อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1994 อาจารย์ลุง
ทันทีที่เข้าไป กระแสดาบฉีสายหนึ่งก็ระเบิดเข้าใส่
การเคลื่อนไหวของไป๋เหรินชิงอาจดูเชื่องช้า แต่ความหนักหน่วงของกระบวนท่านั้นดูจะสร้างปราการที่ปิดกั้นมิติที่อยู่ตรงหน้าเธอไว้ได้ ทำให้ทุกอย่างหยุดชะงัก ในเวลาเดียวกัน เธอก็ปล่อยกระแสดาบฉีที่มีอานุภาพทำลายล้างรุนแรงออกมา เล่นงานทุกอย่างที่ขวางหน้า
“ไม่เลว…” จางเซวียนพยักหน้ารับ
ไป๋เหรินชิงเพิ่งฝึกฝนเทคนิคนี้ได้ราว 2 ชั่วโมงเท่านั้น แต่ทั้งรูปแบบและการทำความเข้าใจแนวคิดของเธอเดินหน้าไปได้กว่า 60 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็นั่นแหละ ยังห่างไกลนักหากจะเทียบชั้นกับเขา
“อาจารย์ลุง!” เห็นจางเซวียนเข้ามา ไป๋เหรินชิงรีบหยุดการฝึกฝนศิลปะเพลงดาบแล้วทักทายเขา
ยิ่งเธอฝึกฝนศิลปะเพลงดาบนี้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งอัศจรรย์ใจกับพละกำลังของมันมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้เธอไม่มีความรู้สึกอะไรอื่นนอกจากเคารพในตัวชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าอย่างสุดใจ
ความคิดเดิมของเธอที่อยากแต่งงานกับอีกฝ่ายหายวับไปจากใจแล้ว เธอรู้ดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับคู่ครองที่มีความโดดเด่นระดับนี้
“อือ ผมอ่านหนังสือจบแล้ว ตอนนี้ต้องขอตัวกลับไปฝึกฝนวรยุทธ” จางเซวียนพูด “ผมหวังว่าคุณจะเก็บตัวตนของผมไว้เป็นความลับจากไป๋เฟิงและท่านปู่ของคุณ ตอนนี้ผมยังไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับอะไรๆให้มากนัก”
“ได้สิ อาจารย์ลุง” ไป๋เหรินชิงพยักหน้าอย่างว่าง่าย
แน่นอนว่าเธอย่อมเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ ทำไมจะต้องบอกใคร? เพราะถ้าใครๆพากันรุมล้อมอาจารย์ลุงจางเพื่อขอเรียนศิลปะเพลงดาบกับเขา เวลาที่เธอจะได้ร่ำเรียนกับเขาก็ย่อมน้อยลง!
“ดี ดีแล้ว…” จางเซวียนพยักหน้าก่อนจะหันหลังกลับ
ถึงอย่างไรเขาก็ได้ทิ้งกระแสพลังปราณเทียบฟ้าสายหนึ่งไว้ในร่างของไป๋เหรินชิงแล้ว จึงไม่กลัวว่าเธอจะหักหลัง
“อาจารย์ลุง โปรดรอสักครู่ก่อน ท่านปู่เฟิงน่าจะดักรอคุณอยู่ระหว่างทางที่คุณกลับที่พัก เขาตั้งใจจะทดสอบพละกำลังและศิลปะเพลงดาบของคุณ” ไป๋เหรินชิงพลันนึกได้ เธอรีบตะโกนออกไป
“ทดสอบพละกำลังและศิลปะเพลงดาบของผม?” จางเซวียนงง
ตัวตนที่แท้จริงของเขายังคงเป็นความลับไม่ใช่หรือ?
แต่ถ้าจะมีใครรู้ ผู้ที่อยากเล่นงานเขาก็ควรจะเป็นบรรดาศิษย์สายตรงฝ่ายใน ไม่ใช่ไป๋เฟิง!
“ใช่ ยาฟื้นฟูสภาพร่างกายของคุณรักษาอาการบาดเจ็บของท่านปู่ของฉันได้ชะงัด เพื่อเป็นการตอบแทน ท่านปู่จึงอยากรับคุณเป็นศิษย์ แต่ท่านปู่เกรงว่าความสามารถของคุณจะไม่ถึงขั้นที่ท่านปู่ตั้งไว้ จึงสั่งการให้ท่านปู่เฟิงมาทดสอบพละกำลังของคุณก่อน” ไป๋เหรินชิงยอมเปิดเผยข้อมูลอย่างไม่ลังเล
ได้ยินคำนั้น จางเซวียนพยักหน้า
ทุกอย่างดูจะปะติดปะต่อกันได้ลงตัว นั่นอธิบายได้ว่าทำไมแม่สาวคนนี้ถึงตั้งหน้าตั้งตาจะเล่นงานเขา พยายามจะบีบเขาให้เรียกเธอว่า ‘ศิษย์พี่’ และทำตามคำสั่งของเธอให้ได้ กลับกลายเป็นว่าเรื่องจริงก็คือ เธอเกรงว่าจะถูกลบเหลี่ยมอาวุโสหากเขากลายเป็นศิษย์ของท่านปู่ของเธอ…
เรื่องนี้อธิบายได้ว่าทำไมเธอถึงเรียกเขาว่า ‘อาจารย์ลุง’ แทนที่จะเป็น ‘ท่านอาจารย์’
“ระดับวรยุทธของไป๋เฟิงคือขั้นไหน?” จางเซวียนตั้งคำถาม
ด้วยความเชี่ยวชาญในศิลปะเพลงดาบของเขาในเวลานี้ ขอแค่เขาควบคุมทิศทางการต่อสู้ไว้ได้ตั้งแต่แรก ก็มีโอกาสสูงที่จะเอาชนะไป๋เฟิงได้ แต่ก็แน่นอนว่าไป๋เฟิงแข็งแกร่งกว่าไป๋เหรินชิงมาก การรับมือกับอีกฝ่ายจึงอาจยุ่งยากกว่าเล็กน้อย
“ก็เหมือนกับท่านปู่ของฉันนั่นแหละ ท่านปู่เฟิงเป็นนักรบอมตะขั้นสูง” ไป๋เหรินชิงตอบ
“อมตะขั้นสูง?” จางเซวียนอ้าปากค้าง “คุณแน่ใจหรือว่าเขาจะลงไม้ลงมือกับผม?”
นักรบอมตะขั้นสูงเป็นที่รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่ง คือราชาอมตะ มีแต่เหล่าผู้อาวุโสขั้นสูงสุดของสำนักดาบเมฆเหินเท่านั้นที่มีความแข็งแกร่งระดับนี้ ต่อให้จางเซวียนพัฒนาศิลปะเพลงดาบของเขาได้มากแค่ไหน ความเหลื่อมล้ำอย่างชัดเจนด้านพละกำลังก็มีแต่จะทำให้เขาต้องเผ่นหนีไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้
หากต้องเผชิญกับคู่ต่อสู้ระดับนั้น เขาไม่มีโอกาสเอาชนะได้เลย!
“ใช่!” ไป๋เหรินชิงพยักหน้า “นั่นเป็นคำสั่งโดยตรงจากท่านปู่ของฉัน ท่านปู่เฟิงไม่ขัดคำสั่งของท่านปู่หรอก”
สิ่งนี้ทำให้จางเซวียนเลิกลังเล
สถานการณ์ตอนนี้ทำให้เขาอิหลักอิเหลื่ออยู่มาก ถ้าเขาเอาชนะท่านปู่เฟิงได้ ก็จะทำให้ผู้อาวุโสไป๋เย่ไม่อยากรับเขาเป็นศิษย์ ซึ่งผลที่จะเกิดตามมาก็คือนั่นจะเป็นการเปิดเผยตัวตนของเขาในฐานะผมน่ะถ่อมตัว และด้วยระดับวรยุทธของเขาตอนนี้ เขารู้ดีว่าตัวเองไม่เก่งกาจพอจะปิดปากไป๋เฟิงได้
ส่วนอีกทางหนึ่ง ต่อให้เขาพ่ายแพ้ ก็ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าผู้อาวุโสไป๋เย่จะปฏิเสธไม่ยอมรับเขาเป็นศิษย์
พูดกันตามตรง เขามาได้ไกลขนาดนี้แล้ว ไม่มีความเต็มใจสักนิดหากต้องไปเป็นศิษย์ของใคร
จางเซวียนหลับตาครู่หนึ่งก่อนจะหันมาพูดกับไป๋เหรินชิง “ผมอยากให้คุณช่วยแสดงละครกับผมสักหน่อย”
“ได้สิ” ไป๋เหรินชิงตอบรับอย่างไม่ลังเล
ทั้งคู่รีบวางแผนร่วมกันก่อนที่จางเซวียนจะเดินออกจากหอสมุดของศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดตามลำพัง เขารุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว มีจุดหมายที่บริเวณที่พักของศิษย์สายตรงฝ่ายใน
เมื่อไม่มีอสูรให้ใช้ การเดินทางครั้งนี้จึงกินเวลาราว 2 ชั่วโมง
จางเซวียนมุ่งหน้าไปขณะพยายามจำกัดความเร็วของตัวเองให้อยู่ในระดับของนักรบขั้นผู้ทำลายล้างมิติโลกจารึก
หลังจากเดินทางไปได้ราวหนึ่งชั่วโมง ขณะกำลังจะข้ามพื้นที่รกร้างแห่งหนึ่ง จางเซวียนก็พลันรู้สึกได้ถึงพละกำลังมหาศาลที่ถาโถมเข้าใส่จากโดยรอบ เขาชะงักฝีเท้าด้วยความระแวงและเหลียวมองทั่วบริเวณนั้น
พริบตาต่อมา ร่างหนึ่งก็เดินออกจากดงไม้แล้วปรากฏตัวตรงหน้าเขา
ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากไป๋เฟิง!
เพราะกินยาเม็ดแปลงร่างเข้าไป รูปร่างหน้าตาของไป๋เฟิงตอนนี้จึงต่างจากเดิมมาก แต่จางเซวียนก็มองทะลุการปลอมตัวนั้นได้โดยใช้ดวงตาหยั่งรู้
ไป๋เฟิงไม่พูดพร่ำทำเพลง เขาชักดาบออกมาและพุ่งเข้าใส่ ระดับวรยุทธของเขาถูกลดระดับลงจนเท่ากันกับจางเซวียน คือผู้ทำลายล้างมิติโลกจารึก
“อะ-อะไรกัน? คุณเป็นใครน่ะ? ทำไมมาโจมตีผม? ไม่รู้หรือว่าสำนักดาบเมฆเหินมีข้อห้ามไม่ให้ใครทำร้ายศิษย์สายตรงฝ่ายใน?”
จางเซวียนไม่ทันระวังตัวกับการโจมตีอย่างกะทันหันของไป๋เฟิง เขาหน้าถอดสีด้วยความพรั่นพรึง จากนั้นก็ถอยกรูดเพราะความกลัว แต่ดูเหมือนความกลัวจะทำให้ขาแข็งจนก้าวไม่ออก จางเซวียนล้มลงกับพื้น
ฟึ่บ!
ยังไม่ทันจะรู้ตัว ดาบของไป๋เฟิงก็จ่อที่ลำคอของเขา
ไป๋เฟิงอารมณ์ไม่ดีนัก
ไม่ง่ายเลยกว่าที่นายท่านของเขาจะอยากรับศิษย์สักคนหนึ่ง แต่ใครจะไปคิดว่าหมอนี่อ่อนแอได้ขนาดนี้!
เขาใช้พละกำลังไปไม่ถึง 1 ใน 10 ของที่มีด้วยซ้ำ แต่อีกฝ่ายก็จนมุมแล้ว…ถ้าคนแบบนี้ได้เป็นลูกศิษย์ของนายท่าน จะต้องทำให้ชื่อเสียงของนายท่านด่างพร้อยแน่
“เก็บดาบของคุณขึ้นมา! ถ้าคุณรับมือกับการโจมตีของผมไม่ได้ล่ะก็ ชะตากรรมเดียวที่รอคอยคุณอยู่ในวันนี้ก็คือความตาย!” ไป๋เฟิงคำรามขณะถอยไปก้าวหนึ่ง
“ท่านปู่เฟิง ฉันจัดการเอง!”
ในตอนนั้น สาวน้อยเสื้อคลุมสีขาวที่สวมหน้ากากก็ร่อนลงมาจากกลางอากาศ
ด้วยการใช้โทรจิต ไป๋เฟิงรู้ทันทีว่าอีกฝ่ายคือไป๋เหรินชิง เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ลงท้ายก็ยอมถอย
ไป๋เหรินชิงโยนดาบให้จางเซวียนก่อนจะสำแดงกระบวนท่าใส่อีกฝ่ายเป็นชุด
จางเซวียนที่กำลังปั่นป่วนรีบเก็บดาบขึ้นเพื่อรับมือกับการโจมตีของไป๋เหรินชิง แต่ทุกกระบวนท่าของเขายุ่งเหยิงไปหมด เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เคยตั้งใจฝึกฝนศิลปะเพลงดาบมาก่อน
ยากที่จะบอกได้ว่าทักษะของเขาอ่อนด้อยหรือมีพละกำลังไม่ถึงขั้น แต่การปะทะเพียงครั้งเดียวนั้นก็ทำให้ดาบหลุดมือ มันพุ่งลงไปปักอยู่ที่พื้นไม่ห่างออกไปนักขณะที่โลหะส่งเสียงเคร้งดังลั่น
จางเซวียนหมดหนทางทันทีหลังจากสูญเสียอาวุธ เขาตัวแข็งด้วยความพรั่นพรึงขณะที่ดาบอีกเล่มจ่อเข้าที่ลำคอของเขาอีกครั้ง
ไป๋เหรินชิงมีสีหน้าผิดหวัง เธอชักดาบคืนก่อนจะเดินไปหาไป๋เฟิง จากนั้นก็โพล่งออกมาด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกความขัดอกขัดใจอย่างเห็นได้ชัด “…อ่อนแอเกินไป!”
“ผม…” จางเซวียนหน้าแดงก่ำด้วยความอับอายเมื่อได้ยินคำพูดนั้น
เขายืนบื้ออยู่กับที่ สีหน้าสับสน ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร
“ท่านปู่เฟิง ไปกันเถอะ!” ไป๋เหรินชิงพูด
ไป๋เฟิงดูจะลังเลเล็กน้อยกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ลงท้ายก็พยักหน้าและจากไปพร้อมกับไป๋เหรินชิง
“ดูเหมือนตอนนี้เรายังพอตบตาเขาได้…”
เห็นทั้งคู่จากไปไกล จางเซวียนถอนหายใจอย่างโล่งอก
เขาไม่คิดอยากเป็นศิษย์สายตรงของผู้อาวุโสคนไหนทั้งนั้น แต่ถ้าผู้อาวุโสไป๋เย่อยากเป็นศิษย์ของเขาล่ะก็ เขาอาจจะรับไว้พิจารณา!
ด้วยเหตุนี้ จางเซวียนจึงจงใจเล่นละครกับไป๋เหรินชิงด้วยการแกล้งทำเป็นอ่อนแอ แล้วจัดฉากให้ไป๋เหรินชิงเป็นผู้พูดเรื่องนั้นเอง เพราะมีความเป็นไปได้สูงว่าผู้อาวุโสไป๋เย่จะล้มเลิกความคิดที่อยากรับเขาเป็นศิษย์เมื่อได้ฟังรายงานของไป๋เหรินชิง
หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อย จางเซวียนก็รีบกลับสู่ที่พัก
เมื่อเดินผ่านประตูที่พักเข้าไป ก็เห็นตั้นเฉี่ยวเทียนยังคงฝึกฝนศิลปะเพลงดาบของเขา อีกฝ่ายพัฒนาศิลปะเพลงดาบของนายน้อยที่ 3 ได้ดี เข้าถึงความเชี่ยวชาญในระดับที่เกินกว่า 90 เปอร์เซ็นต์แล้ว ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือการทำความเข้าใจแนวคิด
คราวนี้จางเซวียนมีเงินไม่น้อย จึงใช้เงินจำนวนหนึ่งซื้อยาเม็ดอมตะขั้นต้นมาให้ตั้นเฉี่ยวเทียนหลายเม็ด และให้คำชี้แนะเรื่องวรยุทธด้วย
ไม่ช้าตั้นเฉี่ยวเทียนก็ยกระดับวรยุทธขึ้นเป็นนักปราชญ์โบราณขั้น 2 ได้สำเร็จ
ส่วนเฉาเฉิงลี่ เพราะความที่มีนิสัยเจ้าชู้ประตูดิน จึงตั้งใจฝึกฝนหนักกว่าซุนฉางมากเมื่อเป็นเรื่องของวรยุทธ
ในฐานะจอมโจร เขารู้ดีว่าพละกำลังมีความสำคัญแค่ไหน หลังจากได้รับยาเม็ดอมตะขั้นต้นและเทคนิควรยุทธขั้นสูงในจำนวนที่มากพอ การพัฒนาวรยุทธของเขาก็รุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว
ตลอด 10 วันที่อยู่ภายใต้การดูแลของจางเซวียน เฉาเฉิงลี่ยกระดับวรยุทธจากนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้น 2 ไปเป็นขั้น 3 ได้สำเร็จแล้ว และกำลังเดินหน้าไปสู่การเป็นนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้น 4
ด้วยความเร็วระดับนี้ เขาน่าจะฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นนักปราชญ์โบราณได้ในอีก 2-3 วันข้างหน้า
จางเซวียนบอกทั้งคู่ให้ตั้งใจฝึกฝนต่อไป ก่อนจะกลับห้อง
ถึงเวลาที่เราจะฝ่าด่านวรยุทธแล้ว
จางเซวียนใช้ตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลอันที่สองเพื่อซื้อยาเม็ดอมตะขั้นพื้นฐาน 100 เม็ด ก่อนจะศึกษาเคล็ดวิชาเทียบฟ้าของวรยุทธขั้นเสมือนอมตะอีกครั้ง เมื่อทุกอย่างพร้อม ก็สงบใจและตั้งต้นฝึกฝนวรยุทธ