ตอนที่ 2158 คุณจะทำอะไรน่ะ?
ในฐานะครูบาอาจารย์ เขารู้สึกว่าตัวเองต้องรับผิดชอบความปลอดภัยของบรรดาลูกศิษย์ จึงไม่เต็มใจจะนำพาพวกนั้นเข้าไปเกี่ยวข้องกับอันตรายที่ยังไม่รู้จัก
“พวกเราไม่กลัว!” จ้าวหย่าตอบอย่างเด็ดเดี่ยว “ท่านอาจารย์ ต่อให้คุณไม่พาพวกเราไป สุดท้ายเราก็ต้องหาทางเข้าสู่สรวงสวรรค์ด้วยตัวเองจนได้อยู่ดี ไม่มีอะไรแตกต่างกันเลย!”
คำพูดของจ้าวหย่าบอกชัดถึงเจตจำนงของศิษย์สายตรงคนอื่นๆ แม้พวกเขาจะไม่พูดอะไรออกมา ทุกสายตาก็แสดงออกถึงเจตนาเดียวกัน
เห็นภาพนั้น จางเซวียนเงียบกริบ
ถ้าเขามีหนทาง ก็คงทิ้งจ้าวหย่ากับพรรคพวกไว้ข้างหลังแน่ เพราะอย่างน้อยที่สุดก็แน่ใจได้ว่าพวกนั้นจะปลอดภัยกว่า
แต่สถานการณ์ในมิติเบื้องบนก็ยังเป็นปัญหา
ตัวโคลนของปรมาจารย์ขงสั่งการให้บริวารตรึงกำลังไว้บริเวณทางเข้าของทางเดินแห่งมิติ พร้อมจะจับตัวจางเซวียนทันทีที่เขาปรากฏตัว ถ้าไม่ใช่เพราะปรมาจารย์ขงตัวจริงแอบยื่นมือเข้าช่วยตอนที่อยู่ในทางเดินแห่งมิติ เขาคงตายไปนานแล้ว!
ซึ่งจางเซวียนก็ดูออกว่าบรรดาศิษย์สายตรงของเขาไม่คิดจะปล่อยให้เรื่องนี้จบง่ายๆ ถ้าเขาทิ้งเด็กพวกนั้นไว้ข้างหลัง ทุกคนจะต้องหาทางเข้าสู่สรวงสวรรค์ด้วยตัวเองแน่ และน่าจะทำให้พวกเขาตกอยู่ในอันตรายใหญ่หลวงขึ้นอีก
คำตอบชัดเจนอยู่แล้ว
“ถ้าอย่างนั้นก็เข้าสู่สรวงสวรรค์ด้วยกัน” จางเซวียนพยักหน้า “เราอาจพบคู่ต่อสู้ที่น่าสะพรึงที่นั่น แต่แล้วอย่างไรล่ะ? ผมเชื่อว่าพวกเราทุกคนจะก้าวข้ามทุกปัญหาที่ขวางทางไปได้!”
“ขอบคุณมาก ท่านอาจารย์!”
จ้าวหย่ากับพรรคพวกโค้งคำนับอย่างงามด้วยความตื่นเต้น
หลังเสร็จสิ้นการหารือได้ไม่นาน ผู้อาวุโสคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในห้องเพื่อรายงาน “เจ้าสำนักจาง มีนักรบ 2 คนรออยู่ข้างนอก เขาอ้างว่าเป็นท่านพ่อกับท่านแม่ของคุณ!”
“ท่านพ่อกับท่านแม่ของผม?” จางเซวียนชะงัก เขารีบออกจากห้องด้วยความยินดีปรีดาระคนประหลาดใจ
ครั้งสุดท้ายที่เขาพบเซียนดาบชิงเหมิงคือในทวีปแห่งปรมาจารย์ แต่เพราะเขามีภารกิจต้องรับมือกับปรมาจารย์ขง และยังไม่แน่ใจว่าจะได้ชัยชนะหรือไม่ จึงตัดสินใจไม่พาทั้งคู่มาด้วย ใครจะไปคิดว่าเซียนดาบชิงเหมิงจะผ่านทางเดินแห่งมิติเข้ามาได้ด้วยตัวเอง…เหมือนกับซุนฉาง?
“เซวียนเอ๋อ แม่กับพ่อจะตามลูกไปทุกที่ เราพลัดพรากกันมา 20 ปีแล้ว แม่ไม่อยากสูญเสียเวลาที่จะได้อยู่กับลูกอีก” เซียนดาบเหมิงเดินเข้ามากอดจางเซวียนแน่น
เมื่ออยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่นของเซียนดาบเหมิง จางเซวียนรู้สึกอับจนถ้อยคำ เขาไม่รู้ว่าควรแสดงออกอย่างไร
ในเวลาเดียวกัน จางเซวียนก็พลันรู้ตัวว่าเขาไม่ได้คิดสักนิดว่าการตัดสินใจครั้งนี้จะส่งผลอย่างไรตามมา
ความแตกต่างของกระแสกาลเวลาระหว่างสรวงสวรรค์กับมิติเบื้องบนนั้นคือ 1:100 คือห่างกันมาก และเขาก็ยังไม่รู้ว่าจะอยู่ในสรวงสวรรค์นานแค่ไหน ซึ่งหากเขาใช้เวลาที่นั่น 10 ปี ก็จะเท่ากับ 1,000 ปีในมิติเบื้องบน
กว่าจะถึงเวลานั้น ท่านพ่อกับท่านแม่ของเขาคงกลับบ้านเก่าแล้ว!
ทั้งคู่ใช้เวลาตามหาเขาถึง 20 ปี แต่เพิ่งมีเวลาได้อยู่ด้วยกันเพียงไม่กี่วันเท่านั้น เขาคงจะเป็นลูกชายที่อกตัญญูที่สุดในโลกถ้าปฏิเสธคำขอข้อนี้ของท่านพ่อกับท่านแม่
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปสรวงสวรรค์ด้วยกัน” จางเซวียนพยักหน้า “แต่ผมต้องยกระดับวรยุทธให้ท่านพ่อกับท่านแม่ก่อน!”
ในเมื่อเขาตัดสินใจแล้ว ก็ไม่มีอะไรให้ลังเลอีก จางเซวียนลงมือจัดการทันที
เขาสะบัดข้อมือและนำตัวโคลนของปรมาจารย์ขงที่ถูกพันธนาการไว้ออกมา
“คุณจะทำอะไรน่ะ?”
นึกไม่ถึงว่าจะถูกนำตัวออกมาอย่างปุบปับ ตัวโคลนของปรมาจารย์ขงมีลางสังหรณ์เลวร้ายทันทีว่าเรื่องแย่ๆกำลังจะเกิดขึ้น
“ตลอดเวลาที่ผ่านมา คุณเอาแต่คิดเรื่องขโมยหอสมุดเทียบฟ้าของผมไม่ใช่หรือ? คุณคงรู้นะ ยิ่งผมคิดเรื่องนั้นมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่ยุติธรรมเลยถ้าจะปล่อยให้ทุกอย่างจบไปดื้อๆแบบนั้น ถึงเวลาแล้วที่คุณจะต้องชดใช้!” จางเซวียนพูดพร้อมกับปล่อยรอยยิ้มเหี้ยมโหดออกมา สองมือของเขาค่อยๆยื่นเข้าหาตัวโคลนของปรมาจารย์ขง
ครู่ต่อมา ลูกทรงกลมที่ก่อตัวขึ้นจากพลังงานก็ปรากฏเหนือฝ่ามือของจางเซวียน เขากระดิกนิ้ว แล้วลูกทรงกลมนั้นก็แยกออกเป็น 2 ส่วน แต่ละส่วนพุ่งเข้าสู่ร่างของเซียนดาบชิงกับเซียนดาบเหมิง
จางเซวียนถ่ายทอดพละกำลังจากสวรรค์เข้าสู่ลูกพลังงานทรงกลมนั้นด้วย เพื่อคุ้มกันไม่ให้ทั้งคู่ได้รับบาดเจ็บ
ฟึ่บ!
ในชั่วพริบตา วรยุทธของเซียนดาบชิงเหมิงก็เพิ่มสูงขึ้นจากระดับเดิมที่เป็นนักปราชญ์โบราณขั้น 4
3 วันต่อมา ทั้งคู่ก็กลายเป็นนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์-สรวงสวรรค์ เหมือนกับจ้าวหย่าและคนอื่นๆ แต่เพราะได้ซึมซับพลังงานจากตัวโคลนของปรมาจารย์ขงโดยตรง ร่างกายของเซียนดาบชิงเหมิงจึงได้รับการขัดเกลาจากพลังงานสวรรค์ของอีกฝ่าย มีส่วนช่วยเพิ่มศักยภาพอีกมาก หากทั้งคู่มีรังสีสวรรค์มากพอ ก็จะฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นเทพเจ้าได้อย่างรวดเร็ว
“นี่คือศิลปะเพลงดาบที่ผมทำความเข้าใจได้สำเร็จแล้ว ตั้งใจศึกษามันให้ดี” จางเซวียนพูดขณะ ผนึกความเข้าใจในศิลปะเพลงดาบให้ตรึงแน่นในหัวสมองของทั้งคู่
ในฐานะผู้ที่สามารถไต่เต้าขึ้นไปเป็นสุดยอดของทวีปแห่งปรมาจารย์ ปฏิเสธไม่ได้ว่าความเชี่ยวชาญในศิลปะเพลงดาบของเซียนดาบชิงกับเซียนดาบเหมิงนั้นอยู่ในระดับน่าทึ่ง
ศิลปะเพลงดาบของทั้งคู่ค่อยๆพัฒนาได้ช้าลงและชะงักงันเมื่อตอนอยู่ในทวีปแห่งปรมาจารย์ แต่ความรู้ที่พวกเขาเพิ่งได้รับจากจางเซวียนเป็นเหมือนประตูหลายบานที่เปิดออกสู่โลกใบใหม่ ทั้งคู่ตัวสั่นด้วยความตื่นเต้นขณะที่ซึมซับความเข้าใจเรื่องศิลปะเพลงดาบของจางเซวียนเข้าไป นำไปสู่ประสิทธิภาพการต่อสู้ที่เพิ่มสูงขึ้นอีกมาก
“นายน้อย คุณพาผมไปด้วยได้ไหม? คราวนี้ผมจะทุ่มเทและตั้งใจฝึกฝนวรยุทธ ดูสิ! ตอนนี้ผมเป็นนักรบอมตะตัวจริงแล้ว ถึงจะยังไม่ได้เป็นนักรบอมตะขั้นสูง แต่ก็ไม่ห่างไกลกันเท่าไหร่” ซุนฉางกระมิดกระเมี้ยน
เขาเคยคิดว่าจะได้ใช้ชีวิตอยู่เคียงข้างจางเซวียน ได้เจอการผจญภัยมากมายและคุยโวโอ้อวดได้ตามใจ ใครจะไปคิดว่าจู่ๆอีกฝ่ายจะออกเดินทางสู่สรวงสวรรค์?
คราวนี้เขาตั้งใจแน่วแน่ว่าจะคว้าโอกาสไว้ให้ได้ จะไม่ยอมเป็นคนเดียวที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังอีก
“ได้สิ” จางเซวียนตอบโดยแทบไม่ลังเล
ซุนฉางอาจไว้ใจไม่ได้ในบางครั้ง แต่แน่นอนว่าเขาคือพ่อบ้านผู้มีประสิทธิภาพ มีประโยชน์มากกว่าเฉาเฉิงลี่หลายเท่า และที่ผ่านมา ก็ดูแลเหล่าศิษย์สายตรงกับท่านพ่อท่านแม่ของเขาอย่างดี
ในเมื่อเขาตัดสินใจพาคนอื่นไปด้วย ก็ไม่มีเหตุผลที่จะทิ้งซุนฉางไว้
จางเซวียนนำศพของนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์คนหนึ่งออกมา เขาสกัดพลังงานจากศพนั้นและถ่ายทอดให้ซุนฉาง ในเวลาเดียวกัน ก็เตรียมยาเม็ดอมตะมหัศจรรย์และทรัพยากรสำหรับการฝึกฝนวรยุทธทุกชนิดจำนวนมากเอาไว้ เพื่อให้แน่ใจว่าซุนฉางจะไม่ขาดแคลนทรัพยากรสำหรับการฝึกฝนวรยุทธ
ไม่นานซุนฉางก็ยกระดับวรยุทธไปเป็นนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์-สรวงสวรรค์ได้สำเร็จ
เมื่อทุกคนพร้อมออกเดินทาง จางเซวียนกล่าวอำลาหานเจี้ยนชิว คุ่ยเฉี่ยว ตู้ชิงหย่วน ฉิงหย่วน และคนอื่นๆ ก่อนจะพาสมาชิกทุกคนเข้าสู่มิติลี้ลับ
ด้วยการกระโจนผ่านมิติ พริบตาเดียวเขาก็มาอยู่เหนือโขดหินสมอสวรรค์ จากนั้นก็เข้าสู่สะพานเบื้องบน ไม่นานก็ถึงหอเทพเจ้า
พลังงานวนสีดำที่อยู่ใต้หอเทพเจ้ายังคงดุเดือดพลุ่งพล่านราวกับมีพายุใหญ่กระหน่ำอยู่โดยรอบ เกิดเป็นภาพที่ทำให้นักรบผู้สุขุมเยือกเย็นสักคนยังต้องชะงักฝีเท้า
จางเซวียนขับเคลื่อนพลังงานสวรรค์ เขารีบสร้างตาข่ายที่ถักทอกันอย่างเหนียวแน่นคลุมแหวนเก็บสมบัติของเขาไว้โดยใช้หัวใจสอดประสานเส้นด้ายพันปม ทำให้แน่ใจว่าจะไม่มีสิ่งใดทำอันตรายมันได้
เมื่อเข้าถึงระดับขั้นของเทพเจ้า จางเซวียนมั่นใจว่าเขาสามารถรับมือกับอันตรายส่วนใหญ่ที่มาขัดขวางได้ แต่เรื่องเดียวที่กังวลคือความปลอดภัยของทุกคนที่อยู่ในมิติลี้ลับ
ขณะที่จางเซวียนกำลังจะก้าวเข้าสู่พลังงานวน เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นในหู “ไม่จำเป็นต้องยุ่งยากขนาดนั้นหรอก ผมจะกลืนแหวนเก็บสมบัติลงไปและซ่อนตัวอยู่ในจุดตันเถียนของคุณ ต่อให้เกิดอันตราย คุณก็ไม่จำเป็นต้องกังวลถึงความปลอดภัยของแหวนเก็บสมบัติ เว้นเสียแต่จะพบอะไรบางอย่างที่แม้แต่คุณก็ไม่อาจเอาชนะได้…”
จางเซวียนตาโตเมื่อได้ยิน “แกรู้สึกตัวแล้วหรือ?”
ผู้ที่กำลังพูดกับเขาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากไก่น้อยซึ่งเกือบจะถูกย่างตอนที่เผชิญหน้ากับการทดสอบของเทพเจ้า
เขาไม่คิดว่าจู่ๆอีกฝ่ายก็จะพลันฟื้นคืนสติขึ้นมาในช่วงเวลาแบบนี้
จางเซวียนใช้การรับรู้จิตวิญญาณของเขาตรวจสอบไก่น้อย และพบว่าระดับวรยุทธของมันเพิ่มขึ้นอีกเพียง 1 ขั้นย่อยหลังจากเผชิญหน้ากับการทดสอบของเทพเจ้า ซึ่งชี้ให้เห็นความเชื่อมโยงบางอย่างกับข้อสันนิษฐานครั้งก่อนที่คาดเดาว่าอีกฝ่ายน่าจะยกระดับวรยุทธได้ด้วยการใช้เปลวเพลิงบ่มเพาะ
“ฉันจะทำตามที่แกบอก” จางเซวียนพยักหน้า
ความคิดที่ไก่น้อยเสนอนั้นปลอดภัยกว่าการที่เขาจะสวมแหวนเก็บสมบัติไว้เอง
แม้จะดูไม่ค่อยเอาไหน แต่เรื่องจริงก็คือไก่น้อยเข้าถึงระดับของเทพเจ้าแล้ว อันที่จริง ในแง่ของปริมาณพลังงานสวรรค์ ดูเหมือนมันจะมีมากกว่าเขาด้วยซ้ำ!
ฟึ่บ!
ไก่น้อยใช้จะงอยปากจิก จากนั้นก็รีบกลืนแหวนเก็บสมบัติของจางเซวียนลงไปก่อนจะดำดิ่งเข้าสู่จุดตันเถียนของเขาเพื่อพักยาว
“ไปกันเถอะ!”
จางเซวียนมุ่งตรงเข้าสู่พลังงานวนที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่ลังเล
ที่ใจกลางพลังงานวนมีทางเดินสีดำสนิทซึ่งดูเหมือนจะทอดยาวออกไปเรื่อยๆ ไม่ต่างกับหลุมดำที่ไร้ขอบเขต
มิติที่อยู่ในพลังงานวนแห่งนี้ดูเหมือนจะแตกหักพังทลาย มีคลื่นความสั่นสะเทือนของมิติจำนวนมากมายปล่อยพลังเกรี้ยวกราดอยู่ทั่วบริเวณ ต่อให้นักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์สักคนก็คงถูกเล่นงานจนกลายเป็นเถ้าธุลีทันทีที่ต้องเผชิญหน้ากับพละกำลังทำลายล้างของธรรมชาติ
แต่จางเซวียนเป็นเทพเจ้าแล้ว ทั้งยังสามารถทำความเข้าใจเทคนิควรยุทธที่เหนือชั้นกว่าแม้แต่ เคล็ดวิชาเทียบฟ้า นี่ไม่ได้หมายความว่าเขาทำสำเร็จได้โดยง่าย แค่อยู่ในวิถีทางที่พอจะรับมือไหว
จางเซวียนเดินหน้าต่อไปอีก 3 วัน ครอบคลุมระยะทางไกลเอาการ ก่อนที่คลื่นความสั่นสะเทือนของมิติครั้งใหญ่จะปรากฏตรงหน้า มันเหมือนกับคลื่นความสั่นสะเทือนที่เขาได้พบตอนที่เดินทางจากทวีปแห่งปรมาจารย์เข้าสู่มิติเบื้องบน
จางเซวียนบุกตะลุยฝ่าคลื่นความสั่นสะเทือนของมิติที่มีอานุภาพทำลายล้างเข้าไป เขารู้สึกทันทีว่าโลกรอบตัวหมุนติ้ว พลังงานแข็งแกร่งบางอย่างที่ไม่คุ้นตาก่อตัวขึ้นรอบๆตัวเขา จนต้องสร้างตาข่ายกระแสดาบฉีเพื่อปกป้องตัวเอง
อานุภาพทำลายล้างไร้ขอบเขตตรงเข้าทำลายตาข่ายกระแสดาบฉีของจางเซวียน พยายามจะฉีกเขาให้เป็นชิ้นๆ จางเซวียนกัดฟัน จากนั้นก็ขับเคลื่อนพละกำลังจากสรวงสวรรค์จนเต็มพิกัด เขากระโจนขึ้นสูงลิ่ว หายวับไปจากจุดนั้น