ตอนที่ 2182 คุณคิดจะฆ่าผม
“เป็นศิลปะเพลงดาบที่น่าทึ่งอะไรอย่างนี้!” ชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลังจางเซวียนอุทานด้วยความอัศจรรย์ใจ
เขายังสงสัยอยู่ว่าจางเซวียนมีไม้ตายแบบไหนที่ทำให้มั่นใจว่าจะรับมือกับอสูรเกราะเรืองแสงได้ ทั้งที่มีประสิทธิภาพการต่อสู้ต่างกันมาก แต่เมื่อได้เห็นศิลปะเพลงดาบ ก็รู้ทันทีว่าถึงจางเซวียนจะเป็นแค่นักรบระดับเทพเจ้าขั้นต่ำ แต่ความสามารถของเขาเทียบชั้นได้กับนักรบระดับเทพเจ้าขั้นสูงส่วนใหญ่เลยทีเดียว!
“ฮื่ออออ!”
เมื่อถูกตาข่ายที่ทำจากกระแสดาบฉีดักไว้ อสูรเรืองแสงคำรามกร้าวขณะตวัดกรงเล็บเข้าใส่ตาข่ายอย่างโกรธเกรี้ยว ด้วยพละกำลังทำลายล้างมหาศาล มันจึงเป็นอิสระได้ภายในไม่กี่วินาที
ทันทีที่ตั้งตัวติด มันก็พุ่งเข้าใส่จางเซวียนด้วยพละกำลังอันน่าสะพรึงและตวัดกรงเล็บใส่เขา
จางเซวียนคาดการณ์ไว้แล้ว จึงถอยไปหนึ่งก้าวเพื่อหลบการตวัดกรงเล็บ พร้อมกันนั้นก็หันไปพูดกับชายหนุ่มที่อยู่ข้างหลัง “ผมต้องการความช่วยเหลือ”
“ก็แหงล่ะ ไม่งั้นผมจะมาอยู่ที่นี่ทำไม?”
ดูเหมือนชายหนุ่มกำลังรอโอกาสที่จะได้พูดคำนี้ เขากระโจนออกไปด้วยเรี่ยวแรงมหาศาลและปล่อยหมัดเข้าใส่อสูรเกราะเรืองแสง
ในเวลาเดียวกัน จางเซวียนก็สำแดงศิลปะเพลงดาบเพื่อเล่นงานจุดอ่อนของมัน
อสูรเกราะเรืองแสงไม่ทันระวังตัวเพราะการปล่อยหมัดอย่างกะทันหันของชายหนุ่ม แต่เขาก็ถูกทุ่มเข้ากับผนังถ้ำ ทิ้งรอยยุบขนาดใหญ่เอาไว้
จางเซวียนรีบรุกคืบเพื่อปล่อยกระแสดาบฉี ตั้งใจจะไม่ปล่อยให้อสูรเกราะเรืองแสงได้มีเวลาหายใจ
ชายหนุ่มก็โจมตีอย่างไม่ลดละ เขาปล่อยหมัดชุดใหญ่เข้าใส่อสูรเกราะเรืองแสง จนถึงขนาดที่ 2 หมัดของเขาดูจะกลายเป็น 8 หมัด
ร่างกายของเขาแข็งแกร่งจนน่าทึ่ง
อสูรเกราะเรืองแสงพยายามดิ้นรนสุดชีวิตและเล่นงานชายหนุ่มได้ 2 ครั้ง แต่ก็ไม่อาจทำได้แม้แต่สร้างรอยขีดข่วนบนร่างกายของอีกฝ่าย
ภายใน 10 อึดใจ อสูรเกราะเรืองแสงก็รู้ตัวว่าไม่มีทางชนะการต่อสู้ครั้งนี้ได้ มันกระอักเลือดกองใหญ่ออกมา จากนั้นก็พุ่งออกจากถ้ำและหายวับไปในชั่วพริบตาท่ามกลางความมืดมิดยามค่ำคืน
“เยี่ยมเลย!”
เห็นเลือดกองใหญ่ที่ถูกทิ้งไว้ จางเซวียนถอนหายใจอย่างโล่งอกและรีบเก็บเลือดนั้นไว้ในขวดหยก
หลังจากเสร็จสิ้น ก็หันมาประสานมือให้ชายหนุ่ม “ขอบคุณมากที่ช่วยผม”
“ไม่จำเป็นต้องขอบอกขอบใจผมหรอก ในเมื่อผมรับความช่วยเหลือของคุณ ก็ควรทำอะไรตอบแทนบ้าง แค่มอบยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าแบบเดียวกับที่คุณให้ผมเมื่อครู่มาอีก 50 เม็ดก็พอ แล้วเราหายกัน!” ชายหนุ่มพูดขณะโบกมืออย่างวางมาด
“ยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้า 50 เม็ด?”
แต่ละเม็ดมีราคาถึง 1 เหรียญสวรรค์ และไม่ได้มีขายทั่วไปตามท้องตลาด การที่ชายหนุ่มเรียกร้องยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้า 50 เม็ดจากเขาเป็นการแลกเปลี่ยนก็ไม่ต่างอะไรกับการปล้น
ใครจะไปคิดว่าอีกฝ่ายจะละโมบโลภมากขนาดนี้?
“ก็ใช่น่ะสิ ถ้าเมื่อกี้ผมไม่ช่วยคุณ คุณถูกฆ่าตายไปแล้ว คุณคิดว่าชีวิตของคุณมีค่าเพียงแค่ยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้า 50 เม็ดหรือไง?” ชายหนุ่มย้อนถาม
“ผมเป็นแค่นักรบธรรมดาสามัญ จะมียาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าอยู่กับตัวจำนวนมากขนาดนั้นได้อย่างไร? เอาอย่างนี้ดีไหม? ผมจะมอบยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าที่ผมมีติดตัวในเวลานี้ทั้ง 10 เม็ดให้คุณหมดเลย…” จางเซวียนเสนอ
“คุณบอกว่าคุณมียาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าแค่ 10 เม็ด? ก็ได้ ขอดูหน่อยก็แล้วกัน!”
ชายหนุ่มโบกมือ จากนั้นก็ใช้พลังงานสวรรค์สกัดกั้นบริเวณโดยรอบไว้ ทำให้จางเซวียนหมดหนทางหลบหนี
“คุณจะทำอะไรน่ะ?” จางเซวียนขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ
“ก็ไม่มีอะไรมาก ผมแค่ตอบแทนบุญคุณเท่านั้น ในเมื่อคุณมาที่นี่เพื่อฆ่าผม ผมก็ทำแบบเดียวกันกับคุณ ก็ยุติธรรมดีนี่ ใช่ไหม?” ชายหนุ่มคำราม
“ฆ่าคุณ? คุณหมายความว่าอย่างไร? เมื่อครู่นี้ผมช่วยชีวิตคุณไว้นะ!”
“ช่วยชีวิตผม?” ชายหนุ่มหัวเราะลั่น “คุณบอกเองไม่ใช่หรือว่าคุณมาที่นี่เพื่อตามล่าอสูรเกราะเรืองแสง?”
จางเซวียนพยักหน้า
อ่านนิยาย
ชายหนุ่มคำรามลั่น “ผมนี่แหละคืออสูรเกราะเรืองแสง!”
พริบตาต่อมา ร่างของเขาก็เริ่มเปลี่ยนสภาพ เพียงครู่เดียวก็กลายร่างเป็นอสูรสวรรค์ขนาดมหึมาที่มีเกล็ดทั่วตัว
“คุณคืออสูรเกราะเรืองแสง?” จางเซวียนถึงกับผงะ “คุณเรียนรู้วิธีการแปลงร่างแล้วหรือ?”
เขารู้ว่าอสูรสวรรค์สามารถแปลงกายเป็นมนุษย์ได้ แต่ไม่คิดว่าจะเหนือชั้นถึงขนาดที่ตัวเขาไม่อาจมองทะลุการปลอมตัวของมัน
“ก็ใช่น่ะสิ คุณคิดจะฆ่าผม ผมก็ต้องฆ่าคุณเสียก่อน ยุติธรรมดีแล้วใช่ไหม?” อสูรเกราะเรืองแสงหัวเราะอย่างย่ามใจ
“ผู้ที่เลือกจะออกล่าก็ควรจะรู้ว่าตัวเขาอาจถูกล่าเช่นกัน มันยุติธรรมดีแล้ว” จางเซวียนพยักหน้า “แต่คุณไม่คิดบ้างหรือไงว่าผมจะไม่ระแวดระวังอะไรเลยหรือกับใครคนหนึ่งที่กล้าทำอาหารและนั่งดื่มคนเดียวกลางป่ายามค่ำคืน แถมร่างกายของคุณยังแข็งแกร่งถึงขนาดคว้าดาบระดับเทพเจ้าขั้นกลางได้ด้วยมือเปล่าและไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ…”
“ผมเห็นความแข็งแกร่งและไม้ตายทั้งหมดของคุณแล้ว คุณไม่เหลืออะไรอยู่ในมือแล้วล่ะ!” อสูรเกราะเรืองแสงคำรามเยาะ
เหตุผลที่มันพาจางเซวียนไปต่อสู้กับอสูรสวรรค์อีกตัวหนึ่งก็เพื่อจะดูว่าอีกฝ่ายทรงพลังแค่ไหน เมื่อเห็นแล้วว่าหมอนี่ไม่มีดีอะไรมากกว่าศิลปะเพลงดาบ ก็รู้สึกโล่งใจและตัดสินใจเปิดการโจมตี
“ผมไม่ปฏิเสธหรอกว่าผมมีพละกำลังไม่เพียงพอที่จะเอาชนะคุณ แต่โชคร้ายที่เมื่อครู่นี้คุณกินอะไรบางอย่างที่ไม่ควรจะกินเข้าไป” จางเซวียนตอบขณะเหยียดริมฝีปาก
พริบตาต่อมา นัยน์ตาของอสูรเกราะเรืองแสงก็เบิกโพลง เหงื่อเย็นๆเกาะพราวและไหลลงมาตามหน้าผาก ความเจ็บปวดแสนสาหัสแล่นเป็นริ้วๆขึ้นจากส่วนท้องของมัน ทำให้ร่างกายใหญ่โตนั้นสั่นสะท้านไม่หยุด
“ยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าที่คุณให้ผมมียาพิษปนเปื้อนหรือ?” อสูรเกราะเรืองแสงตัวแข็งเมื่อรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ มันกินแค่ยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้า 1 เม็ดที่จางเซวียนมอบให้ ซึ่งตอนนั้นก็ตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีอะไรผิดปกติก่อนจะกลืนมันลงไป…อีกฝ่ายใส่อะไรเข้าไปในยานั้นจริงๆหรือ?
แต่…
คลิก
ยาพิษแบบไหนกันที่ทำให้มันรู้สึกราวกับทั้งสรวงสวรรค์กำลังโถมทับเข้าใส่ ถึงขนาดที่อสูรเกราะเรืองแสงอย่างตัวมันก็ตอบโต้ไม่ไหว
“คุณนี่ฉลาดดีนะ” จางเซวียนตอบ
ในฐานะนักรบคนหนึ่งที่ฝ่าฟันจนก้าวขึ้นสู่ความเป็นสุดยอดของทวีปแห่งปรมาจารย์และทวีปที่ถูกลืม เขาผ่านอะไรมามากมายจนกระทั่งใครก็ตามที่บังอาจมองเขาเป็นเด็กชายโง่เง่าไร้เดียงสา สุดท้ายก็ล้วนต้องเสียใจที่ประเมินเขาต่ำไป
มนุษย์คนหนึ่งที่กล้านั่งดื่มกินอย่างเปิดเผยกลางป่าเขายามค่ำคืน สถานการณ์แบบนี้เรียกว่า ‘แสนจะน่าสงสัย’!
ด้วยเหตุนี้ จางเซวียนจึงเตรียมการไว้ล่วงหน้า
เขาถ่ายทอดกระแสพลังปราณเทียบฟ้าหลายสายไว้ในยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าที่มอบให้ชายหนุ่ม ถ้าอีกฝ่ายไม่แสดงเจตนาร้ายต่อเขา พลังปราณเทียบฟ้าก็จะช่วยขจัดสิ่งอุดตันในทางเดินพลังปราณและทำลายทุกด่านคอขวดที่ขวางทาง อีกทั้งธรรมชาติเฉพาะตัวของพลังปราณเทียบฟ้าที่ได้รับการยกระดับแล้วจะช่วยให้ชายหนุ่มคงความอ่อนเยาว์ไว้ได้ด้วย ถือเป็นลาภลอยครั้งใหญ่
แต่ถ้าอีกฝ่ายมีเจตนาร้าย พลังปราณเทียบฟ้าจะเปลี่ยนเป็นยาพิษร้ายแรงถึงตายในชั่วพริบตา มันจะออกฤทธิ์กัดกร่อนทุกส่วนในร่างกายของเขา เกิดเป็นความเจ็บปวดที่สุดแสนจะทนทาน
“ฮ่าฮ่า…ฮ่าฮ่าฮ่า! ไม่นึกเลยว่าผมจะโง่เง่าขนาดนั้น แต่คุณจะฉลองชัยชนะตอนนี้ก็ยังเร็วไปนะ เนื้อละมั่งกับไวน์ที่คุณกินเข้าไปเมื่อครู่นี้น่ะก็ปนเปื้อนยาพิษของผมเหมือนกัน ผมว่าเราคงต้องแลกยาถอนพิษกันแล้วล่ะ” อสูรเกราะเรืองแสงคำรามลอดไรฟัน
“เนื้อกับไวน์ปนเปื้อนยาพิษ?” จางเซวียนส่ายหัว “คุณคิดว่าผมจะเชื่อหรือ?”
เหนือสิ่งอื่นใด จางเซวียนก็เป็นกูรูยาพิษ เขาดูออกอย่างง่ายดายว่าสิ่งไหนมียาพิษเจือปนหรือไม่ เห็นชัดๆว่าอสูรเกราะเรืองแสงกำลังพยายามปั่นหัวเขา
“อันที่จริงน่ะ ไวน์ของผมไม่มียาพิษเจือปนหรอก แต่มันทำจากผลไม้พิเศษชนิดหนึ่งซึ่งเหมาะสมเฉพาะกับพวกเราเหล่าอสูรเกราะเรืองแสงเท่านั้น ถ้าคนอื่นกินเข้าไป แม้ในตอนแรกจะไม่ก่อให้เกิดปัญหาอะไรมากมาย แต่ภายในครึ่งวัน ทั้งเนื้อทั้งตัวของเขาจะถูกปกคลุมด้วยเกล็ด ความคันคะเยออย่างสุดแสนจะทนทานจะแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย คุณคงรู้นะว่าการใช้ชีวิตที่เลวร้ายเสียยิ่งกว่าความตายน่ะเป็นอย่างไร” อสูรเกราะเรืองแสงพูด
“ขอแค่คุณมอบยาถอนพิษของคุณให้ผม ผมก็จะสอนคุณว่าคุณจะรักษาพิษนั้นได้อย่างไร ไม่เพียงเท่านั้นนะ ผมยังจะปล่อยให้คุณจากไปอย่างปลอดภัยด้วย” อสูรเกราะเรืองแสงพูด
“ไม่ต้อง” จางเซวียนขัดด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด
“คุณไม่เชื่อผมหรือ?”
“ไม่นะ ตรงกันข้ามเลยล่ะ ผมเชื่อทุกอย่างที่คุณพูดมา ขอบคุณที่บอก เพราะผมเพิ่งถอนพิษไปเมื่อครู่นี้เอง” จางเซวียนตอบ
อสูรเกราะเรืองแสงตาโตด้วยความไม่อยากเชื่อ มันส่ายหัวและยิ้มออกมา “ผมรู้ว่าคุณกำลังทำอะไร คิดจะเกทับผมใช่ไหม ไม่ได้ผลหรอก”
เห็นอสูรเกราะเรืองแสงยังหลงละเมอ จางเซวียนถอนหายใจเฮือก “ไวน์ของคุณน่ะหมักด้วยผลจื้อเจินซึ่งพบได้เฉพาะในหุบเขาเมฆบัง มันทำหน้าที่บ่มเพาะความแข็งแกร่งให้เกล็ดของคุณ และเพราะเหตุนั้น คุณจึงออกจากหุบเขาแห่งนี้ไม่ได้ คุณก็รู้นี่ว่าประสิทธิภาพการป้องกันตัวที่ไม่มีใครเทียบได้ของคุณจะกลายเป็นแค่เรื่องตลกดีๆนี่เองหากไม่มีผลจื้อเจินให้กิน”
“คุณ…” อสูรเกราะเรืองแสงถึงกับผงะ
หมอนี่เป็นปีศาจหรือเปล่า?
รู้ความลับที่มันเก็บซ่อนมาตลอดได้อย่างไร?
เจ้าเมืองตะวันรอนเคยพยายามทำให้มันยอมจำนนครั้งหนึ่ง ซึ่งข้อเสนอของเขาก็น่าสนใจไม่เบา หากเป็นในอดีต มันคงปฏิเสธไปแล้วโดยไม่ลังเล
แต่ในยุคสมัยที่พลังจิตวิญญาณขาดแคลนแบบนี้ อสูรเกราะเรืองแสงรู้ดีว่านับวันร่างกายของมันก็มีแต่จะอ่อนแอลงเรื่อยๆหากยังปักหลักอยู่ในหุบเขา มองไม่เห็นอนาคตเลยสักนิด
แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ยังตัดสินใจปฏิเสธข้อเสนอของเจ้าเมือง ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะผลจื้อเจิน!
ผลไม้ชนิดนี้คือกุญแจที่นำไปสู่ประสิทธิภาพการป้องกันตัวอันเหนือชั้น ขอแค่มันได้กินผลจื้อเจินอยู่เรื่อยๆ ก็จะแข็งแกร่งกว่าเดิม แต่เมื่อไรก็ตามที่หยุดกิน เกล็ดของมันจะค่อยๆสูญเสียความแข็งแรงทนทานไป ทำให้ประสิทธิภาพการป้องกันตัวลดลงด้วย
ซึ่งการบ่มเพาะผลจื้อเจินก็ทำได้โดยใช้เลือดของมันเท่านั้น ทันทีที่มันออกจากหุบเขาเมฆบัง ผลจื้อเจินจะเหี่ยวแห้งและตายอย่างรวดเร็ว มันจึงต้องพำนักอยู่ที่นี่
นี่คือความลับสุดยอดที่มันตั้งใจจะปกปิดไว้จากทุกคนในโลกใบนี้ จึงพร้อมเล่นงานใครก็ตามที่บุกรุกเข้ามาในหุบเขาเพื่อขับไล่คนเหล่านั้นออกไป
แต่ชายหนุ่มรู้ความลับของมัน!
เรื่องนี้เป็นไปได้อย่างไรกัน?