ตอนที่ 2130 วรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์!
บึ้มมมม!
ยอดเขาแบะเป็น 2 ซีกทันทีก่อนทุกอย่างจะหายวับไป ตอนนี้ไม่มีทั้งยอดเขาและซุนฉาง ในเวลาเดียวกัน ด่านคอขวดที่กีดขวางวรยุทธของเขาไว้ก็หายไปด้วย
ประตูสู่วรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ถูกเปิดออกแล้ว!
เพราะฉะนั้น นี่ก็คือความรู้สึกระหว่างเจ้านายกับลูกน้องสินะ จางเซวียนคิดพร้อมกับยิ้มออกมา เขาขับเคลื่อนพลังปราณให้สอดคล้องกับความรู้สึกภายใน
เมื่อครั้งที่เขาฝึกฝนเคล็ดวิชาเทียบฟ้า เขาจำกัดกระแสพลังปราณให้อยู่ในเส้นทางการไหลเวียนตามที่เทคนิควรยุทธให้คำจำกัดความไว้ นั่นเป็นวิธีเดียวที่เขาจะฝึกฝนพลังปราณอันไร้เทียมทานและเพิ่มประสิทธิภาพการต่อสู้ให้สูงขึ้นถึงขีดสุดได้
แต่คราวนี้จางเซวียนตัดสินใจที่จะไม่จำกัดตัวเองแบบนั้นและปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไป พลังปราณจะไหลไปพร้อมกับความรู้สึกของเขา
เขารับรู้ได้
อะไรก็เป็นเทคนิควรยุทธและเทคนิคการต่อสู้ได้ทั้งนั้น
แม้แต่อารมณ์และความรู้สึกก็อาจใช้เป็นเทคนิควรยุทธได้
ความรู้สึกอาจใช้แทนดาบเล่มหนึ่งได้เลยทีเดียว
แก๊ง! แก๊ง!
เสียงระฆังดังก้องอยู่ในหูของเขาขณะที่พลังจิตวิญญาณพลุ่งพล่านอยู่ในร่างกายอย่างไม่หยุดยั้ง ทำให้พละกำลังของเขาเพิ่มสูงขึ้นมาก
วรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์!
วรยุทธที่สกัดกั้นความก้าวหน้าของอัจฉริยะนับไม่ถ้วนในมิติเบื้องบน…ในที่สุดเขาก็เข้าถึงมัน!
จางเซวียนกินยาเม็ดอมตะมหัศจรรย์เพิ่มเข้าไปเรื่อยๆ รังสีพิเศษที่โอบล้อมร่างของเขาไว้หายไปอย่างรวดเร็ว
ครู่ต่อมา จางเซวียนก็ลืมตาขึ้นอีกครั้ง
ตอนนี้เขาใช้ยาเม็ดอมตะมหัศจรรย์ที่ได้จากหอนิรันดร์ไปหมดแล้ว ทั้งยังใช้รังสีพิเศษจากแท่นรูปวงกลมไปจนหมดทั้ง 20 วง
ขณะที่คนอื่นๆต้องการรังสีพิเศษเพียงวงเดียวเพื่อการฝ่าด่านวรยุทธ เขาต้องใช้มากกว่าคนทั่วไปถึง 20 เท่า
น่าเสียดายที่เรายกระดับวรยุทธได้แค่ขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ระดับสูง ยังห่างไกลนักกับวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์-สรวงสวรรค์…จางเซวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่
สุดท้าย ปริมาณยาเม็ดอมตะมหัศจรรย์ที่เขามีอยู่ก็ยังไม่มากพอ อีกอย่าง ด้วยการฝ่าด่านวรยุทธของเขา คุณภาพของพลังจิตวิญญาณที่เขาต้องใช้เพื่อการฝ่าด่านวรยุทธจึงจำเป็นต้องเพิ่มสูงขึ้นอีก ดังนั้น จางเซวียนจึงทำได้แค่ฝ่าด่านวรยุทธไปสู่วรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ระดับสูงโดยใช้ยาเม็ดอมตะมหัศจรรย์ 20 เม็ดที่มีอยู่ ก่อนจะหมดเรี่ยวแรงไป
จางเซวียนครุ่นคิดใหญ่ก่อนจะได้ชื่อสำหรับเทคนิควรยุทธใหม่ของเขา
นี่คือเทคนิควรยุทธที่เราคิดค้นขึ้นได้ระหว่างการทำความเข้าใจความรู้สึกของเราเอง เพราะฉะนั้น เราจะเรียกมันว่าเวทนาสวรรค์!
บางที อาจเป็นเพราะคำถามของซุนฉางที่ทำให้เขาฝ่าด่านวรยุทธไปสู่ขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ได้สำเร็จ ความรู้สึกแรกที่เขารับรู้จึงเป็นความผูกพันระหว่างเจ้านายกับลูกน้อง
แก่นสารของความสัมพันธ์รูปแบบนี้คือความเชื่อใจซึ่งกันและกัน
ซุนฉางไม่เคยเป็นคนแข็งแกร่งมาแต่ไหนแต่ไร แต่พร้อมจะยืนหยัดรับมือกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่าหรือแม้แต่ทั้งสภาปรมาจารย์ หากสิ่งนั้นจะเป็นประโยชน์กับจางเซวียน การยืนหยัดเย้ยฟ้าท้าดินอย่างไม่หวั่นไหวเพื่อใครคนหนึ่งที่เขาตัดสินใจแล้วว่าจะยืนเคียงข้าง นี่คือคุณค่าของความจงรักภักดีและความผูกพันฉันพี่น้อง
เมื่อถูกหลอมรวมเข้ากับความรู้สึก เคล็ดวิชาเทียบฟ้ามีความแตกต่างจากเดิมอย่างชัดเจน ดูเหมือนมันจะมีทั้งจิตวิญญาณ พละกำลังและอำนาจอยู่ในตัว
ขอทดสอบพลังหน่อยเถอะ! จางเซวียนคิด
เขารวบรวมพละกำลังเข้าสู่ฝ่ามือและปล่อยมันออกไป
แคร่กกกก!
มิติอันมั่นคงหนักแน่นที่อยู่ตรงหน้าถูกฉีกกระชากให้เปิดออกทันที เผยให้เห็นรอยแยกแห่งมิติสีดำสนิท
จางเซวียนถึงกับอึ้ง
เขาเห็นนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์มาแล้วมากมาย อันที่จริง อสูรทั้ง 8 ตัวของเขาก็สำเร็จวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์แล้ว จึงรู้ดีว่านักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์โดยทั่วไปมีพละกำลังแค่ไหน
ในแง่ของประสิทธิภาพการต่อสู้ ตอนนี้จางเซวียนเทียบเท่ากับนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ที่มีพละกำลังมหาศาลคนนั้น…ชายวัยกลางคนที่เขาได้พบที่ทะเลพลัดดาว
เขาไม่คาดคิดว่าจะได้รับพลังมากขนาดนี้หลังจากการฝ่าด่านวรยุทธ ต่อให้นักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์คนนั้นระเบิดวรยุทธตรงหน้าเขาอีกครั้ง จางเซวียนก็จะไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ!
“ออกมา!”
จางเซวียนโบกมือ จากนั้นก็นำมังกรอสรพิษ นกฟีนิกซ์ไฟเก้าหัวและดาบถงซังออกมา
“ใช้การโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของคุณเล่นงานผม!” จางเซวียนสั่งการ
ฟึ่บ!
อสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ทั้ง 2 ตัวกับของล้ำค่าขั้นกึ่งสรวงสวรรค์อีก 1 ชิ้น รวมตัวกันสร้างค่ายกลผนึกกำลังและปล่อยการโจมตีอย่างดุเดือดเข้าใส่จางเซวียนเป็นชุด จางเซวียนตอบโต้ด้วยการนั่งนิ่งอยู่กับพื้น ไม่เคลื่อนไหวแม้แต่ก้าวเดียว ใช้แค่นิ้วมือแทนดาบเพื่อปัดป้องการโจมตีของอีกฝ่าย
ครู่ต่อมา การโจมตีของทั้ง 3 ก็อ่อนแรงลงและสลายตัวไป ไม่อาจขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวได้อีก แม้จะรวมตัวกันเพื่อสร้างค่ายกลผนึกกำลัง ก็ยังทำอะไรจางเซวียนไม่ได้
“นายท่าน พละกำลังของคุณ…”
มังกรอสรพิษกับนกฟีนิกซ์ไฟเก้าหัวแทบไม่เชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น
พวกมันคิดว่าตัวเองคือสุดยอดของทวีปที่ถูกลืมเพราะฝ่าด่านวรยุทธไปสู่ขั้นสรวงสวรรค์ได้สำเร็จ แต่แล้วก็แทบไม่เชื่อสายตาเมื่อพบว่าพวกมันล้วนไม่ต่างอะไรกับมือใหม่เมื่ออยู่ต่อหน้านายท่าน ต้านทานการโจมตีเพียงครั้งเดียวของอีกฝ่ายยังไม่ไหวด้วยซ้ำ!
“เมื่อครู่นี้ผมเกิดแรงบันดาลใจและฝ่าด่านวรยุทธไปสู่ขั้นสรวงสวรรค์ได้สำเร็จ” จางเซวียนหัวเราะหึๆขณะลุกขึ้นยืน
เขาเก็บทั้ง 3 เข้าไปในกระสอบอสูรและแหวนเก็บสมบัติ ก่อนจะเรียกคนที่เขาอยากประลองด้วยตลอดมา-ตัวโคลน
“คุณ แลกหมัดกัน!”
พลั่ก!
จางเซวียนที่หน้าบวมฉึ่งกระเสือกกระสนลุกขึ้นยืนขณะกระชากเสียง “บ้าจริง รอหน่อยไม่ได้หรือไง! ผมจะท้าทายคุณอีกทีเมื่อผมสำเร็จวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์-สรวงสวรรค์แล้ว!”
ตัวโคลนยักไหล่อย่างไม่แยแส จากนั้นก็กลับเข้าไปในแหวนเก็บสมบัติ
จางเซวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่และได้แต่ส่ายหน้า
ตัวโคลนของเขาช่างบ้าบอ ไม่เพียงหมอนั่นจะฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ได้สำเร็จ ตลอด 2-3 วันที่ผ่านมา ยังหาวิธียกระดับไปเป็นนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์-สรวงสวรรค์ได้ด้วย
แน่นอนว่าจางเซวียนสู้ตัวโคลนของเขาไม่ได้!
เขาแข็งแกร่งขึ้นมากหลังจากได้ทำความเข้าใจเวทนาสวรรค์ แม้วรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ระดับสูงของเขาจะยังเป็นรองวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์-สรวงสวรรค์ของตัวโคลน แต่ช่องว่างก็ไม่ได้ห่างกันมากมาย ขอแค่เขาฝ่าด่านวรยุทธได้อีก 2-3 ครั้ง ก็น่าจะทัดเทียมกับตัวโคลนได้
“ว่าแต่เราจะหายาเม็ดอมตะมหัศจรรย์ได้จากที่ไหน?”
ด้วยระดับวรยุทธของเขาตอนนี้ ยาเม็ดทั่วไปและแม้แต่หยดเลือดของนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ก็ใช้ไม่ได้ผล เขาต้องการสิ่งที่มีศักยภาพกว่านั้น
ซึ่งสิ่งเดียวที่จางเซวียนนึกออกว่าน่าจะยังใช้การกับเขาได้ก็คือยาเม็ดอมตะมหัศจรรย์ แต่ยาเม็ดชนิดนี้ขึ้นชื่อว่าแสนจะหายากและมีราคาสูงลิ่ว ถึงขนาดที่แม้แต่สำนักใหญ่อย่างสำนักดาบเมฆเหินก็มีมันอยู่ไม่มากนัก
จางเซวียนเดินออกจากห้อง เขามุ่งหน้าสู่คลังสมบัติของสำนักดาบเมฆเหิน สถานที่ที่มีแต่เจ้าสำนักในแต่ละรุ่นเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไป
จางเซวียนพบยาเม็ดอมตะมหัศจรรย์จำนวนหนึ่งที่นั่น แต่รวมแล้วมีเพียง 10 เม็ด
“ไปตำหนักคว้าดาวกันเถอะ”
เพราะฝ่าด่านวรยุทธสำเร็จแล้ว จางเซวียนจึงไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องอยู่ที่นี่ต่อไป เขาเรียกจ้าวหย่า ซุนฉาง และคนอื่นๆมารวมตัวกันก่อนจะนำมังกรอสรพิษออกมา ทุกคนขึ้นขี่หลังมังกร ไม่ช้าก็ออกเดินทาง มุ่งหน้าสู่ตำหนักคว้าดาว
…..
3 วันต่อมา
เมื่อเข้าสู่ห้องโถงใหญ่ของตำหนักคว้าดาวอีกครั้ง จางเซวียนพบเจียงเหยา จ้าวเยว่ คุ่ยเฉี่ยว ฉิงหย่วน หานเจี้ยนชิว และเหล่าผู้อาวุโสคนสำคัญของทั้ง 4 สำนัก
ก่อนหน้านี้ เขาส่งคำขอไปยังอีก 3 สำนักที่เหลือให้นำยาเม็ดอมตะมหัศจรรย์ที่พวกเขามีอยู่มาที่ตำหนักคว้าดาว แต่ทุกคนก็หามาได้รวมกันเพียง 27 เม็ด
พูดอีกอย่างก็คือ ตอนนี้จางเซวียนมียาเม็ดอมตะมหัศจรรย์อยู่กับตัวเพียง 37 เม็ดเท่านั้น
เขารีบเข้าสู่ห้องส่วนตัวห้องหนึ่งในตำหนักคว้าดาวก่อนจะกลืนยาเม็ดอมตะมหัศจรรย์ทั้งหมดลงไปรวดเดียว หลังจากนั้นอีกหลายนาที จางเซวียนก็ยกระดับวรยุทธไปสู่ขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ปฐพีได้สำเร็จ
ขณะที่วรยุทธของเราสูงขึ้น ประสิทธิภาพของยาเม็ดก็ต่ำลงอย่างชัดเจน
ก่อนหน้านี้ 20 เม็ดก็มากพอจะทำให้สำเร็จวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ขั้นสูงแล้ว แต่ตอนนี้ ขนาดกินเข้าไปตั้ง 37 เม็ด ก็ยกระดับวรยุทธได้เพียงหนึ่งขั้นย่อย ถ้าเป็นแบบนี้ เราคงต้องการอย่างน้อยก็ 100 เม็ดถึงจะสำเร็จวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์-สรวงสวรรค์ได้
ความต้องการพลังจิตวิญญาณของเขาเพิ่มสูงขึ้นพร้อมกับระดับวรยุทธ และนั่นทำให้ปวดหัวไม่น้อย เขาจะไปหายาเม็ดอมตะมหัศจรรย์ตั้ง 100 เม็ดได้จากที่ไหน?
ดูเหมือนจะอ่านใจของจางเซวียนได้ หานเจี้ยนชิวอธิบาย “เจ้าสำนักจาง ยาเม็ดอมตะมหัศจรรย์น่ะเป็นทรัพยากรสำหรับการฝึกฝนวรยุทธที่มีแต่นักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์เท่านั้นที่จะใช้ได้ ทั้ง 6 สำนักใหญ่มีนักรบระดับนั้นแค่สำนักละคน จึงเป็นธรรมดาที่พวกเราจะไม่ได้สำรองมันไว้มากนัก แต่สำหรับหอนิรันดร์นั้นแตกต่างออกไป พวกเขามีตัวอักษรคำว่า ‘เทพเจ้า’ ทั้งคำ จึงมีความเป็นไปได้สูงว่าน่าจะมีนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์มากมายอยู่ในนั้น ที่นั่นจึงน่าจะมียาเม็ดอมตะมหัศจรรย์อยู่มาก”
“พูดอีกอย่างก็คือหอนิรันดร์มียาเม็ดอมตะมหัศจรรย์อยู่มากมาย?” จางเซวียนย้ำให้แน่ใจ
จริงด้วย!
เมื่อหวนนึกดู ยาเม็ดอมตะมหัศจรรย์ 20 เม็ดที่เขามีก็มาจากหอนิรันดร์ ในเมื่อหอนิรันดร์เป็นกลุ่มอำนาจใหญ่ที่ตั้งอยู่มากว่าหลายพันปี ก็แน่นอนว่าทรัพย์สมบัติของหอนิรันดร์ย่อมมีมากกว่าทั้ง 6 สำนัก
ปัญหาเดียวตอนนี้ก็คือเขามีเรื่องขัดแย้งกับหัวหน้าหอนิรันดร์ แถมยังทำลายสำนักงานใหญ่ของพวกเขาจนพังพินาศโดยไม่ได้ตั้งใจ
ต่อให้เขาสั่งยาเม็ดอมตะมหัศจรรย์จากหอนิรันดร์ ก็ไม่น่าจะได้มันมา
แต่ถึงอย่างไรก็ต้องลองดู เรายังมีตราสัญลักษณ์ที่ปรมาจารย์ขงมอบให้ เพราะฉะนั้นก็มีโอกาสที่เหล่าศิษย์สายตรงของหอนิรันดร์จะต้องจัดหาอะไรก็ตามแล้วแต่เราจะต้องการ จางเซวียนคิดด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย
เขายังลังเลที่จะใช้ตราสัญลักษณ์หลังจากรู้แล้วว่ามันคือสิ่งที่ชี้พิกัดของเขาให้กับหอเทพเจ้า ส่งผลให้เกิดความพยายามลอบสังหารครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ในเมื่อตอนนี้วรยุทธของเขาเข้าถึงขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ปฐพีแล้ว ก็ไม่มีใครในโลกนี้จะทำร้ายเขาได้อีกนอกจากปรมาจารย์ขง
แล้วเขาจะต้องกลัวอะไรอีก?
อันที่จริง เขาจะดีใจมากถ้าปรมาจารย์ขงมาเผชิญหน้ากับเขาตัวต่อตัว เพราะนั่นจะทำให้เขาไม่ต้องสิ้นเปลืองเวลาออกตามหาอีกฝ่าย