อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1999 นี่มันเทคนิคของเขา!
“คุณใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะเข้าใจเทคนิคนี้?” ไป๋เหรินชิงตั้งคำถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
ยังมีคนกลุ่มหนึ่งรอเธออยู่ที่หอนิรันดร์ คงไม่ดีแน่หากปล่อยให้พวกนั้นรอนานเกินไป
“ผมใช้เวลา 1 ชั่วโมง แต่นั่นก็เป็นเพราะท่านอาจารย์ถ่ายทอดเทคนิคนี้ให้ผมด้วยตัวเอง ความเข้าใจที่ผมมียังไม่สมบูรณ์แบบนัก เพราะฉะนั้น หากผมถ่ายทอดให้คุณ คุณก็น่าจะต้องใช้เวลา 2 วันเป็นอย่างน้อย…” ตั้นเฉี่ยวเทียนเกาหัวอย่างกระอักกระอ่วน
ถึงเขาจะฝึกฝนเทคนิคนี้มากว่า 10 วัน และเริ่มประสบความสำเร็จบ้างแล้ว แต่ก็รู้ดีว่ายังห่างไกลเหลือเกินหากจะเทียบกับท่านอาจารย์
โดยรูปแบบแล้วอาจดูไม่ต่างกัน แต่หากเป็นเรื่องหัวใจของเทคนิค ก็เรียกได้ว่าอยู่คนละชั้น
การบรรยายของท่านอาจารย์ของเขาเหนือชั้นในแง่ที่มันใช้ตรรกะอันเรียบง่ายเพื่อสร้างองค์รวมของความรู้ สามารถทำลายทุกข้อมูลที่ซับซ้อนและทำความเข้าใจได้ยากจนหมดสิ้น เขาไม่คิดว่าตัวเองจะมีความสามารถทำอะไรแบบนั้นได้
“ไม่เป็นไร ฉันจะตั้งใจศึกษามันทีหลัง ตอนนี้คงต้องลองดูก่อน…” ไป๋เหรินชิงครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหน้า จากนั้นก็เดินกลับห้อง
เธอไม่เคยมีความอดทนมาแต่ไหนแต่ไร ไม่อย่างนั้นคงไม่ได้ฉายาว่า ‘ไดโนเสาร์ตัวเมีย’ ไม่มีทางที่คนอารมณ์ร้อนอย่างเธอจะยืดเวลาของการดวลออกไปอีก 2 วันเพียงเพื่อศึกษาเทคนิคนี้
ฟึ่บ!
ไป๋เหรินชิงกลับสู่พื้นที่การดวล เห็นถังเหยียนกับคนอื่นๆยังรออยู่
“ฉันกลับมาแล้ว ดวลกันต่อเถอะ” ไป๋เหรินชิงพูดขณะชักดาบของเธอออกมาและเข้าประจำตำแหน่ง
เห็นไป๋เหรินชิงจากไปเพียง 5 นาที ถังเหยียนมีสีหน้าสงสัย แต่เขาก็พยักหน้าและสำแดงศิลปะเพลงดาบไร้มลทินอีกครั้ง
กระแสดาบฉีอบอวลอยู่ในอากาศอย่างรวดเร็ว เกิดเป็นรูปของควันที่ลอยเอื่อย
“ช่างมันเถอะ เราไม่มีทางเลือก ต้องลองดูเท่านั้น…”
ไป๋เหรินชิงคุ้นเคยกับข้อบกพร่องของศิลปะเพลงดาบไร้มลทินเป็นอย่างดี ถึงเธอจะไม่เคยฝึกฝนศิลปะเพลงดาบนั้นมาก่อน แต่เพราะท่านปู่ของเธอเป็นผู้อาวุโสที่ 3 ของสำนัก จึงมีโอกาสได้เห็นหนังสือศิลปะเพลงดาบชั้นยอดมากมาย
ปัญหาก็คือไม่มีทางที่เธอจะมองเห็นข้อบกพร่องของอีกฝ่ายได้เลย
ก็เหมือนกับการที่ต่อให้คุณรู้ว่ามีความเป็นไปได้ที่จะสังหารชายที่สวมกางเกงในสีแดงไว้ข้างนอกได้ด้วยหินชนิดหนึ่ง ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะทำแบบนั้นจริงๆได้
ศิลปะเพลงดาบส่วนใหญ่ของไป๋เหรินชิงคือการโจมตีระยะใกล้ ทำให้เธอต้องฝ่าหมอกควันที่ถูกสร้างขึ้นโดยกระแสดาบฉีเข้าไป แต่หากเธอแตะต้องมัน ก็จะต้องถูกความคมกริบของกระแสดาบฉีนั้นเฉือนร่างเป็นชิ้นๆ
แต่นั่นแหละ ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปหากเธอมีความเชี่ยวชาญในเทคนิคการโยนดาบ
ไป๋เหรินชิงสะบัดข้อมืออย่างไม่ลังเล ฟึ่บ!
ดาบของเธอพุ่งออกไปด้วยความเร็วอันน่าทึ่ง
“อะไรกัน? เธอโยนดาบหรือ?” ถังเหยียนถึงกับผงะ เขาชูดาบขึ้นทันทีเพื่อปัดป้องการโจมตีของไป๋เหรินชิง แต่แล้ว พริบตาต่อมาก็รู้สึกเจ็บแปลบที่ศีรษะ
ดาบปักเข้าที่ศีรษะของเขา ถังเหยียนซวนเซเล็กน้อยก่อนจะทรุดฮวบลงกับพื้น
แพ้ราบคาบ!
“การดวลจบแล้วหรือ?”
“แม้แต่ถังเหยียนก็ถูกสังหารภายในกระบวนท่าเดียว?”
“พระเจ้า คุณเห็นความเร็วของดาบเมื่อครู่นี้ไหม? ผมเพิ่งมาถึง…สำนักดาบเมฆเหินมีศิลปะเพลงดาบแบบนั้นด้วยหรือ?”
“ผมไม่คิดว่าผมเคยเห็นมันมาก่อน อันที่จริง ไม่ใช่แค่กระบวนท่านี้นะ ผมไม่เคยเห็นกระบวนท่าที่ไป๋เหรินชิงใช้สังหารพวกเราก่อนหน้านี้เหมือนกัน…”
ทุกคนเงียบกริบ
“มันได้ผลหรือ?”
ขณะที่ฝูงชนตะลึงจนพูดไม่ออก ไป๋เหรินชิงก็ชะงักกับสิ่งที่เธอเพิ่งทำลงไป
เธอเพิ่งศึกษาเทคนิคนี้เมื่อไม่กี่นาทีก่อน และด้วยความรีบร้อน จึงคิดแต่จะใช้เทคนิคนี้สร้างความหวาดกลัวให้อีกฝ่าย ไม่คิดเลยว่าหมอนั่นจะมาตายแบบนี้
น่าทึ่งเหลือเกิน!
“คนต่อไป!”
ไป๋เหรินชิงตาวาวด้วยความตื่นเต้น ความมั่นใจของเธอพุ่งพรวดขณะกล่าวคำท้าทายผู้รั้งอันดับ 6
…..
ที่บ้านพักของผู้อาวุโสไป๋…
“เป็นอย่างไรบ้าง?” ผู้อาวุโสไป๋เย่ตั้งคำถาม
“ผมสะกดรอยตามนายหญิงน้อยไป พบว่าเธอเข้าไปที่บ้านพักของศิษย์สายตรงฝ่ายในคนหนึ่ง แต่ศิษย์สายตรงฝ่ายในคนนั้นไม่ใช่จางเซวียน…กลับเป็นตั้นเฉี่ยวเทียน!”
ไป๋เฟิงยื่นตราหยกให้ “นี่คือข้อมูลส่วนตัวของเขา”
“ตั้นเฉี่ยวเทียน?” ผู้อาวุโสไป๋เย่รีบอ่านรายละเอียดขณะขมวดคิ้วด้วยความงุนงง “ผมรู้จักเจ้าหนุ่มคนนี้ ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นเป็นคนนำตัวเขามาที่สำนักดาบเมฆเหิน ลูกน้องของผมคนหนึ่งรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นในสภาผู้อาวุโสให้ผมฟัง และผมก็เห็นรายงานการประชุมแล้ว แม้เขาจะเป็นแค่นักรบขั้นนักปราชญ์โบราณขั้น 1 แต่ก็สามารถปลดปล่อยเจตจำนงเพลงดาบได้ไกลถึง 499 เมตร อีกเพียงก้าวเดียวก็จะเข้าถึงระดับของเทพดาบ!”
“ใช่ เขานั่นแหละ…จากการสืบเสาะของผม เขาพาสหายคนหนึ่งมาที่สำนักของเราด้วย ซึ่งสหายคนนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากจางเซวียน ระดับวรยุทธของ ‘จางเซวียน’ คนนี้คือผู้ทำลายล้างมิติขั้นต้น ซึ่งก็ไม่ได้ห่างจากตั้นเฉี่ยวเทียนเท่าไหร่” ไป๋เฟิงพูดขณะยื่นข้อมูลอีกชุดหนึ่งให้
ด้วยอิทธิพลของผู้อาวุโสไป๋เย่ การสืบเสาะหาภูมิหลังของใครสักคนย่อมง่ายดายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก
แม้จางเซวียนจะเพิ่งเข้าสู่สำนักดาบเมฆเหินตามตั้นเฉี่ยวเทียนมาไม่นาน แต่ข้อมูลของเขาก็ถูกบันทึกไว้แล้ว
“เป็นเขานั่นแหละ” ผู้อาวุโสไป๋เย่ตั้งข้อสังเกตขณะอ่านรายละเอียด
เขาไม่รู้ว่าทำไมถึงมีความแตกต่างระหว่างระดับวรยุทธที่ถูกบันทึกไว้กับระดับวรยุทธที่แท้จริงของจางเซวียน แต่รายละเอียดอื่นๆก็ตรงกันกับสิ่งที่เขารู้
“เป็นไปได้ว่าเหรินชิงไปบ้านพักของตั้นเฉี่ยวเทียนเพื่อตามหาจางเซวียน ผมอยากให้คุณสืบเสาะเรื่องนี้ต่อไป ไม่ว่าจะเป็นศิษย์สายตรงฝ่ายในหรือไม่ จางเซวียนคนนี้ก็ปลอมตัวมา ผมเกรงว่าเขาอาจมีเจตนาร้าย” ผู้อาวุโสไป๋เย่พูด
“ขอรับ นายท่าน” ไป๋เฟิงตอบ
ไป๋เฟิงลุกขึ้นยืนและกำลังจะออกจากห้อง ก็พอดีกับที่ชายชราอีกคนหนึ่งพรวดพราดเข้ามา “ผู้อาวุโสไป๋เย่ พวกเรายินดีเหลือเกินที่คุณหายจากอาการบาดเจ็บแล้ว…แต่คุณควรดูแลหลานสาวของคุณให้ดีกว่านี้นะ!”
“หลานสาวของผม? มีอะไรหรือ?” ผู้อาวุโสไป๋เย่ชะงัก
“เลิกทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นได้แล้ว! หลังจากที่เธอเข้าสู่หอนิรันดร์ของศิษย์สายตรงขั้นสูงสุด เธอก็ท้าทายทุกคนนับตั้งแต่อันดับ 16 ขึ้นไป และเอาชนะพวกเขาได้ภายในกระบวนท่าเดียว ตอนนี้เธอเข้าสู่ 5 อันดับแรกแล้ว!” ผู้อาวุโสคนนั้นพูดพร้อมกับโบกมือ
“เธอเข้าสู่ 5 อันดับแรกแล้ว?” ผู้อาวุโสไป๋เย่กับไป๋เฟิงต่างจังงัง
ทั้งคู่รู้พละกำลังของไป๋เหรินชิงดี ซึ่งหากพูดกันตามตรง การรั้งอันดับ 17 นั้นถือว่าไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเธอ แต่จู่ๆก็เข้าสู่ 5 อันดับแรกได้?
เป็นไปได้อย่างไร?
ชายชราโยนผลึกบันทึกให้ขณะพูดว่า “นี่คือบันทึกภาพการดวลของเธอ คุณดูเอาเองเถอะ!”
ผู้อาวุโสไป๋เย่รีบเปิดใช้งานผลึกบันทึกและพิจารณารายละเอียด
จากภาพที่เห็น เขาเห็นไป๋เหรินชิงสังหารศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดคนแล้วคนเล่าด้วยการฟาดฟันเพียงครั้งเดียว ทำให้ทุกคนหมดกำลังใจอย่างหนัก
รวมแล้ว หลานสาวของเขาใช้เพียง 2 กระบวนท่าเท่านั้นตลอดการดวล คือการฟาดฟันในแนวราบและการโยนดาบ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นกระบวนท่าไหน การสังหารก็เกิดขึ้นทันทีที่เธอเริ่มสำแดงมัน
สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่ากระบวนท่านั้นทรงพลังแค่ไหน…ว่าแต่ เธอร่ำเรียนมาจากใคร?
“นี่…นี่มันเทคนิคของเขา!” ไป๋เฟิงหรี่ตาด้วยความตกใจ
“เทคนิคของใคร?” ผู้อาวุโสไป๋เย่ย้อนถาม
ไป๋เฟิงรีบเปลี่ยนไปใช้โทรจิตก่อนจะพูดต่อ “นี่คือเทคนิคที่ผมน่ะถ่อมตัวเป็นผู้สำแดง ผมศึกษาและตีความมันเพื่ออธิบายให้ไป๋เหรินชิงฟัง ไม่นึกเลยว่าเธอจะนำมาใช้ได้อย่างเชี่ยวชาญกว่าผมเสียอีก ราวกับ…ราวกับว่า…”
“ราวกับอะไร?”
“ราวกับเธอได้ร่ำเรียนจากผมน่ะถ่อมตัวด้วยตัวเอง!” ไป๋เฟิงอุทาน
เรื่องของผมน่ะถ่อมตัวกระฉ่อนไปทั่วทั้งสำนักดาบเมฆเหิน ถึงขนาดที่ไม่มีใครไม่รู้จัก แม้ผู้อาวุโสไป๋เย่จะได้รับบาดเจ็บ แต่ก็รู้เรื่องที่หลานสาวของเขาถูกตัดหัวถึง 2 ครั้ง แถมลูกน้องผู้จงรักภักดีของเขาก็ยังถูกตัดหัวไปครั้งหนึ่ง
ผมน่ะถ่อมตัวดูเหมือนผู้ที่น่าจะสามารถทำความเข้าใจเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าได้ ในฐานะที่เป็นหนึ่งในสามผู้อาวุโสใหญ่ เขาไม่อาจปล่อยให้เรื่องนี้คลาดสายตา!
แถมตอนนี้เขาก็กำลังได้รับการบอกเล่าว่าศิลปะเพลงดาบที่หลานสาวของเขาสำแดงออกมามีต้นกำเนิดจากชายผู้นั้น
“คุณกำลังบอกผมว่ามีความเป็นไปได้สูงที่ผมน่ะถ่อมตัวเป็นผู้ถ่ายทอดเทคนิคนั้นให้เหรินชิงด้วยตัวเอง และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้เธออาจหาญท้าทายศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดคนอื่นๆใช่ไหม?” ผู้อาวุโสไป๋เย่เข้าใจได้ทันที
ก็จริง ดูจะไม่มีคำอธิบายอื่นที่สมเหตุสมผลกว่านี้
“ใช่แล้ว นายท่าน!” ไป๋เฟิงพยักหน้า
“ทั้งสำนักกำลังควานหาผมน่ะถ่อมตัว แต่เขาถ่ายทอดศิลปะเพลงดาบของตัวเองให้เหรินชิงและท้าทายเหล่าศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดโดยผ่านตัวเธอ น่าสนใจ น่าสนใจมาก!” ผู้อาวุโสไป๋เย่พูดยิ้มๆ
“พูดก็พูดเถอะ คุณคิดว่าหมอนั่นเป็นใคร?”
“ผมก็ไม่แน่ใจ…” ไป๋เฟิงส่ายหัว แต่ยังไม่ทันจบประโยคก็ตาโตขึ้นมาเมื่อพลันนึกได้ เขาถามด้วยริมฝีปากสั่นเทา “คงไม่ใช่ว่า…นายท่าน คุณกำลังนึกถึงจางเซวียนใช่ไหม?”
ผู้อาวุโสไป๋เย่พยักหน้า “ถ้าไม่ใช่เขา จะเป็นใครอื่นได้ล่ะ?”
“เอ่อ…”
ไป๋เฟิงพูดไม่ออกหลังจากได้ฟังคำยืนยันของนายท่าน
หากคิดแบบนี้ ทุกอย่างก็ลงตัว
นายหญิงน้อยออกไปโดยมีเจตนาจะท้าทายจางเซวียน แต่ด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง เธอกลับลงเอยด้วยการเต็มใจแสดงละครจัดฉากกับหมอนั่น และหลังจากที่กลับมา เธอก็ดูเหมือนจะได้ร่ำเรียนศิลปะเพลงดาบของผมน่ะถ่อมตัวและใช้กระบวนท่าของเขาเอาชนะศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดจำนวนมากมายได้
เมื่อย้อนคิดดู ก็น่าแปลกใจไม่น้อยว่าจางเซวียนมียาที่สามารถรักษานายท่านของเขาอยู่กับตัวได้อย่างไร
ยิ่งไปกว่านั้น จางเซวียนเพิ่งเข้าสู่สำนักดาบเมฆเหินได้เพียงวันเดียว แต่ดูเหมือนจะสามารถทำความเข้าใจเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าและท้าทายศิษย์สายตรงฝ่ายในทุกคนได้
ยิ่งพิจารณามากขึ้นเท่าไหร่ ทุกเงื่อนงำก็ดูจะพุ่งเป้าไปที่จางเซวียน ทั้งคู่ไม่อาจปฏิเสธได้ แม้จะอยากปฏิเสธก็ตาม
“อย่าเพิ่งด่วนสรุป เราต้องตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่าใช่เขาจริงๆหรือเปล่า” ผู้อาวุโสไป๋เย่พูด “ผมจะทดสอบเขาด้วยตัวเอง”
“ขอรับ นายท่าน” ไป๋เฟิงตอบ
ทั้งคู่สนทนากันผ่านโทรจิต ชายชราที่อยู่ตรงหน้าจึงไม่รู้เรื่องการหารือที่เกิดขึ้น
“คุณไม่คิดจะเข้าไปจัดการเรื่องนี้เลยหรือ?” เห็นทั้งสองคนไม่แยแส ชายชราโมโหเดือดจนแทบปรี๊ดแตก
“ไม่หรอกน่ะ พวกเราจะไปที่นั่นเดี๋ยวนี้แหละ”
ผู้อาวุโสไป๋เย่สั่งการให้ไป๋เฟิงนำตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลของศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดมา 2 อัน จากนั้นก็เพ่งสมาธิเข้าไป เขาเข้าสู่หอนิรันดร์พร้อมกันกับไป๋เฟิง