อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1839 ไพ่ไม้ตายใบสุดท้าย
“มันคือการตัดสินใจอันชาญฉลาดที่สุดเท่าที่คุณเคยทำมา”
เห็นคำพูดของเขาสามารถชักนำนักปราชญ์โบราณให้มาเป็นพรรคพวกได้ เทพเจ้ายิ้มน้อยๆขณะพยักหน้าอย่างพอใจ เขาหันไปตั้งคำถามกับฝูงชนที่เหลือ “แล้วพวกคุณล่ะ?”
“ผม…”
เผ่าพันธุ์ปีศาจที่เป็นนักปราชญ์โบราณขั้น 2 อีกสามตัวที่อำมาตย์เฉินหย่งได้หว่านล้อมให้มาเป็นพรรคพวกตัวสั่นด้วยความลังเล ไม่รู้ว่าควรแสดงกิริยาอย่างไร
ชัยชนะอยู่แค่เอื้อมแล้ว ก็พอดีกับที่ผู้เชี่ยวชาญผู้ทรงพลังปรากฏตัวขึ้นอย่างปุบปับ พวกเขาไม่อาจตัดสินใจได้เพราะความกะทันหันของสถานการณ์
เกิดความเงียบงันอันตึงเครียดอยู่ชั่วครู่ก่อนที่นักปราชญ์โบราณคนหนึ่งจะหันกลับไปแล้วบินตรงไปหาเทพเจ้า “อำมาตย์เฉินหย่ง ผมเสียใจด้วย ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากช่วยคุณ แต่ด้วยสถานการณ์ตอนนี้…ผมจะชดใช้สิ่งที่ผมติดค้างคุณในชาติหน้าก็แล้วกัน!”
อำมาตย์เฉินหย่งถอนหายใจเฮือกใหญ่ขณะมองนักปราชญ์โบราณอีก 2 ตัวที่เหลือก่อนจะพูดว่า “มันเป็นเรื่องของความเป็นความตาย ผมไม่ตำหนิการตัดสินใจของพวกคุณหรอก…”
นักปราชญ์โบราณที่เหลืออีก 2 ตัวมองหน้ากัน ก่อนตัวหนึ่งจะพูดขึ้น “ผมเบื่อหน่ายการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้เต็มทีแล้ว ถ้าผมต้องตายด้วยน้ำมือของเทพเจ้าจากมิติเบื้องบน อย่างน้อยชื่อของผมก็จะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ ชีวิตของผมจะไม่สูญเปล่า…อำมาตย์เฉินหย่ง คุณช่วยชีวิตผมไว้เมื่อหลายปีก่อน ชีวิตของผมจะเป็นของคุณจนถึงวินาทีสุดท้าย!”
“ผมก็เหมือนกัน นับตั้งแต่วินาทีที่ตัวผม, นักปราชญ์โบราณจินถ่า ตอบตกลงที่จะช่วยเหลือคุณ ผมก็ตัดสินใจแน่นอนแล้ว ผมจะกลับไปด้วยชัยชนะหรือไม่ก็ตายอย่างสมเกียรติ!”
เมื่อมีผู้ที่หวาดกลัวความตาย ก็เป็นธรรมดาที่ย่อมจะมีผู้ที่ยืนหยัดยึดมั่นในค่านิยมของพวกเขา แม้ความตายจะอยู่ตรงหน้า
ความหวาดกลัวถูกฝังรากลึกอยู่ในยีนของเผ่าพันธุ์แห่งจิตวิญญาณทุกตัว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะถูกขับเคลื่อนด้วยความรู้สึกนั้น ก็เหมือนกับมนุษย์อีกมากมาย เผ่าพันธุ์ปีศาจรู้จักความจงรักภักดีเช่นกัน
“คุณได้รับความสำนึกในบุญคุณอย่างสูงสุดจากผม…” เห็นนักปราชญ์โบราณทั้งสองยินยอมพร้อมใจอยู่เคียงข้างเขาแม้จะต้องเผชิญกับความตาย อำมาตย์เฉินหย่งพยักหน้าอย่างเคร่งขรึมด้วยความสำนึกในบุญคุณ
จากนั้นเขาก็หันไปมองนักปราชญ์โบราณเปลวเพลิงเพื่อขอความเห็น
“คุณจะมองผมเพื่ออะไร? ผมน่ะไม่เคยกลัวใครในโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็นสวรรค์หรือเทพเจ้า สิ่งเดียวที่ผมกลัวคือการสูญเสียตัวตนของตัวเอง เพราะฉะนั้น ต่อให้เขาเป็นเทพเจ้าจากมิติเบื้องบน ก็แล้วอย่างไรล่ะ? อย่างน้อยผมก็น่าจะถลกหนังของเขาได้สักชั้นหนึ่งก่อนที่เขาจะสังหารผมได้สำเร็จ!” นักปราชญ์โบราณเปลวเพลิงคำราม เผยให้เห็นฟันแหลมคมน่าสะพรึง
มันเป็นเพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆ แต่เขาก็เป็นหนี้บุญคุณต่อนายท่านที่มอบหนทางให้กับสมาชิกในเผ่าพันธุ์ของเขา ไม่ว่าจะเป็นการสู้รบหรือล่าถอย เขาก็จะทำตามคำสั่งของนายท่านโดยไม่ลังเลสักนิด
“ผมคิดว่าสำหรับคุณทั้งสอง ผมคงไม่ต้องถาม…” อำมาตย์เฉินหย่งหันไปมองนักปราชญ์โบราณโม่หลิงกับนักปราชญ์โบราณเฮ่าฉวิน และได้สบสายตาอันเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ของทั้งคู่ รู้ดีว่าพวกเขาตัดสินใจแล้ว อำมาตย์เฉินหย่งจึงถามจางเซวียน “นายน้อย คราวนี้เราจะทำอย่างไรต่อ?”
“เราจะทำอะไรอื่นได้ล่ะนอกจากทุ่มเทพละกำลังเล่นงานเขา?” จางเซวียนตอบขณะชูหอกสวรรค์กระดูกมังกรขึ้นอีกครั้ง “จัดการเขาให้สิ้นซาก!”
หอกสวรรค์กระดูกมังกรพุ่งออกไปราวกับมังกรผงาด ร่างหลายร่างปรากฏขึ้นทั่วทั้งพื้นที่ ตีวงล้อมเทพเจ้าไว้
“ตอนนี้แหละ!”
รู้ดีว่าไม่มีหนทางให้ล่าถอย อำมาตย์เฉินหย่งเปิดการโจมตีเช่นกัน
เมื่อนักปราชญ์โบราณถึง 8 คนผนึกกำลังกัน ก็ดูราวกับว่าทั้งโลกจะจมดิ่งอยู่ภายใต้พละกำลังของพวกเขา เมืองหลวงของเผ่าพันธุ์ปีศาจสั่นสะท้านราวกับมีแผ่นดินไหว ค่ายกลและอักษรจารึกทุกชนิดถูกแรงกดดันบีบให้แผ่พลังจิตวิญญาณออกมา
นักปราชญ์โบราณคือผู้ที่สามารถสังหารชีวิตมากมายนับไม่ถ้วนได้ด้วยการโบกมือเพียงครั้งเดียว นับประสาอะไรกับการที่นักปราชญ์โบราณทั้งกลุ่มเปิดการโจมตีพร้อมกัน
เมื่อถูกจางเซวียนกับพรรคพวกตีวงล้อม เทพเจ้าคำราม “ฝูงมดที่ไม่รู้จักเจียมกะลาหัว!”
เขายกมือสองข้างขึ้นแล้วผลักมันออกไป ไม่ปรากฏกระบวนท่าโจมตีใดๆออกมา แต่ก็น่าประหลาดที่การโจมตีของอีกฝ่ายสลายไปอย่างไร้ร่องรอย
เมื่อการโจมตีถูกทำลาย จางเซวียนรีบนำหนังสือเทียบฟ้าออกมาทันที
พริบตาต่อมา มือคู่หนึ่งก็โผล่ออกมาจากภายในหนังสือและตรงเข้าคว้าตัวเทพเจ้า
ฟึ่บ!
ทันทีที่ร่างของเทพเจ้าปะทะกับมือคู่นั้น สีหน้าที่เรียบเฉยมาตลอดของเขาก็เปลี่ยนไปด้วยความตื่นเต้น “นักรบขั้นผู้ทำลายล้างมิติหรือ?”
เพียงแค่มอง เทพเจ้าก็รู้แล้วว่าไอ้โหดมีพละกำลังแค่ไหนหากอยู่ในสภาวะแข็งแกร่งสูงสุด ก็เหมือนกับเขา ไอ้โหดก้าวเข้าสู่การเป็นนักปราชญ์โบราณที่มีวรยุทธขั้น 4 ผู้ทำลายล้างมิติแล้ว อันที่จริง อีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่าเขาด้วยซ้ำ
การที่ผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นในดินแดนที่ขาดแคลนพลังจิตวิญญาณ…เรื่องนี้ช่างเหลือเชื่อ!
“คุณจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น!” เทพเจ้าคำรามขณะฉีกกระชากมิติที่อยู่รอบมือของไอ้โหดเพื่อพันธนาการมันไว้
ร่างกายท่อนบนของไอ้โหดฟื้นคืนสภาพเดิมอย่างสมบูรณ์แล้ว แต่ยังขาดต้นขาและเท้า ดังนั้นพละกำลังของเขาจึงยังหยุดอยู่ที่ขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือดขั้นสูงสุด ยังห่างไกลนักหากจะเทียบชั้นกับเทพเจ้า
“ข้อบกพร่อง!”
เมื่อเห็นว่าในที่สุดเทพเจ้าก็ตอบโต้การโจมตีของไอ้โหดได้ จางเซวียนรีบเพ่งสมาธิเข้าสู่หอสมุดเทียบฟ้าทันที
ฟึ่บ!
เกิดการกระตุกเล็กน้อย แต่ไม่ปรากฏหนังสือสักเล่ม
จางเซวียนเลิกคิ้ว
ถ้าเขาหาข้อบกพร่องของเทพเจ้าไม่เจอ ก็คงไม่มีวันได้ชัยชนะ แต่ในเมื่อหอสมุดเทียบฟ้าก็ยังไม่เข้าข้างเขา…แล้วเขาจะเอาชนะการสู้รบครั้งนี้ได้อย่างไร?
ว่าแต่ ทำไมหอสมุดเทียบฟ้าถึงทำให้เราผิดหวังตั้งแต่แรก?
จางเซวียนเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา
หรือว่าเป็นเพราะเทพเจ้าไม่ได้มาจากโลกใบนี้ สรวงสวรรค์ของโลกใบนี้จึงไม่อาจมองทะลุตัวตนของเขา?
เทพเจ้ามาจากมิติเบื้องบน ซึ่งหมายความว่าเขาไม่ใช่พลเมืองของโลกใบนี้ อีกอย่าง ความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายก็เข้าถึงระดับที่แม้แต่โลกก็ไม่อาจรองรับได้ หรือว่านี่จะเป็นเหตุผลที่ทำให้หอสมุดเทียบฟ้าประมวลหนังสือเกี่ยวกับเทพเจ้าไม่สำเร็จ?
“ถอย!”
เมื่อปราศจากความช่วยเหลือของหอสมุดเทียบฟ้า โอกาสที่จะได้ชัยชนะก็ริบหรี่เต็มที มีเพียงเส้นบางๆกั้นระหว่างความกล้าหาญกับความบ้าบิ่นอย่างโง่เขลา
ดังนั้น จางเซวียนจึงสะบัดหอกอีกครั้งด้วยพละกำลังเต็มพิกัดก่อนจะกระโจนกลับมา
ได้ยินคำสั่งของจางเซวียน อำมาตย์เฉินหย่งกับคนอื่นๆถอนการโจมตีอย่างไม่เต็มใจก่อนจะล่าถอยเช่นกัน
ราวกับมีดอกไม้ไฟขนาดใหญ่ระเบิดขึ้นกลางอากาศ คลื่นความสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงกวาดล้างทุกสิ่งที่อยู่ภายในรัศมีหลายแสนเมตร ทำให้ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ จางเซวียนใช้โอกาสนี้พยายามเปิดรอยแยกแห่งมิติทันทีโดยใช้หอกสวรรค์กระดูกมังกร เพื่อจะหลบหนีไปพร้อมกับคนอื่นๆ แต่แล้วก็พบว่ามิตินั้นแข็งแกร่งราวกับเหล็ก
ดูเหมือนเทพเจ้าจะอ่านเกมออก จึงสกัดกั้นมิติในรัศมีหลายแสนลี้เอาไว้
“ผมจะปล่อยให้พวกคุณหนีไปต่อหน้าต่อตาได้อย่างไร?”
เทพเจ้ายิ้มน้อยๆและย่างสามขุมเข้าหาทั้งกลุ่ม ทุกย่างก้าวของเขาทำให้จิตวิญญาณของแต่ละคนสั่นสะท้าน
นี่คือคู่ต่อสู้ที่ไม่ใช่มนุษย์ ต่อให้พวกเขาจะพยายามสักแค่ไหน ก็ไม่พบช่องโหว่ให้เข้าเล่นงานได้เลย
เมื่อรู้สึกได้ถึงความพรั่นพรึงที่สะท้อนอยู่ในแววตาของคู่ต่อสู้ที่อยู่ตรงหน้า เทพเจ้าหัวเราะหึๆ “ส่งโครงกระดูกที่มีวรยุทธขั้นผู้ทำลายล้างมิติมาให้ผม แล้วผมจะพิจารณาว่าควรไว้ชีวิตพวกคุณหรือไม่!”
“นายท่าน คุณจะปล่อยให้พวกมันหนีไปไม่ได้นะ!” อำมาตย์เฉินหลิงร้องเตือนเมื่อได้ยินคำพูดนั้น
“บังอาจ คิดว่าตัวเองเป็นใครถึงมาก้าวก่ายการตัดสินใจของผม?”
เทพเจ้าหันขวับ แล้วร่างของอำมาตย์เฉินหลิงก็กระเด็นไปราวกับถูกค้อนทุบ
เทพเจ้าสะบัดแขนเสื้ออย่างเย็นชา จากนั้นก็คำรามก่อนจะหันกลับมามองจางเซวียน “คุณว่าอะไรนะ?”
เขาดูออกว่าชายหนุ่มที่มีสิทธิ์มีเสียงมากที่สุดในกลุ่มคือผู้ที่มีวรยุทธอ่อนด้อยที่สุด และแน่นอนว่าโครงกระดูกนั้นก็เชื่อฟังคำสั่งของเขา
“คุณอยากได้ไอ้โหด?” จางเซวียนจ้องหน้าเทพเจ้าอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหัวเราะลั่น “ฝันไปแล้วล่ะ!” ไอ้โหดติดตามเขามานานแล้ว ช่วยชีวิตเขาไว้ก็หลายครั้ง การจะมอบไอ้โหดให้คนอื่นไปง่ายๆแบบนี้…ไม่มีทาง!
ได้ยินคำตอบของจางเซวียน เทพเจ้าส่ายหน้าอย่างผิดหวัง ราวกับจะสมเพชความโง่เง่าของมนุษย์ “ถ้าเป็นอย่างนั้นล่ะก็ ผมคิดว่าคงไม่มีทางเลือกอื่น…”
เขายกมือขึ้นแล้วปล่อยพลังเข้าใส่จางเซวียน
ในตอนนั้น จางเซวียนรู้สึกราวกับทั้งจักรวาลพังทลายเข้าใส่เขา มันเป็นพละกำลังที่เหนือชั้นกว่าที่เขาคาดไว้ เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเพียงผงธุลี
พลังนั้นดูจะบีบทั้งหัวสมองและจิตวิญญาณให้หลุดลอยออกจากร่าง ผลักดันเขาให้ร่วงหล่นไปยังประตูของโลกบาดาล
“ก็ดี ผมได้แต่หวังว่ามันจะได้ผล แล้วมาดูกันว่าใครจะหัวเราะทีหลัง!”
รู้ดีว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาควรยั้งมือ จางเซวียนกัดฟันขณะเพ่งสมาธิเข้าสู่หอสมุดเทียบฟ้า
ฟิ้วววว!
หนังสือเล่มหนึ่งลอยออกจากหว่างคิ้วของเขาและขยายขนาดขึ้นอย่างรวดเร็ว ในชั่วพริบตา มันก็มีความยาวและความกว้างหลายแสนจ้าง
มันคือหน้าหนังสือสีทองหน้าสุดท้ายของเขา!
จางเซวียนเก็บมันไว้ในหอสมุดเทียบฟ้ามาตลอด แต่ด้วยความคับขันของสถานการณ์ตอนนี้ นี่คือไพ่ไม้ตายใบเดียวที่เขาเหลืออยู่
“นี่มันอะไร?” เทพเจ้าคำราม
นึกไม่ถึงว่าคนที่เขากำลังจะสังหารจะใช้หนังสือเล่มหนึ่งเป็นไพ่ไม้ตายใบสุดท้าย เทพเจ้าหัวเราะลั่นจนแทบสำลัก “คุณคิดจริงๆหรือว่าหนังสือไร้ค่าเล่มนี้จะทำอันตรายผมได้ ผมไม่เคยเห็นอะไรงี่เง่าอย่างนี้มาก่อน…”
ฟึ่บ!
ยังไม่ทันที่เทพเจ้าจะพูดจบ ทุกอย่างที่อยู่รอบตัวเขาก็พลันมืดมิดขณะที่หนังสือหล่นทับ
พลั่ก!
เทพเจ้าบี้แบนอยู่กับพื้นและสูญเสียลมหายใจเฮือกสุดท้าย
“….”
ความเงียบงันครอบคลุมทั่วบริเวณนั้นอยู่นาน