อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 2019 ให้เขารอตรงนั้นก่อน
อันที่จริง หอประมูลไม่มีสิทธิ์ทำสำเนาของหนังสือเทคนิควรยุทธที่ลูกค้านำมาฝากขาย จึงเป็นไปได้ว่าหอประมูลของตลาดอู๋ไห่แอบทำอย่างลับๆ
ด้วยกฎเกณฑ์ของการประมูล ทรัพย์สมบัติที่ถูกขายไประหว่างการประมูลจะต้องถูกเก็บรักษาไว้ในคลังของหอประมูลก่อน จึงไม่มีทางที่ลูกค้าจะแน่ใจได้ว่ามีการลักลอบทำสำเนาหรือไม่
จากที่พ่อค้าพูด ดูเหมือนการทำสำเนาหนังสือเทคนิควรยุทธจะเป็นเรื่องที่รู้กันโดยนัยภายในหอประมูล เพียงแต่ไม่มีใครอยากพูดถึงมัน
ได้ยินคำนั้น จางเซวียนถอนหายใจอย่างโล่งอก
ถึงอย่างไรก็เป็นข่าวดีที่ได้รู้ว่าหอประมูลมีหนังสือเทคนิควรยุทธขั้นอมตะตัวจริงอยู่ โชคดีเหลือเกินที่เขารับภารกิจตรวจสอบสมบัตินี้มา
หลังจากไถ่ถามเรื่องที่ตั้งของหอประมูลแล้ว จางเซวียนก็กล่าวอำลาพ่อค้าก่อนจะรุดหน้าไป
…..
“คุณมีจดหมายเชิญหรือเปล่า?”
ที่บริเวณทางเข้าหอประมูล จางเซวียนถูกองครักษ์คนหนึ่งรั้งตัวไว้
ผมคือศิษย์สายตรงของสำนักดาบเมฆเหิน รับภารกิจการตรวจสอบของล้ำค่าของตลาดอู๋ไห่มา” จางเซวียนพูดขณะแสดงตราสัญลักษณ์การปฏิบัติภารกิจ
องครักษ์มองตราสัญลักษณ์นั้นก่อนจะโค้งคำนับอย่างงาม “ยินดีต้อนรับ เชิญทางนี้”
สำนักดาบเมฆเหินคือ 1 ใน 6 สำนักใหญ่ ซึ่งเมืองอู๋ไห่ก็ดูเหมือนจะขึ้นตรงต่อที่นี่ ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นที่รู้กันดีว่าทางสำนักรับเฉพาะศิษย์สายตรงที่เป็นอัจฉริยะชั้นยอดเท่านั้น จึงเป็นธรรมดาที่องครักษ์จะไม่กล้าแสดงกิริยาไม่สุภาพต่อจางเซวียน
องครักษ์นำจางเซวียนมายังห้องหนึ่ง ในห้องนั้นมีชายชราผู้หนึ่งกำลังยืนอยู่หน้าของล้ำค่าและตรวจสอบมันอย่างใกล้ชิด
“ผู้อาวุโสเหอ ชายหนุ่มคนนี้คือศิษย์สายตรงของสำนักดาบเมฆเหิน มาที่นี่เพื่อปฏิบัติภารกิจตรวจสอบสมบัติ” องครักษ์รายงานชายชราผู้นั้น
“ให้เขารอตรงนั้นก่อน”
ผู้อาวุโสไม่แม้แต่จะหันกลับมา เขาตรวจสอบสมบัติที่อยู่ตรงหน้าต่อไปอย่างตื่นเต้น
จางเซวียนขมวดคิ้วและประเมินชายชราที่ถูกเรียกว่าผู้อาวุโสเหออย่างถี่ถ้วน อีกฝ่ายมีอายุราว 60 ปี รังสีที่เขาแผ่ออกมาหนักหน่วงและทรงพลังมาก เขาเป็นนักรบอมตะขั้นสูง
ของล้ำค่าที่อยู่ตรงหน้าผู้อาวุโสเหอคือประติมากรรมชิ้นหนึ่งที่มีความสูงราว 1 สือ มันถูกระบายด้วยสีสันที่ตัดกันอย่างสวยสดงดงาม บ่งบอกถึงรสนิยมอันสุนทรีย์ เพียงแค่ดูจากทักษะการลงสี ก็แน่ใจได้ว่าเป็นผลงานของผู้ที่เก่งกาจระดับจิตรกรระดับ 9 ดาวของทวีปแห่งปรมาจารย์
จางเซวียนยังไม่รู้แน่ชัดว่ามันคืออะไร แต่เขาสัมผัสได้ถึงรังสีที่ล่องลอยออกมา ให้ความรู้สึกสุขุมและสงบเย็น
“เยี่ยมมาก เยี่ยมจริงๆ!” ผู้อาวุโสเหออดไม่ได้ที่จะอุทานอย่างยินดีปรีดา
ไม่ห่างออกไปนัก ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งคลี่ยิ้มเมื่อเห็นปฏิกิริยาของผู้อาวุโสเหอ เขาตั้งคำถามด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกความเคารพ “ผู้อาวุโสเหอ ไม่ทราบว่ามันคือของแท้หรือเปล่า?”
“จากการประเมินของผม ประติมากรรมชิ้นนี้เป็นผลงานที่นักรบอมตะขั้นสูงตู้เหอทิ้งไว้ เขาใช้หินสงบใจแกะสลักเป็นประติมากรรมชิ้นนี้ เพราะฉะนั้น ถ้าใครใช้มันเป็นแกนกลางของค่ายกล ก็จะนำพาความสงบเย็นมาสู่จิตใจของผู้นั้นได้ ไม่ต้องกังวลเลยว่าจะต้องเผชิญหน้ากับปีศาจใต้สำนึกในระหว่างการฝึกฝนวรยุทธ” ผู้อาวุโสเหอตอบยิ้มๆ
“คุณได้รับความขอบคุณสูงสุดจากผม ผู้อาวุโสเหอ!” เมื่อได้ยินว่าประติมากรรมนั้นเป็นของแท้ ชายวัยกลางคนยกมือขึ้นอย่างยินดีปรีดา แล้วบริวารคนหนึ่งก็รีบเดินเข้ามาพร้อมกับยื่นเหรียญนิรันดร์จิ้งหลิงถุงหนึ่งให้
“ผู้จัดการหวัง คุณเกรงอกเกรงใจเกินไปแล้ว!” ผู้อาวุโสเหอพูด
“ไม่, ไม่เลย สมควรแล้วที่ผมจะมอบสิ่งนี้ให้คุณ ผมรบกวนคุณให้มาตรวจสอบสมบัติให้ผม…ผู้อาวุโสเหอ นี่เป็นเพียงสิ่งน้อยนิดที่จะแสดงความขอบคุณต่อการช่วยเหลือของคุณ” ชายวัยกลางคนที่ถูกเรียกว่าหัวหน้าหวังรีบตอบ
จากนั้น เขาก็เดินไปที่ประติมากรรมชิ้นนั้นและเก็บรักษามันไว้อย่างดีในกล่อง ตั้งใจจะเคลื่อนย้ายไปไว้ที่อื่น
เห็นภาพนั้น จางเซวียนได้แต่ส่ายหน้า แต่ก็ตัดสินใจไม่พูดอะไร
ในเวลาเดียวกัน หลังจากเสร็จสิ้นการตรวจสอบสมบัติแล้ว ผู้อาวุโสเหอหันหลังกลับและเห็นว่ามีชายหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหลัง คิ้วของเขาขมวดมุ่นทันที “คุณคือศิษย์สายตรงจากสำนักดาบเมฆเหินที่รับภารกิจหรือ?”
จางเซวียนพยักหน้า “ไม่ทราบว่าทรัพย์สมบัติอะไรที่คุณอยากให้ผมตรวจสอบ?”
เขาไม่อาจทนเสียเวลากับเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเองได้ ตอนนี้เขาแค่อยากปฏิบัติภารกิจการตรวจสอบสมบัติให้เสร็จสิ้นโดยเร็วเพื่อจะได้ไปหาหนังสือ
“ไม่ต้องรีบร้อนหรอกน่ะ” ผู้อาวุโสเหอพูดขณะทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ซึ่งอยู่ใกล้ๆ เขายกถ้วยชาขึ้นจิบก่อนจะมองจางเซวียนด้วยแววตาแสดงอาการดูถูก “บรรดาศิษย์สายตรงของสำนักดาบเมฆเหินล้วนเก่งกาจในศิลปะเพลงดาบ เรื่องนั้นปฏิเสธไม่ได้ แต่ทักษะการตรวจสอบสมบัติของพวกเขาดูจะยังอ่อนด้อยไปสักหน่อย ไม่นานมานี้ มีสหายร่วมสำนักของคุณมาที่นี่ 2 คน แต่ก็ไม่รู้อะไรสักอย่าง ผมจึงตะเพิดพวกเขาออกไป คุณอยากลองเหมือนกันใช่ไหม? ถ้าไม่มีความสามารถล่ะก็ ผมขอแนะนำคุณไว้ตรงนี้เลยว่าเราไม่ควรทำให้อีกฝ่ายเสียเวลา มันจะทำให้ผมยุ่งยาก และเป็นการดูถูกคุณด้วยหากต้องทำอะไรเยิ่นเย้อแบบนี้”
คำพูดนั้นทำให้นัยน์ตาของจางเซวียนวาววับ
เห็นชัดว่าอีกฝ่ายดูถูกเขา
“ผมรู้ว่าคำพูดของผมฟังไม่ไพเราะเสนาะหู แต่ก็แน่ใจว่ามีความจริงอยู่ในนั้น ผมได้ยินมามากเรื่องความปราดเปรื่องของบรรดาศิษย์สายตรงจากสำนักดาบเมฆเหิน แต่เกรงว่าความเชี่ยวชาญของพวกคุณจะหยุดอยู่แค่ศิลปะเพลงดาบ คงต้องขอร้องคุณดีๆว่าอย่าดูถูกเหล่านักตรวจสอบสมบัติอย่างพวกเรา!” ผู้อาวุโสเหอส่ายหน้า
เขาโบกมือและพูดว่า “หยวนชิง นำเงิน 2 เหรียญสำนักดาบไปมอบให้ชายหนุ่มคนนั้น และเชิญให้เขากลับไปด้วย ผมไม่ต้องการให้ใครมาสร้างปัญหาที่นี่!”
“ขอรับ” องครักษ์ที่พาจางเซวียนมารับเงิน 2 เหรียญสำนักดาบจากผู้อาวุโสเหอและยื่นให้จางเวียน “นี่”
จางเซวียนไม่แยแสท่าทีขององครักษ์ เขาจ้องหน้าผู้อาวุโสเหอและคำราม “สร้างปัญหา?”
เขาไม่ได้อยากเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องไร้สาระแบบนี้ แต่หมอนี่เพิ่งจะยื่นหน้าให้เขาตบ รู้สึกคันคะเยอที่แก้มขึ้นมาหรือไง?
จางเซวียนเดินเข้าไปหาชายวัยกลางคนที่กำลังง่วนอยู่กับการจัดเก็บประติมากรรมชิ้นนั้นและพูดว่า “สหาย ผมขอแนะนำคุณว่าอย่าเพิ่งนำของชิ้นนี้ไป”
“ฮะ?” หัวหน้าหวังชะงักแล้วหันมามองจางเซวียนอย่างสงสัย
เขาได้ยินบทสนทนาระหว่างทั้งคู่แล้ว แม้ผู้อาวุโสเหอจะไม่เกรงกลัวการปีนเกลียวกับศิษย์สายตรงของสำนักดาบเมฆเหิน แต่ตัวเขาไม่กล้า
“ผมแค่อยากเตือน สมบัติในมือคุณน่ะไม่ใช่ของล้ำค่าจากนักรบอมตะขั้นสูงตู้เหอ และไม่ใช่ประติมากรรมที่ทำจากหินสงบใจด้วย ถ้าคุณใช้มันเป็นแกนกลางของค่ายกลล่ะก็ ไม่นานวรยุทธของคุณก็จะถูกธาตุไฟเข้าแทรก” จางเซวียนพูดอย่างสุขุม
“คุณหมายความว่าอย่างไร? ผมเพิ่งตรวจสอบของล้ำค่าชิ้นนั้นและแน่ใจว่ามันเป็นสิ่งที่นักรบอมตะขั้นสูงตู้เหอทิ้งไว้ คุณมีปัญหากับผลการตรวจสอบสมบัติของผมหรือ?” ผู้อาวุโสเหอหน้าดำคร่ำเครียด
เขาตรวจสอบสมบัติมากว่าร้อยปีแล้ว และจนถึงวันนี้ก็แทบไม่เคยเกิดข้อผิดพลาด แล้วชายหนุ่มอายุ 20 ปีคนหนึ่งกล้าท้าทายการตัดสินใจของเขาได้อย่างไร? ปัญญาอ่อน!
“มีปัญหากับผลการตรวจสอบสมบัติของคุณ?” จางเซวียนส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มอย่างสมเพช “ไม่หรอก ผมมีเพียงแค่ 2 คำเท่านั้นที่จะพูด-เลวทราม ถ้าหัวหน้าหวังเชื่อคำพูดของคุณจริงๆล่ะก็ เขาจะต้องตายภายในสามวัน!”
“บังอาจ!” ผู้อาวุโสเหอหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธจัด
เขาเป็นหัวหน้าฝ่ายตรวจสอบสมบัติของหอประมูลแห่งนี้มาเกือบ 100 ปีแล้ว และปริมาณของล้ำค่าที่เขาเคยตรวจสอบก็มีอย่างน้อย 8,000 ชิ้น ต่อให้ความรู้ของเขาจะเสื่อมถอยไปบ้างตามกาลเวลา แต่การตรวจสอบสมบัติของเขาก็ไม่เคยเบี่ยงเบนไปไกลความเป็นจริง…ชายหนุ่มคนนี้กำลังบอกว่าหัวหน้าหวังจะต้องตายภายใน 3 วันหากเชื่อคำพูดของเขา ไม่มีอะไรที่จะเป็นการดูถูกความเชี่ยวชาญในวิชาชีพของเขามากกว่านี้อีกแล้ว!
“คุณต่างหากที่บังอาจ! คุณถูกจ้างมาให้ตรวจสอบของล้ำค่า แต่ความผิดพลาดที่คุณก่อขึ้นทำให้ชีวิตของลูกค้าตกอยู่ในความเสี่ยง คุณคงรู้ผลที่จะตามมาใช่ไหม?” จางเซวียนคำรามตอบ
เขาได้อ่านหนังสือมาแล้วไม่น้อยในสำนักดาบเมฆเหิน จึงพอรู้รายละเอียดของอาชีพต่างๆในมิติเบื้องบนอยู่บ้าง แม้อาชีพนักตรวจสอบสมบัติจะไม่มีมรดกตกทอดเฉพาะของตัวเอง ต่างจากในทวีปแห่งปรมาจารย์ และไม่มีสมาคมวิชาชีพที่แบ่งแยกออกมาอย่างชัดเจนด้วย แต่อาชีพนี้ก็ยังมีกฎระเบียบที่เข้มงวดบางอย่าง
หากนักตรวจสอบสมบัติคนหนึ่งทำงานพลาด ไม่เพียงแต่จะเสื่อมเสียชื่อเสียง ยังจะต้องจ่ายค่าชดเชยเป็นเงินก้อนโตด้วย ซึ่งอาจทำให้พวกเขาล้มละลายได้ทีเดียว ในกรณีที่มีความรุนแรงมาก นักตรวจสอบสมบัติผู้นั้นอาจถึงกับต้องเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย
ในสถานการณ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้ หากใครสักคนต้องเสียชีวิตเพราะการตรวจสอบสมบัติที่ผิดพลาดของผู้อาวุโสเหอ เขาจะต้องถูกตัดตอนวรยุทธและเนรเทศออกจากพื้นที่
“พูดจาเหลวไหล!” ได้ฟังคำพูดของชายหนุ่ม ผู้อาวุโสเหอหน้าเปลี่ยนสีด้วยความโกรธจัด เขาสะบัดแขนเสื้อและตวาดก้อง “คุณรู้หรือเปล่าว่าผลของความพยายามใส่ร้ายป้ายสีชื่อเสียงของนักตรวจสอบสมบัติคืออะไร? ผมขอให้คุณอธิบายมาเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้น ต่อให้ผมต้องเจอเจ้าสำนักหาน ผมก็จะทำให้คุณถูกลงโทษอย่างหนักให้ได้เพราะคำโกหกที่คุณกล้าใส่ร้ายผม!”
ชื่อเสียงมีความสำคัญต่ออาชีพนักตรวจสอบสมบัติมาก ถือเป็นธรรมเนียมในมิติเบื้องบน ที่ใครก็ตามที่กล้าใส่ร้ายป้ายสีและทำให้ชื่อเสียงของนักตรวจสอบสมบัติต้องด่างพร้อยโดยไม่มีเหตุผลจะต้องถูกลงโทษอย่างรุนแรง
ธรรมเนียมนี้เกิดขึ้นก็เพราะความเกรงกลัวว่าตลาดจะตกอยู่ในความวุ่นวาย เหล่านักตรวจสอบสมบัติจึงได้การยอมรับจากนักรบส่วนใหญ่ในมิติเบื้องบน ดังนั้น ต่อให้เป็นศิษย์สายตรงของสำนักดาบเมฆเหิน ก็จะต้องถูกลงโทษอย่างหนักหากล้าฝ่าฝืนธรรมเนียมดังกล่าว
“ใส่ร้ายป้ายสีชื่อเสียงของนักตรวจสอบสมบัติ?” จางเซวียนยิ้มอย่างนึกสนุก เขาส่ายหน้า “เดี๋ยวก็รู้!”
ระหว่างนั้น หัวหน้าหวังออกจะสับสนเล็กน้อยกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า เขาไม่อาจมีเรื่องกับทั้งชายหนุ่มคนนี้หรือผู้อาวุโสผู้ทรงเกียรติได้ ทำให้ตกที่นั่งลำบากสุดๆ
“เมื่อครู่นี้คุณพูดว่าท่านอาจารย์ของผมตรวจสอบสมบัติผิดพลาด แล้วคุณพิสูจน์ได้ไหม? ถ้าคุณพิสูจน์ไม่ได้ พวกเราก็ไม่มีทางเลือกนอกจากจะตั้งข้อสงสัยว่าคุณจงใจทำลายชื่อเสียงของท่านอาจารย์ของผม!” องครักษ์ที่ชื่อหยวนชิงโพล่งออกมาอย่างหงุดหงิด