“ถ้าอย่างนั้น ขอเชิญนายแพทย์ทุกคนที่ได้รับการเสนอชื่อขึ้นมาบนเวที!” ซุนเชี่ยนพูด
ไม่ช้า นายแพทย์ทุกคนที่ได้รับการเสนอชื่อก็มารวมตัวกัน มีทั้งหมด 8 คน พวกเขาคือนายแพทย์ที่โดดเด่นที่สุดในเมืองหลวงแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อน ทุกคนได้ทำคุณงามความดีมากมายให้กับโลกใบนี้
ซุนเชี่ยนมองไปรอบๆ “มีใครอยากเข้าร่วมการประลองอีกไหม? ขอแค่คุณได้ชัยชนะ ก็จะได้รับโอกาสให้เป็นตัวแทนของน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อนเข้าสู่การท้าทายน่านฟ้าแห่งมังกรเมฆ”
ได้ยินคำนั้น ฉีหลิงเอ๋อหันมาถามจางเซวียน “นายน้อยจาง คุณคิดจะเข้าร่วมการประลองไหม?”
พูดกันตามตรง เธอก็ไม่รู้ว่าชายหนุ่มมีความเชี่ยวชาญเรื่องการรักษาโรคแค่ไหน แต่เพราะรู้ว่าชายหนุ่มคนนี้มีสายเลือดจอมราชันย์ จึงไม่กล้าสบประมาทความสามารถของเขา เธอจึงตัดสินใจถามความเห็นของอีกฝ่าย
“แน่นอน ผมจะเข้าร่วมการประลองด้วย” จางเซวียนตอบยิ้มๆ
วัตถุประสงค์หลักของเขาในการเอาชนะการประลองครั้งนี้ก็เพื่อให้ได้รับสิทธิ์ในการใช้ค่ายกลทะลุมิติขนาดใหญ่ เขาจะปล่อยให้โอกาสที่อยู่ต่อหน้าต่อตาหลุดมือไม่ได้
“ถ้าอย่างนั้น…” ได้ฟังคำตอบ ฉีหลิงเอ๋อก้าวออกไปและประกาศ “นายน้อยของเราอยากเข้าร่วมการประลองด้วย!”
เสียงของเธอดังก้องและทรงอำนาจ ดึงดูดทุกสายตาให้หันมาจับจ้องทันที
“คุณหลิงเอ๋อ, คุณ…”
นายแพทย์หวังฉิงที่อยู่บนเวทีมองเธออย่างสงสัย
ในฐานะนายแพทย์ประจำตระกูลฉี เขารู้ดีเรื่องการเปลี่ยนขั้วอำนาจที่เพิ่งเกิดขึ้นในตระกูลฉีเมื่อไม่นานมานี้ อีกทั้งยังเคยพบฉีหลิงเอ๋อหลายครั้ง รู้ดีว่าตอนนี้เธอได้รับความสำคัญจากผู้หลักผู้ใหญ่ในตระกูลฉีมากแค่ไหน
แล้วนายน้อยที่เธอพูดถึงเมื่อครู่นี้เป็นใครกัน? หรือเธอกำลังหมายถึงอัจฉริยะผู้มีชื่อเสียงโด่งดังอีก 2-3 คนของตระกูลฉี? แต่เขาได้เห็นการเติบโตของลูกหลานรุ่นหลังทุกคนของตระกูลฉี ยังไม่พบว่ามีใครที่เชี่ยวชาญเรื่องการรักษาโรคเลย
ด้วยเหตุนี้ จึงอดงุนงงไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น เขามองไปรอบห้อง แต่ดูเหมือนจะไม่มีสมาชิกตระกูลฉีเลยสักคน
“ไม่ทราบว่านายน้อยที่คุณพูดถึงคือใคร?” นายแพทย์หวังฉิงตั้งคำถาม
“ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากนายน้อยจางเซวียน” ฉีหลิงเอ๋อตอบ
“จางเซวียน?”
“เธอกำลังหมายถึงผู้คิดค้นยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธหรือเปล่า?”
“เดี๋ยวก่อน ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างเธอคือจางเซวียนใช่ไหม? ฉันอยู่ที่งานวันนั้นเหมือนกัน ค่อนข้างแน่ใจว่าเขาหน้าตาแบบนี้”
“คุณพูดถูก! ชายหนุ่มคนนั้นคือจางเซวียนจริงๆ แต่…เขาเป็นนักปรุงยาไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงมาร่วมการประลองของพวกเรา? นายแพทย์กับนักปรุงยาใช้สมุนไพรเหมือนกันก็จริง แต่ก็เป็นสองอาชีพที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง!”
“แต่คุณลองคิดดูนะ ทั้งยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธกับยาเม็ดเพิ่มความงามล้วนมีประสิทธิภาพในการเยียวยาความบอบช้ำภายใน แปลว่าเขาน่าจะมีความรู้เรื่องวิถีทางของการรักษาโรคด้วย”
ด้วยชื่อเสียงที่แพร่สะพัดออกไปของยาเม็ดเพิ่มความงามและยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธ จึงแทบไม่มีใครสักคนในเมืองหลวงที่ไม่เคยได้ยินชื่อของจางเซวียน แน่นอนว่ารวมถึงสมาคมนายแพทย์
พวกเขาให้ความเคารพชายหนุ่มที่คิดค้นยาเม็ดที่มีอานุภาพราวปาฏิหาริย์ แต่ในฐานะนักปรุงยา ทำไมชายหนุ่มถึงมาเข้าร่วมการประลองนายแพทย์แทนที่จะเป็นการประลองของสมาคมนักปรุงยา?
“คุณเป็นนายแพทย์หรือ?” ซุนเชี่ยนถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
จางเซวียนพยักหน้า “ผมเคยอ่านหนังสือเรื่องการรักษาโรคมาบ้าง และเคยรักษาคนไข้จำนวนหนึ่ง”
“คุณผ่านการทดสอบคุณสมบัติของการเป็นนายแพทย์หรือยัง?” ซุนเชี่ยนถามต่อ
“ผมยังไม่มีโอกาสเข้ารับการทดสอบเลย” จางเซวียนตอบ
เขาเป็นนายแพทย์ระดับ 9 ดาวเมื่อครั้งยังอยู่ในทวีปแห่งปรมาจารย์ แต่แน่นอนว่าตัวตนนั้นคงไม่ได้การยอมรับในสรวงสวรรค์
“นายน้อยจาง ผมยำเกรงความสามารถของคุณในฐานะนักปรุงยา แต่ผมรู้สึกว่าคุณกำลังดูถูกสมาคมนายแพทย์ของเรา ผู้ที่ไม่มีแม้แต่ใบอนุญาตนายแพทย์จะเป็นตัวแทนของพวกเราได้อย่างไร? นี่คุณกำลังเย้ยหยันสมาคมนายแพทย์ว่าไร้ความสามารถเสียจนต้องให้นักปรุงยาคนหนึ่งเข้าร่วมการประลองแทนเราอย่างนั้นหรือ?” ซุนเชี่ยนโบกมืออย่างหงุดหงิด
“ประธานซุน ผมไม่ได้คิดแบบนั้น” จางเซวียนตอบพร้อมกับขมวดคิ้ว “ผมรู้ดีว่าคำพูดของผมไม่น่าเชื่อถือเพราะผมยังไม่มีใบอนุญาตนายแพทย์ แต่ผมก็มั่นใจในทักษะการรักษาโรคของผมนะ ถ้าเป็นแบบนั้น ผมก็พร้อมจะเข้ารับการทดสอบใบอนุญาตนายแพทย์เดี๋ยวนี้เลย เชื่อว่าคงไม่ต้องใช้เวลานานหรอก”
“คุณพร้อมเข้ารับการทดสอบเดี๋ยวนี้? ผมรู้ว่าพูดแบบนี้อาจฟังดูไม่ดี แต่คุณคิดว่าผมจะไว้วางใจใครสักคนที่เพิ่งได้รับใบอนุญาตนายแพทย์ให้เป็นตัวแทนสมาคมนายแพทย์ของเราหรือ?”ซุนเชี่ยนหน้าดำคร่ำเครียด
“นายแพทย์ส่วนใหญ่ที่รวมตัวกันอยู่ที่นี่ล้วนฝึกฝนทักษะการรักษาโรคมาหลายสิบปีแล้ว และตามสถิติของพวกเขา เรารู้เลยว่าสามารถไว้วางใจในความเก่งกาจของพวกเขาได้ และทุกคนก็เตรียมตัวพร้อมเพื่อการประลองครั้งนี้ ต่อให้คุณมีทักษะเชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคอย่างที่คุณบอก ผมก็เกรงว่าคงไม่อาจอนุญาตให้คุณเข้าร่วมการประลองได้ เอาไว้คราวหน้าก็แล้วกัน”
“นักปรุงยาจาง พวกเราชื่นชมคุณที่นำยาเม็ดเพิ่มความงามกับยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธมาสู่โลกใบนี้ แต่การเป็นนายแพทย์นั้นแตกต่างจากนักปรุงยามาก ความรู้ของทั้งสองอาชีพไม่อาจถ่ายทอดถึงกันได้อย่างสมบูรณ์หรอก”
“ถ้าคุณหลอมยาผิดพลาด ก็นำสมุนไพรชุดใหม่มาหลอมอีกครั้งได้ แต่ถ้าคุณรักษาคนไข้ผิดพลาด นั่นหมายถึงการสูญเสียชีวิต คุณจะกดปุ่มเริ่มต้นใหม่และพยายามอีกครั้งไม่ได้นะ!”
“พวกเราขอบคุณในความกระตือรือร้นของคุณที่จะช่วยเราเอาชนะพวกน่านฟ้ามังกรเมฆ แต่คุณไม่ใช่คนที่พวกเราตามหา เอาใจใส่กับการหลอมยาของคุณก็พอ ดีไหม? อย่ามาป่วนสมาคมนายแพทย์ของเรา…”
นายแพทย์หวังฉิงกับนายแพทย์คนอื่นพยายามบอกปัดการตัดสินใจของจางเซวียน
จางเซวียนไม่รู้จะพูดอย่างไร
สิ่งที่ประธานซุนเชี่ยนพูดก็มีเหตุผล การประลองครั้งนี้คือชื่อเสียงของน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อน ต่อให้เขาผ่านการทดสอบใบอนุญาตนายแพทย์และพิสูจน์ความสามารถของตัวเองได้ ก็ยากที่จะสร้างความน่าเชื่อถือให้เกิดกับนายแพทย์คนอื่นๆ อีกอย่าง แต่ละคนก็ล้วนมีสถิติการรักษาอันยาวนาน ขณะที่ตัวเขาแทบไม่มีอะไรเลย
จากมุมมองของคนเหล่านั้น พวกเขาคงรู้สึกว่าเสี่ยงมากหากจะเสนอชื่อเขา
“ขออภัยด้วยที่รบกวนพวกคุณ ผมขอตัว…” จางเซวียนส่ายหน้าและเดินออกไป
ฉีหลิงเอ๋ออึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะรีบออกจากสมาคมนายแพทย์เพื่อตามจางเซวียนให้ทัน เธอตั้งคำถามด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกความไม่อยากเชื่อ “นายน้อยจาง คุณไม่มีใบอนุญาตนายแพทย์จริงๆหรือ?”
ช่างเหลวไหลสิ้นดีที่เขายอมทำทุกวิถีทางที่สมาคมนายแพทย์เพื่อหวังจะได้สิทธิ์ในการเข้าใช้ค่ายกลทะลุมิติขนาดใหญ่ ทั้งที่ยังไม่มีแม้แต่ใบอนุญาตนายแพทย์…
เขาต้องมั่นใจแค่ไหนถึงพยายามทำอะไรแบบนั้น?
จางเซวียนส่ายหน้า
ฉีหลิงเอ๋อหลับตาและระบายลมหายใจยาวก่อนจะถามต่อ “คราวนี้คุณจะทำอย่างไร?”
อาชีพนายแพทย์ไม่เหมือนอาชีพอื่นๆ พวกเขารับมือกับชีวิตมนุษย์!
ต่อให้เขาอยากเข้าร่วมการประลองนายแพทย์ ก็ยังน่าสงสัยอยู่ว่าคนไข้จะยอมให้ใครสักคนที่ไม่มีแม้แต่ใบอนุญาตนายแพทย์ทำการรักษาตัวเองหรือเปล่า
เมื่อพิจารณาเหตุและผลแล้ว จางเซวียนก็ตัดสินใจว่าคงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะได้รับอนุญาตจากสมาคมนายแพทย์ให้ใช้ค่ายกลทะลุมิติขนาดใหญ่ ซึ่งนั่นคือเหตุผลที่ทำให้เขาจากมาโดยไม่พูดอะไรมากมาย
“ทิ้งเรื่องนั้นไปก่อนเถอะ คุณเคยบอกว่านอกจากความเป็นเลิศในแต่ละวิชาชีพ ผมยังต้องติดอันดับ 1 ใน 30 ของการจัดอันดับศักยภาพของราชันย์เทพเจ้าด้วย ถูกไหม?”
ดูจากสถานการณ์ของสมาคมนายแพทย์ในเวลานี้ เขาคงไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมการประลองนายแพทย์ ซึ่งในฐานะคนนอบน้อมและถ่อมเนื้อถ่อมตัว เขาคงไม่ทำอะไรบุ่มบ่ามอย่างการท้าทายสมาคมนายแพทย์ทั้งสมาคม
แน่ล่ะ ถ้าเขาเคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน นั่นก็เป็นเพราะความโง่เขลาในวัยเยาว์ ตอนนี้เขาเป็นชายหนุ่มคนใหม่แล้ว!
ถึงอย่างไร เขาก็ไม่คิดจะเป็นศัตรูกับสมาคมนายแพทย์ ซึ่งในเมื่อเป็นอย่างนั้น ลองหาเงื่อนไขอื่นจะดีกว่า
“ใช่ ทั้ง 9 น่านฟ้ามีการจัดอันดับศักยภาพของราชันย์เทพเจ้าของพวกเขาเอง คุณจะต้องติด 1 ใน 30 อันดับแรกให้ได้” ฉีหลิงเอ๋ออธิบาย “ซึ่งกระบวนการของการเข้าสู่การจัดอันดับก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไร คุณแค่ต้องหาตัวใครสักคนที่อยู่ใน 30 อันดับแรก ท้าดวลกับเขาและเอาชนะให้ได้ โดยต้องเป็นการดวลอย่างเปิดเผย ซึ่งกฎเกณฑ์ของการดวลถูกกำหนดโดยผู้สังเกตการณ์การจัดอันดับ คือเหล่าอัศวินอิสระของน่านฟ้าเสรี”
“อัศวินอิสระ?”
“ใช่ การจัดอันดับศักยภาพของราชันย์เทพเจ้าของทั้ง 9 น่านฟ้าอยู่ภายใต้การควบคุมของอัศวินอิสระของน่านฟ้าเสรี พวกเขาคือราชันย์เทพเจ้ากลุ่มหนึ่งที่มีความสามารถในการหยั่งรู้เหนือชั้นกว่าราชันย์เทพเจ้าทั่วไป ว่ากันว่าเหล่าอัศวินอิสระจัดอันดับของราชันย์เทพเจ้าที่ติดโผจากพละกำลังที่คนเหล่านั้นสำแดงออกมาในการต่อสู้”
จางเซวียนพยักหน้า
คงไม่ต่างอะไรกับกินเนสเวิลด์เรคคอร์ดในโลกเก่าของเขา
การจะได้เป็นเจ้าของสถิติไม่ได้ขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้นั้นเพียงอย่างเดียว แต่อยู่ที่การแสดงความสามารถของตัวเองให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาคนอื่นด้วย
ซึ่งดูแล้ว ก็ไม่น่าจะมีใครเข้ามาวุ่นวายกับความชอบธรรมของการจัดอันดับศักยภาพของราชันย์เทพเจ้าได้เมื่ออยู่ภายใต้การควบคุมของกลุ่มราชันย์เทพเจ้าที่เป็นกลาง
“แล้วผมจะตามหาอัศวินอิสระกลุ่มนั้นได้ที่ไหน? พวกเขาอยู่ในเมืองหลวงแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อนหรือเปล่า?” จางเซวียนถาม
คงเป็นปัญหาใหญ่หากเขาต้องเดินทางไปถึงน่านฟ้าเสรีเพียงเพื่อเข้ารับการประเมินพละกำลัง
“ตอนนี้พวกเขาน่าจะอยู่ในตำหนักบาดาล ฉีเยว่กำลังเข้ารับการทดสอบ” ฉีหลิงเอ๋อตอบ
“งั้นหรือ? เรารีบไปกันเถอะ!” จางเซวียนพูด
“นายน้อยจาง คุณเล็งอันดับไหนไว้? ฉันควรประมวลข้อมูลของผู้รั้ง 30 อันดับแรกให้คุณก่อนไหม?”
เห็นจางเซวียนรีบร้อนตัดสินใจ ฉีหลิงเอ๋อถึงกับพูดไม่ออก
เขาทำตัวแบบนี้เสมอ ทุ่มเทกับทุกอย่างโดยไม่ร้อนรนหรือกังวลใจสักนิด การได้เห็นจางเซวียนทำสิ่งต่างๆโดยให้ความสำคัญกับมันน้อยนิดเต็มทีทำให้เธออดกังวลแทนไม่ได้
คู่ต่อสู้ที่คุณต้องเจอไม่ใช่นักรบทั่วไป นักรบที่ติดโผการจัดอันดับศักยภาพของราชันย์เทพเจ้าล้วนเป็นอัจฉริยะที่ผ่านการต่อสู้มาหลายร้อยครั้ง
หากการปราบพวกเขามันง่ายดายอย่างนั้น ป่านนี้คงหลุดโผไปแล้ว!
นี่ก็เดินหน้าชนโดยไม่เตรียมตัวสักนิด…
มันคือความหุนหันพลันแล่นแบบหน้ามืดตามัว!