อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1933 ยังไม่จบ
เสียงนั้นมาจากหนังสือ
“กะ-กะ-กะ-แก…แกกำลังพูดกับฉันหรือ?” เฉาเฉิงลี่สั่นจนฟันกระทบกัน
จะไม่ให้เขาเสียขวัญได้อย่างไร? ในค่ำคืนเดียว เขาเห็นลูกธนูมากมายเบนออกจากเป้าหมายของมันด้วยเหตุผลลึกลับที่อธิบายไม่ได้ ม้าตัวหนึ่งและเกี้ยวอีกหลังหนึ่งที่สำแดงศิลปะการต่อสู้ออกมา เขากำลังคิดจะเข้านอนและลืมฝันร้ายทุกอย่างที่ได้เจอ แต่ตอนนี้ หนังสือพูดได้เล่มหนึ่งก็มาอยู่ตรงหน้า!
“ก็ใช่น่ะสิ” หนังสือตอบ
“แกเป็นใคร? ใครส่งแกมาที่นี่? อย่าคิดว่าจะตามติดฉันได้นะ ฉันจะฆ่าแกเสียเดี๋ยวนี้แหละ!”
เฉาเฉิงลี่คำราม แต่แล้วก็ขว้างกระบี่ทิ้งและวิ่งหนีไปในทิศทางตรงกันข้าม
เขาไม่สนใจอะไรอีกแล้ว ที่สำคัญที่สุดตอนนี้ก็คือหนีไปให้ไกลที่สุด!
พลั่ก!
แต่ยังไม่ทันจะไปถึงไหน เฉาเฉิงลี่ก็สะดุดเข้ากับบางอย่างแล้วล้มลงกระแทกพื้น ขณะที่กำลังกระเสือกกระสนลุกขึ้นยืน ก็เห็นหนังสือที่อยู่บนต้นไม้เมื่อครู่มาอยู่ตรงหน้า เขาตัวแข็งด้วยความจนปัญญา
“ถ้าคุณอยากตายก่อนวัยอันควรล่ะก็ เชิญเลย วิ่งหนีตามสบาย ผมยินดีจะไปส่งคุณด้วยความจริงใจสูงสุดของผม!”
ขณะที่หนังสือพูด แรงกดดันหนักหน่วงก็ระเบิดออกจากตัวมัน ทำให้เฉาเฉิงลี่รู้สึกเหมือนถูกขังไว้ในน้ำแข็ง เขาตัวสั่นขณะละล่ำละลักด้วยริมฝีปากสั่นเทา “มะ-ไม่ ไม่แน่นอน!”
เขารู้ได้โดยสัญชาตญาณว่าหนังสือที่อยู่ตรงหน้ามีพละกำลังเทียบเท่ากับนักปราชญ์โบราณที่แข็งแกร่งที่สุด…มันมีวรยุทธขั้นผู้ทำลายล้างมิติ
สิ่งนี้ทำให้เฉาเฉิงลี่ถอดใจ เขารู้ดีว่าต่อให้งัดวิธีการไหนมาใช้ ก็ไม่มีทางหนีพ้นหนังสือเล่มนี้ได้
“เด็กดี!” หนังสือชมเชย “คนที่คุณเพิ่งพบน่ะ พวกเขาปิดบังความจริงสำคัญไว้และทำให้คุณต้องเผชิญกับความสูญเสียครั้งใหญ่ ไม่อยากเอาคืนหรือ?”
“นะ-แน่นอน ผมอยากเอาคืนถ้าผมทำได้ ผมจะฉีกพวกมันให้เป็นชิ้นๆ!” เฉาเฉิงลี่หน้าเปลี่ยนสีด้วยแรงโทสะ
“อย่างน้อยที่สุด คุณก็ควรจะรู้ตัวตนของพวกเขาถ้าอยากเอาคืน รู้หรือเปล่าว่าพวกนั้นเป็นใคร?” หนังสือตั้งคำถาม
“คือ…” เฉาเฉิงลี่อึ้ง
ตอนที่เขารับงาน อีกฝ่ายขอปกปิดตัวตนไว้เป็นความลับ ซึ่งเขาก็ไม่มีปัญหาอะไรตราบใดที่เงินถึงมือ จึงไม่ได้ใส่ใจเสาะหาตัวตนของลูกค้าของเขา
“ป่านนี้พวกนั้นคงยังไปไม่ได้ไกลเท่าไหร่ ตามไปสิ” หนังสือสั่งการ “ในฐานะหัวหน้ากองโจร เรื่องพื้นๆอย่างการสะกดรอยคงไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับคุณ จริงไหม?”
“…ผมเข้าใจแล้ว” เฉาเฉิงลี่พยักหน้า
คำพูดเหล่านั้นทำให้แน่ใจว่าหนังสือก็เหมือนกับม้าและเกี้ยวที่เขาได้เจอ คือมาจากตั้นเฉี่ยวเทียน เป็นไปได้ว่าเหตุผลที่ตั้นเฉี่ยวเทียนยังไม่ฆ่าเขาก็เพราะอีกฝ่ายเห็นว่ายังมีข้อมูลบางอย่างที่ต้องเค้นจากปากเขาให้ได้
“เดินหน้า!” หนังสือสั่งการ
เฉาเฉิงลี่กัดฟันและรีบกลับไปบริเวณที่ก่อกองไฟ
แม้วรยุทธของเขาจะอ่อนด้อยกว่าเฉว่เฉิน แต่เพราะเป็นผู้เชี่ยวชาญการปล้น จึงเก่งกาจเรื่องการหลบซ่อนและสะกดรอย ไม่ช้าเฉาเฉิงลี่ก็มายืนอยู่หน้าคฤหาสน์โอ่อ่าหลังหนึ่ง
“นี่มัน…สำนักเจ้าเมือง?” ท่านเจ้าเมืองคือผู้สั่งการลอบสังหารหรือ?” เฉาเฉิงลี่ตาโตอย่างไม่อยากเชื่อ
เจ้าเมืองชวนเจียง, เฉว่เหยา เป็นผู้ที่ใครๆต่างเคารพยกย่อง ขึ้นชื่อเรื่องความเป็นกลางและชอบธรรม อีกฝ่ายมีส่วนรู้เห็นในเรื่องโหดเหี้ยมอย่างการลอบสังหารหรือ?
เฉาเฉิงลี่แนบตัวเข้ากับกำแพงอย่างระแวดระวังและกระโจนขึ้นไป เขาลงมาที่ลานบ้าน และเห็นคนกลุ่มใหญ่กำลังรวมตัวกัน สองคนที่เขาได้พบเมื่อครู่ยืนอยู่แถวหน้าของคนกลุ่มนั้น
เฉาเฉิงลี่ควบคุมลมหายใจอย่างระมัดระวัง เขาพยายามกลบเกลื่อนทุกร่องรอย
หนึ่งในคนที่ยืนอยู่แถวหน้าคือทหารนายหนึ่งในชุดเกราะเต็มยศ เท่าที่ดู คนเหล่านั้นน่าจะเป็นบุคลากรตำแหน่งสูงของสำนักเจ้าเมือง
“เปลี่ยนมาสวมเสื้อผ้าของคนพวกนี้แล้วกำจัดตั้นเฉี่ยวเทียนเสีย! เมื่อถึงรุ่งเช้า หมอนั่นจะต้องไม่หายใจ เข้าใจไหม?” เสียงทุ้มลึกของชายวัยกลางคนผู้หนึ่งดังก้องไปทั่วทั้งลานบ้านขณะชี้นิ้วไปยังกองเสื้อผ้าสีดำที่อยู่ข้างๆ
“ขอรับ นายท่าน!”
เหล่าทหารรีบถอดชุดเกราะและเปลี่ยนไปสวมเสื้อผ้าสีดำเหล่านั้น เมื่อมองใกล้ๆ เฉาเฉิงลี่แทบลมจับด้วยความตกใจ
มันคือเสื้อผ้าที่กองโจรของเขาสวมใส่!
บุคลากรตำแหน่งสูงของสำนักเจ้าเมืองกำลังจะปลอมตัวเป็นพวกเขาเพื่อสังหารตั้นเฉี่ยวเทียน! เขาจะไม่มีวันเชื่อเรื่องนี้เลยหากไม่ได้เห็นกับตา
ท่านเจ้าเมืองมีความแค้นอะไรถึงทำกับตั้นเฉี่ยวเทียนขนาดนี้…เฉาเฉิงลี่ครุ่นคิดขณะตัดสินใจอย่างชาญฉลาดด้วยการหยิบผลึกบันทึกขึ้นมาบันทึกภาพที่อยู่ตรงหน้าไว้
ไม่ช้า กองทหารของสำนักเจ้าเมืองที่ปลอมตัวแล้วก็มุ่งหน้าไปยังที่พักตระกูลตั้น พวกเขาปิดล้อมพื้นที่บริเวณนั้น
“เราจะบุกเข้าไปข้างใน ไม่ไว้ชีวิตใครหน้าไหนทั้งนั้น!” หัวหน้ากองทหารกระซิบกระซาบสั่งการ
“ขอรับ!” เมื่อได้รับคำสั่งจากหัวหน้า กองทหารบุกเข้าไปในบ้านพัก
เฉาเฉิงลี่ปีนขึ้นไปบนต้นไม้ที่เป็นพุ่มหนาพุ่มหนึ่งอย่างระมัดระวังและเฝ้ามองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้านพักผ่านแสงจันทร์สลัว สิ่งที่เขากำลังจะได้เห็นจะเป็นภาพที่ชั่วชีวิตนี้ไม่มีวันลืม
ชายหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่กลางบ้านพักพร้อมดาบในมือ ทุกครั้งที่เขาสะบัดข้อมือ ศีรษะหนึ่งจะกลิ้งหลุนๆไปกับพื้น สายลมคำรามหวีดหวิวอยู่ในลานบ้าน ดูราวกับว่าพละกำลังนี้จะไม่มีวันหมดสิ้นจนกว่าทุกร่างที่บุกเข้ามาจะเสียชีวิต
ภายในไม่ถึง 3 นาที กองทหารทั้ง 50 นายจากสำนักเจ้าเมืองก็กลายเป็นศพ
“หมอนั่นคือตั้นเฉี่ยวเทียนหรือ น่าจะเป็นเจ้าหนุ่มอ่อนแอที่เราต้องสังหารนี่?” เฉาเฉิงลี่หน้าซีดขณะใจเต้นรัวจนแทบกระโดดออกมาจากหน้าอก “ไอ้สารเลวพวกนั้นจากสำนักเจ้าเมือง…พวกมันพยายามจะให้เราถูกฆ่า!”
โชคดีที่สิ่งที่เล่นงานเขาก่อนหน้านี้คือม้าและเกี้ยว หากเขาต้องสู้กับตั้นเฉี่ยวเทียนตัวต่อตัว หัวคงหลุดจากบ่าภายในชั่วอึดใจ
ศิลปะเพลงดาบของชายหนุ่มเข้าถึงระดับที่ล้ำลึกเกินหยั่ง แม้แต่การโจมตีแบบเรียบง่ายก็มีเจตจำนงอันล้ำลึก ชั่วชีวิตของเฉาเฉิงลี่ เขาไม่เคยเห็นเทคนิคที่น่าสะพรึงขนาดนี้!
“ท่านอาจารย์…”
หลังจากสังหารทุกคนแล้ว ชายหนุ่มคนนั้น, ตั้นเฉี่ยวเทียน ก็เดินกลับเข้าไปในห้องด้วยสีหน้าทึ่งจัด ราวกับไม่อยากเชื่อว่าตัวเขาคือผู้สังหารหมู่ทหารพวกนั้น และตอนนั้นเองที่เฉาเฉิงลี่เห็นชายหนุ่มอีกคนหนึ่งนั่งอยู่หน้าห้อง เฝ้ามองการต่อสู้ เขาไม่เห็นชายหนุ่มคนนั้นเลยจนกระทั่งถึงตอนนี้!
ชายผู้นั้นดูจะมีอายุราว 20 ต้นๆ ท่วงท่างามสง่า เมื่อเห็นตั้นเฉี่ยวเทียน เขาวางถ้วยชาลงอย่างสุขุมก่อนจะย่นหน้าผาก
“ก็แค่ศัตรูไม่กี่คน คุณใช้เวลาจัดการพวกนั้นมากกว่า 2 นาทีเสียอีก เท่ากับใช้เวลา 3 อึดใจต่อหนึ่งคนทีเดียวนะ ถ้าคุณทำได้เท่านี้ล่ะก็ ผมจะถ่ายทอดศิลปะเพลงดาบที่ซับซ้อนกว่านี้ให้คุณได้อย่างไร? แบบนี้ไม่ได้ คืนนี้น่ะคุณต้องฝึกฝนศิลปะเพลงดาบอยู่ที่นี่จนถึงเช้า เข้าใจไหม?”
“เข้าใจขอรับ” ชายหนุ่มก้มหน้าลงอย่างละอาย
ตั้นเฉี่ยวเทียนสังหารทหารพวกนั้นได้ทุกสามอึดใจ แต่ยังถูกตำหนิ? เฉาเฉิงลี่แทบสำลัก
เขาเห็นอัจฉริยะมาแล้วมากมาย ซึ่งตั้นเฉี่ยวเทียนก็น่าจะอยู่อันดับต้นๆ แต่ท่านอาจารย์ของเขายังไม่พอใจกับสิ่งที่เห็น…อาจารย์ของตั้นเฉี่ยวเทียนจะโหดร้ายไปหน่อยไหม?
แต่นั่นยังไม่จบ
ขณะที่เฉาเฉิงลี่กำลังพยายามใคร่ครวญสิ่งที่เกิดขึ้น ก็เห็นม้าตัวที่เล่นงานลูกน้องของเขาเมื่อครู่วิ่งเหยาะๆไปหาชายหนุ่มคนนั้น มันยิ้มกว้าง ยกกาน้ำชาขึ้นและเติมถ้วยชาของชายหนุ่มจนเต็ม จากนั้นก็เช็ดกีบของตัวเองจนสะอาดก่อนจะนวดหลังให้ชายหนุ่ม
เฉาเฉิงลี่รู้สึกเหมือนสติจะหลุดลอย
ไอ้ที่เห็นอยู่ตรงนั้นคือม้าจริงๆหรือ?
ม้าควรจะทำอะไรแบบนี้หรือไง?
เราจะไม่เหยียบตระกูลตั้นอีกแล้ว ไม่มีวัน…เฉาเฉิงลี่ตัดสินใจเด็ดขาดขณะหันหลังกลับและเตรียมจากไป
แต่ในตอนนั้น เสียงหนึ่งก็ดังเข้าหู “คุณรู้นี่ว่าต้องทำอะไร”
เสียงนั้นนุ่มนวลและปลอบประโลม แต่ทำให้เขาขนลุกขนชันไปทั้งตัว เฉาเฉิงลี่รีบหันกลับไปมองบ้านพักตระกูลตั้น เห็นชายหนุ่มที่กำลังจิบชามองมาทางเขาพร้อมกับยิ้มน้อยๆ ราวกับอีกฝ่ายมองทะลุความมืดมาเห็นตัวเขาได้
“ผะ-ผม…” เฉาเฉิงลี่ทำอะไรไม่ถูกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างปุบปับ
“คุณก็แค่ต้องทบทวนสิ่งที่เห็นในวันนี้” ริมฝีปากของชายหนุ่มคนนั้นไม่ขยับ แต่เสียงของเขาดังชัดเจนอยู่ในหู
“ผมเข้าใจแล้ว…” เฉาเฉิงลี่ตอบพร้อมกับโค้งคำนับอย่างงาม
“ก่อนหน้านี้คุณมีเจตนาร้ายต่อผม แต่เพราะคุณทำตามคำสั่งของชายอีกคนหนึ่ง ครั้งนี้ผมจึงจะไม่เอาเรื่องและไว้ชีวิตคุณ แต่ขอเตือนนะว่าผมจะไม่ใจดีถ้าคุณกล้าสังหารคนอื่นๆอีกด้วยมือชั่วร้ายของคุณคู่นั้น ผมจะจับตามองคุณทุกฝีก้าว…” ชายหนุ่มพูดต่อ ก่อนที่เสียงของเขาจะจางหายไป
“ดะ-ได้!” เฉาเฉิงลี่รับคำก่อนจะโกยอ้าว
จางเซวียนเฝ้ามองเฉาเฉิงลี่โกยอ้าวอย่างคนเสียสติ เขายิ้มก่อนจะยกมือขึ้นและสะบัดแขนเสื้อ
บึ้มมมม!
ศพทั้งหมดที่ก่ายกองอยู่ในบ้านพักระเบิดเป็นจุณ กลายเป็นเถ้าถ่านในชั่วพริบตา
จางเซวียนสะบัดแขนเสื้ออีกครั้ง แล้วหลักฐานทั้งหมดก็ไหลลงสู่ท่อระบายน้ำใต้ดินและหายวับไป
ทุกร่องรอยการต่อสู้ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ถูกกลบเกลื่อนหมดสิ้น ราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น
จางเซวียนเดินกลับเข้าห้องและทรุดตัวลงนั่งทำสมาธิเพื่อฟื้นฟูพลังปราณในร่างกาย เขาต้องยอมรับว่าน้ำที่ได้จากการต้มน้ำเต้าตงฉู่มีอานุภาพน่าทึ่งมาก ไม่เพียงแต่อาการบาดเจ็บของเขาจะหายดี ร่างกายก็ยังคุ้นชินกับมิติและพลังจิตวิญญาณในมิติเบื้องบนด้วย ทำให้เคลื่อนไหวและซึมซับพลังจิตวิญญาณได้ง่ายกว่าเดิม
จางเซวียนฝึกฝนวรยุทธอยู่ราว 2 ชั่วโมงก่อนจะหยุด เขาครุ่นคิดเงียบๆก่อนจะเพ่งสมาธิเข้าสู่จุดตันเถียน “น้ำเต้า แกอยู่ที่ไหน?”
คำถามนี้ติดค้างในใจของเขามาระยะหนึ่งแล้ว
จางเซวียนรู้ดีว่าอาการบาดเจ็บของเขารุนแรงแค่ไหน แต่เพียงแค่ดื่มน้ำที่ได้จากการต้มน้ำเต้าตงฉู่ ก็ทำให้เขาฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว เป็นไปได้ว่าน้ำเต้าตงฉู่น่าจะเป็นบางอย่างที่น่าสะพรึงกว่าที่เขาเคยคิดไว้
เมื่อหวนนึกดู ก็น่าสงสัยว่าทำไมนักปราชญ์โบราณชิวอู๋ถึงสร้างค่ายกลมิติขึ้นเพียงเพื่อบ่มเพาะน้ำน้ำเต้าตงฉู่มายาวนานหลายหมื่นปี เรื่องนี้น่าจะมีอะไรมากกว่าที่เห็น
“ที่นั่นมีของให้ผมกินมากกว่าที่นี่ ถ้าคุณมีอาหารให้ผมกินมากพอล่ะก็ ไม่ช้าก็จะรู้” น้ำเต้าตงฉู่ย้ายตำแหน่งของมันเพื่อหาที่เหมาะๆก่อนจะลงนอนอย่างเกียจคร้าน
จางเซวียนพยายามตั้งคำถามอีก 2-3 ข้อ แต่อีกฝ่ายไม่แยแส เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะนำตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลออกมาและเพ่งสมาธิเข้าไป