อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1821 ความหยิ่งผยองของนักปราชญ์โบราณเปลวเพลิง
ไม่ใช่แค่นั้น ลูกไฟมากมายยังร่วงลงมาจากเพดานถ้ำ ทำให้ทั่วทั้งถ้ำมอดไหม้
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความร้อนแผดเผาระดับนั้น นักปราชญ์โบราณโม่หลิงถึงกับล่าถอย
แม้เขาจะได้รับเทคนิควรยุทธจากท่านประธาน ซึ่งทำให้สามารถต้านทานเปลวเพลิงในระดับที่สูงขึ้นกว่าเดิมมาก แต่ก็ยังเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะรับมือกับทะเลเพลิงที่กว้างใหญ่ขนาดนี้ โชคดีที่เขายังอยู่ในกายเนื้อ ถ้าในตอนนั้นถอดจิตวิญญาณออกมา คงได้รับบาดเจ็บสาหัสแน่!
ท่านประธานเป็นอะไรหรือเปล่า? นักปราชญ์โบราณโม่หลิงนึกกังวลขึ้นมา
จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะลั่น ก่อนจะเห็นร่างของท่านประธานลอยตัวอย่างเงียบเชียบอยู่กลางอากาศ แทนที่จะเป็นทุกข์เป็นร้อนกับลูกไฟที่ร่วงพรูลงมา อีกฝ่ายกลับนิ่งเฉยอย่างสบายใจ
“ไม่เลวนี่!”
ฟิ้วววว!
จากนั้น แรงดึงดูดมหาศาลก็แผ่ออกจากร่างของชายหนุ่มราวกับปลาวาฬลงเล่นน้ำ เปลวเพลิงที่อยู่โดยรอบพุ่งเข้าใส่เขาอย่างดุเดือด
พลังงานแผดเผาที่เข้ามารวมตัวกันอย่างปุบปับทำให้ร่างของชายหนุ่มขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว ในชั่วพริบตา ร่างของเขาก็สูงขึ้นจนมีความสูงราว 10 เมตร เขายืนตระหง่านอยู่บนลาวาสีแดงก่ำ ดูเหมือนยักษ์เปลวเพลิงตัวใหญ่
“คุณ…”
นักปราชญ์โบราณเปลวเพลิงคิดไม่ถึงว่าจางเซวียนจะทรงพลังขนาดนั้น เขาอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะรีบใช้ไม้ตายสูงสุดของตัวเอง แต่ในตอนนั้น เปลวเพลิงที่อยู่ในร่างของชายหนุ่มก็ระเบิดออกมา
ฟึ่บ!
ลูกไฟสีแดงก่ำที่พุ่งออกมาจากร่างของชายหนุ่มตรงเข้าแผดเผาสิ่งที่อยู่โดยรอบทันที เพลิงสีแดงก่ำทำให้ทุกอย่างดำคล้ำไป พื้นที่โดยรอบดูจะเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท
“นี่มัน…เปลวเพลิงสวรรค์ขั้นสูงสุด?”
เมื่อรู้สึกได้ถึงอุณหภูมิของเปลวเพลิงสีดำ นักปราชญ์โบราณเปลวเพลิงถึงกับขนลุกขนชันไปทั่วทั้งตัวขณะรีบล่าถอย
เพราะเติบโตมากับเปลวเพลิง ปีศาจยักษ์เปลวเพลิงจึงไม่หวาดกลัวการทดสอบเปลวเพลิงสวรรค์ที่ทำให้นักรบคนอื่นๆหวาดกลัวจับใจ
แต่นั่น…ก็หมายถึงเฉพาะเปลวเพลิงสวรรค์ทั่วไปเท่านั้น ถ้าเป็นสิ่งที่มีความเข้มข้นระดับเปลวเพลิงสวรรค์ขั้นสูงสุดล่ะก็ ต่อให้ปีศาจยักษ์เปลวเพลิงก็ไม่อาจต้านทานอะไรแบบนั้นได้!
ซรืดดดด!
เพียงแค่แตะครั้งเดียว นักปราชญ์โบราณเปลวเพลิงก็รู้สึกเหมือนร่างกายจะมอดไหม้ กลิ่นไหม้คลุ้งออกมาจากร่างของเขาขณะที่เขารีบถอยไปอีกครั้ง
เขาต้องประหลาดใจที่พบว่าตัวเองหวาดกลัวการโจมตีของชายหนุ่ม!
เขาเคยคิดว่าด้วยความได้เปรียบตามธรรมชาติที่เขามีต่อเหล่าผู้พยากรณ์จิตวิญญาณที่มีองค์ประกอบของพลังหยิน เขาคงเล่นงานอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย นี่คือเหตุผลที่เขาเชิญนักปราชญ์โบราณโม่หลิงให้เข้ามาถึงถิ่นโดยไม่หวาดกลัวอะไร
ใครจะไปคิดว่าลงท้าย แม้แต่เปลวเพลิงที่เขาอยู่กับมันมาชั่วชีวิตก็จะย้อนกลับมาเล่นงานเขาเอง?
เปลวเพลิงสวรรค์ขั้นสูงสุดคือไฟที่สามารถแผดเผาทุกอย่างในโลกให้มอดไหม้ ต่อให้นักปราชญ์โบราณที่มีวรยุทธขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือดก็ยังไม่กล้าเผชิญหน้ากับมันตรงๆ
เห็นนักปราชญ์โบราณเปลวเพลิงถอยไปจนเกือบจะสุดขอบแอ่งลาวา จางเซวียนหัวเราะหึๆก่อนจะชูหอกสวรรค์กระดูกมังกรขึ้นและพุ่งเข้าใส่
“คุณบอกไม่ใช่หรือว่าผมโง่เง่าเกินกว่าจะเข้าท้าทายคุณด้วยสิ่งที่ผมมี? ถ้าอย่างนั้นล่ะก็ ทำไมไม่หยุดทำตัวขี้ขลาดเสียทีล่ะ?”
วู้ววววววว!
มังกรสีดำคำรามก้องไปทั่วทั้งถ้ำ ขณะที่เปลวเพลิงสีดำสนิทลุกโพลง พร้อมจะทำลายทุกสิ่งที่เข้าขวางทาง
ในตอนนั้น นักปราชญ์โบราณโม่หลิงรีบบินหนีออกจากถ้ำ เพราะรู้ดีว่าต้องตายแน่หากยังอ้อยอิ่งอยู่แถวนั้น
ในเมื่อเขาไม่อาจรับมือได้แม้แต่กับเปลวเพลิงทั่วไป หากเข้าใกล้เปลวเพลิงสวรรค์ขั้นสูงสุด ก็มีแต่จะต้องเอาชีวิตไปทิ้ง!
ว่าแต่…สามารถใช้ความเชี่ยวชาญพิเศษของนักปราชญ์โบราณเปลวเพลิงกลับมาเล่นงานเขาได้…ท่านประธานทำได้อย่างไร?
อันที่จริง จางเซวียนเองก็ไม่คาดหวังผลลัพธ์แบบนี้ และไม่ได้จงใจโจมตีด้วย แต่เมื่อนักปราชญ์โบราณเปลวเพลิงเรียกลูกไฟของเขาออกมา ทั้งกายเนื้อและจิตวิญญาณที่จางเซวียนได้ใช้เปลวเพลิงสวรรค์ขั้นสูงสุดบ่มเพาะก็เกิดการสั่นสะท้านขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น ดูกระหายที่จะกลืนกินเปลวเพลิงของอีกฝ่าย
ดังนั้น เขาจึงดูดลูกไฟเหล่านั้นเข้าสู่ร่าง แล้วก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าทันทีที่เปลวเพลิงของอีกฝ่ายมาสัมผัสกับพลังปราณเทียบฟ้าของเขา มันก็แปรสภาพกลายเป็นเปลวเพลิงสวรรค์ขั้นสูงสุดอย่างรวดเร็ว
พลังปราณเทียบฟ้าเปรียบเหมือนออกซิเจนที่เป็นเชื้อเพลิงให้กับเปลวไฟ ทำให้เพลิงนั้นปลดปล่อยความร้อนที่ดุเดือดเข้มข้นกว่าเดิมออกมา
ซรืดดดดด!
เมื่อถูกเพลิงสีดำต้อนให้จนมุมอยู่ที่มุมหนึ่งของถ้ำ เส้นขนของนักปราชญ์โบราณเปลวเพลิงมอดไหม้ไปหมดทั้งตัว เลือดเนื้อของเขาเริ่มจะเหือดแห้ง กระดูกสีทองปูดโปนออกมาให้เห็นหลายแห่ง
หากเป็นแบบนี้ ไม่ช้าไม่นานบรรพบุรุษเก่าแก่ที่ขึ้นชื่อเรื่องความเชี่ยวชาญในการใช้เปลวเพลิงจะต้องมอดไหม้กลายเป็นเถ้าถ่านแน่ ช่างย้อนแย้งอะไรอย่างนั้น!
“คุณจะยอมจำนนหรือไม่?” จางเซวียนถามอย่างสุขุม
“ข้ามศพผมไปก่อนเถอะ!” นักปราชญ์โบราณเปลวเพลิงผู้ดื้อดึงคำราม
ในฐานะบรรพบุรุษเก่าแก่ของเผ่าพันธุ์อสูร, นักรบขั้นที่มีวรยุทธขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือด เขามีความหยิ่งผยองในตัวเอง
เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับแค่ศักดิ์ศรี แต่ยังเป็นชื่อเสียงของเผ่าพันธุ์อสูรทั้งเผ่าด้วย ถ้าผู้นำเผ่าพันธุ์อสูรแห่งสนามรบของเผ่าพันธุ์ปีศาจยอมจำนนให้กับชายหนุ่มที่เป็นเพียงนักรบขั้นชั่วกัลปาวสานโลกจารึก เขาคงจะกลายเป็นตัวตลกให้ทั้งเผ่าพันธุ์หัวเราะเยาะแน่!
“พูดอีกอย่างก็คือ คุณคิดจะเบี้ยวข้อตกลงของเราหรือ?” จางเซวียนถามอย่างไม่แยแส
“คุณก็พูดเองเออเองอยู่คนเดียว ผมไม่เคยยอมรับข้อตกลงนั้นสักหน่อย!” นักปราชญ์โบราณเปลวเพลิงคำราม
จริงอยู่ว่าจางเซวียนเป็นคนยื่นข้อเสนอเรื่องเดิมพัน แต่เขาก็ไม่เคยบอกว่าพึงพอใจกับเรื่องนั้น
“คุณอยากตายจริงๆใช่ไหม?”
ด้วยการโจมตีอย่างไม่ลดละของหอกสวรรค์กระดูกมังกรและความร้อนแผดเผาของเปลวเพลิงสวรรค์ขั้นสูงสุด บาดแผลของนักปราชญ์โบราณเปลวเพลิงอาการหนักขึ้นกว่าเดิมอย่างรวดเร็ว แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่แสดงอาการว่าจะยอมจำนน
จางเซวียนอดขมวดคิ้วไม่ได้
เทคนิคการฝึกอสูรโดยการอัดให้น่วมของเขาใช้ได้ผลไม่ใช่เพียงเพราะเขามีพละกำลังเหนือชั้นกว่าอสูรตัวนั้น แต่ยังเป็นเพราะพลังปราณเทียบฟ้าที่ช่วยบ่มเพาะอสูรและขัดเกลาสายเลือดของมัน ทำให้มันผ่านด่านคอขวดไปได้
พูดให้ง่ายเข้าก็คือเป็นการใช้ทั้งพระเดชและพระคุณ
ด้วยหอกสวรรค์กระดูกมังกรและเปลวเพลิงสวรรค์ขั้นสูงสุด เขาสามารถเล่นงานนักปราชญ์โบราณเปลวเพลิงให้จนมุมได้ แต่ด้วยวรยุทธที่มีจำกัดของเขา ประสิทธิภาพของพลังปราณเทียบฟ้าที่จะใช้กับอีกฝ่ายได้จึงยังมีจำกัด
ซึ่งเมื่อปราศจากพลังปราณเทียบฟ้า ก็หมายความว่าเขาจำเป็นต้องใช้เฉพาะวิธีการรุนแรงเท่านั้นเพื่อทำให้อีกฝ่ายยอมจำนน และแน่นอนว่าประสิทธิภาพของมันย่อมลดลงมาก
แถมนักปราชญ์โบราณเปลวเพลิงยังเป็นถึงบรรพบุรุษเก่าแก่ของเผ่าพันธุ์อสูรและเคยชินกับการใช้ชีวิตอิสระ อีกฝ่ายคงยอมตายมากกว่าจะยอมสละเสรีภาพและมาเป็นบริวารของมนุษย์คนหนึ่ง
“อยากทําอะไรก็เชิญเลย! แต่ทายาทของผมไม่เคยทำอะไรให้พวกคุณขุ่นเคืองนะ และในฐานะประธานสมาคมผู้พยากรณ์จิตวิญญาณและนักปราชญ์โบราณ ผมก็คิดว่าคุณคงไม่ลดตัวลงไป เกลือกกลั้วกับพวกเขาเหมือนกัน” นักปราชญ์โบราณเปลวเพลิงกัดฟัน
เขาผิดเองที่อ่อนแอ และพร้อมยอมตาย โดยเฉพาะหลังจากที่มีชีวิตอยู่มาเนิ่นนานแล้ว แต่ทายาทของเขาอีกมากมายที่อยู่ข้างนอกนั่นยังเป็นอนาคตของเผ่าพันธุ์อสูร ถ้าชายหนุ่มคนนี้ทำการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ เผ่าพันธุ์อสูรแห่งสนามรบของเผ่าพันธุ์ปีศาจคงต้องสูญพันธุ์แน่
แม้สนามรบของเผ่าพันธุ์ปีศาจจะให้ความสำคัญกับการเอาตัวรอดเป็นที่สุด แต่การกระทำของนักปราชญ์โบราณที่สังหารผู้อ่อนแอกว่าก็ย่อมทำให้กลุ่มอำนาจหลักไม่พอใจ เขาเชื่อว่าอีกฝ่ายคงไม่ยอมลดศักดิ์ศรีลงมาทำอะไรที่ไร้ยางอายขนาดนั้น!
“ทายาทของคุณหรือ?” คำนั้นทำให้นัยน์ตาของจางเซวียนฉายแววคาดหวัง “ผมคิดว่าคุณเข้าใจผิดแล้วล่ะ ผมไม่ใช่นักปราชญ์โบราณ เป็นแค่นักรบขั้นชั่วกัลปาวสาน จึงไม่มีชื่อเสียงอะไรให้ต้องรักษามากนัก ผมขอแนะนำคุณให้คิดดูให้ดี ยอมจำนนให้ผมเสีย แล้วผมจะนำพาเผ่าพันธุ์อสูรของคุณออกจากสันเขาทุรกันดารแห่งนี้ แต่ถ้ายังต่อต้านผมอยู่ล่ะก็ ทันทีที่คุณตาย คุณคงรู้นะว่าต่อให้ผมไม่ทำอะไร เผ่าพันธุ์ปีศาจก็ย่อมฉวยโอกาสนี้กำจัดเหล่าทายาทของคุณจนสิ้นซาก!”
จางเซวียนคงจนปัญญาถ้านักปราชญ์โบราณเปลวเพลิงไม่ปรารถนาอะไรในโลกนี้แล้ว แต่ดูเหมือนยังมีบางอย่างที่เขายังพอนำมาใช้เจรจาต่อรองกับอีกฝ่ายได้
“ชีวิตและความตายน่ะถูกลิขิตไว้แล้ว ผมอาจปกป้องพวกเขาได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง แต่ปกป้องตลอดไปคงไม่ได้ ถ้านั่นคือโชคชะตาที่รอคอยเผ่าพันธุ์อสูรของเราอยู่ ผมก็ทำอะไรไม่ได้หรอก” นักปราชญ์โบราณเปลวเพลิงตอบอย่างถอดใจ
เห็นอีกฝ่ายตัดสินใจแน่วแน่ จางเซวียนก้มหน้าลงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้น “คุณไม่เต็มใจยอมจำนนให้ผมก็เพราะทั้งเผ่าพันธุ์กำลังเฝ้ามองคุณอยู่ ในฐานะบรรพบุรุษเก่าแก่ ไม่มีทางที่คุณจะทำลายชื่อเสียงของเผ่าพันธุ์ของคุณด้วยการยอมจำนนให้มนุษย์ ว่าแต่…คุณจะว่าอย่างไรถ้าเหล่าทายาทของคุณยอมสนับสนุนให้คุณมาเป็นอสูรของผม?”
นึกไม่ถึงว่าจะได้ยินคำพูดแบบนี้ นักปราชญ์โบราณเปลวเพลิงคำรามเยาะ “ทายาทของผมน่ะล้วนแต่หยิ่งผยอง พวกเขาไม่ยอมจำนนให้แม้กระทั่งผม แล้วจะยอมจำนนให้คุณได้อย่างไร? คุณฝันไปแล้วล่ะ!”
หัวสมองของชายหนุ่มถูกกระทบกระเทือนหรือเปล่า? ต่อให้ทายาทของเขาจะโง่เง่าสักแค่ไหน ก็ไม่มีทางที่พวกนั้นจะนั่งดูบรรพบุรุษเก่าแก่ตกไปเป็นอสูรของคนอื่นได้!
เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น ทั้งเผ่าพันธุ์จะเป็นอย่างไร? พวกเขาคงได้แต่ก้มหน้าด้วยความอับอาย
“อ๋อ ถ้าอย่างนั้นก็รอดูกัน” จางเซวียนเหยียดริมฝีปากยิ้มขณะสะบัดข้อมือและเก็บหอกสวรรค์กระดูกมังกร เขาหันไปที่ทางออกและสั่งการนักปราชญ์โบราณโม่หลิง “ผมจะฝากให้คุณเฝ้านักปราชญ์โบราณเปลวเพลิงอยู่ที่นี่นะ อย่าให้เขาออกจากถ้ำนี้ไปได้ ผมจะออกไปข้างนอกสักครู่…”
จากนั้น จางเซวียนก็รีบออกจากถ้ำ