ตอนที่ 2147 เจ้าสำนักจางคิดจะ…
ในเมื่อทั่วทั้งทวีปที่ถูกลืมกำลังตกอยู่ในอันตราย มีพิธีรีตองมากไปก็ไม่มีประโยชน์ จางเซวียนรับแหวนเก็บสมบัติไว้และกระโจนขึ้นสู่กลางอากาศ เขาพุ่งสูงขึ้นไปราวหมื่นเมตร ก่อนจะหยุดตรงนั้น
เขาสะบัดข้อมือ
ฟึ่บ!
ธงค่ายกลหนึ่งแสนอันลอยอยู่กลางอากาศ ด้วยการโบกมือของจางเซวียน พวกมันก็พุ่งฉิวลงสู่พื้น เกิดเป็นภาพอันแปลกตาของห่าฝนที่ทำจากธง
“เอ่อ…”
หานเจี้ยนชิวกับคนอื่นๆพูดไม่ออกกับภาพที่เห็น เช่นเดียวกันกับบรรดาเผ่าพันธุ์อสูรใต้น้ำและศิษย์สายตรงของทั้ง 4 สำนัก
โดยทั่วไป ผู้เชี่ยวชาญด้านค่ายกลส่วนใหญ่จะใช้เวลาระยะหนึ่งในการปักธงค่ายกลเพื่อติดตั้งค่ายกลให้เป็นรูปร่างขึ้นมา แต่ถึงอย่างนั้น ก็มีโอกาสสูงที่จะเกิดการผิดเพี้ยนบางอย่างในการติดตั้งที่ทำให้พวกเขาต้องค่อยๆตรวจสอบและแก้ไขมันให้ถูกต้อง
ผู้ที่สามารถปักธงค่ายกลพร้อมกันทีเดียวถึง 10 อันก็ถือเป็นบรมครูด้านค่ายกลแล้ว ส่วนผู้ที่สามารถปักธงค่ายกลพร้อมกันทีเดียวถึง 20 อัน ก็เรียกว่าเป็นบรมของบรมครูด้านค่ายกล
แต่จางเซวียนปักธงค่ายกลได้พร้อมกันทีเดียวถึง 100,000 อัน!
นี่คือหนึ่งในปรากฏการณ์ที่ทำให้พวกเขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ให้นึกสงสัยว่ากำลังฝันไปหรือเปล่า ไม่มีใครกล้าคิดว่าเรื่องแบบนี้จะเป็นไปได้จริง
ต่อให้ผู้เชี่ยวชาญด้านค่ายกลที่เก่งกาจที่สุดของทวีปที่ถูกลืมก็ทำแบบนี้ไม่ได้!
“ขอดูหน่อยเถอะว่าเป็นค่ายกลแบบไหน ถ้าเป็นค่ายกลแบบเรียบง่าย ก็พอเป็นไปได้ที่จะทำแบบนี้” ผู้อาวุโสผู้เชี่ยวชาญด้านค่ายกลคนหนึ่งที่อยู่ในฝูงชนพึมพำกับตัวเอง
ขณะที่ผู้อาวุโสกำลังครุ่นคิด ธงค่ายกลก็ร่วงลงสู่พื้นและทะเลพลัดดาว จากนั้นชายหนุ่มที่อยู่กลางอากาศก็กระทืบเท้าเบาๆ
วิ้งงงง!
ค่ายกลมีชีวิตขึ้นมาทันที ประกาย 7 สีแผ่ซ่านออกไปโดยรอบ บริเวณนั้นเป็นประกายวาววับราวกับฟองสบู่
“มันคือค่ายกลตรึงจิตวิญญาณเจ็ดสี…หนึ่งในค่ายกลชั้นยอดของทวีปที่ถูกลืม!”
“ไม่เพียงเท่านั้นนะ ดูเหมือนจะมีค่ายกลรวบรวมพลังจิตวิญญาณ ค่ายกลสงบใจ และค่ายกลชนิดอื่นๆอีกมากมายอยู่ในนั้นด้วย อย่างน้อยก็น่าจะมีสิบกว่าชนิดทับซ้อนกัน!”
“เขาติดตั้งค่ายกลขนาดใหญ่ที่ซับซ้อนแบบนั้นได้ในชั่วพริบตาหรือ?”
คำเดียวที่บรรยายความรู้สึกของทุกคนในเวลานั้นได้ไม่ใช่ ‘ตกตะลึง’ แต่เป็น ‘พรั่นพรึง’
ความยากในการติดตั้งค่ายกลผสมผสานนั้นยากกว่าการติดตั้งค่ายกลทั่วไปหลายเท่า ซึ่งความพยายามในการผนวกค่ายกล 2 ชนิดเข้าด้วยกันก็เพิ่มความยากขึ้นมากมายแล้ว แต่จางเซวียนติดตั้งค่ายกลผสมผสานที่ซับซ้อนถึงสิบกว่าชั้น แผ่รัศมีการทำงานออกไปหลายร้อยลี้
นี่คือสิ่งที่เกินกว่าจินตนาการของพวกเขา!
“ความสามารถแบบนี้ คงมีแต่เทพเจ้าเท่านั้นที่ทำได้…” ตู้ชิงหย่วนพึมพำกับตัวเองด้วยนัยน์ตาเบิกโพลง
ปกติเธอก็ยำเกรงในความเก่งกาจของชายหนุ่มอยู่แล้ว แต่ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้พูดไม่ออก
ไม่แปลกใจแล้วที่ชายหนุ่มเอาชนะใจเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณได้
เขาคือคนที่ไม่ธรรมดาจริงๆ
จางเซวียนที่อยู่กลางอากาศเริ่มรู้สึกอ่อนล้าหลังจากติดตั้งและเปิดใช้งานค่ายกล แม้จะดูเหมือนว่าเขาจัดการทุกอย่างได้อย่างง่ายดาย แต่การติดตั้งค่ายกลขนาดใหญ่และซับซ้อนแบบนี้ก็ทำให้เสียแรงไปมาก ถ้าไม่ใช่เพราะเขาทำความเข้าใจเวทนาสวรรค์ได้สำเร็จและเป็นนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์แล้ว คงหมดพลังและร่วงลงจากกลางอากาศเสียก่อนที่จะทันได้เปิดใช้งานค่ายกล
จางเซวียนสูดหายใจลึกขณะขับเคลื่อนพลังปราณเทียบฟ้าให้เข้าไปเยียวยาสภาพร่างกายของเขา หลังจากฟื้นตัวได้ระดับหนึ่ง ก็ก้าวเข้าไปในค่ายกลและสะบัดข้อมือ
ฟึ่บ!
ศพของนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ 12 คนปรากฏรอบตัวเขาทันที ทุกคนมาจากหอนิรันดร์สำนักงานใหญ่
“ปล่อยพลัง!” จางเซวียนพูดพร้อมกับดีดนิ้ว
บึ้มมมม!
ทั้ง 12 ศพระเบิดทันที แต่ไม่เหมือนกับการระเบิดโดยทั่วไป พลังงานนั้นถูกควบคุมไว้ คลื่นความสั่นสะเทือนของแรงระเบิดไม่มากพอจะทำอันตรายนักรบคนอื่นๆที่อยู่บริเวณนั้น
เพียงครู่เดียว นักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ทั้ง 12 คนก็ปลดปล่อยพลังจากวรยุทธของพวกเขาออกมา เติมเต็มค่ายกลขนาดใหญ่ด้วยพลังงานนั้น
“เจ้าสำนักจางคิดจะ…เพิ่มความเข้มข้นของพลังจิตวิญญาณในอากาศหรือ?”
“แต่นั่นจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ไปหน่อยไหม หรือไง?”
“ใหญ่แน่ล่ะ! ทวีปที่ถูกลืมมีนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ตั้งมากมาย ว่ากันว่าถ้าขัดเกลาพลังงานที่นักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์เหล่านั้นปลดปล่อยออกมา พลังงานนั้นก็จะถูกซึมซับได้ง่ายขึ้นอีกมาก!”
“ก็คงเป็นอย่างนั้นแหละ แต่ช่องว่างระหว่างวรยุทธเสมือนอมตะกับอมตะตัวจริงนั้นห่างกันเกินกว่าจะก้าวข้าม นักรบคนหนึ่งจะต้องปราดเปรื่องมากพอถึงจะสำเร็จวรยุทธอมตะตัวจริงได้ เพราะฉะนั้น ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะฝ่าด่านวรยุทธได้สำเร็จ…”
“ผมว่าคุณพูดถูก ถ้ามีความปราดเปรื่องไม่พอ ต่อให้ได้ทรัพยากรสำหรับการฝึกฝนวรยุทธที่มีคุณภาพดีขนาดไหน ก็ไม่ช่วยอะไร!”
หลังจากได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ฝูงชนพากันตาโต ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจว่าจางเซวียนกำลังพยายามทำอะไร
เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายกำลังพยายามสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการฝ่าด่านวรยุทธให้กับบรรดานักรบขั้นเสมือนอมตะที่กำลังจะก้าวไปสู่ขั้นอมตะตัวจริง
ด้วยการใช้พลังจากศพของนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ 12 คนบวกกับวรยุทธของศพเหล่านั้นเพื่อช่วยเหลือทุกคนให้ฝ่าด่านวรยุทธ…นี่เป็นเรื่องใหญ่โตที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในทวีปที่ถูกลืม
อันที่จริง ใช้คำว่า ‘ใหญ่โต’ ก็ออกจะน้อยไป… ‘ฟุ่มเฟือย’ น่าจะเป็นคำที่เหมาะสมกว่า!
ในแง่ของวรยุทธ สำหรับนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์คนหนึ่งที่เสียชีวิตไปแล้ว ก็ยังจัดว่าเหนือชั้นกว่านักรบขั้นเสมือนอมตะทั้งหมดที่มารวมตัวกัน
ยิ่งไปกว่านั้น แม้จะเป็นความคิดที่ไม่เลวในการยกระดับวรยุทธให้กับนักรบขั้นเสมือนอมตะด้วยวิธีนี้ แต่ปัญหาก็คือมันไม่น่าจะเป็นวิธีแก้ไขที่ดีพอ
ทั้ง 6 สำนักใหญ่ต่างทุ่มเททรัพยากรสำหรับการฝึกฝนวรยุทธให้เฉพาะกับบรรดาศิษย์สายตรงที่ปราดเปรื่องที่สุดเท่านั้น ก็เพราะกระบวนการดังกล่าวเป็นเรื่องสิ้นเปลืองมาก การพิสูจน์โดยใช้เวลาเนิ่นนานนับไม่ถ้วนบ่งบอกชัดว่านักรบคนหนึ่งจะไปได้ไกลกว่าวรยุทธพื้นฐานของตัวเองก็เพราะความปราดเปรื่องของเขาเท่านั้น
ต่อให้อยู่ภายใต้คำชี้แนะของครูบาอาจารย์ระดับโลก ในโลกนี้ก็มีเหรียญทองเพียงเหรียญเดียว
หากมีความปราดเปรื่องไม่พอ ต่อให้ขยันหมั่นเพียรหรือมีทรัพยากรมากแค่ไหน ก็จะมีเพดานล่องหนคอยสกัดกั้นความก้าวหน้าของนักรบคนหนึ่งอยู่
ในบรรดานักรบขั้นเสมือนอมตะจำนวน 80,000 ชีวิตที่รวมตัวกันอยู่ที่นี่ เป็นไปได้ว่าชั่วชีวิตของพวกเขา คงมีผู้ที่ฝ่าด่านวรยุทธได้สำเร็จไม่ถึง 1 ใน 10 เท่านั้น ด้วยเหตุนี้ ความหวังของจางเซวียนจึงไม่น่าจะเป็นจริงได้
แต่ก็นั่นแหละ ทุกอย่างมาถึงทางตันแล้ว ลองสักตั้งย่อมดีกว่านั่งเฉยๆอย่างสิ้นหวัง
ขณะที่ฝูงชนพากันส่ายหน้ากับสถานการณ์ที่ทำท่าจะสูญเปล่า จางเซวียนทรุดตัวลงนั่งกลางอากาศ ประกายระยิบระยับสีทองโอบล้อมร่างของเขา ในเวลานั้น เขาดูเหมือนพระพุทธเจ้า!
“เอาล่ะ ผมจะถ่ายทอดหัวใจของการเข้าถึงวรยุทธขั้นอมตะตัวจริงให้กับพวกคุณ”
เสียงของจางเซวียนดังก้องเข้าหูนักรบทุกชีวิตที่อยู่ตรงนั้น ราวกับเข้าไปกระซิบข้างหูเลยทีเดียว
หวู่เฉินหรี่ตาขณะฟังคำบรรยายของจางเซวียนจากด้านล่าง “นี่มัน…ถ้อยคำเรียบง่ายแห่งภูมิปัญญาล้ำลึกของปรมาจารย์ขง?”
นายน้อยเป็นปรมาจารย์ ความสามารถในการถ่ายทอดความรู้ของเขาให้คนอื่นๆจึงไม่ใช่เรื่องที่ต้องตั้งคำถาม แต่ความพยายามที่จะบรรยายให้นักรบ 80,000 ชีวิตฟังพร้อมกันในคราวเดียวก็ไม่ใช่งานง่าย นักรบแต่ละคนมีแนวคิดและสภาวะเฉพาะตัวของตัวเอง ดังนั้น เมื่อเปิดการบรรยายให้คนกลุ่มใหญ่ฟัง ผู้บรรยายจึงต้องปรับเนื้อหาของการบรรยายให้กว้างและครอบคลุมกว่าเดิมเพื่อให้สามารถเข้าถึงผู้ฟังทุกคน แต่เมื่อทำแบบนั้น การจะหว่านล้อมให้ผู้ฟังดื่มดำกับคำพูดของเขาก็ย่อมยากขึ้น
ด้วยเหตุนี้ หากต้องการแก้ไขปัญหาของตัวเอง บรรดานักรบในทวีปแห่งปรมาจารย์จึงพอใจจะรับคำชี้แนะตัวต่อตัวจากเหล่าปรมาจารย์มากกว่า
หวู่เฉินไม่รู้ว่าในยุคสมัยของปรมาจารย์ขง อีกฝ่ายเคยเปิดการบรรยายให้นักรบถึง 80,000 ชีวิตฟังพร้อมกันในคราวเดียวหรือไม่ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นภาพอันยิ่งใหญ่นี้กับตา
ถ้อยคำเรียบง่ายแห่งภูมิปัญญาล้ำลึกแทรกตัวผ่านพลังจิตวิญญาณที่อยู่กลางอากาศลงมาจากท้องฟ้า ซึมซาบเข้าสู่ร่างของนักรบทุกชีวิต
ฝูงชนออกอาการตื่นเต้นขึ้นเรื่อยๆขณะซึมซับทุกถ้อยคำของจางเซวียน ความร้อนรนเข้าเกาะกุมหัวใจขณะที่ร่างของพวกเขาสั่นสะท้าน
เผ่าพันธุ์อสูรใต้น้ำส่วนใหญ่คิดว่าการบรรยายนี้คงไม่มีความหมายกับพวกมัน เพราะสภาวะร่างกายของพวกมันแตกต่างจากมนุษย์มาก แต่หลังจากฟังไปสักครู่ ก็รู้สึกถึงความสั่นสะท้านที่ไล่ไปตามกระดูกสันหลัง ขณะที่รูขุมขนและทางเดินพลังปราณของพวกมันเปิดออก พร้อมรับกระแสพลังจิตวิญญาณอันเข้มข้นนั้น
สิ่งที่จางเซวียนกำลังถ่ายทอดไม่ใช่เทคนิควรยุทธ แต่เป็นชุดความคิดที่สามารถถอดรหัสและทำลายปราการที่ขวางกั้นระหว่างวรยุทธขั้นเสมือนอมตะกับอมตะตัวจริงได้
มันคือตรรกะหนึ่งเดียวของโลก!
เมื่อสามารถทำความเข้าใจและก้าวข้ามทุกปราการได้ ไม่ว่าสิ่งมีชีวิตชนิดไหนก็จะฝ่าด่านวรยุทธไปสู่ขั้นอมตะตัวจริงได้สำเร็จ
กรงเล็บหลากสี, เป็นชื่อของกุ้งชนิดหนึ่งที่อยู่ในหมู่เผ่าพันธุ์อสูรใต้น้ำ ชื่อของมันมาจากกรงเล็บสีสดใสคู่หนึ่งที่มันมีอยู่
กรงเล็บหลากสีสำเร็จวรยุทธเสมือนอมตะสรวงสวรรค์มาหลายสิบปีแล้ว แต่แต่อุบัติเหตุครั้งหนึ่งทำให้รากฐานวรยุทธของมันชะงักงัน และหลังจากนั้น มันก็ไม่อาจยกระดับวรยุทธได้อีกเลย
ผู้ที่ทำร้ายมันในครั้งนั้นคือศิษย์สายตรงคนหนึ่งจาก 6 สำนักใหญ่ที่มีวรยุทธขั้นอมตะตัวจริง หมอนั่นกับพรรคพวกพยายามจับตัวมันโดยใช้ผงชนิดหนึ่งที่มีฤทธิ์เผ็ดร้อน แต่มันหนีไปได้โดยได้รับบาดเจ็บสาหัส
มันเสียกรงเล็บไปข้างหนึ่ง ทางเดินพลังปราณหลายเส้นถูกทำลาย ถือเป็นปาฏิหาริย์แล้วที่มันยังรักษาระดับวรยุทธที่มีอยู่ไว้ได้
เมื่อไม่นานมานี้ สามราชันย์เรียกรวมพลเผ่าพันธุ์อสูรให้มาที่เกาะคว้าดาว มันคิดว่านี่คือโอกาสที่จะได้เล่นงานหมอนั่นให้เป็นชิ้นๆและนำไปต้มยำทำแกงให้สาแก่ใจ แต่ยังไม่ทันที่จะได้พบตัวอีกฝ่าย เจ้านายของสามราชันย์ก็เปิดการบรรยายเสียก่อน