ตอนที่ 2017 แล้วตอนนี้คุณมีอยู่เท่าไหร่?
“คุณอยากเข้าสู่หอนิรันดร์หรือ?” ไป๋เหรินชิงไม่คิดว่าอาจารย์ลุงจะกระตือรือร้นกับเรื่องดังกล่าวมากขนาดนี้ เธอครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนพยักหน้า “ก็ได้!”
ถึงอย่างไรพวกเขาก็มีเวลา 3 วันในการปฏิบัติภารกิจ จึงไม่น่ามีปัญหามากนัก
อีกอย่าง พวกเขาก็มาที่นี่เพื่อสำรวจดินแดน ด้วยปริมาณทรัพย์สินที่มี การที่พวกเขาจะปฏิบัติภารกิจลุล่วงหรือไม่ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ
ไป๋เหรินชิงรีบนำแผนที่ออกมาตรวจดูอย่างถี่ถ้วนก่อนจะสั่งการให้อสูรมุ่งหน้าไป ราว 30 นาทีให้หลัง ทั้งคู่ก็มาถึงอาคารสูงตระหง่านหลังหนึ่ง
มันคือหอนิรันดร์สาขาเมืองอู๋ไห่
“อัตราแลกเปลี่ยนที่ใช้กันในเมืองอู๋ไห่เวลานี้เหมือนกับเหรียญนิรันดร์ที่ใช้ในเมืองชวนเจียง เพียงแต่มูลค่าสูงกว่า ในเมื่อมูลค่าของอัตราแลกเปลี่ยนในท้องถิ่นเทียบกับเหรียญสำนักดาบของเราได้ในอัตราส่วน 1:1 เราก็น่าจะซื้อหาทรัพยากรที่นี่ได้โดยใช้เหรียญสำนักดาบได้” ไป๋เหรินชิงอธิบายยิ้มๆ
ได้ยินแบบนั้น จางเซวียนถอนหายใจอย่างโล่งอก
เขายังกังวลอยู่ว่าอาจจะต้องหาวิธีบางอย่างเพื่อให้ได้เงินมาซื้อหาตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาล แต่ดูเหมือนจะไม่ต้องกังวลแล้ว
ตอนนี้เขามีเหรียญสำนักดาบอยู่กับตัวมากมาย การซื้อหาสัญลักษณ์ตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่
ทั้งคู่รีบตรงไปยังเคาน์เตอร์ต้อนรับ
“ราคาของตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลจะแตกต่างกันไปตามระดับขั้น, 20 เหรียญนิรันดร์สำหรับ นักปราชญ์โบราณขั้น 4, 200เหรียญนิรันดร์สำหรับนักรบเสมือนอมตะระดับล่าง และ 2,000 เหรียญนิรันดร์สำหรับนักรบอมตะตัวจริง” เจ้าหน้าที่อธิบาย
ราคาค่างวดของตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลที่นี่ออกจะถูกกว่าที่สำนักดาบเมฆเหินเล็กน้อย
“เราจะซื้อตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลของนักรบเสมือนอมตะระดับล่าง 2 อัน” จางเซวียนพูดขณะยื่นเงิน 400 เหรียญนิรันดร์ให้อีกฝ่าย โดยใช้บัตรนิรันดร์ของเขา
หลังจากได้รับเงิน พนักงานต้อนรับรีบยื่นตราหยก 2 อันให้และถามว่า “คุณทั้งสองต้องการห้องด้วยไหม? มีห้องส่วนตัวอยู่ตรงนั้น, ราคา 1 เหรียญนิรันดร์ต่อ 2 ชั่วโมง”
จางเซวียนจองห้องพักห้องหนึ่ง หลังจากจ่ายเงินแล้ว เขาก็รีบเข้าสู่ห้องนั้นพร้อมกับไป๋เหรินชิง กลไกทุกอย่างเป็นแบบเดียวกันกับการทำงานของตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาล ไม่ช้าทั้งคู่ก็ได้เข้าสู่หอนิรันดร์
แผนผังของหอนิรันดร์ที่นี่เหมือนกับที่อื่นๆ เหมือนจนทำให้ประหลาดใจเล็กน้อย หลังจากสลัดความรู้สึกแปลกๆออกไป จางเซวียนก็เดินไปที่เคาน์เตอร์พนักงานต้อนรับและแสดงตราสัญลักษณ์ที่เขาได้มาจากปรมาจารย์ขง “
คุณบอกผมหน่อยได้ไหมว่าผมจะใช้ตราสัญลักษณ์อันนี้ซื้ออะไรได้บ้าง?”
เจ้าหน้าที่รับตราสัญลักษณ์ไปหลังจากพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็ตาโตด้วยความตกใจ “ท่านแขกผู้มีเกียรติ เชิญทางนี้เลย ฉันเกรงว่ามูลค่าของตราสัญลักษณ์ของคุณจะสูงเกินไป คงต้องให้เจ้านายของฉันมาดูแลคุณเป็นการส่วนตัว!”
จางเซวียนกับไป๋เหรินชิงถูกนำตัวเข้าสู่ห้องขนาดใหญ่ ครู่ต่อมา ผู้อาวุโสคนหนึ่งก็กระวีกระวาดเข้ามาด้วยสีหน้าลุกลี้ลุกลน
“ผมคือผู้อาวุโสของหอนิรันดร์แห่งเมืองอู๋ไห่ ผมได้เห็นตราสัญลักษณ์ของคุณแล้ว มันคือเหรียญตราเกียรติยศที่ได้รับการส่งมอบจากหัวหน้าของเราโดยตรง สิ่งนี้จะทำให้คุณมีสิทธิ์ซื้อหาทรัพยากรสำหรับการฝึกฝนวรยุทธเท่าที่คุณต้องการโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ!” ผู้อาวุโสเลิกคิ้วขณะยื่นตราสัญลักษณ์คืนให้จางเซวียน
ตราสัญลักษณ์อันนี้เรียกได้ว่าเป็นตัวแทนของหัวหน้าของพวกเขา ทุกคนจึงต้องแสดงความเคารพสูงสุดต่อใครก็ตามที่ถือมันติดตัวไว้ ดังนั้นผู้อาวุโสจึงไม่กล้าแสดงความกระด้างกระเดื่องแม้แต่น้อยต่อชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า แม้อีกฝ่ายจะยังมีอายุไม่มาก
“อือ!” เมื่อรู้แล้วว่าตราสัญลักษณ์เป็นของจริง จางเซวียนถอนหายใจอย่างโล่งอก เขายิ้มและพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้น ผมอยากให้คุณนำยาเม็ดอมตะขั้นสูงมาให้ผมสัก 100 เม็ด”
หลังจากสำเร็จวรยุทธเสมือนอมตะสรวงสวรรค์แล้ว จางเซวียนรู้ทันทีว่ายาเม็ดอมตะขั้นพื้นฐานไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอในการยกระดับวรยุทธของเขาอีกต่อไป หากเขาต้องการยกระดับวรยุทธอีก อย่างน้อยๆก็จะต้องใช้ยาเม็ดอมตะขั้นสูง
ที่สำนักดาบเมฆเหิน ยาเม็ดอมตะขั้นสูง 1 เม็ดมีราคาถึง 20,000 เหรียญสำนักดาบ แม้ตอนนี้เขาจะร่ำรวย แต่เงินทองก็คงหมดไปอย่างรวดเร็วหากต้องเสียเงินซื้อหามัน
“ยาเม็ดอมตะขั้นสูง 100 เม็ด?” ผู้อาวุโสเลิกคิ้ว “ยาเม็ดอมตะขั้นสูงเป็นทรัพยากรสำหรับการฝึกฝนวรยุทธอันล้ำค่า ที่แม้แต่นักรบอมตะขั้นสูงต่างก็ตามหา ผมเกรงว่าในหอนิรันดร์แห่งเมืองอู๋ไห่ของเราจะไม่สามารถหาได้จำนวนมากขนาดนั้น”
“แล้วตอนนี้คุณมีอยู่เท่าไหร่?” จางเซวียนถาม
“น่าจะราวๆ…20 เม็ดเท่านั้น!” ผู้อาวุโสหยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ “ถ้าคุณไม่รีบร้อน ผมน่าจะรวบรวมตามจำนวนที่คุณต้องการได้ครบภายใน 3 วัน!”
“อย่างนั้นก็ได้ เอามาให้ผม 20 เม็ดก่อน แล้วค่อยไปจัดการรวบรวมที่เหลือ” จางเซวียนสั่งการ
เขารู้ดีว่าการใช้ตราสัญลักษณ์อันนี้ไม่ได้ ‘ฟรี’ เสียทีเดียว ถึงเขาจะมีต้นกำเนิดมาจากที่เดียวกันกับปรมาจารย์ขงแต่ ก็ไม่ไร้เดียงสาถึงขนาดจะคิดว่าอีกฝ่ายจะแสดงความใจกว้างต่อเขาขนาดนี้โดยไม่คาดหวังอะไรตอบแทน
เป็นไปได้ว่าในอนาคตเขาน่าจะต้องตอบแทนบุญคุณครั้งนี้ด้วยวิธีใดสักอย่าง
แต่ก็แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญกว่าสำหรับเขาในตอนนี้คือการยกระดับวรยุทธ หลังจากพูดกับหานเจี้ยนชิวแล้ว เขารู้ดีว่ากำลังตกอยู่ในภาวะสุ่มเสี่ยง จึงต้องยกระดับพละกำลังของตัวเองและรักษาสถานภาพที่มีอยู่ในทวีปที่ถูกลืมให้ปลอดภัยที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ขอรับ ผมเข้าใจแล้ว” ผู้อาวุโสตอบก่อนจะรีบเดินออกไป
ครู่ต่อมาเขาก็กลับมาพร้อมกับแหวนเก็บสมบัติวงหนึ่ง ผู้อาวุโสยื่นแหวนเก็บสมบัติให้จางเซวียน จากนั้นก็โค้งคำนับอย่างงามและตั้งคำถามอีกครั้ง “ท่านแขกผู้มีเกียรติ ไม่ทราบว่าคุณยังต้องการสิ่งอื่นอีกไหม?”
“ผมอยากได้หนังสือเทคนิควรยุทธขั้นอมตะตัวจริง…ไม่ทราบว่าตราสัญลักษณ์อันนี้จะช่วยให้ผมซื้อหามันได้หรือไม่?” จางเซวียนถาม
“ตราสัญลักษณ์นี้สามารถใช้ในการซื้อหาทรัพยากรที่จะช่วยยกระดับวรยุทธของคุณเท่านั้น ผมเกรงว่าการซื้อหนังสือคงทำไม่ได้…”
ผู้อาวุโสพลันนึกอะไรได้บางอย่าง เขารีบเสริม “ทรัพยากรที่คุณซื้อไปแล้วน่ะ จะนำไปขายไม่ได้นะ ถ้าคุณถูกพบว่าฝ่าฝืนกฎล่ะก็ สิทธิพิเศษจากตราสัญลักษณ์ของคุณจะถูกระงับอย่างถาวร!”
ได้ยินคำนั้น จางเซวียนส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มแห้งๆ
ตอนที่เขาได้ยินว่าผู้อาวุโสใช้คำว่าทรัพยากรสำหรับการฝึกฝนวรยุทธ ก็นึกสังหรณ์ใจอยู่แล้วว่าไม่น่าจะซื้อหาหนังสือเทคนิควรยุทธได้ด้วยตราสัญลักษณ์อันนี้ แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังอดผิดหวังเล็กน้อยไม่ได้เมื่อได้ยินกับหู
นอกจากหนังสือเทคนิควรยุทธ ก็ไม่มีอะไรที่จางเซวียนจะต้องการมากกว่านี้ เขาจึงทำได้แค่ออกจากหอนิรันดร์ และด้วยการใช้ค่ายกลที่มีอยู่ในตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาล จางเซวียนก็นำยาเม็ดอมตะขั้นสูงออกมาได้
ยาเม็ดอมตะขั้นสูงมีพลังจิตวิญญาณในปริมาณที่เข้มข้นมาก สามารถรู้สึกได้ถึงพลังงานที่พวยพุ่งออกจากมัน หากจะเปรียบเทียบกันยาเม็ดอมตะขั้นพื้นฐาน ยาเม็ดอมตะขั้นพื้นฐานก็ดูจะอ่อนด้อยไปเลย
“นี่!” จางเซวียนโยนยาเม็ดอมตะขั้นสูงเม็ดหนึ่งให้ไป๋เหรินชิง
“ขอบคุณมาก อาจารย์ลุง!”
ไป๋เหรินชิงหน้าแดงก่ำด้วยความตื่นเต้น เธอเคยเห็นยาเม็ดอมตะขั้นสูงก็เฉพาะที่ท่านปู่ของเธอมี แต่เพราะมูลค่ามหาศาลของมัน เธอจึงไม่เคยกินยานั้นมาก่อน
ไป๋เหรินชิงจ้องมองยาเม็ดอย่างลิงโลด จากนั้นก็อ้าปากและกลืนมันลงไป
ฟิ้ววววว!
ยาเม็ดละลายในร่างกายของเธอ ปลดปล่อยพลังจิตวิญญาณมหาศาลออกมา ไป๋เหรินชิงหรี่ตาด้วยความประหลาดใจขณะทั้งร่างสั่นสะท้านไม่หยุดจากพลังงานปริมาณมหาศาลนั้น เหงื่อไหลโชกทั้งร่าง
เห็นไป๋เหรินชิงออกอาการผิดปกติ จางเซวียนขมวดคิ้ว “มีอะไร?”
“อาจารย์ลุง พลังจิตวิญญาณในยาเม็ดอมตะขั้นสูงนี้เข้มข้นเกินไป…ฉันรับมันไม่ไหว”ไป๋เหรินชิงร้องออกมาด้วยใบหน้าซีดเผือด
ขนาดพลังจิตวิญญาณในยาเม็ดอมตะขั้นพื้นฐานเพียงเม็ดเดียว เธอก็ยังต้องใช้เวลาซึมซับระยะหนึ่ง นับประสาอะไรกับยาเม็ดอมตะขั้นสูง
ก็เหมือนกับความพยายามยัดรถทั้งคันเข้าไปในปากของเด็กน้อย คงน่าแปลกใจถ้าร่างของอีกฝ่ายไม่ระเบิด
ถึงตอนนี้ ในที่สุดไป๋เหรินชิงก็เข้าใจแล้วว่าทำไมท่านปู่จึงไม่เคยอนุญาตให้เธอกินยาเม็ดอมตะขั้นสูง ไม่ใช่เพราะท่านปู่สู้ราคาไม่ไหว แต่เพราะมันจะกลายเป็นความสูญเปล่าครั้งใหญ่ และหากเกิดความผิดพลาดขึ้นมา ชีวิตของเธอก็จะตกอยู่ในความเสี่ยง!
“โอ๊ยยยย…” ไป๋เหรินชิงส่งเสียงคร่ำครวญ
ด้วยพลังงานมหาศาลที่พลุ่งพล่านอยู่ในร่างกายของเธอ มีบางส่วนเล็ดลอดออกจากจุดชีพจรด้วย ใบหน้าของไป๋เหรินชิงแดงก่ำ ลำตัวพองขึ้นเหมือนลูกโป่ง ดูพร้อมจะระเบิดได้ทุกขณะ
จางเซวียนเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ นึกไม่ถึงว่าจะเจอเหตุการณ์แบบนี้
เขามอบยาเม็ดอมตะขั้นสูงให้ไป๋เหรินชิงเพื่อจะตอบแทนบุญคุณที่เธอช่วยเหลือเขา ไม่คิดเลยว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
ถ้าร่างของไป๋เหรินชิงระเบิดขึ้นมาจริงๆจากการกินยาเม็ดอมตะขั้นสูงที่เขามอบให้ แล้วเขาจะอธิบายเรื่องนี้กับผู้อาวุโสไป๋เย่อย่างไร?
“เร็วเข้า รีบสำแดงเทคนิคการต่อสู้ออกมา!” จางเซวียนคำราม
รู้ดีว่าสถานการณ์คับขันแค่ไหน ไป๋เหรินชิงรีบกัดฟันแล้วบังคับตัวเองให้สำแดงศิลปะเพลงดาบ ด้วยการชำเลืองมองแวบเดียว จิตใต้สำนึกของจางเซวียนก็ดำดิ่งเข้าสู่หอสมุดเทียบฟ้าเพื่อพิจารณาหนังสือที่ประมวลขึ้นใหม่เกี่ยวกับไป๋เหรินชิง รอยย่นปรากฏบนหน้าผากของเขา
ดูเหมือนวิธีเดียวที่จะแก้ไขสถานการณ์นี้ได้ก็คือ ไป๋เหรินชิงต้องรีบใช้พลังจิตวิญญาณที่กำลังพุ่งพล่านและแปรสภาพมันให้กลายเป็นพลังปราณ จางเซวียนคิด ด้วยวิธีนี้ เธอจะสามารถควบคุมมันและเก็บมันไว้อย่างปลอดภัยในจุดตันเถียนได้
แต่ด้วยสภาวะของไป๋เหรินชิงในเวลานี้ ออกจะยากเกินไปที่จะปลดปล่อยพลังงานออกจากร่างของเธอ การก่อตัวกันของพลังงานนั้นหนักหน่วงเกินกว่าที่จางเซวียนจะรับประกันได้ว่าเขาจะสามารถควบคุมกระแสพลังงานที่ไหลออกจากร่างของเธอได้อย่างปลอดภัย วิธีการที่ปลอดภัยที่สุดในเวลานี้ก็คือต้องซึมซับพลังจิตวิญญาณเข้าสู่ร่างของเธอ
แต่ขีดจำกัดข้อใหญ่ของไป๋เหรินชิงคือระดับเทคนิควรยุทธที่เธอมีอยู่
เทคนิควรยุทธทั่วไปนั้นเหมือนกับหลอดดูดน้ำ ไม่ว่าจะพยายามใช้หลอดดูดดูดน้ำออกจากมหาสมุทรสักแค่ไหน ก็ไม่ก่อให้เกิดอะไรขึ้น
ดังนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดในเวลานี้ก็คือต้องหาเทคนิควรยุทธที่ทรงพลังพอที่ไป๋เหรินชิงจะสามารถ ควบคุมพลังจิตวิญญาณที่กำลังเดือดพล่านของเธอให้อยู่ภายใต้การควบคุมได้