอ ดูเหมือนใครสักคนกำลังมุ่งหน้ามา

นักปราชญ์โบราณโม่หลิงคิดคำนวณเวลา และรู้ว่ามันคือเวลาที่นักปราชญ์โบราณหลันหยาจะเข้ามาที่หอน้ำพุแสนหวานในทุกๆวัน เขารีบส่งโทรจิตเตือนจางเซวียน “นักปราชญ์โบราณหลันหยากำลังมา…”

จางเซวียนได้ยินเสียงฝีเท้านั้นเช่นกัน และรู้ว่าไม่มีเวลาจะเสียแล้ว “ถอยไป 7 ก้าวและรักษารังสีของคุณไว้ เคลื่อนไหวก็ต่อเมื่อผมบอกคุณเท่านั้นนะ!”

“ถอยไป 7 ก้าว?”

นักปราชญ์โบราณโม่หลิงไม่รู้ว่าจางเซวียนคิดอะไร แต่ก็ตัดสินใจทำตามคำสั่งของอีกฝ่ายในฐานะที่เขาเป็นประธานสมาคม

แอ๊ดดด!

ทันทีที่ทั้งคู่เข้าประจำตำแหน่ง ประตูหอน้ำพุแสนหวานก็เปิดออก ร่างสูงร่างหนึ่งก้าวเข้ามา

ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากนักปราชญ์โบราณหลันหยา

นักปราชญ์โบราณหลันหยามองไปรอบๆห้องด้วยความเคยชินก่อนจะเดินตรงไปที่น้ำพุ

เมื่อเห็นแบบนั้น นักปราชญ์โบราณโม่หลิงอดไม่ได้ที่จะหรี่ตาด้วยความตกตะลึง

เขาก็แค่ยืนนิ่งๆ ยังไม่ได้ปกปิดตัวตนเลย แต่ดูเหมือนนักปราชญ์โบราณหลันหยาจะไม่เห็นและไม่แม้กระทั่งจะรับรู้การปรากฏตัวของเขา?

อีกฝ่ายตาถั่วขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?

Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร

Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร

Status: Ongoing

ตอนที่ 1 – 2100 อ่านนิยาย

อ่านต่อเลือกตอนข้างล่าง


จางเซวียนข้ามไปอีกโลกหนึ่งโดยบังเอิญ ตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองกลายเป็นครูไปเสียแล้ว ซ้ำยังเป็นครูที่ไม่เก่งและกำลังจะถูกไล่ออกอีกด้วย ทว่าจางเซวียนกลับพบความลับอันยิ่งใหญ่ของร่างใหม่ร่างนี้ นั่นก็คือ… เขามีสมองเพชร! ในสมองของครูหนุ่มคนนี้แอบซ่อน ‘หอสมุด’ ขนาดใหญ่ไว้ด้านใน ไม่ว่าอะไรก็ตามที่จางเซวียนเห็น ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสิ่งของ ล้วนถูกเก็บสู่คลังหนังสือในรูปแบบของสมุดเล่มหนึ่ง ก็ถ้าในเมื่อมีไอเท็มสุดยอดนี้อยู่กับตัวแล้ว ใครยังจะกล้าเรียกเขาว่าครูกระจอกอีก?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท