ตอนที่ 2156 บ้าไปแล้ว!
นั่นคือเหตุผลที่เขาใช้บรรยากาศของการเสื่อมถอยเป็นหนึ่งในไม้ตายเพื่อเล่นงานตัวโคลนของปรมาจารย์ขง ซึ่งลงท้ายมันก็มีบทบาทสำคัญในการต่อสู้
ตัวเขาต้องใช้เจตจำนงของนักรบอมตะตัวจริงถึงหนึ่งแสนชีวิตเพื่อชำระรังสีสวรรค์ให้ปลอดจากการปนเปื้อนก่อนจะซึมซับเข้าสู่ร่างกาย…
แต่ไก่น้อยซึมซับมันเข้าไปตรงๆ!
“แต่นั่นแหละ น้ำต้มไก่น้อยมีอานุภาพในการกำจัดฤทธิ์กัดกร่อนของบรรยากาศเสื่อมถอย…” จางเซวียนได้ข้อสรุป “นี่หมายความว่าบรรยากาศของการเสื่อมถอยไม่มีผลกับมัน? หรืออาจเป็นแม้แต่น้ำทิพย์ด้วย? นั่นอธิบายได้เลยว่าทำไมตอนนั้นมันถึงอยากกลืนกินโครงกระดูกสีดำ…”
ตอนที่เขาเข้าสู่เมืองแห่งมิติที่ถูกทำลาย ไก่น้อยร่ำร้องว่ามันหิว และถามว่าจะกลืนกินโครงกระดูกสีดำได้หรือไม่ แต่เพราะยำเกรงในความแข็งแกร่งของโครงกระดูกสีดำ จางเซวียนจึงไม่ปล่อยให้มันทำตามใจ
แต่เมื่อลองคิดดู ไก่น้อยไม่เคยร้องขอกินอะไรที่มันไม่ต้องการมาก่อน หรือเป็นเพราะมันมีพลังมากพอจะเอาชนะโครงกระดูกสีดำและบรรยากาศของการเสื่อมถอยที่อยู่บริเวณนั้นได้?
เอาเถอะ รูปลักษณ์ที่แท้จริงของมันคงไม่ใช่ไก่ธรรมดา มีความเป็นไปได้สูงที่มันจะเป็นอสูรในตำนานผู้ทรงพลังและเหนือชั้นกว่าธรรมดา!
น่าเสียดายที่มันสูญเสียความทรงจำไป ไม่อย่างนั้น เขาคงหาวิธีฟื้นคืนพละกำลังของมันได้เร็วกว่านี้ และจะได้มีใครสักคนที่พึ่งพาได้เมื่อเข้าสู่สรวงสวรรค์
แต่บางทีสิ่งนี้อาจจะดีที่สุดแล้ว เพราะหากใครต่อใครรู้ว่าเขาได้รับความช่วยเหลือจากลูกเจี๊ยบหรือไก่ตัวหนึ่ง ภาพลักษณ์ของเขาคงดูไม่ดีเท่าไหร่
ขณะที่จางเซวียนกำลังครุ่นคิด ไก่น้อยก็เดินเตาะแตะเข้ามาและพูดกับเขาอย่างกระตือรือร้น “นายท่าน ผมคิดว่าผมพบวิธียกระดับวรยุทธแล้วล่ะ…”
“อ้อ?” จางเซวียนตาโต “บอกมาสิ”
“ตอนนั้น ผมไม่มีพละกำลังเหลือเลยหลังจากทำลายน้ำเต้าตงฉู่ แต่เมื่อถูกนกฟีนิกซ์ไฟเก้าหัวย่างจนเกือบตาย วรยุทธของผมก็เพิ่มขึ้นไปเป็นอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ มาคราวนี้ ผมถูกเผาจนมอดไหม้เป็นเถ้าถ่าน…และวรยุทธของผมก็เพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง ผมจึงคิดว่าบางทีตัวกระตุ้นในการฝ่าด่านวรยุทธอาจจะอยู่ที่การถูกย่าง?” ไก่น้อยพูด
“เอ่อ…” จางเซวียนครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนพยักหน้า
“ก็ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้น เราลองดูดีไหม?”
เมื่อหวนนึกถึงการฝ่าด่านวรยุทธที่ผ่านมาของไก่น้อย ทั้ง 2 ครั้ง มันเกือบมอดไหม้เป็นเถ้าถ่านก่อนที่จะได้ฝ่าด่านวรยุทธ
เขาเคยทดสอบโดยใช้เปลวเพลิงมาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งก็ไม่ได้ผล แต่ในครั้งนั้น จางเซวียนยับยั้งเปลวเพลิงไว้ก่อนที่ไก่น้อยจะถูกย่างจนดำปี๋…หรือว่าความก้าวหน้าเล็กๆน้อยๆของไก่ตัวนี้จะมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับเปลวเพลิงจริงๆ
“ได้สิ!” ไก่น้อยพยักหน้าขณะจับจ้องจางเซวียนอย่างมุ่งมั่น
มันเองก็อยากยกระดับวรยุทธให้เร็วที่สุดเพื่อจะได้เรียกความทรงจำกลับคืนมา
จางเซวียนครุ่นคิดครู่หนึ่ง “วรยุทธของแกเข้าถึงระดับเทพเจ้าแล้ว เปลวเพลิงชนิดไหนก็ตามในมิติเบื้องบนแห่งนี้ไม่น่าทำอันตรายแกได้อีก…ฉันจะลองเรียกการทดสอบวรยุทธของฉันมา แกลองดูก็แล้วกันว่ามันเป็นอย่างไร”
ไม่มีพละกำลังใดๆในโลกนี้ที่แข็งแกร่งกว่าการลงทัณฑ์จากสวรรค์ ความตั้งใจเดิมของจางเซวียนคือปกปิดการฝ่าด่านวรยุทธของเขาจากสวรรค์ไว้ก่อน จนกว่าเขาจะเข้าสู่สรวงสวรรค์ได้โดยราบรื่นปราศจากปัญหา แต่ในเมื่อไก่น้อยต้องการ เขาก็จะพยายามรับมือ
เพราะถึงอย่างไร ก็เป็นโอกาสดีที่เขาจะได้ขัดเกลาวรยุทธไปด้วย
จางเซวียนจึงรีบปลดปล่อยวรยุทธ ปล่อยให้พละกำลังจากสรวงสวรรค์ที่ได้มาใหม่ไหลพล่านไปทั่วทั้งร่างของเขา
บึ้มมมม!
ท้องฟ้ามืดมิดทันที สายฟ้าที่รวมตัวกับเปลวเพลิงสีดำสนิทกรูเข้ามาอยู่เหนือศีรษะของเขาด้วยความเร็วอันน่าทึ่ง
นี่คือการทดสอบของเทพเจ้า!
การทดสอบของเทพเจ้ามีพละกำลังที่น่าสะพรึงมาก จางเซวียนรู้สึกได้ถึงความเป็นปฏิปักษ์ของมิติเบื้องบนที่กำลังถาโถมเข้าใส่ตัวเขา พยายามจะกดทับเขาให้แหลกเป็นชิ้นๆ
จ้าวหย่ากับคนอื่นๆได้กลิ่นอันตรายทันทีที่การทดสอบของเทพเจ้าเริ่มต้น พวกเขาเผ่นหนีไปไกลหลายพันลี้เพื่อความปลอดภัย
แม้ทุกคนจะสำเร็จวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์-สรวงสวรรค์แล้ว แต่ก็รู้ดีว่าอาจเสียชีวิตได้หากไม่ระมัดระวังตัวเมื่ออยู่ใกล้การทดสอบของเทพเจ้า
การที่ทวีปที่ถูกลืมให้ความยำเกรงกับสิ่งใดก็ตามที่มีคำว่า ‘เทพเจ้า’ อยู่ในนั้นไม่ใช่เรื่องที่ปราศจากเหตุผล
เมฆดำก่อตัวหนาขึ้นเรื่อยๆ ดูเหมือนน้ำหนักของท้องฟ้ากำลังจะพังทลายลงมาเล่นงานชายหนุ่มกับไก่น้อยสีเหลืองที่ยืนอยู่ด้านล่าง
เห็นพลังงานมหาศาลที่รวมตัวกันอยู่เหนือศีรษะของเขา จางเซวียนกำลังจะเคลื่อนไหว ก็พอดีกับที่หมู่เมฆดำเหนือศีรษะของเขาส่งเสียงคำรามก้อง สายฟ้าฟาดสายหนึ่งที่มีเปลวเพลิงสวรรค์สีดำสนิทฟาดเข้าใส่ไก่น้อยอย่างจัง
ซรืดดดดด!
ความร้อนและแรงฟาดทำให้ขนสีเหลืองของไก่น้อยดําปิ๊ดปี๋ กลิ่นหอมอ่อนๆอบอวลไปทั่ว
เห็นภาพนั้น จางเซวียนเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ
ทำไมการทดสอบวรยุทธที่เขาเรียกมาถึงตรงเข้าเล่นงานไก่น้อย แทนที่จะเป็นตัวเขา?
“บ้าที่สุด…” ไก่น้อยก็งุนงงกับเหตุปุบปับที่เกิดขึ้นตรงหน้า
มันเงยหน้าขึ้นจ้องมองสวรรค์อย่างโกรธเกรี้ยว แต่ยังไม่ทันจะสิ้นเสียงสบถ…
เปรี้ยงงง! เปรี้ยงงง!
สายฟ้าฟาดอีก 2-3 สายฟาดลงบนศีรษะของมัน กลิ่นหอมล้ำลึกตลบอบอวลไปทั่ว คราวนี้ แม้แต่จะงอยปากของไก่น้อยก็ดำปิ๊ดปี๋
“เจ้าหมอนี่เอาชีวิตรอดจากการโจมตีจากตัวโคลนของปรมาจารย์ขงได้ แต่จะจบเห่เพราะการทดสอบวรยุทธหรือ?”
ขณะที่กลิ่นหอมอบอวลล้ำลึกขึ้นเรื่อยๆ จางเซวียนพลันรู้สึกเสียดายขึ้นมาที่ไม่ได้เก็บเครื่องเทศบางส่วนไว้ในแหวนเก็บสมบัติ เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ จากนั้นก็ตรงเข้าไปยังจุดที่ไก่น้อยยืนอยู่และเข้าขวางระหว่างตัวมันกับเมฆดำ ตั้งใจจะปกป้องไก่น้อยจากการทดสอบวรยุทธ
“ในเมื่อผมเป็นคนเรียกคุณ ทำไมคุณไม่เล่นงานผมแทนล่ะ?” จางเซวียนคำรามขณะใช้พลังจากสรวงสวรรค์ห่อหุ้มร่างของเขาไว้เพื่อเสริมกำลังให้กับการป้องกันตัว
เขามีสีหน้าเคร่งเครียด เตรียมพร้อมที่จะรับมือกับพละกำลังมหาศาลของสายฟ้า
เปรี้ยงงง! เปรี้ยงงง! เปรี้ยงงงง!
สายฟ้าฟาดลงมาอีกชุดใหญ่
จางเซวียนรีบถ่ายทอดกระแสดาบฉีเพื่อปัดป้องพละกำลังของสายฟ้าออกไป แต่แม้เสียงฟ้าคำรามจะผ่านไปแล้วหลายวินาที ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ด้วยความงุนงง จางเซวียนก้มหน้ามอง เห็นสายฟ้าหลบหลีกตัวเขาไปและตรงเข้าเล่นงานไก่น้อย ทำให้ควันลอยโขมงออกจากศีรษะของมัน
อ๊ากกกกก!
เสียงร้องอย่างสิ้นหวังหลุดรอดออกจากปากของไก่น้อยพร้อมควันโขมงสีดำ
บ้าไปแล้ว! นี่คุณมาช่วยหรือมาฆ่าผม?
ต่อให้ผมยืนอยู่ตรงนี้คนเดียว พละกำลังของสายฟ้าก็ยังไม่แข็งแกร่งเท่านี้เลย!
“เรื่องนี้ประหลาดมาก แต่ไม่ต้องกังวลนะ ในเมื่อมันเป็นการทดสอบวรยุทธของผม ถึงอย่างไรก็ต้องมีวิธีรับมือ…” จางเซวียนก็ปั่นป่วนกับเหตุการณ์พิสดารที่เกิดขึ้น
ทำไมการทดสอบสายฟ้าที่เขาเรียกมาถึงพุ่งเป้าเล่นงานไก่น้อยแทนที่จะเป็นเขา? แบบนี้ไม่สมเหตุสมผลเลย!
จางเซวียนรวบรวมพลังงานเข้าสู่ปลายนิ้ว เขาปล่อยกระแสดาบฉีเข้าใส่หมู่เมฆดำ
ในเมื่อการทดสอบวรยุทธไม่ยอมเล่นงานเขา เขาก็จะเป็นฝ่ายรุกเสียเอง!
ฟึ่บ!
เมฆดำสลายตัวทันทีที่เผชิญหน้ากับกระแสดาบฉี แต่การโจมตีนั้นเบาบางเสียจนดูเหมือนเมฆดำกำลังหลบเลี่ยงการโจมตีของจางเซวียน
ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง แม้การทดสอบของเทพเจ้าจะมีประสิทธิภาพอันน่าสะพรึง แต่ก็ดูเหมือนมันจะหวาดกลัวเขา
เปรี้ยงงงง! เปรี้ยงงงง!
สายฟ้าฟาดอีกชุดหนึ่งถูกส่งลงมาจากสรวงสวรรค์ ทำให้ไก่น้อยที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรตัวสั่นงันงกเพราะกระแสไฟฟ้า มันสั่นสะท้านจนขนร่วงกระจัดกระจายไปทั่ว
ถ้าใครเข้าไปดูใกล้ๆ ก็จะเห็นหยาดน้ำตาของความเสียใจปริ่มขอบดวงตาที่มีลักษณะเหมือนลูกปัดของมัน
ผมทำอะไรให้คุณขุ่นเคือง? ทำไมถึงเล่นงานผมอย่างเอาเป็นเอาตายราวกับผมเป็นศัตรูคู่อาฆาตของคุณ?
“ยังไม่โจมตีผมอีกหรือ? ได้! มาดูกันว่าคุณจะรับมือกับสิ่งนี้อย่างไร!”
เห็นแผนการของตัวเองไม่ได้ผล จางเซวียนโผขึ้นสู่กลางอากาศ ตั้งใจจะท้าชนหมู่เมฆดำ
แต่ยังไม่ทันจะไปได้ไกล ปีกเล็กจ้อยที่กำลังสั่นสะท้านก็คว้าชายเสื้อคลุมของเขาไว้แน่นและฉุดเขาลงมา
“อย่านะ! ผมตายแน่ถ้าคุณยังยั่วยุมัน…” ไก่น้อยร้องออกมาอย่างเสียขวัญ
พี่ชาย ไว้ชีวิตผมเถอะ ดีไหม?
ผมเป็นแค่ลูกเจี๊ยบตัวจ้อย ยังไม่อยากตายตอนนี้!
ทุกครั้งที่คุณยั่วโมโหเมฆดำนั่น คนที่ต้องรับเคราะห์คือผม…คุณจะทำอะไรก็ได้หากไม่เกิดผลตามมา แต่คุณไม่เห็นหรือไงว่าผมสุกจนแทบจะทั่วทั้งตัวแล้ว?
ตอนนี้ ผมเริ่มสงสัยแล้วว่าจะโรยขมิ้นบนตัวได้หรือยัง!
เห็นไก่น้อยที่ถูกย่างจนสุกเกือบทั้งตัววิงวอนขอร้องเขา จางเซวียนเกาหัวอย่างอ่อนใจ สุดท้ายเขาก็ยอมถอยขณะพูดว่า “ก็จริง แกควรรับมือกับมันด้วยตัวเอง…”
จากนั้นเขาก็ถอยออกมา
เปรี้ยงงงง! เปรี้ยงงง!
สายฟ้าเกรี้ยวกราดอีกชุดใหญ่ฟาดลงมาจากท้องฟ้า ช็อตไก่น้อยจนศีรษะหมุนติ้ว มันหันไปร่ำร้องกับจางเซวียนด้วยความสิ้นหวัง “อย่าเพิ่งไป! ช่วยผมสกัดกั้นสายฟ้าก่อน คุณจะช่วยผมไหม?”
“….” จางเซวียน
ลงท้ายไก่น้อยก็ต้องเผชิญกับสายฟ้าฟาดถึง 36 ครั้ง ก่อนที่การทดสอบวรยุทธจะสลายตัวไป
หลังจากเจอบททดสอบชุดใหญ่ พละกำลังของมันก็หมดเกลี้ยง
“ผมขอพักก่อนนะ…”
ยังไม่ทันที่จางเซวียนจะได้พูดอะไร ไก่น้อยก็มุดเข้าไปในจุดตันเถียนของเขา มันใช้ปีกสีดำปิ๊ดปี๋ปิดหน้าไว้ จากนั้นก็หลับปุ๋ย
เมื่อเห็นทุกอย่างเรียบร้อย จางเซวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่
จากนั้น เขาชี้นิ้วใส่หมู่เมฆดำกลางอากาศที่กำลังสลายตัวและตวาดก้อง “คุณน่ะ มานี่สิ!”
ฟึ่บ!
หมู่เมฆดำกำลังสลายตัวอย่างเชื่องช้า แต่ทันทีที่ได้ยินเสียงตวาดของจางเซวียน มันก็รีบเผ่นหนีไปอย่างรวดเร็วเหมือนขามา ทำให้ท้องฟ้าสว่างแจ้งในชั่วอึดใจ
จางเซวียนทึ้งผมด้วยความปวดประสาท
การทดสอบของเทพเจ้าคือการลงทัณฑ์ครั้งใหญ่ที่นักรบทุกคนจะต้องเผชิญหน้าเมื่อเข้าถึงระดับของเทพเจ้าไม่ใช่หรือ?
แล้วทำไมการทดสอบวรยุทธที่เขาเรียกมาถึงเล่นงานไก่น้อยจนร่อแร่ แล้วปุบปับก็สลายตัวไป?
“หรือว่าเรื่องนี้จะมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับเวทนาสวรรค์ของเรา?” จางเซวียนสงสัย
เมื่อไม่อาจทำความเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น สุดท้ายเขาก็ร่อนลงจากกลางอากาศและกลับสู่บริเวณที่จ้าวหย่ากับคนอื่นๆอยู่
“นี่คือตัวอักษรคำว่า ‘เทพเจ้า’ 7 ตัว นำตัวที่คุณต้องการไปเก็บรักษาไว้ให้ดีที่สำนักของตัวเอง คนรุ่นหลังจะได้ไม่ต้องลำบากลำบนกว่าจะสำเร็จวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์” จางเซวียนพูดขณะนำหนังสือ 7 เล่มออกมา