Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร – Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร – ตอนที่ 2048 ไม่มีปัญหา

Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2048 ไม่มีปัญหา

อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 2048 ไม่มีปัญหา
หอนานาอสูรคือผู้ถือครองธุรกิจการเดินทางขนส่งในทวีปที่ถูกลืม สมาชิกของที่นี่อาศัยอยู่กระจัดกระจายกันไปทั่วทั้งทวีป มีศิษย์สายตรงจำนวนมากมาย อย่างเช่นชายชราที่พาเขาไปส่งที่ภูเขาเมฆเหิน คนเหล่านี้กระจายตัวกันอยู่ทั่วทั้งทวีป

ด้วยเหตุนี้ จางเซวียนจึงพอนึกภาพออกว่าเครือข่ายข้อมูลข่าวสารของพวกเขาน่าจะพัฒนาและก้าวไกลกว่าของสำนักดาบเมฆเหินมาก

“นั่นคือข่าวดี ผมจะไปเตรียมการเดี๋ยวนี้แหละ พิธีสถาปนาจะมีขึ้นในอีก 1 เดือนนับจากนี้!” หัวหน้าฉิงพยักหน้า

“1 เดือนนับจากนี้?” จางเซวียนส่ายหัว “ผมรอนานขนาดนั้นไม่ได้หรอก แล้วก็ไม่จำเป็นต้องจัดพิธีสถาปนาด้วย ผมไม่สะดวกใจที่จะปรากฏตัวต่อหน้าใครๆ”

“คุณไม่สะดวกใจที่จะปรากฏตัวต่อหน้าใครๆ?” หัวหน้าฉิงขมวดคิ้ว

หอนานาอสูรเป็นองค์กรที่ปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมดั้งเดิม ไม่ใช่ปีศาจในเงามืดที่คอยจ้องทำลายทวีปที่ถูกลืมหรืออะไรทำนองนั้น พวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องปกปิดเรื่องราวต่างๆเป็นความลับ!

“ตอนนี้ผมเป็นแค่นักรบอมตะตัวจริงสรวงสวรรค์ ถึงผมจะเอาชนะอสูรที่มีวรยุทธอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ได้โดยใช้ศาสตร์ลับของผม แต่ก็เกรงว่าระดับวรยุทธของผมจะยังคงอ่อนด้อย เรื่องนี้อาจทำให้ผมดึงดูดความสนใจของหอเทพเจ้าหากทำตัวโดดเด่นมากไป…”

จางเซวียนหยุดพูดไปครู่หนึ่งก่อนจะเสริม “ผมได้ยินว่าอัจฉริยะผู้หนึ่งที่สามารถทำความเข้าใจเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าที่สำนักดาบเมฆเหินได้สำเร็จเพิ่งเจอกับความพยายามลอบสังหารจากหอเทพเจ้า”

ระมัดระวังตัวไว้ก่อนย่อมดีกว่า โดยเฉพาะเมื่อในเวลานี้เขาไม่มีหน้าหนังสือสีทองอยู่กับตัว

ถ้าหอเทพเจ้าส่งกองกำลังนักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์มาไล่ล่าเขา เขาก็จะตกอยู่ในอันตรายใหญ่หลวงซ้ำอีก

“หอเทพเจ้า?” หัวหน้าฉิงหรี่ตา “ผมเคยได้ยินเรื่องนั้นจากหานเจี้ยนชิว…”

สายสืบของพวกเขาพบว่าหอเทพเจ้าเริ่มแสดงท่าทีเมื่อหลายปีที่ผ่านมา และข่าวที่เขาเพิ่งได้รับจากหานเจี้ยนชิวก็ยืนยันความกังวลใจข้อนี้ นี่คือเหตุผลที่ทำให้เขาระแวงว่าเจิ้งหยางอาจเป็นสายสืบจากหอเทพเจ้า

เขาดวลกับหานเจี้ยนชิวมาหลายปีแล้ว รู้บุคลิกและนิสัยของอีกฝ่ายดี เขารู้สึกว่ามันออกจะประหลาดที่หานเจี้ยนชิวก้าวลงจากตำแหน่งอย่างปุบปับและเสนอชื่อชายหนุ่มคนหนึ่งให้เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งของเขา

หลังจากหัวหน้าฉิงปะติดปะต่อข้อมูลต่างๆที่ได้จากหานเจี้ยนชิวกับเรื่องที่หอเทพเจ้าพยายามลอบสังหารศิษย์สายตรงผู้ทำความเข้าใจเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าได้สำเร็จ ก็เข้าใจทันทีว่าหานเจี้ยนชิวสละตำแหน่งเจ้าสำนักให้ศิษย์สายตรงผู้นั้นเพื่อหวังจะปกป้องเขา

พูดกันตามตรง เขาไม่คิดว่าหอเทพเจ้าผู้สูงส่งจะลดตัวลงมาสร้างภัยคุกคามให้กับคนตัวเล็กๆ แต่แล้วอัจฉริยะผู้ปราดเปรื่องอย่างน่าทึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นในหอนานาอสูรเช่นกัน แล้วสถานการณ์แบบนั้นจะเกิดขึ้นกับพวกเขาหรือเปล่า?

หัวหน้าฉิงครุ่นคิดอย่างหนักก่อนในที่สุดจะให้คำตอบ “ผมคิดว่าความกังวลของคุณก็มีเหตุผล ในเมื่อเป็นอย่างนั้น ผมจะเลื่อนพิธีสถาปนาออกไปก่อน แล้วทำการประกาศอย่างเป็นทางการว่าผมจะลงจากตำแหน่งหัวหน้าหอนานาอสูรและมอบตำแหน่งให้คุณ ผมจะแนะนำคุณในฐานะผู้อาวุโสขั้นสูงสุดผู้ถือสันโดษของหอนานาอสูร ผู้อุทิศเวลาทั้งหมดให้กับการฝึกฝนวรยุทธ ด้วยเหตุนี้ ระดับวรยุทธของคุณจะเพิ่มขึ้นเป็นอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ คุณจะมีความเก่งกาจเหนือชั้นกว่าผู้อาวุโสขั้นสูงสุดคนอื่นๆในหอนานาอสูรของเรา ซึ่งนั่นจะช่วยสร้างความชอบธรรมให้กับการที่คุณทำให้สี่อสูรอมตะยอมจำนนได้อย่างง่ายดาย”

“ขอบคุณสำหรับความใส่ใจของคุณ หัวหน้าฉิง” จางเซวียนถอนหายใจอย่างโล่งอก

หากตัวเขาได้เป็นนักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ การที่เขาทำให้สี่อสูรอมตะยอมจำนนได้ก็จะดูสมเหตุสมผลกว่ามาก อย่างน้อยที่สุด เรื่องนี้ก็จะไม่น่าประหลาดใจจนเป็นที่เตะตาของหอเทพเจ้า

“ไม่มีปัญหา” หัวหน้าฉิงพยักหน้ารับ

เขาสะบัดข้อมือ นำตราสัญลักษณ์หัวหน้าหอนานาอสูรออกมาแล้วปล่อยให้มันลอยอยู่ตรงหน้า

“เหล่าสมาชิกของหอนานาอสูร…กรุณาฟังผม! ผมมาประกาศอย่างเป็นทางการว่าผมจะก้าวลงจากตำแหน่งหัวหน้าหอนานาอสูรแล้ว โดยผู้ที่จะสืบทอดตำแหน่งของผมคือผู้อาวุโสเจิ้งหยาง เขาเพิ่งทำให้สี่อสูรอมตะแห่งภูเขาเมฆเหินยอมจำนนได้สำเร็จ ความสามารถของเขาในฐานะนักฝึกอสูรเรียกได้ว่าไร้เทียมทาน…”

…..

“พวกเราจะมีหัวหน้าคนใหม่เหมือนกันหรือ?”

“ทำไมผมถึงไม่เคยได้ยินชื่อผู้อาวุโสเจิ้งหยางคนนี้มาก่อน?”

“คุณน่ะไม่รู้เรื่อง ไม่ได้ฟังที่หัวหน้าฉิงพูดเลยหรือไง? เขาบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าผู้อาวุโสเจิ้งคือผู้ถือสันโดษ นอกจากเหล่าผู้อาวุโสแล้ว คุณรู้หรือเปล่าว่ามีศิษย์สายตรงที่ถือสันโดษกี่คน?”

“เอ่อ…คุณน่าจะพูดถูก”

…..

การประกาศอย่างปุบปับของหัวหน้าฉิงทำให้เหล่าศิษย์สายตรงและผู้อาวุโสพากันหยุดชะงักและตั้งใจฟัง

ไม่มีใครในหมู่พวกเขาที่ไม่อยากรู้จักผู้อาวุโสเจิ้งหยางผู้ลึกลับที่เพิ่งได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าคนใหม่ แต่ก็นั่นแหละ ในเมื่อสำนักดาบเมฆเหินเพิ่งเปลี่ยนตัวเจ้าสำนักไปหมาดๆ การประกาศครั้งนี้จึงไม่ได้สร้างความตื่นเต้นให้เหล่าศิษย์สายตรงมากนัก

ผู้ถือสันโดษคือนักรบที่ละทิ้งภาระทั้งหมดในสังคมและอุทิศตัวให้กับการขัดเกลาฝีมือของพวกเขา ในทุกสำนักมีผู้ถือสันโดษอยู่มากมาย และในเมื่อคนกลุ่มนี้มักใช้ชีวิตอยู่กับตัวเอง จึงไม่แปลกที่แทบไม่มีใครรู้จักพวกเขา

“หัวหน้าสละตำแหน่งของเขาง่ายๆแบบนี้หรือ?”

ผู้อาวุโสหยวนกับคนอื่นๆรู้อยู่แล้วว่ามีความเป็นไปได้ที่หัวหน้าฉิงจะสละตำแหน่งของเขาให้เจิ้งหยาง แต่นึกไม่ถึงว่าจะเกิดขึ้นรวดเร็วขนาดนี้!

เจิ้งหยางเพิ่งมาถึงหอนานาอสูรของพวกเขาได้เพียง 2 ชั่วโมง แต่ตำแหน่งที่ทรงอำนาจที่สุดก็ตกเป็นของอีกฝ่ายแล้ว…

ทำไมหอนานาอสูรถึงทำเรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็กได้ขนาดนี้?

“ดูสิ นั่นใช่มังกรอสรพิษหรือเปล่า?”

“จะต้องเป็นตัวที่มาจากภูเขาเมฆเหินแน่ ดูนั่น, นกฟีนิกซ์ไฟเก้าหัวและเสือเขี้ยวดาบเจ็ดหางก็อยู่ด้วย…”

“พวกมันถูกทำให้ยอมจำนนแล้ว! หัวหน้าเจิ้งหยางเป็นนักฝึกอสูรที่น่าทึ่งจริงๆ!”

ทันใดนั้น ผู้อาวุโสหยวนกับคนอื่นๆก็ได้ยินเสียงอื้ออึงเซ็งแซ่อยู่ด้านนอก เมื่อเงยหน้ามอง ก็เห็นสี่อสูรอมตะที่พวกเขาเคยเผชิญหน้าเมื่อครั้งอยู่ที่ภูเขาเมฆเหินโผขึ้นสู่กลางอากาศ ราวกับจะประกาศความสำเร็จของเจิ้งหยาง

เป็นเรื่องยากที่เหล่าสมาชิกของหอนานาอสูรจะยอมรับผู้ที่ไม่มีใครรู้จักให้เป็นหัวหน้าคนใหม่ของพวกเขาได้ในทันที ทุกคนจึงยังคงมีความสงสัยแคลงใจอยู่ แต่เมื่อเห็นภาพนี้ ก็ดูเหมือนความระแวงแคลงใจทั้งหมดจะหายวับไป

“เหล่าศิษย์สายตรงของหอนานาอสูร…ผมคือเจิ้งหยาง หัวหน้าคนใหม่ ผมได้ทำการปรับเปลี่ยนเทคนิคการฝึกอสูรบางอย่างที่พวกคุณเคยร่ำเรียนมาก่อนหน้านี้ ขอเชิญพวกคุณมารวมตัวกันที่นี่ เพื่อรับเทคนิคการฝึกอสูรฉบับปรับปรุงใหม่ด้วย”

เสียงของหัวหน้าหอนานาอสูรคนใหม่ดังก้องไปทั่ว ความสุขุมและมั่นใจของเขาเป็นบุคลิกที่สร้างความสบายใจให้กับผู้พบเห็นได้มาก

“เทคนิคการฝึกอสูรของพวกเราฉบับปรับปรุงใหม่?”

“แต่เทคนิคการฝึกอสูรของหอนานาอสูรตกทอดกันมาหลายพันปีแล้วนะ ปรับเปลี่ยนกันได้ง่ายๆแบบนี้หรือ?”

“ผมก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน…”

บรรดาศิษย์สายตรงยังคงงุนงงกับคำประกาศที่ได้ฟังอย่างกะทันหัน พวกเขาไม่แน่ใจนักว่าควรคาดหวังอะไรจากหัวหน้าคนใหม่

…..

มู่ชู่คือหนึ่งในศิษย์สายตรงฝ่ายในของหอนานาอสูร เขารั้งอันดับพันกว่าๆ

ในบรรดาศิษย์สายตรงฝ่ายในนับหมื่น อันดับของเขาถือว่าไม่เลวนัก แต่ตอนนี้เขากำลังเผชิญหน้ากับวิกฤตครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เข้าสู่หอนานาอสูร…

เขาอาจถูกถอดถอนสถานภาพศิษย์สายตรงฝ่ายใน!

ไม่ใช่เพราะเขาทำความผิดหรืออะไรทำนองนั้น แต่เป็นเพราะไม่อาจทำให้อสูรตัวหนึ่งที่มีวรยุทธระดับเดียวกับเขายอมจำนนได้ภายในเวลา 3 ปี!

ตามกฎของหอนานาอสูร ผู้ที่อายุต่ำกว่า 20 ปีและสำเร็จวรยุทธขั้นนักปราชญ์โบราณแล้วจะได้เข้าเป็นศิษย์สายตรงฝ่ายใน แต่พวกเขาจะต้องทำให้อสูรที่มีวรยุทธระดับเดียวกันยอมจำนนให้ได้ภายใน 3 ปีเพื่อรักษาสถานภาพนั้นไว้

เมื่อกำหนดเวลานั้นมาถึง หากทำไม่สำเร็จ ก็จะถูกถอดถอนสถานภาพศิษย์สายตรงฝ่ายในทันที และในกรณีเลวร้ายที่สุด อาจถูกร้องขอให้ออกจากสำนักด้วย

3 ปีอาจดูเหมือนเป็นระยะเวลายาวนาน แต่สำหรับการฝึกอสูร มันไม่ได้นานเลย

เพราะการฝึกอสูรจะต้องเริ่มด้วยการเสาะหาอสูรที่เหมาะสม จับตัวมันมา และผูกสัมพันธ์กับมัน ซึ่งแต่ละขั้นตอนนั้น การพูดล้วนง่ายกว่าทำมาก

นับตั้งแต่วินาทีที่เขาได้รับการประกาศให้เป็นศิษย์สายตรงฝ่ายใน เขาก็เสาะแสวงหาเป้าหมายทันที เพิ่งเมื่อปีที่แล้วที่เขาพบเป้าหมายที่เหมาะสม…อสูรหินไฟ!

องค์ประกอบในร่างของอสูรหินไฟนั้นเข้ากันได้อย่างสมบูรณ์แบบกับเทคนิควรยุทธและเทคนิคการเคลื่อนไหวที่เขาฝึกฝนอยู่ ถ้าเขาได้ต่อสู้เคียงข้างมัน ประสิทธิภาพการต่อสู้ของเขาจะเพิ่มขึ้นอีกมาก…ปัญหาเดียวก็คืออสูรหินไฟดื้อด้านเหลือเกิน มันไม่ยอมจำนนให้เขา ไม่ว่าเขาจะใช้วิธีไหนก็ตาม

เขาพยายามล่อมันด้วยทรัพย์สมบัติและข้าวของมากมาย แต่อสูรหินไฟก็ไม่แม้แต่จะชำเลืองมอง มันทำเหมือนเขาไม่มีตัวตน

ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา เขาลองมาแล้วกว่า 20 วิธี แต่ไม่มีวิธีไหนได้ผล

และวันนี้ก็คือวันสุดท้ายของระยะเวลา 3 ปีที่เขามี

ถ้าวันนี้ยังทำไม่สำเร็จ สถานภาพศิษย์สายตรงฝ่ายในของเขาจะถูกถอดถอน เขาคงถูกบีบให้ต้องออกจากสำนักอย่างหมดหนทาง

“เราต้องทุ่มสุดตัว!” มู่ชู่กัดฟันอย่างเด็ดเดี่ยวขณะเดินเข้าไปในห้อง มีกรงขนาดมหึมาอยู่ในห้องนั้น ที่ถูกขังอยู่ภายในคืออสูรตัวหนึ่งที่มีผิวหนังเหมือนลาวา มันยืนเชิดหน้าอยู่กับที่อย่างภาคภูมิใจ ไม่ยอมเคลื่อนไหว ไม่ต่างอะไรกับรูปปั้น

“อสูรหินไฟ ผมมาแล้ว ผมรู้ว่ามันอาจไม่ได้ผล แต่ก็ยังหวังว่าสิ่งนี้จะทำให้คุณสนใจ…” มู่ชู่พูดพร้อมกับยิ้มเจื่อนๆ

เขานำขวดหยกออกมาใบหนึ่ง “นี่คือน้ำชำระเลือด มันจะช่วยบ่มเพาะทางเดินพลังปราณของคุณให้ยืดหยุ่นกว่าเดิม ทำให้ก้าวข้ามด่านคอขวดได้ง่ายขึ้นอีกมาก”

ทางเดินพลังปราณของอสูรหินไฟขึ้นชื่อว่าแข็งกระด้าง ทำให้การฝ่าด่านวรยุทธเมื่อโตเต็มวัยแล้วเป็นเรื่องยากเย็นแสนเข็ญ วิธีเดียวที่จะแก้ปัญหานี้ได้ก็คือการใช้น้ำชำระเลือดที่ช่วยบ่มเพาะทางเดินพลังปราณ

แน่นอนว่าน้ำชำระเลือดเย้ายวนใจอสูรหินไฟได้มาก เพียงแต่มันมีราคาแพงเหลือเกิน!

ตลอดครึ่งปีที่ผ่านมา มู่ชู่ต้องปฏิบัติภารกิจถึง 15 ครั้งเพื่อหาเงินให้ได้มากพอซื้อน้ำชำระเลือดขวดนี้ แต่ละภารกิจที่เขารับมาล้วนแต่หนักหนาสาหัส ถึงขนาดที่รอดชีวิตมาได้แบบเส้นยาแดงผ่าแปด ถ้าไม่ใช่เพราะดวงดี ป่านนี้คงตายไปแล้ว

Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร

Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร

Status: Ongoing

ตอนที่ 1 – 2100 อ่านนิยาย

อ่านต่อเลือกตอนข้างล่าง


จางเซวียนข้ามไปอีกโลกหนึ่งโดยบังเอิญ ตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองกลายเป็นครูไปเสียแล้ว ซ้ำยังเป็นครูที่ไม่เก่งและกำลังจะถูกไล่ออกอีกด้วย ทว่าจางเซวียนกลับพบความลับอันยิ่งใหญ่ของร่างใหม่ร่างนี้ นั่นก็คือ… เขามีสมองเพชร! ในสมองของครูหนุ่มคนนี้แอบซ่อน ‘หอสมุด’ ขนาดใหญ่ไว้ด้านใน ไม่ว่าอะไรก็ตามที่จางเซวียนเห็น ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสิ่งของ ล้วนถูกเก็บสู่คลังหนังสือในรูปแบบของสมุดเล่มหนึ่ง ก็ถ้าในเมื่อมีไอเท็มสุดยอดนี้อยู่กับตัวแล้ว ใครยังจะกล้าเรียกเขาว่าครูกระจอกอีก?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท