อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1955 เป็นไปไม่ได้!
เขาสูดลมหายใจสองเฮือกใหญ่ก่อนจะตั้งคำถาม “คุณรู้สึก…อับอายขายหน้ากับผลลัพธ์ของคุณอย่างนั้นหรือ?”
“ใช่…มันออกจะไม่ค่อยปกติ…” ตั้นเฉี่ยวเทียนก้มหน้าก้มตา
ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นใจเต้นแรงด้วยความโมโหเดือด เขาต้องยกมือขึ้นกดหน้าอกครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อระงับอารมณ์ เมื่อรู้สึกว่าไม่อยากพูดกับหมอนี่อีกต่อไป เขาสูดหายใจลึกอีกครั้งก่อนจะหันไปถามจางเซวียน “คุณอยากเข้าไปลองดูไหม?”
เขาเกรงว่าตัวเองจะทำอะไรเกินเลยหรือแสดงความเกรี้ยวกราดออกมาหากยังพูดกับตั้นเฉี่ยวเทียนอยู่
“เอ่อ…ได้สิ” จางเซวียนพยักหน้าขณะเดินเข้าไปในห้อง
ตลอดทาง เขาอดคิดไม่ได้ ลูกศิษย์ของเราคนนี้ยังไม่ได้ร่ำเรียนศิลปะเพลงดาบของเราสักกี่มากน้อย แต่ก็เรียนรู้ที่จะรู้จักถ่อมเนื้อถ่อมตัวแบบเราแล้ว ไม่เลวเลย
ดูเหมือนอีกฝ่ายจะปราดเปรื่องพอให้เขาปั้นได้
จางเซวียนปิดประตู จากนั้นก็เดินตรงไปยังแท่นเทพดาบ
“ฮึ? ทำไมไม่มีดาบล่ะ?”
เขาเหลียวมองโดยรอบ แต่ห้องนั้นว่างเปล่า ไม่มีดาบสักเล่มให้เห็น ตามที่ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นบอกไว้ ควรจะมีดาบเล่มหนึ่งอยู่ตรงนี้
หรือว่าการประเมินศิลปะเพลงดาบไม่จำเป็นต้องใช้ดาบ? แต่ก็ดูไม่น่าจะใช่ แต่ก็นั่นแหละ เมื่อครู่นี้ตั้นเฉี่ยวเทียนก็อยู่ที่นี่ ซึ่งนั่นอาจหมายความว่าไม่ต้องใช้ดาบก็ได้
“แต่ว่า…ปลดปล่อยเจตจำนงเพลงดาบที่กินอาณาบริเวณถึง 499 เมตรได้โดยไม่ต้องใช้ดาบ เราอาจประเมินความสามารถของตั้นเฉี่ยวเทียนผิดไปจริงๆ…”
บางทีแท่นเทพดาบอาจไม่ได้เตรียมดาบไว้ให้ เมื่อลองนึกดู บรรดาศิษย์สายตรงส่วนใหญ่ที่เขาได้พบด้านนอกก็ล้วนแต่เหน็บดาบไว้ที่หลังทั้งนั้น แน่นอนว่ามันคงเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่หากไม่มีดาบในมือ…
ได้ผลลัพธ์ขนาดนั้นทั้งที่ไม่มีดาบ ลูกศิษย์ของเขาไม่ทำให้เขาผิดหวังจริงๆ
ในเมื่อลูกศิษย์ทำได้โดยไม่ต้องใช้ดาบ อย่างน้อยที่สุด ตัวเขาในฐานะอาจารย์ก็ควรจะทำได้แบบเดียวกัน
จางเซวียนสูดหายใจลึกก่อนจะปลดปล่อยเจตจำนงเพลงดาบทั้งหมดของเขาออกไปในคราวเดียว
แก่นสารเพลงดาบที่เขาได้ศึกษาเมื่อครั้งอยู่ในทวีปแห่งปรมาจารย์สะท้อนเข้ามาในหัวสมองขณะที่ยกนิ้วขึ้น
กระแสดาบฉีที่มีความเข้มข้นอย่างน่าทึ่งรวมตัวกันอยู่ที่ปลายนิ้วของจางเซวียน
ด้วยการสั่งสมกันของกระแสดาบฉี หมอกขาวระเบิดออกจากแท่นเทพดาบและเข้าโอบล้อมร่างของจางเซวียนไว้อย่างรวดเร็ว แต่แทนที่จะพุ่งออกไป มันกลับหลอมรวมเข้ากับกระแสดาบฉีของจางเซวียน
ดูราวกับหมอกขาวเหล่านี้ยอมจำนนให้กับเจตจำนงเพลงดาบของจางเซวียนและไม่กล้าทำอะไรลงไปหากปราศจากคำสั่งของเขา
เห็นภาพนั้น จางเซวียนอ้าปากค้าง
นี่มันบ้าบออะไร?
ถ้าเป็นอย่างนี้ ก็หมายความว่าเขาปลดปล่อยเจตจำนงเพลงดาบได้เพียงไม่ถึง 1 เมตรหรือ?
เขาคงไม่อ่อนด้อยกว่าศิษย์สายตรงของตัวเองหรอก ใช่ไหม?
ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง คงได้อับอายขายหน้าครั้งใหญ่
“แบบนี้ไม่ได้การ ต้องรวบรวมเจตจำนงเพลงดาบให้มีปริมาณมากกว่านี้ และก้าวข้ามขีดจำกัดของเราให้ได้!”
จางเซวียนหวนนึกถึงศิลปะเพลงดาบที่เขาได้ร่ำเรียนเมื่อครั้งอยู่ที่สระดาบ ตระกูลจาง รวมทั้งภูมิปัญญาที่เขาได้รู้มาก่อนหน้านี้…
แก่นสารเพลงดาบหมุนติ้วอยู่ในหัวสมองของเขา รังสีแผดกล้าระเบิดออกจากร่าง ในชั่วพริบตานั้น จางเซวียนรู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นดาบเล่มใหญ่ที่สามารถผ่าโลกให้แยกออกเป็น 2 ซีก
ฟิ้วววว!
ขณะที่เจตจำนงเพลงดาบของเขาพุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุด ปริมาณหมอกขาวที่รวมตัวกันอยู่ในห้องก็เพิ่มขึ้นอย่างน่าสะพรึง ในชั่วพริบตา ก็ดูเหมือนห้องนั้นจะถูกเปลวไฟเผาไหม้ทุกอย่างจนราบคาบ ด้วยความเข้มข้นของเจตจำนงเพลงดาบ หมอกขาวที่ก่อตัวเป็นชั้นหนาเริ่มจะกลั่นตัวกลายเป็นของเหลว
“ยังน้อยกว่า 1 เมตรอีกหรือ? เป็นไปไม่ได้!”
จางเซวียนทุ่มทุนขนาดนี้แล้ว แต่เมื่อมองไป การปลดปล่อยเจตจำนงเพลงดาบของเขาก็ยังไปได้ไกลไม่ถึง 1 เมตร!
เป็นไปได้อย่างไร?
เขาอ้าปากค้าง แทบลมจับเดี๋ยวนั้น
เป็นไปไม่ได้ที่ศิลปะเพลงดาบอันไร้เทียมทานของเขาจะทำให้เขาไม่อาจเทียบชั้นได้แม้แต่กับศิษย์สายตรงระดับล่าง จริงไหม?
เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น ตั้นเฉี่ยวเทียนจะทำผลงานได้ถึง 499 เมตรได้อย่างไรทั้งที่เพิ่งเรียนรู้แค่ศิลปะเพลงดาบชั้นสาม?
“เราไม่เชื่อเด็ดขาด! บรรดาเจตจำนงเพลงดาบของโลกใบนี้ จงฟังคำสั่งของผม!” จางเซวียนคำรามก้องขณะที่พลังปราณกับจิตวิญญาณของเขาหลอมรวมกันและก่อตัวเป็นรูปดาบ เขาซึมซับเจตจำนงเพลงดาบที่อบอวลอยู่ในอากาศและเพ่งสมาธิให้กับการสั่งสมกระแสดาบฉีที่ปลายนิ้ว
ถ้าศิษย์สายตรงของเขาทำได้ขนาดนี้โดยไม่ต้องใช้ดาบ เขาคงต้องอับอายขายหน้าจนตายหากทำแบบเดียวกันไม่ได้!
ไม่ว่าอย่างไร ก็จะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด!
ทั้งหมดนี้ก็เพื่อชื่อเสียงและศักดิ์ศรีในฐานะท่านอาจารย์ของตั้นเฉี่ยวเทียน!
…..
ชายหนุ่มคนหนึ่งที่มีดาบเหน็บหลังยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนคลาคล่ำในหอเทพดาบ
ทันทีที่เขาก้าวเข้าสู่ห้องโถง ก็ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ ราวกับเขามีอำนาจโดยธรรมชาติบางอย่างที่ผลักดันใครๆให้ถอยห่าง
เกิดเสียงหัวเราะคิกคัก กลุ่มชนพากันเปิดทางให้ชายหนุ่มอีกคนเดินเข้ามา
“ศิษย์น้องเย่เหลียน มารับการประเมินศิลปะเพลงดาบอีกแล้วหรือ? สนใจจะแข่งกับผมไหม?”
ชายหนุ่มคนนี้มีรูปร่างหน้าตาที่ดูมีอำนาจ ด้วยความสูงที่ตระหง่านเหนือคนอื่นๆในห้อง เขายืนเด่นราวกับนกกระเรียนที่อยู่ท่ามกลางฝูงไก่
“ศิษย์พี่เหอเหยียน ถ้าอยากแข่งกับผมล่ะก็ ผมยิ่งกว่ายินดี” ชายหนุ่มที่ชื่อเย่เหลียนตอบอย่างใจเย็น
“กรุณาด้วย!” เหอเหยียนชี้นิ้วไปที่ห้องซึ่งเรียงรายกันอยู่ เขายิ้มกว้างก่อนจะก้าวเข้าไป
เย่เหลียนตามไปติดๆ และเข้าไปในห้องที่อยู่ติดกับห้องของเหอเหยียน
มีผนังกั้นระหว่างแต่ละห้อง แต่เพราะด้านหน้าไม่มีผนัง ทุกคนจึงมองเห็นการปลดปล่อยเจตจำนงเพลงดาบของห้องใกล้เคียง ทำให้สามารถเปรียบเทียบกันได้
เห็นทีท่าของทั้งคู่ ศิษย์สายตรงฝ่ายในคนหนึ่งที่เพิ่งมาถึงตั้งคำถามกับคนแถวนั้น “พวกเขาคือศิษย์พี่เย่กับศิษย์พี่เหอผู้โด่งดังในหมู่ศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดใช่ไหม?”
“ใช่ พวกเขานั่นแหละ ผมรู้มาว่าทั้งคู่เพียรพยายามจะเป็นเทพดาบและแข่งขันกันตลอด 5 ปีที่ผ่านมาเพื่อดูว่าใครจะทำสำเร็จก่อนกัน!” ศิษย์สายตรงคนหนึ่งในบริเวณนั้นที่ดูจะรู้ดีให้คำตอบพร้อมกับพยักหน้า
เย่เหลียนกับเหอเหยียนเป็นศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดไม่กี่คนที่มีชื่อเสียงโด่งดังเพราะบุคลิกอันโดดเด่นและศิลปะเพลงดาบที่ไร้เทียมทานของพวกเขา ทั้งคู่เชี่ยวชาญศิลปะเพลงดาบเหมือนกัน จึงแข่งขันกันมาตลอดหลายปี โดยเฉพาะในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาที่พวกเขาอยู่ห่างจากการได้เป็นเทพดาบเพียงไม่กี่ก้าว
สิ่งนั้นทำให้ทั้งคู่เป็นเป้าสายตาของบรรดาศิษย์สายตรงในสำนักดาบเมฆเหิน ทุกคนอยากรู้ว่าใครจะขึ้นสู่จุดสูงสุดระดับนั้นได้ก่อน
“ศิษย์พี่เหอ ทำไมคุณไม่เริ่มก่อนล่ะ?” เย่เหลียนพูดขณะก้าวขึ้นไปบนแท่นเทพดาบและชักดาบออกมา
ผู้เข้ารับการทดสอบจะต้องใช้ดาบที่อยู่บนแท่นเทพดาบเพื่อเข้ารับการทดสอบและรอคอยผลลัพธ์ ซึ่งเหตุผลที่ศิษย์สายตรงส่วนใหญ่เหน็บดาบไว้ที่หลังก็เพราะหวังว่าจะสามารถปลดปล่อยเจตจำนงเพลงดาบได้ดีกว่าหากใช้อาวุธที่ตัวเองคุ้นเคย อีกทั้งยังมีความเป็นหนึ่งเดียวระหว่างดาบกับมนุษย์ในระดับที่สูงกว่าด้วย
“เริ่มกันเถอะ!”
เหอเหยียนหัวเราะลั่นจากห้องข้างๆ ขณะคว้าดาบที่ปักอยู่บนแท่นเทพดาบและถ่ายทอดเจตจำนงเพลงดาบเข้าไป
ฟิ้ววววว!
กระแสเจตจำนงเพลงดาบที่ไร้ขอบเขตพวยพุ่งออกจากจุดชีพจรของเขา ไหลเข้าสู่ดาบในมือ
ในชั่วพริบตา เจตจำนงเพลงดาบก็ถูกปลดปล่อยออกจากห้องนั้น กินอาณาบริเวณหลายสิบเมตร
เห็นการปลดปล่อยเจตจำนงเพลงดาบของเหอเหยียน เย่เหลียนเริ่มการทดสอบ เจตจำนงเพลงดาบของเขาถูกปลดปล่อยออกไปและตีคู่กับเหอเหยียน เมื่อมองจากระยะไกล ก็ดูเหมือนสิ่งมีชีวิตจากสรวงสวรรค์ที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่เคียงข้างกัน
เห็นเย่เหลียนใกล้จะตามเขาทัน เหอเหยียนหัวเราะหึๆ “ระดับความเร็วของคุณถือว่าไม่เลวนะศิษย์น้อง! 6 เดือนที่ผ่านมานี่คุณคงฝึกฝนหนักมาก!”
“ศิษย์พี่ คุณเองก็ใช่ย่อย ความเร็วในการปลดปล่อยเจตจำนงเพลงดาบของคุณเร็วกว่าแต่ก่อนมาก” เย่เหลียนตั้งข้อสังเกตอย่างสุขุม
“ผมว่าเราคงเสมอกัน แต่ก็เอาเถอะ มาดูกันดีกว่าว่าใครจะแตะระดับ 500 เมตรและกลายเป็นเทพดาบได้ก่อน!”
เหอเหยียนคำรามและปลดปล่อยเจตจำนงเพลงดาบออกมารวดเดียว ทำให้การปลดปล่อยพลังนั้นพุ่งออกไปด้วยความเร็วสูง แต่ยังไม่ทันจะไปได้ไกล การปลดปล่อยเจตจำนงเพลงดาบของเขาก็พลันหยุดชะงัก มันสั่นสะท้านอย่างรุนแรงราวกับกำลังยืนอยู่ตรงหน้าผู้สูงส่ง เหมือนงูตัวหนึ่งที่ตัวสั่นงันงกต่อหน้ามังกรสวรรค์
ไม่ว่าเหอเหยียนจะสำแดงพละกำลังรุนแรงแค่ไหน การปลดปล่อยเจตจำนงเพลงดาบของเขาก็ไปไม่ได้ไกลกว่านั้น
เหอเหยียนหรี่ตา เขาชำเลืองมองเย่เหลียนและเห็นว่าอีกฝ่ายตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน การปลดปล่อยเจตจำนงเพลงดาบของเขาสั่นสะท้านไม่หยุด เดินหน้าต่อไม่ได้แม้แต่คืบเดียว
“มันเกิดอะไรขึ้น?” เหอเหยียนถึงกับผงะ
ในตอนนั้น การปลดปล่อยเจตจำนงเพลงดาบของทั้งคู่แหลกสลายไปพร้อมกับเกิดเสียงดังสนั่น
พลั่ก!
เหอเหยียนกับเย่เหลียนกระอักเลือดออกจากปากขณะทรุดฮวบลงกับพื้น
เหอเหยียนกุมบาดแผลของเขาไว้แน่น จากนั้นก็ค่อยๆกระเสือกกระสนลุกขึ้นยืน
“นี่มัน…การทำลายล้างของเจตจำนงเพลงดาบ?”
ในฐานะอัจฉริยะผู้ฝึกฝนเพลงดาบ, ศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดคนหนึ่งของสำนักดาบเมฆเหิน เขารู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น เจตจำนงเพลงดาบที่เขาเพียรฝึกฝนด้วยความเหนื่อยยากถูกเจตจำนงเพลงดาบของชายอีกคนหนึ่งทำลายจนราบคาบ!
แต่นี่เป็นเรื่องประหลาดมาก เพราะศิลปะเพลงดาบที่เขาฝึกฝนคือเจตจำนงเพลงดาบที่ไม่มีใครในสำนักเทียบชั้นได้ เขาจะถูกปราบจนราบคาบแบบนั้นได้อย่างไร? ไม่มีทาง!
“เย่เหลียน ฝีมือคุณหรือ?” เหอเหยียนถามอย่างประหลาดใจ
ศิษย์สายตรงที่มาที่นี่เพื่อเข้ารับการประเมินศิลปะเพลงดาบมีแต่ตัวเขากับเย่เหลียนเท่านั้น หรือว่า อีกฝ่ายได้ฝึกฝนศิลปะเพลงดาบอันน่าทึ่งบางอย่างตลอดครึ่งปีที่ผ่านมา ทำให้มีเจตจำนงเพลงดาบที่เหนือชั้นกว่า?
เหอเหยียนหันไปมอง และเห็นว่าการปลดปล่อยเจตจำนงเพลงดาบในห้องที่อยู่ติดกันถูกทำลายล้างไปด้วย ดูเหมือนจะอยู่ภายใต้แรงกดดันหนักหน่วง มันนิ่งงัน ไม่ไหวติงราวกับงูที่ขดอยู่กับพื้น
“ไม่ใช่ผมนะ…ผมยังควบคุมเจตจำนงเพลงดาบของผมไม่ได้เลย…พลั่ก!”
ยังไม่ทันจะพูดจบ การปลดปล่อยเจตจำนงเพลงดาบของเย่เหลียนก็สลายตัวไปอย่างฉับพลัน ทำให้เขากระอักเลือดออกมากองใหญ่
เหอเหยียนตาโตด้วยความประหลาดใจเมื่อเห็นภาพนั้น