อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1832 นี่คือจุดจบหรือ?
ยังไม่ทันที่กระบี่จะปะทะกับกำปั้นของเขา กล้ามเนื้อที่แขนก็ถูกฉีกกระชากไปแล้ว
ไม่น่าแปลกใจเลยที่มันคือการทดสอบของวรยุทธขั้นผู้ทำลายล้างมิติ พละกำลังของมันน่าสะพรึงจริงๆ!
จางเซวียนคำรามลั่นและขับเคลื่อนพละกำลังเต็มพิกัด เขาหลอมรวมพลังปราณ กายเนื้อ และจิตวิญญาณเข้าด้วยกัน มิติที่อยู่โดยรอบแข็งทื่อขึ้นมาทันที
การทดสอบนักปราชญ์โบราณไม่ได้เป็นแค่การทดสอบจากสวรรค์ที่มีต่อนักรบ แต่ยังเป็นโอกาส ให้ได้พัฒนาตัวเองด้วย โดยหากผู้นั้นใช้อาวุธเล่นงานการทดสอบนักปราชญ์โบราณ ประโยชน์ที่เขาจะได้รับจากการทดสอบก็จะลดลงมาก ไม่เพียงเท่านั้น ยังอาจกระตุ้นให้เกิดแรงตีกลับจากการทดสอบนักปราชญ์โบราณ ซึ่งจะทำให้สถานการณ์ล่อแหลมยิ่งขึ้นไปอีก
สิ่งนี้เหมือนกับการทดสอบของวรยุทธขั้นการละทิ้งช่องว่างที่เพิ่มศักยภาพให้กับนักรบผู้เผชิญหน้ากับการทดสอบ
ก็เพราะเหตุนี้ จางเซวียนจึงไม่เลือกใช้หอกสวรรค์กระดูกมังกร ตั้งใจจะพึ่งพาพละกำลังของเขาเพียงอย่างเดียว
แน่นอนว่าการปลดปล่อยพละกำลังเต็มพิกัดของจางเซวียนนั้นเป็นสิ่งที่รับมือได้ยาก ต่อให้นักรบระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่โดยทั่วไปหรือแม้แต่นักปราชญ์โบราณก็อาจพ่ายแพ้ให้กับการโจมตีนั้น แต่เมื่ออยู่ตรงหน้ากระบี่สายฟ้าขนาดมหึมาที่อยู่กลางอากาศ พละกำลังของเขาดูจะไม่ต่างอะไรกับของเล่น ท้องฟ้าถูกฉีกกระชากในชั่วพริบตา แล้วผิวหนังร่างกายท่อนบนของจางเซวียนก็ถูกลอกออกไป เผยให้เห็นกระดูกซี่โครง
เป็นความเจ็บปวดแสนสาหัส!
แม้สภาวะจิตของเขาจะแข็งแกร่ง แต่แรงกดดันและความเจ็บปวดที่ได้รับนั้นเกินกว่าจะต้านทานไหว จางเซวียนรู้สึกว่าสติสัมปชัญญะพร่าเลือน พร้อมจะจางหายไปได้ทุกขณะราวกับแสงเทียนท่ามกลางพายุ
เสื้อผ้าของเขามอดไหม้เป็นเถ้าถ่าน เผยให้เห็นโครงกระดูก
การทดสอบอาวุธยุทธภัณฑ์สายฟ้าน่าสะพรึงมากจริงๆ มันเกินกว่าที่ระดับวรยุทธของเขาในตอนนี้จะต้านทานไหว
เวลายังไม่ได้ผ่านไปแม้เพียงอึดใจเดียวนับตั้งแต่วินาทีที่กระบี่เล่นงานเลือดเนื้อของเขา แถมกระบี่ก็ยังไม่ได้แตะต้องตัวเขาด้วย ความบอบช้ำทั้งหมดที่จางเซวียนได้รับมาจากรังสีอันทรงพลังของกระบี่และและคลื่นความสั่นสะเทือนที่มาจากการเคลื่อนไหวของมัน
ถ้ากระบี่ถึงตัวเขาจริงๆ เขาคงถูกสังหารในทันที
ดูเหมือนเราจะหมดหนทางแล้ว…
นั่นคือความคิดที่ผุดขึ้นมาในสมองของจางเซวียนตอนนั้น
เขาเคยคิดว่าจะสามารถใช้โอกาสนี้ผลักดันให้เกิดการฝ่าด่านวรยุทธของกายเนื้อและพลังปราณได้ แต่ดูเหมือนเขาจะประเมินความสามารถของตัวเองสูงเกินไป ตอนนี้สถานการณ์บานปลายจนอยู่เหนือการควบคุมแล้ว
แต่เราจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆแบบนี้!
รู้ดีว่าคงต้องตายแบบหมดสภาพหากยังยื้อต่อ จางเซวียนจึงหลับตาลงและเพ่งสมาธิ พริบตาต่อมา ร่างหนึ่งที่เหมือนตัวเขาเป๊ะก็ปรากฏตรงหน้า มันพุ่งเข้าใส่กระบี่นั้น
ตัวโคลน!
“ไม่น่าเชื่อเลยว่าคุณยังมีหน้าอวดอ้างว่าตัวเองเป็นร่างต้นแบบ ทั้งที่รับมือไม่ได้แม้กระทั่งกับการทดสอบวรยุทธ ไม่ละอายใจบ้างหรือ? ดูนะ ผมจะเล่นงานกระบี่นั่นให้หมอบด้วยหมัดเดียว!” ตัวโคลนคำรามอย่างภาคภูมิใจขณะเผชิญหน้ากับกระบี่เล่มมหึมา
ในช่วงเวลาเพียงชั่วครู่นั้น จางเซวียนรีบนำหยดเลือดของนักปราชญ์โบราณที่มีวรยุทธขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือดออกมาดื่ม เพื่อฟื้นฟูพลังปราณและบ่มเพาะร่างกายของเขา
สิ่งที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้มีเพียงโครงกระดูกที่มีหนังหุ้มเพียงเล็กน้อย ถ้าไม่ใช่เพราะพลังชีวิตล้นเหลือที่เขาสะสมไว้จากการดื่มหยดเลือดของนักปราชญ์โบราณที่มีวรยุทธขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือดและความสามารถในการเยียวยาที่เป็นปาฏิหาริย์ของพลังปราณเทียบฟ้า เขาคงตายไปนานแล้ว
ด้วยการบ่มเพาะจากหยดเลือด เนื้อหนังและกระดูกของจางเซวียนก็เริ่มฟื้นคืนสภาพเดิม เท่าที่เห็น น่าจะกินเวลายาวนานหลายปีกว่าที่เขาจะมีสภาพร่างกายเหมือนแต่ก่อน แต่เพียงเท่านี้ก็ถือว่าโชคดีเหลือหลายแล้วที่เขายังมีชีวิตอยู่หลังจากเผชิญหน้ากับกระบี่น่าสะพรึงนั่น จึงไม่มีอะไรที่ต้องบ่น
จางเซวียนส่ายหน้า จากนั้นก็หันไปมองตัวโคลนที่อยู่กลางอากาศ
ออกจะน่าประหลาดใจเล็กน้อยที่ตัวโคลนของเขารับมือกับกระบี่ไม่ไหวเช่นกัน แต่เพราะร่างกายของหมอนั่นหลอมขึ้นจากบัวเก้าหัวใจ ร่างของตัวโคลนจึงฟื้นคืนสภาพเดิมได้แม้จะถูกเฉือนเป็น 2 ท่อน เล่นเอาการทดสอบอาวุธยุทธภัณฑ์สายฟ้าถึงกับจนปัญญาไปครู่หนึ่ง ไม่รู้ว่าจะเล่นงานตัวโคลนอย่างไร
“นั่นคือตัวโคลนของเขาหรือ?”
“เขามีตัวโคลนที่ทรงพลังขนาดนั้นได้อย่างไรกัน? หรือว่าจะเอาชีวิตรอดด้วยวิธีนี้ได้จริงๆ?”
หลังจากได้เห็นตัวโคลนเป็นครั้งแรก ทุกคนต่างตาโตด้วยความตกตะลึง โดยเฉพาะนักปราชญ์โบราณโม่หลิง เนื้อตัวของเขาสั่นเทาด้วยความตื่นเต้น
ไม่อาจถูกทำลายได้…นั่นคือรูปแบบของร่างกายที่ผู้พยากรณ์จิตวิญญาณทุกคนอยากได้มาครอบครอง หากพวกเขามีร่างกายแบบนี้ คงมีชีวิตเป็นอมตะโดยไม่ต้องหวาดกลัวอะไรทั้งนั้น
“ไม่นะ ดูเหมือนตัวโคลนของเขายังอ่อนแอไปสักหน่อย คงต้านทานกระบี่ได้ไม่นาน…”
กระบี่เล่มมหึมาเชื่องช้าลงไปเล็กน้อยเมื่อเจอการขัดจังหวะจากตัวโคลนของจางเซวียน แต่ก็ยังเดินหน้าโจมตีอย่างต่อเนื่อง อีกนิดเดียวก็จะเล่นงานจิตวิญญาณของจางเซวียนให้แหลกเป็นชิ้นๆได้แล้ว
ในช่วงเวลาแห่งความสิ้นหวังนั้น จางเซวียนรีบนำก้อนหินสงครามศักดิ์สิทธิ์ออกมาอีกครั้งและโยนมันให้ตัวโคลน
ซรืดดดดด!
ตัวโคลนรีบคว้าก้อนหินสงครามศักดิ์สิทธิ์ไว้แล้วซึมซับพลังงานเข้มข้นที่อยู่ในนั้นทันที
เมื่อครู่ก่อน จางเซวียนใช้พลังจิตวิญญาณในก้อนหินสงครามศักดิ์สิทธิ์ไปเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น จึงยังเหลือพอให้ตัวโคลนได้ใช้
เมื่อกลืนกินพลังจิตวิญญาณปริมาณมหาศาลลงไป ระดับวรยุทธของตัวโคลนก็พุ่งพรวด ทำให้มีพละกำลังมากพอจะต้านทานการโจมตีของกระบี่ สถานการณ์ดูจะพลิกผันมาเข้าข้างจางเซวียนขณะที่กระบี่เชื่องช้าลงอีกครั้ง ดูพร้อมจะหยุดได้ทุกขณะ
ในเวลาเดียวกัน ระดับวรยุทธของจิตวิญญาณของตัวโคลนก็พุ่งพรวดขึ้นไปเป็นขั้นชั่วกัลปาวสานโลกจารึก และยังคงเดินหน้าต่อ เตรียมพร้อมฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นนักปราชญ์โบราณ
ผืนผ้าใบสี่ฤดูถูกคลี่ออกอีกครั้ง นิรันดร์กาลของนักปราชญ์โบราณพุ่งเข้าสู่ร่างของตัวโคลนอย่างรวดเร็ว
ฟึ่บ!
เพียง 2-3 อึดใจ ตัวโคลนก็ฝ่าด่านคอขวดที่สกัดกั้นเขาไว้ได้และก้าวเข้าสู่โลกใบใหม่
ตัวโคลนฝ่าด่านวรยุทธได้ง่ายดายกว่าจางเซวียนมากเพราะสามารถเข้าถึงหัวสมองของจางเซวียนและสัมผัสประสบการณ์ที่ผ่านมาของเขาได้ ทำให้การยกระดับวรยุทธราบรื่นกว่าเดิม
ครืนนนน!
ทันทีที่ตัวโคลนฝ่าด่านวรยุทธสำเร็จ หมู่เมฆสีดำกลุ่มใหญ่ก็มารวมตัวเหนือพื้นที่นั้นอีกครั้ง สายฟ้าฟาดและเปลวเพลิงสวรรค์ก่อตัวกันขึ้นเป็นกระบี่ที่มีพลังงานมากกว่าเดิม
“….”
จางเซวียนเลิกคิ้วด้วยความพรั่นพรึง
มันเป็นการตัดสินใจชั่ววูบของเขาที่โยนก้อนหินสงครามศักดิ์สิทธิ์ให้ตัวโคลน โดยหวังว่าอีกฝ่ายจะมีพละกำลังมากพอที่จะยับยั้งการทดสอบอาวุธยุทธภัณฑ์สายฟ้าได้ ไม่คิดเลยว่าหมอนั่นจะฝ่าด่านวรยุทธได้สำเร็จและเรียกการทดสอบวรยุทธมาอีกครั้ง
ในเมื่อตัวเขากับตัวโคลนใช้จิตวิญญาณเดียวกัน สิ่งนี้จึงเรียกได้ว่าเป็นการทดสอบนักปราชญ์โบราณครั้งที่ 4 ของจางเซวียน
เมื่อได้ซึมซับพลังงานสายฟ้าและเปลวเพลิงสวรรค์ กระบี่ที่มีขนาดมหึมาอยู่แล้วก็ขยายขนาดขึ้นเป็น 2 เท่า คมกระบี่สีดำของมันแผ่แรงกดดันน่าสะพรึงออกมา และสร้างรอยแยกขนาดใหญ่ขึ้นรอยแล้วรอยเล่ากลางอากาศ รังสีที่มันแผ่ออกมานั้นทรงพลังจนถึงขนาดที่แม้แต่หอกสวรรค์กระดูกมังกรก็ต้านทานไม่ไหว
จางเซวียนรู้สึกได้ว่าความตายกำลังคืบคลานเข้ามา เส้นผมของเขาตั้งชัน
“ถ้าปล่อยให้มันลงมาได้ เราคงต้องตายแน่!”
รู้ดีว่ากระบี่มีพละกำลังแค่ไหน จางเซวียนรีบเค้นสมองเพื่อหาวิธีแก้ปัญหา
พละกำลังที่อยู่ในกระบี่นั้นน่าสะพรึงมาก หากยับยั้งมันไว้ไม่ได้ ทั้งตัวเขาและตัวโคลนก็คงไม่มีอะไรเหลือ
ควั่บ!
กระบี่ที่มีพละกำลังมากพอจะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ให้ราบคาบฟาดฟันลงมาบนร่างของตัวโคลนและตัดร่างของเขาออกเป็น 2 ท่อน
แม้ตัวโคลนจะสำเร็จวรยุทธขั้นนักปราชญ์โบราณแล้ว แต่ก็ไม่มีทางต้านทานหายนะภัยจากธรรมชาติได้
แต่ตัวโคลนก็รวมร่างของเขากลับคืนได้ครั้งแล้วครั้งเล่าขณะพยายามต้านทานพละกำลังของกระบี่อย่างสิ้นหวัง แม้จะมีระดับความแข็งแกร่งที่เหลื่อมล้ำกันมาก แต่ความอึดของตัวโคลนก็ได้ผล การโจมตีของกระบี่เริ่มช้าลง
แต่ถึงอย่างไร สถานการณ์ก็ยังไม่เป็นใจให้พวกเขา
รู้ดีว่าถ้าปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปคงได้ตายแน่ จางเซวียนรีบหันไปสั่งการอำมาตย์เฉินหย่ง “เร็วเข้า ช่วยผมตามหาใครสักคนที่กำลังจะฝ่าด่านวรยุทธ จะต้องมีใครคนหนึ่งเรียกการทดสอบสายฟ้ามา!”
“คุณอยากได้ใครสักคนที่ฝ่าด่านวรยุทธได้ตอนนี้และเรียกการทดสอบสายฟ้ามาหรือ?” อำมาตย์เฉินหย่งถึงกับชะงัก แต่รู้ดีว่านายน้อยของเขาต้องมีเหตุผลที่ทำแบบนั้น จึงรีบหันไปสั่งการกับหลิวหยาง
“ขอรับ ฝ่าบาท!” หลิวหยางพยักหน้ารับ
เขากวาดสายตาไปรอบๆ ก่อนจะคว้าตัวนักรบระดับเซียนขั้น 9 ที่อยู่แถวนั้นมาได้คนหนึ่ง แล้วถ่ายทอดกระแสพลังปราณให้อีกฝ่าย
ทันทีที่กระแสพลังปราณไหลเวียนไปทั่วร่างของนักรบระดับเซียนขั้น 9 คนนั้น ด่านคอขวดที่สกัดกั้นเขาอยู่ก็แตกสลายไปทันที หมู่เมฆดำเริ่มรวมตัวกันอีกครั้ง
“เยี่ยม!” เห็นหมู่เมฆดำมาอีก จางเซวียนถอนหายใจอย่างโล่งอก เขารีบส่งโทรจิตไป “สายฟ้าน้อย นั่นคุณใช่ไหม?”
“??”
เมื่อได้ยินคำนั้น หมู่เมฆดำถึงกับผงะ ครู่หนึ่งที่ดูเหมือนมันทำท่าจะลอยหนีไป แต่สุดท้ายก็ได้แต่สั่นสะท้านและลอยมาอยู่ข้างจางเซวียนอย่างไม่เต็มใจ
เห็นได้ชัดว่าการทดสอบอาวุธยุทธภัณฑ์สายฟ้าไม่ใช่การทดสอบสายฟ้าน้อยที่จางเซวียนเคยรับมือด้วย แต่ในฐานะผู้เผชิญหน้ากับการทดสอบวรยุทธ เขาคิดว่าน่าจะมีสายสัมพันธ์บางอย่างระหว่างพวกมัน ซึ่งการทดสอบสายฟ้าน้อยอาจช่วยเจรจาแทนเขาได้
“ผมมีเทคนิควรยุทธที่จะช่วยยกระดับความสามารถของคุณ จะถ่ายทอดให้คุณเดี๋ยวนี้ แต่อยากให้คุณช่วยสกัดกั้นกระบี่นั่นไว้ให้ผมหน่อย” จางเซวียนพูด
จากนั้นเขาก็เริ่มใช้การถ่ายทอดลิขิตสวรรค์เพื่อเปิดการบรรยาย
เขาเห็นข้อบกพร่องของการทดสอบสายฟ้าน้อยมาก่อนแล้ว และเคยคิดอยู่ว่าจะหาทางให้คำชี้แนะกับอีกฝ่าย ดังนั้น ทั้งหมดที่ต้องทำตอนนี้ก็มีแค่เรียบเรียงความรู้ที่อยู่ในหัวสมองของเขาเท่านั้น
“นั่น…เขากำลังสั่งสอนการทดสอบสายฟ้าหรือ?”
“คุณจะบอกผมว่าการทดสอบสายฟ้านั่นเป็นสัตว์เลี้ยงของเขา?”
ทุกคนถึงกับจังงัง