จางเซวียนมองฝูงชนด้านล่างที่กำลังฮึกเหิม เขายิ้มออกมาด้วยความพอใจ ดูเหมือนการจัดงานวันนี้จะประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่
ขณะที่เขากำลังจะประกาศจบงาน นัยน์ตาก็พลันเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น
เหตุผลหลักที่เขาเปิดตัวยาเม็ดทั้งสามขนานก็เพื่อเรียกกระแสจิตปรารถนาที่นำมาซึ่งการยกระดับวรยุทธของจิตวิญญาณ เขาคิดว่าคืนนี้คงก้าวข้ามด่านคอขวดไปเป็นนักรบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูงได้ แต่ใครจะไปรู้ว่าจะฝ่าด่านวรยุทธได้ทันทีในเวลานี้!
จางเซวียนกลืนยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นสูงที่มีอยู่ในแหวนเก็บสมบัติลงไป อึดใจต่อมา ระดับวรยุทธของพลังปราณก็พุ่งพรวด
เทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูง, สำเร็จแล้ว!
ด้วยความยินดีปรีดากับผลที่ได้ จางเซวียนยิ้มกว้างให้ฝูงชนที่อยู่ด้านล่างและพูดต่อ “ต่อไป ไม่ว่าพวกคุณจะต้องการยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธ ยาเม็ดเพิ่มความงาม หรือแคปซูลถ่ายทอดพลัง ก็ซื้อหาได้ที่ร้านยาเม็ดจางเซวียน!”
เพราะเขาบรรลุเป้าหมายแล้ว จึงโยนทุกอย่างกลับไปให้ฉีหลิงเอ๋อจัดการ จางเซวียนกระโจนขึ้นขี่อสูรสวรรค์สร้างบินได้โดยไม่ลังเลและกลับบ้านพัก
ถึงวันนี้เขาจะเปิดตัวเต็มที่ แต่ก็ทำไปเพราะสถานการณ์บีบบังคับ เนื้อแท้ของเขายังคงเป็นคนนอบน้อมและถ่อมเนื้อถ่อมตัวเหมือนเดิม ดังนั้น เมื่อบรรลุเป้าหมายแล้ว ก็เป็นธรรมดาที่จะรีบออกจากสปอตไลท์โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ทันทีที่จางเซวียนกลับถึงห้องและทรุดตัวลงนั่ง ซุนฉางก็รีบเข้ามารายงาน “นายน้อย ชายคนหนึ่งชื่อฟู่เจียงเฉินรออยู่ที่ประตูทางเข้า เขาขอพบคุณ”
“เชิญเขาเข้ามา!”
จางเซวียนลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่เพื่อพบแขกของเขา
เขารู้จักตัวตนของฟู่เจียงเฉินจากเสียงซุบซิบพูดคุยของฝูงชนเมื่อครู่ก่อน ในเมื่ออีกฝ่ายช่วยเขาไว้ ก็เป็นธรรมดาที่จะต้องให้การต้อนรับอย่างดี
ถ้าชายผู้นี้ไม่เสนอตัวเข้ามา ยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธก็คงไม่อาจเอาชนะใจฝูงชนและได้การยอมรับรวดเร็วขนาดนั้น
“นักปรุงยาจาง!”
ฟู่เจียงเฉินทักทายจางเซวียนก่อนจะหาที่นั่ง เขาสำรวจชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าด้วยความอยากรู้
ชายหนุ่มปกปิดวรยุทธของตัวเองไว้อย่างดี ขณะที่คนอื่นอาจระบุชัดไม่ได้ แต่เขาดูออกว่าอีกฝ่ายเป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูงแล้ว กระแสพลังงานที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของเขาก็น่าสะพรึงมาก ในแง่พละกำลัง ชายหนุ่มอาจเทียบชั้นกับตัวเขาซึ่งเป็นราชันย์เทพเจ้าได้เลยทีเดียว!
ไม่ว่าจะเป็นประสิทธิภาพการต่อสู้ ความสามารถในฐานะนักปรุงยา หรือทักษะการทำธุรกิจ ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าชายหนุ่มคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา
“เป็นเกียรติของผมที่คุณแวะมาเยี่ยม นักปรุงยาฟู่” จางเซวียนพูดอย่างสุภาพ
“เราเป็นนักปรุงยาเหมือนกัน ไม่ต้องมีพิธีรีตองกับผมหรอก ผมแวะมาเพื่อหวังว่าเราอาจแบ่งปันความรู้เรื่องการหลอมยาให้กันและกันได้” ฟู่เจียงเฉินพูด
“ผมยิ่งกว่ายินดีที่จะได้พูดคุยกับคุณ” จางเซวียนตอบยิ้มๆ
ศิลปะการหลอมยานั้นทั้งกว้างขวางและลึกซึ้ง
จางเซวียนประสบความสำเร็จสูงสุดเรื่องการปรุงยาตั้งแต่เมื่อครั้งที่ยังอยู่ในทวีปแห่งปรมาจารย์ แม้การหลอมยาในสรวงสวรรค์จะแตกต่างจากทวีปแห่งปรมาจารย์อยู่บ้าง แต่หลักการพื้นฐานก็เหมือนกัน เขาจึงสามารถแลกเปลี่ยนความรู้เรื่องการหลอมยากับฟู่เจียงเฉินได้โดยไม่ลำบากอะไร
ผ่านไปเพียงไม่นาน ฟู่เจียงเฉินก็รู้สึกประทับใจในตัวอีกฝ่าย มีช่วงเวลาหนึ่งที่เขารู้สึกว่าอยากยอมรับชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเป็นอาจารย์
เขามีชื่อเสียงในฐานะนักปรุงยาหมายเลข 1 ก็จริง แต่ก็รู้ตัวว่ายังห่างไกลนักกับความเป็นเลิศ
เขาเคยได้รับเกียรติให้พบราชันพิชิตสวรรค์ครั้งหนึ่ง ซึ่งทั้งคู่ก็แลกเปลี่ยนภูมิปัญญาเรื่องการหลอมยาต่อกันและกัน จากบทสนทนาครั้งนั้น เขารู้ทันทีว่าจอมราชันย์พิชิตสวรรค์คือบรมครูตัวจริงด้านการหลอมยา ไม่เป็นการพูดเกินจริงหากจะบอกว่าทักษะของเขาไม่มีใครเทียบได้
และตอนนี้ หลังจากได้สนทนาเรื่องการหลอมยาแบบลงรายละเอียดลึกซึ้ง ฟู่เจียงเฉินก็รู้ว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่ได้อ่อนด้อยกว่าจอมราชันย์พิชิตสวรรค์เลย!
ไม่น่าเชื่อว่าคนหนุ่มอายุเพียง 20 ต้นๆจะมีทักษะที่เหนือชั้นจนเทียบได้กับจอมราชันย์พิชิตสวรรค์
เขาฝึกฝนจนประสบความสำเร็จขนาดนี้ได้อย่างไร?
หลังจากคุยกันไปครู่หนึ่ง ฟู่เจียงเฉินก็เอ่ยอย่างกระอักกระอ่วน “นักปรุงยาจาง ถ้าคุณไม่รังเกียจล่ะก็ คุณยังมียาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธที่พอจะขายให้ผมบ้างไหม? ผมยินดีซื้อราคาเต็ม!”
อันที่จริง นี่คือเป้าหมายหลักของเขา
ในเมื่อมียาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธวางขายเพียง 100 เม็ด ก็คงดูไม่เหมาะสมหากนักปรุงยาผู้โด่งดังอย่างตัวเขาจะเข้ายื้อแย่งกับฝูงชน เพราะคิดแบบนั้น ฟู่เจียงเฉินจึงตัดสินใจมาพบจางเซวียนเป็นการส่วนตัว หวังว่าจะขอซื้อยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธจากอีกฝ่าย
แน่นอนว่าเป้าหมายของเขาไม่ใช่การใช้ยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธ แต่เพื่อศึกษามัน
“ไม่มีปัญหา” จางเซวียนตอบ
เขาโบกมือ จากนั้นซุนฉางก็นำขวดหยกใบหนึ่งเข้ามา
ฟู่เจียงเฉินเปิดจุกขวด เห็นยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธ 10 เม็ดอยู่ภายใน
เขาหน้าแดงด้วยความตื่นเต้น จากนั้นก็รีบนำบัตรใบหนึ่งออกมา “นี่คือเงิน 150,000 เหรียญสวรรค์…”
“อ๋อ ไม่เป็นไร คุณไม่ต้องจ่ายผมหรอก ว่าแต่…นักปรุงยาฟู่ คุณมียาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นสูงสุดอยู่กับตัวบ้างไหม? ผมจะยินดีมากทีเดียวหากคุณขายมันให้ผมสักหน่อย” จางเซวียนพูด
เขารู้สึกได้ว่ายาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นสูงที่มีอยู่มีประสิทธิภาพลดลงมาก ถึงขนาดที่เขาจำเป็นต้องเปลี่ยนไปใช้ยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นสูงสุดหากจะฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นราชันย์เทพเจ้า
แต่ปัญหาเดียวก็คือยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นสูงสุดนั้นมีมูลค่าสูงลิ่ว และใช้ได้ผลดีแม้แต่กับราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติ ดังนั้น นอกจากราคาจะสูง ยังหายากมากด้วย
ในเมื่อฟู่เจียงเฉินคือผู้โด่งดังในฐานะนักปรุงยาหมายเลข 1 ของสรวงสวรรค์ เขาก็น่าจะหลอมยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นสูงสุดที่หายากนี้ได้สบาย
ถ้าหาซื้อจากอีกฝ่ายได้ ต่อไปก็คงลดความยุ่งยากได้มาก ขอแค่เขายกระดับวรยุทธไปเป็นราชันย์เทพเจ้าได้สำเร็จ ก็คงมีพละกำลังมากพอที่จะแทรกซึมเข้าไปเป็นหนึ่งในชนชั้นนำของสรวงสวรรค์
“ยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นสูงสุด? ได้สิ ผมพอมี…” ฟู่เจียงเฉินอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า
จำนวนนักปรุงยาในสรวงสวรรค์ที่หลอมยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นสูงสุดได้มีไม่ถึงหยิบมือ แต่เขาคือหนึ่งในนั้น แถมยังอยู่ในอันดับต้นๆด้วย
ฟู่เจียงเฉินสะบัดข้อมือ จากนั้นก็ยื่นขวดหยกใบหนึ่งให้จางเซวียน “ยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นสูงสุดเป็นยาเม็ดขั้นสูง สมุนไพรที่ใช้ในการหลอมยาก็เป็นแหล่งทรัพยากรที่หายากมาก แม้แต่ตัวผมก็ยังต้องสละเวลาและใช้ความพยายามอย่างหนักกว่าจะหลอมได้สักเม็ด ตอนนี้ผมมีติดตัวอยู่ 3 เม็ดเท่านั้น”
“แค่นั้นก็พอแล้ว…”
จางเซวียนแทบซ่อนความผิดหวังไม่มิดเมื่อรู้ว่าฟู่เจียงเฉินมีแค่ 3 เม็ด แต่ก็รีบยิ้มกลบเกลื่อน เขารับขวดหยกพร้อมกับเรียกซุนฉางให้เข้ามามอบเงิน
“นี่คือเงิน 2,900,000 เหรียญสวรรค์ กรุณารับไว้ด้วย” ซุนฉางยื่นบัตรใบหนึ่งให้ฟู่เจียงเฉินอย่างนอบน้อม
ราคายาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าจะพุ่งขึ้นไปเป็นร้อยเท่าในแต่ละระดับขั้น – 1 เหรียญสวรรค์สำหรับยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นต่ำ, 100 เหรียญสวรรค์สำหรับยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นกลาง, 10,000เหรียญสวรรค์สำหรับยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นสูง และ 1,000,000 เหรียญสวรรค์สำหรับยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นสูงสุด!
นั่นคือราคาที่ต้องจ่าย ซึ่งหากเปรียบเทียบกัน ราคายาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธที่จางเซวียนตั้งไว้ก็ไม่ได้แพงเลย
ฟู่เจียงเฉินให้โจวเฟิงรับบัตรไว้ก่อนจะลุกขึ้นยืน เขาบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจแล้ว จึงสมควรแก่เวลาที่จะกล่าวอำลา
“นักปรุงยาฟู่ กรุณารอสักครู่เถอะ” จางเซวียนพูดขณะลุกขึ้นยืนเช่นกัน
ฟู่เจียงเฉินหันมาถามอย่างงงๆ “คุณต้องการอะไรจากผมหรือ นักปรุงยาจาง?”
“เอ่อ…ผมไม่รู้จริงๆว่าจะเริ่มอย่างไร” จางเซวียนตอบอย่างลังเลขณะพยายามเรียบเรียงคำพูด “นักปรุงยาฟู่คือผู้เชี่ยวชาญระดับราชันย์เทพเจ้า แถมยังเป็นนักปรุงยาผู้โด่งดัง ผมเชื่อว่าคุณคงเคยไปเยือนสถานที่ต่างๆในสรวงสวรรค์มาแล้วหลายแห่ง และได้รู้ได้เห็นอะไรมาไม่น้อย มีบางอย่างที่ผมอยากถามคุณ…”
จางเซวียนหวังว่าชายชราผู้นี้จะรู้เรื่องของหลัวลั่วชิงบ้าง
นักปรุงยาที่สามารถหลอมยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นสูงสุดที่ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติต้องการย่อมได้รับความเคารพในฐานะวีไอพีไม่ว่าจะไปที่ไหน เขาจึงน่าจะรู้ความลับบางอย่างที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้
“นักปรุงยาจาง ถามมาเลย ผมพร้อมตอบคำถามของคุณหากเป็นเรื่องที่ผมรู้” ฟู่เจียงเฉินพูดยิ้มๆ
เขาเดินทางไปทั่วทั้งสรวงสวรรค์ตลอดหลายพันปีที่ผ่านมา และภาคภูมิใจในฐานะผู้รอบรู้เรื่องราวต่างๆที่เกี่ยวข้องกับสรวงสวรรค์
“ผมอยากรู้ข่าวคราวของคนคนหนึ่งที่ผมรู้จัก ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด อย่างน้อยเธอน่าจะเป็นราชันย์เทพเจ้า ชื่อของเธอคือหลัวลั่วชิง!” จางเซวียนพูดอย่างคาดหวัง
“หลัวลั่วชิง?” ฟู่เจียงเฉินขมวดคิ้ว “ผมรู้จักชื่อราชันย์เทพเจ้าทุกคนใน 9 น่านฟ้า แต่ไม่รู้จักใครที่ใช้ชื่อนั้นเลย…”
สรวงสวรรค์มีราชันย์เทพเจ้าราว 100 คนเท่านั้น การจดจำชื่อทุกคนจึงไม่ใช่เรื่องยาก เขาแน่ใจว่าไม่มีใครใช้ชื่อ ‘หลัวลั่วชิง’
ส่วนจางเซวียนก็ขมวดคิ้ว
เขาเข้าใจผิดหรือ? หลัวลั่วชิงไม่ใช่ราชันย์เทพเจ้าหรือไง?
หรือว่าเธอเป็นแค่เทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูงเหมือนตัวเขา?
แล้วราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติกับจอมราชันย์ล่ะ…
พูดตามตรง เขาไม่กล้าคิดไปไกลขนาดนั้น!
เห็นสีหน้ากังขาของจางเซวียน ฟู่เจียงเฉินเสริม “เป็นไปได้ไหมว่าคุณเข้าใจผิด? ถ้าเธอเป็นราชันย์เทพเจ้าจริงๆล่ะก็ ผมต้องเคยได้ยินชื่อเธอแล้ว คุณจำข้อมูลอื่นๆเกี่ยวกับตัวเธอได้ไหม?”
จางเซวียนครุ่นคิด “ครั้งหนึ่งเธอเคยบอกผมว่าเธอคือเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณ”
เขาเคยเดาว่าชื่อหลัวลั่วชิงน่าจะเป็นชื่อปลอม และดูเหมือนจะคิดถูก
“เทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณ?” ฟู่เจียงเฉินหรี่ตาด้วยความไม่อยากเชื่อ เขาถามต่ออย่างร้อนรน “คุณแน่ใจหรือเปล่า? เธอบอกคุณด้วยตัวเองหรือคุณรู้จากคนอื่น?”
จางเซวียนก็ชะงักกับปฏิกิริยาของฟู่เจียงเฉิน เขารีบตอบ “เธอบอกผมเอง”
เขาเคยถามหลัวลั่วชิงว่าเธอคือเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณหรือเปล่า ซึ่งเธอก็ยอมรับ นั่นย่อมหมายความว่าเธอบอกเขาด้วยตัวเอง
“เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่?” ฟู่เจียงเฉินรุก เขาตื่นเต้นอย่างหนักจนหายใจถี่กระชั้น
“เกิดขึ้นเมื่อไหร่?” จางเซวียนรีบคำนวณตามกระแสกาลเวลาของสรวงสวรรค์และตอบว่า “เมื่อราว 1 เดือนก่อน…”
รวมแล้ว ระยะเวลาที่เขาอยู่ในทวีปแห่งปรมาจารย์กับมิติเบื้องบนก็เท่ากับเพียง 1 วันของสรวงสวรรค์