อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1949 ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม!
“คุณยังไม่ได้เป็นนักปราชญ์โบราณ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าในอีก 1 ชั่วโมงนับจากนี้จะเป็นไม่ได้!” จางเซวียนพูดพร้อมกับยิ้มอย่างมั่นใจ
“ท่านอาจารย์เชื่อว่าผมจะยกระดับวรยุทธได้ถึง 2 ขั้นภายใน 1 ชั่วโมง?” ตั้นเฉี่ยวเทียนยังออกจะลังเล
ไม่ใช่เขาไม่เชื่อมั่นในความสามารถของท่านอาจารย์ แต่เขาไม่เชื่อมั่นในตัวเอง
ถ้าการยกระดับวรยุทธมันง่ายอย่างนั้น ป่านนี้ทวีปที่ถูกลืมก็คงมีนักปราชญ์โบราณอยู่คลาคล่ำ
“เงียบเถอะ นับจากนี้ไปคุณจะต้องทำตามคำสั่งของผมอย่างเคร่งครัด อย่าลังเลหรือขัดขืนเป็นอันขาด ทำตามที่ผมบอกก็พอ เข้าใจไหม?” จางเซวียนพูด
“ขอรับ ท่านอาจารย์” ตั้นเฉี่ยวเทียนตอบพร้อมกับพยักหน้า
นับตั้งแต่วินาทีที่จางเซวียนปลดปล่อยเขาจากการครอบงำของหนอนกู้ เขาก็ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่มีวันฝ่าฝืนคำสั่งของท่านอาจารย์เด็ดขาด
จางเซวียนมองตั้นเฉี่ยวเทียนตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะเริ่มสาธยาย “คุณเริ่มสะสมพลังจิตวิญญาณไว้ตั้งแต่เมื่อ 10 ปีก่อน แต่ยังไม่ได้ขัดเกลาพลังนั้นให้กลายเป็นพลังปราณ…พลังจิตวิญญาณที่ยังไม่ได้รับการขัดเกลาถูกสั่งสมไว้ในร่างกายของคุณมาตลอด ทำให้ทั้งร่างกายและทางเดินพลังปราณของคุณแข็งแกร่งกว่านักรบคนอื่นๆ ขอแค่เราปรับเปลี่ยนโครงข่ายทางเดินพลังปราณของคุณสักเล็กน้อย การจะฝ่าด่านวรยุทธก็ไม่ใช่เรื่องยาก!”
ตั้นเฉี่ยวเทียนสับสน “ปรับเปลี่ยน…โครงข่ายทางเดินพลังปราณของผม?”
คนเราทำอะไรแบบนี้ได้ด้วยหรือไง?
มันควรจะถูกกำหนดมาตั้งแต่เกิดไหม? ทางเดินพลังปราณของมนุษย์คนหนึ่งละเอียดอ่อนมากไม่ใช่หรือ?
สิ่งที่เรียกกันว่า ‘วรยุทธถูกธาตุไฟเข้าแทรก’ นั้นคือผลลัพธ์ของการที่พลังปราณของนักรบผู้หนึ่งเดินเข้าสู่ทางเดินพลังปราณผิดเส้นด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง ทำให้เกิดแรงตีกลับอย่างรุนแรงจากร่างกาย
ถ้าแม้แต่การขับเคลื่อนพลังปราณผิดทางยังก่อให้เกิดผลร้ายแรงขนาดนั้นได้ แล้วการปรับเปลี่ยนทางเดินพลังปราณจะส่งผลอย่างไร?
“ใช่ มันคือกระบวนการที่ผมคิดค้นขึ้นมา แต่ผมยังไม่ได้ทดสอบมันเลย คุณอยากลองไหม? ถ้าคุณทำสำเร็จ มันก็จะเป็นบันไดที่พาคุณลัดตรงขึ้นสู่จุดสูงสุดได้ คุณจะกลายเป็นนักปราชญ์โบราณผู้ทรงเกียรติของโลกใบนี้ แต่ถ้าล้มเหลว คุณก็จะพิการและไม่อาจฝึกฝนวรยุทธได้อีก!”จางเซวียนพูดอย่างเคร่งขรึม
“….” ตั้นเฉี่ยวเทียนรู้สึกเหมือนน้ำตาจะร่วง
ท่านอาจารย์พูดมายืดยาว แต่ลงท้ายแผนการของเขาก็เป็นแค่ทฤษฎี ยังไม่ได้ถูกทดลองปฏิบัติเลย
จะใช้สิ่งที่ยังไม่ได้ผ่านการทดสอบกับตัวผม…
ท่านอาจารย์ช่างอาจหาญนัก! แต่สิ่งที่ผมไม่แน่ใจก็คือผมจะคู่ควรกับความอาจหาญของคุณหรือเปล่า…
ขณะที่ตั้นเฉี่ยวเทียนกำลังคิดว่าถึงอย่างไร ท่านอาจารย์ที่ดูไม่ค่อยน่าไว้วางใจของเขาคนนี้ก็ทำตัวเป็นที่พึ่งของเขามาตลอด จึงลังเลไม่นานก่อนจะตอบตกลง “ท่านอาจารย์ ชีวิตของผมเป็นของคุณ เพราะถ้าไม่ใช่คุณ ป่านนี้ผมก็คงตายไปนานแล้ว ผมเต็มใจจะฝากชีวิตของผมไว้ในมือของคุณอีกครั้ง!”
“ดี มาลงมือทำให้เสร็จๆไป!” จางเซวียนพยักหน้าอย่างพอใจ
และเรื่องจริงก็คือ…จางเซวียนไม่ได้โกหก เขาเพิ่งคิดค้นกรรมวิธีนี้ได้เมื่อครู่ก่อน
เขามั่นใจว่าจะสามารถทำให้นักรบคนหนึ่งยกระดับวรยุทธไปเป็นนักปราชญ์โบราณได้ภายในเวลา 2-3 วันด้วยทรัพยากรชั้นดีและคำชี้แนะของเขา แต่การยกระดับวรยุทธถึง 2 ขั้นภายใน 1 ชั่วโมง…เว้นเสียแต่อีกฝ่ายจะฝึกฝนเคล็ดวิชาเทียบฟ้าเหมือนตัวเขา!
แต่ก็แน่นอนว่าในโลกนี้ นอกจากจางเซวียนแล้ว ไม่มีใครสามารถฝึกฝนเคล็ดวิชาเทียบฟ้าได้ หากตั้นเฉี่ยวเทียนทำอย่างนั้น ก็คงลงเอยด้วยความตายจากการถูกสวรรค์ลงโทษ
ดังนั้นจางเซวียนจึงต้องหาทางเลือกอื่น
จากการตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนของเขา เขาพบว่าทางเดินพลังปราณของผู้ที่อยู่ในมิติเบื้องบนมีคุณภาพดีกว่าทางเดินพลังปราณของเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่นเสียอีก แต่ยังไม่ถึงขั้นที่เรียกว่าสมบูรณ์แบบ
ทางเดินพลังปราณของเผ่าพันธ์มนุษย์มีข้อบกพร่องมากมาย และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้แม้จะกลายเป็นผู้ใหญ่แล้ว พวกเขาก็ยังคงเป็นมนุษย์ธรรมดาสามัญ ส่วนพวกร้อยสำนักแห่งนักปราชญ์นั้นมีข้อบกพร่องน้อยกว่า จึงสามารถสำเร็จวรยุทธขั้นจงซรือได้เมื่ออายุมากพอ แต่สำหรับประชากรในมิติเบื้องบน ทางเดินพลังปราณของพวกเขามีข้อบกพร่องไม่กี่ข้อ จึงสำเร็จวรยุทธระดับเซียนขั้น 9 ได้เมื่อเป็นผู้ใหญ่
เห็นได้ชัดว่าความสมบูรณ์แบบของโครงข่ายพลังปราณนั้นทำให้มีข้อได้เปรียบมากมาย ผู้นั้นจะเริ่มต้นด้วยวรยุทธที่สูงส่งกว่าคนอื่น อีกทั้งยกระดับวรยุทธได้เร็วกว่าเผ่าพันธุ์อื่นๆด้วย
ก่อนหน้านี้ เจิ้งหยางกับศิษย์สายตรงคนอื่นๆของเขาก็สำเร็จวรยุทธขั้นผู้ทำลายล้างมิติได้อย่างรวดเร็วเพราะการปรับเปลี่ยนโครงข่ายทางเดินพลังปราณเช่นกัน
แต่แน่นอนว่าที่มิติเบื้องบนแห่งนี้มีปัจจัยอื่นๆอีกหลายข้อ เขาจึงไม่อาจแน่ใจได้ว่าจะใช้ได้ผลแบบเดียวกันกับตั้นเฉี่ยวเทียน ไม่ใช่ว่าจางเซวียนไม่มั่นใจในทฤษฎีของตัวเอง แต่เพราะมันมีความเป็นไปได้อยู่น้อย…น้อยมากที่อะไรๆอาจไม่เป็นไปตามที่เขาต้องการ จึงรู้สึกว่าควรบอกตั้นเฉี่ยวเทียนให้รู้ล่วงหน้า
จางเซวียนสะบัดข้อมือ แล้วหม้อใบใหญ่กับฟืนกองหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในห้องนั้น ในตอนนั้นเองที่เขาเพิ่งรู้ตัวว่าลืมเก็บน้ำไว้ในแหวนเก็บสมบัติ จึงรีบออกจากห้องไปเพื่อหาน้ำมาถังหนึ่ง ไม่ช้าน้ำนั้นก็เดือดปุดๆอยู่ในหม้อที่มีฟืนลุกโพลงอยู่ข้างใต้
“เอาล่ะ ออกมาอาบน้ำเถอะ…”
จางเซวียนส่งโทรจิตเข้าสู่จุดตันเถียนของเขา ไม่ช้าน้ำเต้าตงฉู่ก็ปรากฏตรงหน้า มันดำดิ่งลงไปในหม้อแล้วระบายลมหายใจยาวอย่างมีความสุข
แม้พลังปราณเทียบฟ้าของจางเซวียนจะเยียวยาอาการบาดเจ็บต่างๆได้อย่างรวดเร็ว แต่เขาก็ไม่แน่ใจว่ามันจะดีพอสำหรับการเยียวยาความบอบช้ำครั้งใหญ่ของทางเดินพลังปราณให้สำเร็จได้ภายใน 1 ชั่วโมง
อีกอย่าง บางทีสภาวะร่างกายของผู้ที่อยู่ในมิติเบื้องบนกับทวีปแห่งปรมาจารย์อาจแตกต่างกัน โดยผู้ที่อยู่ในมิติเบื้องบนจะมีความคุ้นชินกับพลังจิตวิญญาณหน้าตาเหมือนปรอทที่อยู่ในสภาพแวดล้อมมากกว่า แต่ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง พลังจิตวิญญาณหน้าตาเหมือนปรอทดูจะมีอานุภาพน้อยกว่าในการเยียวยาความบอบช้ำต่างๆ ไม่อย่างนั้น บรรดานักปราชญ์โบราณของมิติเบื้องบนก็คงเป็นคู่ต่อสู้ที่รับมือด้วยได้ยากหากพวกเขาเยียวยาตัวเองได้อย่างรวดเร็วในระหว่างการต่อสู้
ดังนั้น จางเซวียนจึงคิดว่าควรนำน้ำเต้าตงฉู่มาใช้
น้ำที่ได้จากการต้มน้ำเต้าตงฉู่ใช้ได้ผลแม้แต่กับนักรบขั้นผู้ทำลายล้างมิติอย่างตัวเขา จึงไม่น่าจะมีปัญหาอะไรกับนักรบระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่อย่างตั้นเฉี่ยวเทียน
ขณะที่จางเซวียนกำลังต้มน้ำ ก็หันไปบอกตั้นเฉี่ยวเทียนอย่างเคร่งขรึม “คุณต้องอดทนกับความเจ็บปวดนะ”
“ขอรับ” ตั้นเฉี่ยวเทียนพยักหน้า
เขาทำตามคำสั่งของจางเซวียน โดยทรุดตัวลงนั่งกับพื้นและไม่เคลื่อนไหว
จางเซวียนเดินเข้าหาตั้นเฉี่ยวเทียนและทาบฝ่ามือลงบนท้องน้อยของชายหนุ่ม เขาถ่ายทอดพลังปราณเข้าไปในร่างของอีกฝ่ายแล้วทำให้มันสั่นสะท้านอย่างรุนแรง
พลั่ก!
ตั้นเฉี่ยวเทียนกระอักเลือดออกมากองใหญ่
ในชั่วพริบตา ทางเดินพลังปราณทั้งหมดของเขาก็ถูกท่านอาจารย์ทำลาย
ความเจ็บปวดแสนสาหัสทำให้ตั้นเฉี่ยวเทียนหน้ามืด เขาเกือบสลบไป
ถ้าเป็นเด็กวัยรุ่นอายุ 16 ปีคนอื่นๆ คงสลบไปนานแล้ว แต่ด้วยความเหนื่อยยากและความท้าทายต่างๆนานาที่เขาต้องเผชิญตั้งแต่อายุ 6 ปี เจตจำนงและความตั้งใจมุ่งมั่นของเขาจึงแข็งแกร่งราวกับเหล็ก ตั้นเฉี่ยวเทียนกัดฟัน รักษาสติสัมปชัญญะเสี้ยวหนึ่งที่เหลือไว้ได้
“จำไว้นะ ห้ามสลบโดยเด็ดขาด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม!” จางเซวียนย้ำอีกครั้ง
เขาตั้งต้นขับเคลื่อนพลังปราณเทียบฟ้าเข้าสู่ร่างของตั้นเฉี่ยวเทียนเพื่อเชื่อมต่อทางเดินพลังปราณของอีกฝ่ายเข้าด้วยกันให้อยู่ในรูปของโครงข่ายพลังปราณที่สมบูรณ์แบบขึ้น
พลังปราณเทียบฟ้าที่ก่อตัวขึ้นจากพลังจิตวิญญาณหน้าตาเหมือนปรอทมีความบริสุทธิ์และเข้มข้นกว่าแต่ก่อน ขณะที่มันเข้าโอบล้อมทางเดินพลังปราณที่แหลกสลายของตั้นเฉี่ยวเทียน มันก็ทำการซ่อมแซมทุกอย่างให้อยู่ในรูปของโครงข่ายพลังปราณที่สมบูรณ์แบบกว่าเดิม
“ได้ผล! เราเชื่อมต่อทางเดินพลังปราณของเขาได้ แต่ดูเหมือนความเร็วของพลังปราณเทียบฟ้าในการเยียวยาบาดแผลของเขาจะยังไม่ดีพอ…” จางเซวียนถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อภารกิจของเขาลุล่วง
พลังปราณเทียบฟ้าสามารถเยียวยาอาการบาดเจ็บได้ทั้งภายในและภายนอก แต่มันจะมีอานุภาพลดลงหากต้องเยียวยาผู้ที่มีพื้นฐานของสภาวะร่างกายไม่มั่นคง การแหลกสลายของทางเดินพลังปราณถือเป็นอาการบอบช้ำขนานใหญ่ที่แม้แต่พลังปราณเทียบฟ้าก็ทำอะไรไม่ได้มาก
หากไม่ได้พักฟื้นอย่างน้อยครึ่งเดือน ตั้นเฉี่ยวเทียนก็ไม่อาจฟื้นคืนพละกำลังได้ดังเดิม แต่แน่นอนว่าทำได้เท่านี้ก็ถือว่าน่าทึ่งมากแล้ว
เหลือเวลาอีกเพียงชั่วโมงเดียวเท่านั้นก่อนที่ตั้นเฉี่ยวเทียนจะอายุครบ 17 ปี เวลาจึงไม่คอยท่า
จางเซวียนจ่อน้ำที่ได้จากการอาบน้ำของน้ำเต้าตงฉู่เข้าที่ริมฝีปากของตั้นเฉี่ยวเทียนและสั่งการ “ดื่มมันลงไป…”
ตั้นเฉี่ยวเทียยกนดฟันข่มความเจ็บปวดไว้ เขาพยายามกล้ำกลืนน้ำนั้น
เป็นอย่างที่จางเซวียนบอก ร่างกายของเขาได้รับการบ่มเพาะจนแทบไม่มีอะไรแตกต่างจากนักปราชญ์โบราณแล้ว ดังนั้น แม้การดื่มน้ำลงไปจะทำให้ร่างกายที่เปราะบางของเขาได้รับความเจ็บปวดมาก แต่ก็ไม่เกิดอันตรายใดๆ
ฟู่!
ขณะที่น้ำซึมซับเข้าสู่ร่างของเขา อาการบาดเจ็บก็ได้รับการเยียวยาจนดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพียงไม่ถึง 1 นาที ร่างกายของเขาก็กลับคืนสู่สภาพปกติ
“เฮ้ย…” ตั้นเฉี่ยวเทียนตาโตด้วยความไม่อยากเชื่อ
เขาแทบไม่เชื่อว่าน้ำที่ได้จากการต้มน้ำเต้าตงฉู่จะไร้เทียมทานขนาดนี้
เห็นตั้นเฉี่ยวเทียนยังมัวจังงังทั้งที่เวลาก็กระชั้นเข้ามาเต็มที จางเซวียนตบศีรษะของอีกฝ่ายและตำหนิ “รีบซึมซับพลังจิตวิญญาณและฝ่าด่านวรยุทธเร็วๆเข้า!”
“ขะ-ขอรับ!” ตั้นเฉี่ยวเทียนรีบหันไปเพ่งสมาธิให้กับการฝึกฝนวรยุทธ
แม้เมื่อครู่นี้ทางเดินพลังปราณของเขาจะเพิ่งแหลกสลาย แต่ก็ไม่ได้กระทบกับการฝึกฝนวรยุทธ เพราะพลังปราณทั้งหมดของเขาถูกเก็บไว้ในจุดตันเถียน ด้วยเหตุนี้ ตั้นเฉี่ยวเทียนจึงเรียกคืนวรยุทธระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้น 3 โลกจารึกกลับมาได้ทันทีที่ทางเดินพลังปราณของเขาได้รับการเยียวยา
เมื่อตั้งต้นฝึกฝนวรยุทธ ก็พบว่าด่านคอขวดที่เคยสกัดกั้นเขาไว้ได้หายไปแล้ว ทำให้พร้อมจะฝ่าด่านวรยุทธได้ทุกเมื่อ
“จัดการ!”
ตั้นเฉี่ยวเทียนขับเคลื่อนพลังปราณและทำลายด่านคอขวดโดยไม่ลังเล วรยุทธที่ถูกสกัดกั้นไว้ได้รับการปลดปล่อย เขาฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นนักรบระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้น 4 ชั่วกัลปาวสานได้สำเร็จ