อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1950 จดหมายหย่า
แต่การฝ่าด่านวรยุทธไม่ได้หยุดแค่นั้น
ชั่วกัลปาวสาน ขั้นต้น
ขั้นกลาง
ขั้นสูง
ขั้นสูงสุด
โลกจารึก
ภายในไม่ถึง 1 ชั่วโมง ตั้นเฉี่ยวเทียนก็เหยียบย่างเข้าสู่วรยุทธขั้นนักปราชญ์โบราณ พร้อมจะฝ่าด่านวรยุทธได้ทุกเมื่อ
แต่ในตอนนั้นเองที่จางเซวียนรู้สึกได้ว่าพลังงานภายในร่างของตั้นเฉี่ยวเทียนค่อยๆลดต่ำลง เหมือนกระแสน้ำที่กำลังไหลเอื่อย อีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้น แต่ตั้นเฉี่ยวเทียนก็เกือบจะไม่ไหวแล้ว
“ดูเหมือนเราจะประเมินความยากของเรื่องนี้ต่ำไป ถึงอย่างไรการฝ่าด่านวรยุทธไปสู่การเป็นนักปราชญ์โบราณก็เป็นการก้าวกระโดดครั้งใหญ่ แม้แต่ในมิติเบื้องบนก็ยังไม่ใช่งานง่าย…” จางเซวียนคิดขณะเริ่มรู้สึกเครียดขึ้นมา
การฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นนักปราชญ์โบราณต้องอาศัยนิรันดร์กาลของนักปราชญ์โบราณ ซึ่งพลังงานนี้มีอยู่ทุกหนทุกแห่งในมิติเบื้องบน จึงไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ถึงอย่างนั้น การฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นนักปราชญ์โบราณก็มีอะไรมากกว่าเพียงแค่ปริมาณพลังงานที่เหมาะสม เหมือนกับการฝ่าด่านวรยุทธไปสู่ขั้นจงซรือของเขาในสมัยก่อนที่ต้องอาศัยการสั่งสมพลังงานให้ได้มากพอด้วย
ทั้งความปราดเปรื่องและสภาวะจิตของตั้นเฉี่ยวเทียนถือว่าน่าพอใจ แต่ยังขาดการสั่งสมพลังงาน
หากมีเวลาสัก 1 เดือน ตั้นเฉี่ยวเทียนคงฝ่าด่านวรยุทธเป็นนักปราชญ์โบราณได้สบายโดยไม่ต้องอาศัยของล้ำค่าหรือกระบวนการพิเศษใดๆ แต่อายุเป็นสิ่งที่รอคอยกันไม่ได้ ตั้นเฉี่ยวเทียนใกล้จะมีอายุครบ 17 ปีแล้ว ซึ่งหากถึงเวลานั้นเมื่อไหร่ ทุกความหวังก็จะพังทลาย
“กลืนมันลงไป!”
จางเซวียนสูดลมหายใจลึกก่อนจะใช้กระแสดาบฉีเฉือนข้อมือของเขา เลือดพุ่งออกมาราวกับน้ำพุ จางเซวียนรีบรวบรวมเลือดไว้ก่อนจะส่งเข้าปากของตั้นเฉี่ยวเทียน
การเสียเลือดมากอย่างฉับพลันทำให้ใบหน้าของเขาซีดเผือดไปเล็กน้อย
ตั้นเฉี่ยวเทียนอ้าปากและกลืนเลือดสดๆลงไป ในชั่วพริบตาก็รู้สึกได้ถึงพลังงานน่าทึ่งที่ไหลเวียนไปทั่วร่าง ราวกับใครสักคนก่อกองไฟในร่างกายของเขา พลังชีวิตกลับคืนมา เรี่ยวแรงมีมากกว่าแต่ก่อนหลายเท่า
ในฐานะนักปราชญ์โบราณขั้น 4 เลือดทุกหยดของจางเซวียนมีพละกำลังอย่างน่าทึ่ง ปริมาณพลังงานในเลือดที่เขามอบให้ตั้นเฉี่ยวเทียนเทียบเท่ากับยาเม็ดอมตะขั้นต้นหนึ่งเม็ด เมื่อมีพลังงานพลุ่งพล่านอยู่ภายใน เพียงชั่วอึดใจตั้นเฉี่ยวเทียนก็ฟื้นคืนพละกำลังกลับสู่สภาพแข็งแกร่งสูงสุด พลังปราณของเขาเพิ่มขึ้นด้วยอัตราเร็วอันน่าสะพรึง
บึ้มมมม!
ด่านคอขวดด่านสุดท้ายที่นำไปสู่วรยุทธขั้นนักปราชญ์โบราณถูกทำลายไปด้วยแรงกดดันมหาศาล คลื่นความสั่นสะเทือนพวยพุ่งออกจากร่างของตั้นเฉี่ยวเทียน รังสีของเขาแผดกล้า ไม่ยอมหยุดยั้งเพียงเพราะการฝ่าด่านวรยุทธ
กระบวนการนี้ดำเนินไปครู่หนึ่งก่อนจะหยุด
ในตอนนั้น ตั้นเฉี่ยวเทียนสำเร็จวรยุทธระดับนักปราชญ์โบราณขั้น 1 การสืบทอดสายเลือดแล้ว อีกเพียงก้าวเดียวก็จะเข้าถึงวรยุทธขั้นบรมครูนักปราชญ์
ตั้นเฉี่ยวเทียนรีบขัดเกลาวรยุทธของเขาก่อนจะมองชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าอย่างตื่นเต้น “ท่านอาจารย์…”
เพื่อให้เขาฝ่าด่านวรยุทธได้สำเร็จ ท่านอาจารย์ถึงกับต้องเสียสละตัวเอง
เขาไม่รู้เลยว่าชั่วชีวิตนี้จะมีโอกาสตอบแทนบุญคุณของท่านอาจารย์หรือไม่
“ผมไม่เป็นไร…เวลาก็จวนเจียนเต็มทีแล้ว คุณออกไปเถอะ ในเมื่อตอนนี้เป็นนักปราชญ์โบราณขั้น 1 โลกจารึกได้สำเร็จแล้ว ก็คงไม่มีใครกล้าคัดค้านอีก…แค่ก แค่ก!” ขณะที่จางเซวียนกำลังสั่งเสียลูกศิษย์ ก็อดไอออกมาไม่ได้
คราวนี้เขาใช้พละกำลังมากเกินไป
ลำพังแค่เลือดที่เสียไปก็ต้องใช้เวลาฟื้นฟูสภาพร่างกายหลายเดือน
“ท่านอาจารย์พักผ่อนเถอะ ผมจะออกไปเดี๋ยวนี้แหละ” ตั้นเฉี่ยวเทียนพูดก่อนจะออกจากห้อง
จางเซวียนเฝ้ามองร่างของตั้นเฉี่ยวเทียนหายลับไปจากประตู เขาส่ายหน้าอย่างจนปัญญา ขณะที่กำลังจะซึมซับพลังจิตวิญญาณจากโดยรอบเพื่อฟื้นฟูพละกำลัง ก็พลันนึกได้ว่ายังมีน้ำจากการต้มน้ำเต้าตงฉู่เหลืออยู่อีกมากในหม้อใบใหญ่
เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินเข้าไปแล้วดื่มน้ำที่เหลือ
จางเซวียนรู้สึกได้ถึงเสียงหึ่งที่ดังก้องทั่วร่างของเขา ขณะที่ร่างกายซึ่งอ่อนแรงฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ในชั่วพริบตา อาการเสียเลือดก็ได้รับการเยียวยา ราวกับไม่เคยบาดเจ็บมาก่อน
“เฮ้ย…” จางเซวียนตาโตด้วยความตกตะลึง
พลังงานที่เขาสูญเสียไปยังไม่กลับคืนมา แต่เขายิ่งกว่าพอใจกับผลที่ได้รับ
พลังปราณเทียบฟ้าสามารถเยียวยาอาการบาดเจ็บ แต่ไม่อาจฟื้นคืนพลังชีวิตให้ใครได้ แต่น้ำที่ได้จากการต้มน้ำเต้าตงฉู่ทำได้อย่างง่ายดาย…นั่นจะไม่เท่ากับว่าเขามีถั่วเซนสึอยู่ในมืออย่างไม่รู้จักหมดหรือ?
น่าทึ่งจริงๆ!
“แกเป็นใคร?” จางเซวียนถามน้ำเต้าตงฉู่ที่ยังคงแหวกว่ายอยู่ในน้ำที่เหลืออยู่ในหม้อ
“น้ำเต้าลูกนี้เป็นเพียงร่างอวตารที่ผมนำมาใช้ชั่วคราว เกรงว่าจะทำให้คุณกลัวจนขาดใจตายหากบอกความจริงออกไป ร่างจริงของผมน่ะคืออสูรชั้นยอดที่ทำลายล้างได้แม้กระทั่งโลกและสวรรค์ คุณควรจะทรุดตัวลงคุกเข่าเดี๋ยวนี้และบูชาความสูงส่งของผม!” น้ำเต้าส่ายก้นอย่างเบิกบานใจ
…..
เรื่องนั้นฟังดูไม่น่าเชื่อถือสักนิดสำหรับจางเซวียน เขาตัดสินใจไม่มองน้ำเต้าตงฉู่จอมขี้โม้ จากนั้นก็เก็บน้ำที่เหลือไว้ในขวดก่อนจะเก็บข้าวของทั้งหมดแล้วเดินออกไป
ทันทีที่ก้าวออกจากห้อง ใบหน้าของเขาก็ซีดเหลือง ร่างกายโงนเงนในทุกก้าวที่ออกเดิน ดูพร้อมจะทรุดลงไปกองกับพื้นได้ทุกเมื่อ
ผู้คนมากมายพากันสงสัยข้องใจเมื่อเขายืนยันว่าตั้นเฉี่ยวเทียนคือนักปราชญ์โบราณที่มีระดับวรยุทธหล่นฮวบจากผลของการสำแดงพละกำลังมากเกินไป แต่ตอนนี้ทุกคนคงเชื่อแล้วในเมื่ออีกฝ่ายสำเร็จวรยุทธระดับนักปราชญ์โบราณขั้น 1 โลกจารึก แต่ก็ยังมีบางส่วนที่แคลงใจ ถ้าทั้งคู่เดินออกไปด้วยสภาพร่างกายสมบูรณ์เหมือนกัน ก็จะต้องมีคนกลุ่มหนึ่งพยายามล้วงลึกเรื่องนี้เพื่อสืบหาความจริง
ดังนั้นจางเซวียนจึงตัดสินใจแกล้งทำเป็นบาดเจ็บ ด้วยวิธีนี้ เขาจะได้บอกคนอื่นเป็นนัยๆว่าถึงตั้นเฉี่ยวเทียนจะยกระดับวรยุทธกลับไปเป็นนักปราชญ์โบราณได้ภายในเวลาเพียง 1 ชั่วโมง แต่ก็มีอีกฝ่ายที่ต้องลงทุนลงแรงอย่างหนักเพื่อการนั้น สิ่งนี้จะทำให้ผู้คนเชื่อถือมากกว่า
…..
“คุณคิดว่าตั้นเฉี่ยวเทียนจะทำสำเร็จไหม?”
การทดสอบเพื่อเปิดรับศิษย์สายตรงระดับล่างเสร็จสิ้นไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นกับคนอื่นๆพอมีเวลา หวงเทามองไปยังทิศทางที่จางเซวียนกับตั้นเฉี่ยวเทียนหายไปและตั้งคำถาม
“ไม่มีทางที่ใครจะยกระดับวรยุทธจากนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้น 3 ไปเป็นนักปราชญ์โบราณได้ภายในเวลาเพียง 1 ชั่วโมงหรอก!” อวิ๋นเฟยหยางส่ายหน้า ปราศจากความเชื่อมั่นโดยสิ้นเชิง
“จริงด้วย ไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้แม้แต่ในสำนักดาบเมฆเหิน ถึงอย่างไรผมก็ไม่คิดว่าตั้นเฉี่ยวเทียนจะทำสำเร็จ!” หน้าเหลี่ยมพยักหน้าอย่างเห็นพ้อง
สำหรับเรื่องนี้ แม้แต่ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นก็ยังแคลงใจ
“ไม่จำเป็นต้องรอแล้วล่ะ เว้นเสียแต่เทพเจ้าจะลงมาด้วยตัวเอง เขาไม่มีทางกลายเป็นนักปราชญ์โบราณได้ภายในเวลา 1 ชั่วโมงแน่…” รู้ดีว่าตั้นเฉี่ยวเทียนคงไม่มีวันได้เป็นศิษย์สายตรงฝ่ายในเฉว่เหยาคลายความหวาดกลัวและคำรามเยาะ
แต่ยังไม่ทันจะขาดคำ เสียงฝีเท้าเร่งร้อนก็ดังขึ้นด้านนอกขณะชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามา
“เป็นอย่างไรบ้าง?” เมื่อรู้ว่าเป็นตั้นเฉี่ยวเทียน ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นรีบหันมามองและตั้งคำถาม
“ไม่ง่ายเลย แต่ผมก็ทำสำเร็จ!” ตั้นเฉี่ยวเทียนตอบยิ้มๆขณะเริ่มขับเคลื่อนพลังปราณ
บึ้มมมม!
พลังงานภายในร่างกายของเขาระเบิดออกมา รังสีของตั้นเฉี่ยวเทียนพุ่งขึ้นสู่สวรรค์
การระเบิดของพลังปราณอย่างกะทันหันทำให้ทั้งห้องสั่นสะท้านไม่หยุด เกิดเสียงแตกร้าวอย่างน่ากลัว
ผู้ชมนับพันที่มารวมตัวกันถูกแรงกดดันมหาศาลเล่นงาน ดูเหมือนพละกำลังนั้นพยายามจะบีบพวกเขาให้เข่าอ่อนและยอมจำนน
“นักปราชญ์โบราณขั้น 1…โลกจารึก?” เฉว่เหยาหน้าซีด
ทุกคำที่เขากำลังจะพูดออกมาติดอยู่ที่ลำคอ เขาจังงังสุดขีด
ไม่ห่างออกไปนัก ร่างของเฉว่ชิงทรุดลงไปกองกับพื้น ริมฝีปากของเธอสั่นเทา ไม่อาจสรรหาคำพูดออกมาได้
คู่หมั้นที่เธอดูถูกดูแคลนมาตลอด…ภายในเวลาเพียงวันเดียว สิ่งที่เขาทำลงไปก็ทำลายศักดิ์ศรีทั้งหมดของเธออย่างไร้ความปรานี เธอไม่เคยรู้สึกว่ามีวันไหนที่ยาวนานขนาดนี้มาก่อน…
ถ้ารู้ว่าทุกอย่างจะลงเอยแบบนี้ จะไม่มีวันกล้าแตะต้องตั้นเฉี่ยวเทียนเลย
ถ้าเธอไม่โง่เง่าถึงขนาดพยายามยกเลิกสัญญาการผูกมัดการแต่งงานเมื่อวันก่อน ทุกอย่างก็คงไม่บานปลายจนกลายเป็นแบบนี้…
“เฉี่ยวเทียน เราเกี่ยวดองกันนะ คุณคงไม่…” แม้ในเวลานั้น เฉว่เหยาก็ยังตัดสินใจดิ้นเฮือกสุดท้าย
“เกี่ยวดองกัน?” ตั้นเฉี่ยวเทียนขัดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “ขออภัยด้วยนะ…นี่คือจดหมายหย่าของผม! เฉว่ชิงแสดงออกอย่างชัดเจนแล้วว่าไม่มีความรู้ผิดชอบชั่วดีแม้แต่น้อย ด้วยเหตุผลนั้น ผมจึงไม่ขอรับเธอเป็นภรรยา!”
ตั้นเฉี่ยวเทียนกระดิกนิ้ว เขาโยนกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นสู่กลางอากาศ มันลอยไปตกที่พื้นอย่างเงียบเชียบ ฝูงชนเห็นคำว่า ‘จดหมายหย่า’ ได้อย่างชัดเจนบนหัวกระดาษ สิ่งนี้ทำลายศักดิ์ศรีและความหยิ่งผยองของเฉว่ชิงอีกครั้งหนึ่ง
แทนที่จะเป็นการยกเลิกการหมั้นหมายและการแต่งงาน เธอกลับลงเอยด้วยการหย่า…ในโลกนี้คงไม่มีใครโง่เง่าไปกว่าเธออีกแล้ว!
เธอดิ้นรนจะปกป้องศักดิ์ศรีของตัวเองจนต้องกลายเป็นตัวตลกให้คนทั้งเมืองชวนเจียงหัวเราะเยาะ
พลั่ก!
เมื่อทนไม่ไหวอีกต่อไป เฉว่ชิงกระอักเลือดออกมากองใหญ่
“ผู้อาวุโสลู่ ตอนนี้ผมคือศิษย์สายตรงฝ่ายในคนหนึ่งของสำนักดาบเมฆเหินแล้วใช่ไหม?” ตั้นเฉี่ยวเทียนมองหน้าผู้อาวุโสลู่และตั้งคำถาม
อีกฝ่ายพยักหน้ารับ
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลย ผมขอรบกวนศิษย์น้องหัวให้ช่วยตัดตอนวรยุทธของเฉว่เหยา แล้วตรึงร่างของเขาไว้ที่นอกสำนักเจ้าเมือง ผมจะประกาศความผิดของเขาและประหารเขาต่อหน้าฝูงชนสำหรับการกระทำอันชั่วร้ายต่างๆนานาที่เขาทำลงไป!” ตั้นเฉี่ยวเทียนสั่งการ
“ได้” หัวเจียงเหอรับคำพร้อมกับพยักหน้า
ในเมื่อตอนนี้ตั้นเฉี่ยวเทียนได้การยอมรับให้เป็นศิษย์สายตรงฝ่ายในแล้ว จึงเป็นธรรมดาที่เขาจะกลายเป็นศิษย์น้องของอีกฝ่าย ความแตกต่างของอาวุโสก็หมายความว่าเขาต้องเชื่อฟังคำสั่งของอีกฝ่ายด้วย