อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1996 เขาคือ…
ไป๋เหรินชิงฝึกฝนวรยุทธต่อไปอีก 1 ชั่วโมง แต่รู้สึกเหมือนไปไม่ถึงไหน จึงขึ้นขี่หลังอสูรและมุ่งหน้าไปยังบริเวณที่พักของศิษย์สายตรงฝ่ายใน
ก่อนจะแยกกันที่หอสมุดของศิษย์สายตรงขั้นสูงสุด เธอสอบถามอาจารย์ลุงแล้วว่าเขาพักอยู่ที่ไหน จึงรุดหน้าไปได้อย่างรวดเร็ว ไม่ช้าก็ถึงที่หมาย
ไป๋เหรินชิงกระโดดลงจากหลังอสูรและเคาะประตูบ้านพัก
แอ๊ดดดด!
ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งเปิดประตูออกมา เมื่อเห็นไป๋เหรินชิงก็ตาโต เขาตั้งคำถามด้วยน้ำเสียงที่พยายามดัดให้หล่อเหลาที่สุดเท่าที่จะทำได้ “ไม่ทราบว่าคุณคือ…”
“ฉันมาขอพบศิษย์พี่-เอ่อ ฉันหมายถึงศิษย์น้องจางเซวียน!” ไป๋เหรินชิงพูด
เธอรู้ดีว่าอาจารย์ลุงไม่อยากเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเขากับใคร จึงไม่กล้าเรียกเขาในแบบที่อาจทำให้คนอื่นๆรู้
“คุณมาขอพบนายน้อยของเราหรือ?” ชายวัยกลางคนย้อนถามอย่างประหลาดใจ
แน่นอนว่าชายวัยกลางคนผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเฉาเฉิงลี่ เขาคิดว่าชื่อเสียงกระฉ่อนของเขาในฐานะนักรักตัวยงคงทำให้สาวสวยคนนี้มาเยือนถึงประตูบ้าน หัวใจของเขาเต้นรัวด้วยความตื่นเต้น แต่กลับกลายเป็นว่าเธอมาขอพบนายน้อย
ไม่คิดเลยว่านายน้อยที่ดูไม่เอาไหนคนนี้จะมีดีอยู่ในตัวเหมือนกัน…
มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เขาเคยคิดว่าความแปลกประหลาดพิสดารของนายน้อยดูจะเป็นลักษณะเฉพาะของมนุษย์สายพันธุ์ที่ต้อง ‘เป็นโสดตลอดชีวิต’ ใครจะไปคิดว่าอีกฝ่ายจะมีเสน่ห์ดึงดูดสาวสวยระดับนี้ให้มาหาได้ตั้งแต่มาถึงที่นี่ได้เพียงไม่ถึง 1 วัน…
คนเรานี่ตัดสินกันที่ภายนอกไม่ได้จริงๆ!
“นายน้อยของเราอยู่ข้างใน เชิญทางนี้…” เฉาเฉิงลี่เชื้อเชิญไป๋เหรินชิงเข้าไปในบ้านพัก
เขากำลังจะพาแขกเข้าไปด้านใน ก็พอดีกับที่นึกอะไรได้บางอย่าง เฉาเฉิงลี่พลันเกิดอาการกระอักกระอ่วนเล็กน้อย เขาเปลี่ยนมาใช้ขาขวา ก่อนจะก้าวข้ามธรณีประตูเข้าไป
หลังจากก้าวข้ามธรณีประตูเข้าไป เฉาเฉิงลี่หันไปพูดกับสาวน้อย “ต้องขออภัยด้วย แต่กรุณาใช้ขาขวาของคุณก้าวข้ามธรณีประตูนะ”
ไป๋เหรินชิงถึงกับงง
“นี่เป็นกฎที่นายน้อยของเราตั้งขึ้น ผมหวังว่าคุณจะเข้าใจ” เฉาเฉิงลี่สำทับอย่างจริงจัง
ไป๋เหรินชิงงุนงงกับกฎเกณฑ์ที่ฟังดูแสนจะเหลวไหล เธอไม่รู้ว่าชายวัยกลางคนผู้นี้ตั้งใจหยอกเธอเล่นหรือไม่ แต่ลงท้ายก็ไม่กล้าฝ่าฝืนกฎเพราะเกรงจะทำให้อาจารย์ลุงไม่พอใจ ไป๋เหรินชิงใช้ขาขวาก้าวข้ามธรณีประตูไปอย่างว่าง่าย
เมื่อเข้าสู่ลานบ้าน ก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังฝึกฝนศิลปะเพลงดาบอยู่ พื้นที่รอบตัวเขาชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ บ่งบอกว่าอีกฝ่ายฝึกฝนศิลปะเพลงดาบอยู่นานแล้ว
“ศิลปะเพลงดาบนี้…” ไป๋เหรินชิงมองการเคลื่อนไหวของชายหนุ่มจากระยะไกลอยู่ครู่หนึ่ง เธออดไม่ได้ที่จะตัวแข็ง
ยังไม่ทันจะรู้ตัว เหงื่อของเธอก็ไหลเป็นทางจนชุ่มโชกทั้งแผ่นหลัง
ชายหนุ่มคนนี้น่าจะมีอายุราว 16-17 ปีเท่านั้น แถมมีวรยุทธแค่นักปราชญ์โบราณขั้น 2 ไม่น่าจะเป็นอะไรที่มากกว่าศิษย์สายตรงฝ่ายในธรรมดาสามัญคนหนึ่ง แต่ศิลปะเพลงดาบของเขาทั้งสมบูรณ์แบบและพุ่งทะยานอย่างไม่มีที่สิ้นสุด การเคลื่อนไหวของเขาเรียบง่ายแต่ล้ำลึก และเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับสภาพแวดล้อมโดยรอบ
เธอสัมผัสได้ถึงความเป็นนักดาบผู้เชี่ยวชาญในตัวเขา ราวกับเขาคือใครสักคนที่ดำดิ่งอยู่ในวิถีแห่งเพลงดาบมาเนิ่นนานหลายสิบปี
อันที่จริง แม้สิ่งนี้อาจเป็นแค่มุมมองของเธอ แต่เธอแน่ใจว่าศิลปะเพลงดาบของอีกฝ่ายลึกซึ้งยิ่งกว่าท่านปู่เฟิงเสียอีก!
ไม่น่าเชื่อว่าเด็กหนุ่มวัยรุ่นคนหนึ่งจะสามารถเทียบชั้นกับนักดาบผู้ช่ำชองอย่างไป๋เฟิงได้ สิ่งนี้ทำให้ไป๋เหรินชิงรู้สึกว่าศิลปะเพลงดาบที่เธอร่ำเรียนมาเนิ่นนานหลายปีนั้นแสนด้อยค่า ไม่ต่างอะไรกับของเด็กเล่น
“เขาคือ…ตั้นเฉี่ยวเทียน?” ไป๋เหรินชิงกัดริมฝีปาก
“ใช่แล้ว เขาคือนายน้อยเฉี่ยวเทียน” เฉาเฉิงลี่ตอบพร้อมกับพยักหน้า
“เขาร่ำเรียนศิลปะเพลงดาบจากศิษย์น้องจางมานานแค่ไหนแล้ว?” ไป๋เหรินชิงตั้งคำถาม
อีกฝ่ายคงได้เรียนกับอาจารย์ลุงจางตั้งแต่เกิด ถึงได้มีความเข้าใจในศิลปะเพลงดาบขั้นสูงขนาดนี้!
“นานแค่ไหน?” เฉาเฉิงลี่ตั้งต้นนับนิ้วก่อนจะชู 6 นิ้วขึ้นมา “ก็น่าจะนานประมาณนี้แหละ”
“6 ปี? เขาใช้เวลาเพียง 6 ปีก็เก่งกาจขนาดนี้เลย?” ไป๋เหรินชิงถึงกับจังงัง
เธอร่ำเรียนศิลปะเพลงดาบมาตั้งแต่อายุ 3 ขวบ ซึ่งนับจากวันนั้นก็ผ่านไป 20 ปีแล้ว
เธอได้รับคำชี้แนะเป็นการส่วนตัวจากท่านปู่และท่านปู่เฟิง ทั้งยังไม่เคยขาดแคลนทรัพยากรล้ำค่าสำหรับการฝึกฝนวรยุทธ ก็เพราะทั้งหมดนี้ที่ทำให้เธอพัฒนาได้ไกลแม้จะอายุยังน้อย ส่วนชายหนุ่มคนนี้เพิ่งเริ่มเรียนได้แค่ 6 ปี แต่ดูเหมือนเขาจะแข็งแกร่งกว่าเธอเสียอีก!
เรื่องนี้ยากจะรับไหว
“6 ปี?” เฉาเฉิงลี่ชะงัก “คุณเข้าใจผิดแล้วล่ะ ผมหมายถึง 6 ชั่วโมง!”
ตลอดสองสามวันที่ได้อยู่ด้วยกัน เฉาเฉิงลี่รู้ว่าจางเซวียนมีธุระยุ่งเหยิงมาก แม้จะเห็นได้ชัดว่าเขาดูแลเอาใจใส่ตั้นเฉี่ยวเทียนเป็นอย่างดี แต่ก็ไม่ได้มีเวลาให้คำชี้แนะเรื่องวรยุทธกับอีกฝ่ายสักเท่าไหร่ บ่อยครั้งที่เขาเพียงแค่ชี้ข้อบกพร่องเรื่องวรยุทธไม่กี่ข้อให้ตั้นเฉี่ยวเทียนเห็นก่อนจะยื่นตราหยกให้เพื่อให้อีกฝ่ายไปศึกษาต่อด้วยตัวเอง
ด้วยเหตุนี้ แม้ตั้นเฉี่ยวเทียนจะเป็นศิษย์ของจางเซวียนได้หลายวันแล้ว แต่ระยะเวลาที่แท้จริงที่อีกฝ่ายใช้ในการชี้แนะเขาก็น่าจะตกราว 6 ชั่วโมงเป็นอย่างมาก!
“ชั่วโมง?” ไป๋เหรินชิงแทบลมจับ
คนๆหนึ่งจะเก่งกาจขนาดนี้ได้อย่างไรหลังจากได้ร่ำเรียนศิลปะเพลงดาบเพียงแค่ 6 ชั่วโมง?
ในตอนนั้น เธอรู้สึกเหมือนหัวสมองของตัวเองมืดตื้อ ข้อมูลที่ได้มาหนักหนาเกินกว่าจะรับไหว
ขณะที่ไป๋เหรินชิงกำลังจังงัง ตั้นเฉี่ยวเทียนก็เห็นว่ามีผู้มาเยือน เขารีบหยุดการฝึกฝนศิลปะเพลงดาบทันที จากนั้นก็ก้าวยาวๆเข้ามาหาไป๋เหรินชิงและทักทายเธอด้วยรอยยิ้มก่อนจะอธิบายรายละเอียด “อันที่จริง ระยะเวลาที่ท่านอาจารย์ใช้สั่งสอนผมน่ะตกราว 2 ชั่วโมงเท่านั้น ส่วน 6 ชั่วโมงนั่น…ผมเกรงว่าผมไม่คู่ควรกับการที่ท่านอาจารย์จะให้เวลากับผมมากมายขนาดนั้นหรอก”
การที่ไป๋เหรินชิงมาตามหาท่านอาจารย์ของเขาถึงที่นี่ ก็หมายความว่าเธอรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างตัวเขากับท่านอาจารย์แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไร
“2 ชั่วโมง…” ไป๋เหรินชิงตกตะลึงกับคำบอกเล่านั้น เธอเงียบงันไปนานกว่าจะพูดออก “จะเป็นอะไรไหมถ้าฉันจะขอท้าคุณดวลศิลปะเพลงดาบ”
“ได้แน่นอน!” ตั้นเฉี่ยวเทียนพยักหน้า
เขาฝึกฝนวรยุทธตัวคนเดียวอยู่เสมอ จึงยิ่งกว่าดีใจที่จะได้มีใครสักคนให้ดวลด้วย เพื่อจะได้ตรวจสอบความก้าวหน้าของตัวเอง
“ถ้าอย่างนั้นก็เริ่มกันเถอะ!” ไป๋เหรินชิงลดระดับวรยุทธของเธอลงมาเป็นนักปราชญ์โบราณขั้น 2 ขั้นต้นอย่างรวดเร็วก่อนจะชักดาบ
ตึ้ง!
เธอกระทืบเท้าและพุ่งเข้าใส่ตั้นเฉี่ยวเทียน
ก่อนหน้านี้ เธอได้เห็นศิลปะเพลงดาบของตั้นเฉี่ยวเทียนแล้ว และรู้ว่าความเชี่ยวชาญในศิลปะเพลงดาบของเขาอยู่ในระดับเหนือชั้น เธอจึงไม่กล้าปล่อยให้การ์ดตก ไป๋เหรินชิงตัดสินใจใช้กระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดตั้งแต่เริ่ม ทำให้เธอเคลื่อนไหวไปรอบๆได้ด้วยความไวราวกับแสง
ฟึ่บ!
เธอรีบปิดช่องว่างระหว่างตัวเธอกับตั้นเฉี่ยวเทียน และขณะที่คิดว่าคว้าชัยชนะได้อย่างแน่นอนแล้ว ตั้นเฉี่ยวเทียนก็เคลื่อนไหวอย่างปุบปับ เกิดภาพพร่าเลือนชั่วขณะ และทันใดนั้น…
ดาบเล่มหนึ่งก็พุ่งเข้าใส่ศีรษะของเธอ!
สัญชาตญาณการป้องกันตัวของไป๋เหรินชิงตื่นตัวขึ้นด้วยความหวาดระแวง เธอรีบปลดปล่อยระดับวรยุทธเพื่อเรียกคืนพละกำลังของนักรบอมตะตัวจริงกลับคืนมา ด้วยการคุ้มกันของชั้นพลังปราณที่โอบรอบตัวเธอ ดาบของตั้นเฉี่ยวเทียนก็กระเด็นไป
ถ้าไม่ใช่เพราะความว่องไวของไป๋เหรินชิง ดาบนั้นคงแทงทะลุศีรษะของเธอแล้ว
ประสบการณ์เฉียดตายทำให้ไป๋เหรินชิงถึงกับอ้าปากหอบหายใจ
เธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำว่าชายหนุ่มสำแดงศิลปะเพลงดาบแบบไหน มันถึงประชิดเธอได้ขนาดนั้นโดยที่เธอยังไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำ!
พูดอีกอย่างก็คือ ถ้าเธอกำลังเผชิญหน้ากับนักรบอมตะตัวจริง ตอนนี้คงตายไปแล้ว
น่าสะพรึงเหลือเกิน!
ไป๋เหรินชิงอดไม่ได้ที่จะประเมินตั้นเฉี่ยวเทียนอย่างหวาดระแวง เธอคิดว่าศิลปะเพลงดาบที่เขาฝึกฝนก่อนหน้านี้ก็ทรงพลังและน่าทึ่งพอแล้ว ใครจะไปรู้ว่าเขายังมีไม้ตายที่เหนือชั้นกว่านั้นอีก?
หากเป็นคู่ต่อสู้ที่มีวรยุทธระดับเดียวกัน การเคลื่อนไหวเมื่อครู่นี้คงสังหารเธอได้ในพริบตาเดียว!
“ผมเสียใจจริงๆ! ผมฝึกฝนศิลปะเพลงดาบนี้มาระยะหนึ่งแล้ว แต่ไม่เคยใช้มันในการต่อสู้จริงๆมาก่อน อีกอย่าง ผมยังควบคุมพละกำลังของเทคนิคนี้ไม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ก็เลย…”
ตั้นเฉี่ยวเทียนตั้งใจจะหยุดดาบทันทีที่มันไปจ่ออยู่ตรงหน้าคู่ต่อสู้ แต่เขาประเมินความสามารถในการใช้ดาบของตัวเองสูงไป ด้วยเหตุนี้ แม้จะพยายามขนาดไหน ก็ยับยั้งมันไม่ได้
โชคดีที่อีกฝ่ายตอบโต้อย่างรวดเร็วและใช้พลังปราณป้องกันตัวของเธอผลักดันดาบของเขาออกไปได้ ไม่อย่างนั้น ถ้าดาบเขาแตะต้องแขกของท่านอาจารย์ เขาจะต้องถูกตำหนิอย่างรุนแรงแน่!
“คุณเพิ่งเรียนศิลปะเพลงดาบกับเขาได้เพียง 2 ชั่วโมง แต่เพลงดาบของคุณเหนือชั้นกว่าฉันเสียอีก…” ไป๋เหรินชิงกลืนน้ำลายด้วยความพรั่นพรึง แต่ในเวลาเดียวกันก็อดสงสัยไม่ได้
เราก็ได้เรียนการฟาดฟันในแนวราบจากอาจารย์ลุงมา…ถึงทักษะของเราจะยังไม่เข้าที่เข้าทางและต้องใช้เวลาอีกยาวไกลกว่าจะเข้าใจแก่นสารของมัน แต่เราก็อยากรู้ว่ามันจะทรงพลังแค่ไหนหากนำไปใช้ในการต่อสู้จริงๆ…
เธอแน่ใจว่าการฟาดฟันในแนวราบนั้นทรงพลัง แต่การรับรู้มันแค่ในทางทฤษฎีย่อมแตกต่างจากการปฏิบัติจริง
ทันทีที่คิดได้ ไป๋เหรินชิงก็คันไม้คันมืออยากทดสอบเทคนิคนั้นกับใครสักคนขึ้นมา
เธอมองชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าอีกครั้ง แต่สุดท้ายก็ส่ายหัว
เธอไม่อยากเสี่ยงกับการถูกดาบแทงทะลุศีรษะ ที่หลบเลี่ยงมาได้อย่างเฉียดฉิวก็เพราะปฏิกิริยาตอบโต้อันว่องไวของเธอเท่านั้น ถ้าใจลอยสักหน่อย ป่านนี้คงเป็นศพไปแล้ว!
“ที่นี่มีห้องส่วนตัวให้ฉันใช้ไหม?” ไป๋เหรินชิงตั้งคำถาม
“ห้องนั้นว่าง คุณใช้ได้ตามสบาย ตอนนี้ท่านอาจารย์กำลังฝึกฝนวรยุทธอยู่ คุณพักผ่อนไปก่อนนะ ผมจะเรียกคุณทันทีที่เขาออกมา” ตั้นเฉี่ยวเทียนตอบ ก่อนจะชี้ไปยังห้องหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ
ศิษย์สายตรงฝ่ายในส่วนใหญ่มีคนรับใช้เพื่อคอยอำนวยความสะดวกต่างๆ บ้านพักของพวกเขาจึงกว้างขวางและมีห้องหับมากมาย
ไป๋เหรินชิงขอบคุณตั้นเฉี่ยวเทียนก่อนจะเดินเข้าไปในห้อง เธอทรุดตัวลงนั่งบนเตียงก่อนจะนำตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลอันหนึ่งออกมา
มันคือตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลที่ใช้เข้าสู่หอนิรันดร์ของศิษย์สายตรงขั้นสูงสุด!
ไป๋เหรินชิงเพ่งสมาธิเข้าสู่ตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาล บริเวณรอบตัวเธอมืดมิดไปทันที
เมื่อรู้สึกตัวอีกครั้ง ก็มายืนอยู่ที่ใจกลางหอนิรันดร์แล้ว