อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 2067 หมอกเคลื่อนตัวแล้ว!
แม้เขาจะเพิ่งพบชายหนุ่มคนนี้ได้ไม่นาน แต่ก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนที่จะรับมือด้วยได้ง่ายๆ
ไม่อย่างนั้น ชายหนุ่มคงไม่สามารถปราบพวกเขาได้อย่างง่ายดายเมื่อตอนอยู่ที่หอนิรันดร์
“วางใจเถอะ หญ้าอมตะเจ็ดดาวมีชีวิตอยู่มาหลายพันปีแล้ว มันอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีการหลอมรวมกันของพลังงานในสำนักดาวเจ็ดดวงด้วย แม้แต่ผมยังจับมันไม่ได้ นับประสาอะไรกับผู้อาวุโสหลิวที่เป็นแค่นักรบอมตะตัวจริงสรวงสวรรค์ ทั่วทั้งทวีปที่ถูกลืมแห่งนี้ นอกเสียจากหัวหน้าขง ผมก็ไม่คิดว่าจะมีใครอื่นที่เก่งกาจพอจะทำร้ายหญ้าอมตะได้” เจ้าสำนักคุ่ยออกความเห็นขณะลูบเครา
สำนักดาวเจ็ดดวงประกอบด้วยตำหนักใหญ่ 7 ตำหนักซึ่งเชื่อมโยงกับตำแหน่งของดาว 7 ดวง ศูนย์กลางของดาว 7 ดวงคือดาวเหนือ อยู่บริเวณเดียวกับลานที่หญ้าอมตะขึ้นอยู่
แม้หญ้าอมตะจะช่วยบ่มเพาะทุกชีวิตที่อยู่ในสำนักดาวเจ็ดดวง แต่ในเวลาเดียวกัน ทั้งจิตวิญญาณ จิตใจ และร่างกายของคนเหล่านั้นก็บ่มเพาะมันด้วย เรื่องนี้ทำให้สิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นเพียงพืชชนิดหนึ่งสามารถสำเร็จวรยุทธระดับอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ได้
ได้ยินคำนั้น ผู้อาวุโสหงอู่ถอนหายใจอย่างโล่งอก
ขนาดนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์อย่างท่านเจ้าสำนักยังแตะต้องหญ้าอมตะเจ็ดดาวไม่ได้ คนอื่นๆคงแทบไม่มีโอกาส
“แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เพื่อปลอดภัยไว้ก่อน ผมแอบทิ้งตราหยกสื่อสารที่เชื่อมต่อโดยตรงกับผลึกบันทึกในบริเวณลานนั้นเอาไว้ มันจะทำให้ผมได้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั่น เพราะฉะนั้น ถ้ามีอะไรผิดปกติ เราก็จะเข้าไปช่วยเหลือได้ทันที” เจ้าสำนักคุ่ยพูดต่อพร้อมกับหัวเราะหึๆ
เขาสะบัดข้อมือ จากนั้นก็นำผลึกบันทึกออกมาและถ่ายทอดพลังปราณเข้าไป แสงเจิดจ้าพวยพุ่งออกมา ก่อนภาพหนึ่งจะปรากฏขึ้นจากผลึกบันทึก เผยให้เห็นแผนผังคร่าวๆของลานนั้น
แต่ทัศนียภาพก็ถูกปกคลุมด้วยหมอก ทำให้พวกเขายังคงเห็นไม่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นด้านใน
“นี่คือ…ค่ายกลปิดกั้น?” เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวชะงัก
เขาเคยทำแบบนี้มาแล้ว แต่เหตุการณ์แบบนี้ก็ไม่เคยเกิดขึ้น การเชื่อมต่อถูกขัดขวางอย่างกะทันหันอย่างนี้…หรือว่าจะเป็นฝีมือของหลิวหยาง?
แต่ไม่ควรจะเป็นแบบนั้นได้! บริเวณลานนี้มีค่ายกลอยู่มากมาย การจะเสริมค่ายกลปิดกั้นเข้าไปอีกไม่ใช่เรื่องง่าย ต่อให้ตัวเขาก็ยังต้องใช้เวลานานในการศึกษาค่ายกลที่มีอยู่เพื่อหาวิธีที่พอจะเป็นไปได้ในการติดตั้งค่ายกลปิดกั้นลงไปอีกอันหนึ่ง แล้วอีกฝ่ายทำได้อย่างไร?
อีกอย่าง พวกเขาก็เพิ่งออกจากลานนั้นมาได้ไม่นาน
นี่มันเร็วเกินไป!
“มีค่ายกลปิดกั้นอยู่โดยรอบแบบนี้ พวกเรามองไม่เห็นหรอกว่าเกิดอะไรขึ้นด้านใน เป็นไปได้ว่าผู้อาวุโสหลิวคงไม่อยากให้เราเห็นเขาอับอายขายหน้าอยู่ในนั้น…” เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวถอนหายใจเฮือกใหญ่ขณะเก็บผลึกบันทึกเข้าไปในแหวนเก็บสมบัติ
แต่แล้วผู้อาวุโสที่ 1 ก็อุทานออกมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ดูนั่น หมอกเคลื่อนตัวแล้ว!”
เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวมองผลึกบันทึกอีกครั้ง และก็เป็นไปตามนั้น ม่านหมอกกำลังเคลื่อนตัว เห็นได้ชัดว่ามีการต่อสู้เกิดขึ้นอยู่ด้านหลัง
พวกเขาเห็นรอยแยกปรากฏบนพื้น ได้ยินเสียงร้องจิ๊บจ๊าบของลูกเจี๊ยบ กระแสพลังงานพวยพุ่งออกไปโดยรอบ เห็นได้ชัดว่าเกิดการต่อสู้อันดุเดือด
“เอ่อ…”
ผู้อาวุโสที่ 1 กับผู้อาวุโสหงอู่สบตากันอย่างงุนงง
พวกเขารู้ว่าหญ้าอมตะมีนิสัยขี้เล่น อีกทั้งยังเคยเจอกับตัว แต่เสียงจิ๊บจ๊าบของลูกเจี๊ยบนั่นคืออะไร?
ผู้อาวุโสหลิวนำลูกเจี๊ยบเข้าไปด้วยหรือ?
เห็นสีหน้าของทั้งคู่ เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวหัวเราะหึๆ “ไม่ต้องห่วงน่ะ หญ้าอมตะไม่ทำอันตรายผู้อาวุโสหลิวหรอก…”
แต่ยังไม่ทันจะพูดจบ หมอกก็แยกตัวออกจากกันอย่างปุบปับ เผยให้เห็นภาพที่อยู่ในนั้น…
ชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่กับพื้น มีผ้าเช็ดปากเหน็บไว้ที่อกอย่างเรียบร้อยพร้อมกับถือตะเกียบคู่หนึ่งไว้ในมือ มีกองไฟและหม้อโลหะอยู่ตรงหน้า น้ำที่อยู่ในหม้อโลหะใบนั้นกำลังเดือดปุด ในน้ำ พวกเขาเห็นหญ้าอมตะเจ็ดดาวต้นหนึ่งกำลังเปลี่ยนเป็นสีแดงเพราะความร้อน
มันกำลังถูกต้ม
หญ้าอมตะเจ็ดดาวพยายามดิ้นรนสุดกำลังที่จะหนีให้พ้นจากหม้อ แต่ลูกเจี๊ยบสีเหลืองตัวจ้อยที่ลอยตัวอยู่ในน้ำเดือดก็กดมันลงไปทุกครั้งที่มันพยายามออกแรง
สุดท้ายหญ้าอมตะก็หยุดดิ้นรน มันลอยเอื่อยไร้ชีวิตราวกับพืชพันธุ์ธัญญาหารที่ถูกปรุง เป็นภาพที่ดูหน้าเศร้าไม่น้อย
ชายหนุ่มสะบัดข้อมือและนำชามใบเล็กออกมา จากนั้นก็เติมน้ำมันงา เกลือ พริกป่น ถั่ว น้ำส้มสายชู และเครื่องเทศอีก 2-3 ชนิดก่อนจะคลุกเคล้าให้เข้ากัน จากนั้นก็เด็ดใบหญ้าอมตะออกมาจุ่มลงไปในซอสปรุงรสที่เขาทำเอง และกลืนลงไปอย่างเอร็ดอร่อย
เกิดความเงียบงันครู่ใหญ่ระหว่างเจ้าสำนักคุ่ยกับคนอื่นๆ นัยน์ตาของพวกเขาค่อยๆเบิกโพลงจนกลมโต
“ไม่ใช่สิ…แบบนี้ไม่ได้แล้ว เร็วเข้า ต้องรีบไปช่วยหญ้าอมตะ!”
ใช้เวลาครู่หนึ่งกว่าทุกคนจะตั้งสติได้ พวกเขารีบวิ่งออกจากห้องโถง
ในชั่วพริบตาก็มาถึงลานนั้น
ที่นั่น พวกเขาเห็นจางเซวียนกำลังเหงื่อตก
“พวกคุณมาได้เวลาพอดี มาร่วมวงกับผมสิ รสชาติไม่เลวนะ” จางเซวียนลุกขึ้นยืนและยื่นตะเกียบให้อย่างมีน้ำใจ
“คุณ…”
เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวเดินตรงไปยังหม้อโลหะเพื่อนำหญ้าอมตะออกจากน้ำเดือดนั้น หญ้าอมตะดูเหี่ยวแห้งอย่างไม่น่าเชื่อ มันอยู่นิ่งไม่ไหวติง ในจำนวน 7 ใบที่มีอยู่, 4 ใบถูกเด็ดออกไปแล้ว
เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวรีบวางมันลงอย่างเบามือก่อนจะตรวจอาการบริเวณจุดที่สำคัญ หลังจากแน่ใจแล้วว่ามันยังไม่ตาย ก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่
เขาทนไม่ไหว จึงต้องหันไปพูดกับจางเซวียน “ผู้อาวุโสหลิว หญ้าอมตะเจ็ดดาวคือสมบัติล้ำค่าของสำนักดาวเจ็ดดวงของเรา คุณกินมันเข้าไปได้อย่างไร?”
ผมพาคุณมาที่นี่เพื่อให้คุณซึมซับพลังงานที่หญ้าอมตะแผ่ออกมา จะได้บ่มเพาะจิตวิญญาณของคุณ แต่คุณกลับนำมันไปทำอาหาร ราวกับอยู่ในร้านสุกี้!
ที่สำคัญกว่านั้น การจับหญ้าอมตะเจ็ดดาวเป็นเรื่องยากมาก แม้แต่ตัวเจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวก็ยังไม่แน่ใจว่าจะทำได้หรือไม่ แล้วอีกฝ่ายจับมันโยนลงหม้อได้อย่างไร? อีกอย่าง อุณหภูมิของน้ำเดือดไม่อาจทำร้ายนักรบอมตะตัวจริงได้ แล้วเขาปรุงหญ้าอมตะที่มีวรยุทธระดับอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ด้วยวิธีไหน?
“ผมพยายามซึมซับพลังงานของมันเพื่อนำมาบ่มเพาะจิตวิญญาณของผมแล้ว แต่มันไม่ยอม ไม่เพียงเท่านั้น ยังเล่นงานผมด้วย ผมเตือนมันหลายครั้งหลายหน แต่มันไม่ฟังเลย ผมจึงไม่มีทางเลือกนอกจากจับมันมาทำอาหารและกินมันเสีย” จางเซวียนพูด
ถ้าไม่ใช่เพราะลูกเจี๊ยบตัวจ้อยนั่งทับมันไว้ พูดกันตามตรง จางเซวียนก็ไม่แน่ใจนักว่าเขาจะสู้กับมันไหวหรือไม่ อันที่จริง ข้อเสนอแนะให้นำหญ้ามาปรุงอาหารและกินเข้าไปก็มาจากลูกเจี๊ยบตัวจ้อยเช่นกัน
ถ้าเขาเพียงแค่ซึมซับพลังงานของหญ้าอมตะเจ็ดดาว ต่อให้ฝ่าด่านวรยุทธได้สำเร็จ ก็คงต้องใช้เวลานาน การกินมันเข้าไปน่าจะมีประสิทธิภาพกว่ามาก
และก็เป็นอย่างที่ลูกเจี๊ยบตัวจ้อยพูด เพียงแค่เขากินใบแรกเข้าไป ระดับวรยุทธของจิตวิญญาณของเขาก็เพิ่มสูงขึ้นไปเป็นขั้นอมตะตัวจริง จากนั้นเขากินเข้าไปอีก 3 ใบ ซึ่งนั่นช่วยยกระดับวรยุทธของจิตวิญญาณของเขาไปถึงระดับอมตะตัวจริงสรวงสวรรค์เลยทีเดียว
พูดอีกอย่างก็คือ ขอแค่เขาประสานพลังปราณกับพลังจิตวิญญาณเข้าด้วยกันได้ ก็พร้อมที่จะฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นนักรบอมตะขั้นสูง!
ส่วนเจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวก็แทบคลุ้มคลั่ง “คุณก็รู้ว่าหญ้าอมตะเจ็ดดาวล้ำค่าขนาดไหน แต่ยังนำมันมาปรุงอาหารและกินเข้าไปได้ มีอะไรจะแก้ตัวไหม?”
ในฐานะสมบัติล้ำค่าของสำนักดาวเจ็ดดวง เจ้าสำนักรุ่นแล้วรุ่นเล่าดูแลหญ้าอมตะเจ็ดดาวอย่างดีและให้ความเคารพสูงสุด แต่หมอนี่กลับทำร้ายมัน…เขาไม่รู้สึกผิดสักนิดหรือ?
“มีอะไรจะแก้ตัว?” จางเซวียนครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนพยักหน้า “มันก็ไม่เลวนะ…รสชาติเหมือนสาหร่ายทะเล แต่เนื้อนุ่มหนึบกว่า!”
“.…” เจ้าสำนักคุ่ยพูดไม่ออก
“วางใจเถอะน่ะ ถึงผมจะกินมันเข้าไป แต่ก็เรียกพลังชีวิตของมันกลับคืนมาได้” จางเซวียนพูดยิ้มๆ
เขารู้ดีว่าเจ้าสำนักคุ่ยกำลังกังวลเรื่องอะไร ที่เขาพูดถึงรสชาติของมันนั้นก็แค่ล้อเล่น แต่จะว่าไป ก็ดูไม่ตลกเท่าไหร่ในสถานการณ์แบบนี้
จางเซวียนนำลูกเจี๊ยบตัวจ้อยที่ยังว่ายน้ำอยู่ใส่กลับเข้าไปในกระสอบอสูร ก่อนจะนำหม้อน้ำนั้นไปหาหญ้าอมตะเจ็ดดาว
ซู่!
เขาเทน้ำลงบนหญ้าที่เหี่ยวแห้ง
หญ้าอมตะไม่ได้กระทบกระเทือนเพราะน้ำเดือดนั้น กลับตรงกันข้าม ดูเหมือนมันจะได้รับพลังลึกลับบางอย่างที่ทำให้ใบเหี่ยวแห้งของมันฟื้นคืนชีพ 4 ใบที่ถูกเด็ดออกไปแล้วเริ่มแตกใบอ่อน ดูเหมือนมันพร้อมจะกลับสู่สภาพเดิมได้ทุกขณะ
ภาพนั้นทำให้ทั้งเจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยว ผู้อาวุโสที่ 1 และคนอื่นๆถึงกับจังงัง
เป็นไปได้ด้วยหรือที่หญ้าอมตะเจ็ดดาวจะเติบโตเหมือนเดิมได้เร็วขนาดนั้นหลังจากถูกเด็ดไปแล้ว?
“มันจะฟื้นคืนสภาพเดิมอย่างสมบูรณ์ภายใน 1 เดือน” จางเซวียนพูด “อันที่จริง หญ้าอมตะนี้ไม่ต่างกับมันฝรั่งหวานหรอก ถึงจะถูกเก็บเกี่ยวและกินเข้าไปแล้วก็ยังโตใหม่ได้ ในเมื่อเป็นอย่างนั้น กินมันเข้าไปก็ไม่เสียหายหรอก”
เขาไม่แน่ใจนักว่าองค์ประกอบของหญ้าอมตะเจ็ดดาวคืออะไร แต่หลังจากสัมผัสมันและใช้หอสมุดเทียบฟ้า ความลับทั้งหมดก็ถูกเปิดเผยตรงหน้า
แม้หญ้าอมตะเจ็ดดาวจะมีนิสัยดื้อรั้น แต่สุดท้ายมันก็เป็นแค่สมุนไพรชนิดหนึ่ง วัตถุประสงค์พื้นฐานของสมุนไพรก็มีไว้เพื่อบริโภค
โดยทั่วไป ถ้าใบของมันถูกเด็ดออกไป 4 ใบแบบนี้ จะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 ปีกว่าจะเติบโตกลับสู่สภาพเดิม แต่ด้วยอานุภาพการบ่มเพาะของซุปไก่ อาการบอบช้ำส่วนใหญ่ของมันก็ได้รับการเยียวยาภายในไม่กี่อึดใจ
“เอ่อ…” เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวอ้าปากค้าง
เมื่อลองนึกดู เขาก็จำได้ว่าบรรพบุรุษเคยบอกไว้ว่าหญ้าอมตะเจ็ดดาวนั้นกินได้ แต่ครั้งสุดท้ายที่มีคนจับมันได้ก็นานแสนนานมาแล้ว จนเรื่องนั้นเลือนหายไปจากสมองของทุกคน
นักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์อย่างเขายังทำอะไรหญ้าอมตะเจ็ดดาวไม่ได้ แต่ชายหนุ่มที่มีวรยุทธแค่อมตะตัวจริงคนนี้จับมันไปต้มในหม้อได้สำเร็จ!
ยากที่จะเชื่อว่าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นจริงแม้จะได้เห็นกับตา
เมื่อรู้แล้วว่าหญ้าอมตะไม่เป็นอะไร ทุกคนถอนหายใจอย่างโล่งอก
เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวมองชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าด้วยความอยากรู้ “ผู้อาวุโสหลิว ไม่ทราบว่าหญ้าอมตะมีอานุภาพขนาดไหน?”
“ก็ไม่เลวนะ จิตวิญญาณของผมได้รับการบ่มเพาะจนถึงขั้นที่น่าพอใจแล้ว” จางเซวียนตอบ
“ดีแล้วล่ะ นี่ก็ฟ้าสางแล้ว ออกเดินทางกันเถอะ ดีไหม?” เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวถาม