ร่างกายของตัวโคลนบิดงอไปมาเล็กน้อย แล้วอาการบาดเจ็บทั้งหมดก็หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย ส่วนจางเซวียนก็ปล่อยกระแสพลังปราณเข้าหาอาการบาดเจ็บของเขา ทำให้หายเป็นปลิดทิ้งอย่างรวดเร็ว
“คุณ…”
ชายวัยกลางคนถึงกับตะลึง
เขาแน่ใจว่าการโจมตีเมื่อครู่นี้อาจเล่นงานจางเซวียนกับตัวโคลนให้ถึงตายได้ แต่ทั้งคู่กลับหายดีในชั่วพริบตา
นี่เขากำลังสู้กับศัตรูพิสดารชนิดไหน?
ชายวัยกลางคนก้มดู เห็นบาดแผลใหญ่ที่หน้าอกของเขายังมีเลือดไหล เขารู้สึกแย่ขึ้นมาทันที
ด้วยสภาวะร่างกายของราชันย์เทพเจ้าโดยทั่วไป เขาเยียวยาอาการบาดเจ็บส่วนใหญ่ได้ทันทีที่ถ่ายทอดพลังงานเข้าสู่บาดแผลเหล่านั้น แต่ตอนนี้เขาไม่กล้าละสายตาจากคู่ต่อสู้ อาการบาดเจ็บจึงย่ำแย่ลงเรื่อยๆ
การเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงของเขาทำให้บาดแผลฉีกขาดมากกว่าเดิม ปริมาณเลือดที่ไหลออกมาก็เพิ่มขึ้น
ชายวัยกลางคนเคยคิดว่าขอแค่เขาทำให้คู่ต่อสู้บาดเจ็บได้ ก็คงมีเวลาหายใจหายคอและเยียวยาบาดแผลของตัวเอง
ซึ่งเขาก็ทำให้คู่ต่อสู้บาดเจ็บได้ในที่สุด แต่จะไปรู้ได้อย่างไรว่าอีกฝ่ายจะหายดีในชั่วพริบตา?
แถมยังรู้สึกเหมือนรังสีของทั้งคู่รุนแรงเกรี้ยวกราดและทรงพลังกว่าเดิมหลังจากรักษาบาดแผลแล้ว
แกสองคนเป็นเทพแมลงสาบกลับชาติมาเกิดหรือเปล่า?
ฉันต้องทำอย่างไรถึงจะฆ่าแกได้?
ตอนนี้ สถานการณ์ของเขาดูจะเลวร้ายลงเรื่อยๆ
“จัดการเขาเถอะ!” จางเซวียนพูดขณะพุ่งเข้าใส่พร้อมกับตัวโคลน
เห็นได้ชัดว่าไม้ตายสำคัญของพวกเขาที่ใช้เล่นงานชายวัยกลางคนคือความสามารถที่แตกต่างกันในการเยียวยาอาการบาดเจ็บ จางเซวียนกับตัวโคลนสามารถปล่อยการโจมตีได้ตามใจ ขณะที่ชายวัยกลางคนต้องเดินเกมอย่างระมัดระวัง
3 นาทีต่อมา สีหน้าของชายวัยกลางคนก็ซีดเผือดเพราะความอ่อนแรง ส่วนคู่ต่อสู้ของเขา แม้จะอยู่ในสภาพดูไม่ได้เช่นกัน แต่ก็ไม่มีบาดแผลให้เห็นสักนิด
ทั้งคู่ยังคงดุเดือดเหมือนเดิม
ชายวัยกลางคนทึ้งผมอย่างคลุ้มคลั่ง
เราจะเอาชนะการต่อสู้แบบนี้ได้อย่างไร?
เขาควรจะสังหารนักรบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูงได้สบาย แต่ยังไม่ทันรู้ตัว สถานการณ์ก็พลิกผัน ตัวเขาเองคือคนที่กำลังจะถูกฆ่า
“บ้าจริง!”
เมื่อรู้ตัวว่าเพลี่ยงพล้ำ ราชันย์เทพเจ้ารีบหันหลังกลับและวิ่งหนี
แม้เขาจะใช้ค่ายกลปกปิดพื้นที่บริเวณนี้ไว้ แต่นั่นก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่าพวกเขาอยู่ในอาณาเขตของเมืองหลวงแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อน หากเขาไม่รีบสังหารคู่ต่อสู้ให้ได้เร็วๆนี้ ก็คงดึงดูดความสนใจของราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติแน่
“คุณคงคิดว่าผมเป็นไอ้ขี้แพ้ แต่ผมจะใช้คุณเป็นตัวอย่างให้คนอื่นๆเห็นว่าไม่ควรมายุ่งกับผม!”
ถ้าเขาปล่อยให้ชายวัยกลางคนลอยนวลไปได้ ต่อไปจะต้องเจอกับการลอบโจมตีอีกหลายครั้ง
จางเซวียนจึงใช้เทคนิคบันไดสวรรค์ธุลีแดงไล่ตามราชันย์เทพเจ้าไปติดๆ
แต่ความเร็วของเขายังอ่อนด้อยเกินไป เขาตามชายวัยกลางคนไม่ทัน
“ฮ่าฮ่าฮ่า! ผมอาจสังหารคุณไม่ได้ แต่คุณก็สกัดกั้นผมไม่ได้เหมือนกัน!” ชายวัยกลางคนหันกลับมาคำราม “ฝากไว้ก่อนเถอะ คราวหน้าที่เราเจอกันจะเป็นวันตายของคุณ!”
หลังจากพูดจบ เขาก็หันหลังกลับและเตรียมหนีไป
แต่ยังไม่ทันจะได้ไปไหน ก็ต้องหยุดกึก
“ฮะ? นี่มันอะ…”
ยังไม่ทันจะพูดจบ จะงอยปากขนาดมหึมาก็ปรากฏตรงหน้า
กรุ๊บบบ!
ชายวัยกลางคนถูกกลืนเข้าไปทั้งตัว
จากนั้น ไก่ตัวเล็กจ้อยก็ปรากฏตรงหน้าจางเซวียน
“เอิ๊ก!”
มันปล่อยเสียงเรอดังสนั่นขณะส่ายก้นอย่างสบายใจ
“ไก่น้อย แกตื่นแล้วหรือ?”
จางเซวียนถามอย่างตื่นเต้น
ไก่น้อยที่เข้าสู่ภาวะจำศีลหลังจากเสียชีวิตในทะเลสาบจันทร์กระจ่างฟื้นคืนชีพอีกครั้งหนึ่งแล้ว เท่าที่ดูจากพละกำลังมหาศาลในตัวมัน…ตอนนี้มันคือราชันย์เทพเจ้า!
จางเซวียนเคยคิดว่าไม่ช้าตัวเขาก็คงได้เป็นราชันย์เทพเจ้า แต่เพราะรวบรวมกระแสจิตปรารถนาได้ไม่มากพอ ระดับวรยุทธของจิตวิญญาณจึงยังล้าหลัง ด้วยเหตุนี้ เขาจึงยังห่างไกลจากการฝ่าด่านวรยุทธ
ลงท้าย ไก่น้อยก็นำหน้า!
ราชันย์เทพเจ้าไก่!
แค่คิดก็ทำเอาตื่นเต้นแล้ว
แต่หลังจากดีอกดีใจในตอนแรก สุดท้ายจางเซวียนก็อดอึดอัดใจไม่ได้
เขาเข้าสู่สรวงสวรรค์ได้ราว 1 เดือนแล้ว แต่เพิ่งยกระดับวรยุทธจนได้เป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูงเท่านั้น ยังไม่ใกล้เคียงกับไก่น้อยเลย
แค่คิดก็เล่นเอาหงุดหงิดจนแทบหายใจหายคอไม่ออก
สติปัญญาของเขาย่ำแย่ขนาดนั้นเชียวหรือ?
ถ้าอย่างนั้น ดูเหมือนเขาจะต้องใช้เวลาฝึกฝนวรยุทธให้มากกว่านี้เพื่อปรับปรุงสติปัญญาที่ยังอ่อนด้อย! เขาอยากเป็นราชันย์เทพเจ้าให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งหากสู้ไม่ได้แม้แต่ไก่น้อย ก็คงไม่รู้จะเงยหน้ามองใครได้อีก
ไก่น้อยสีเหลืองตัวนี้อยู่กับเขาตั้งแต่ที่ปูชนียสถานนักปราชญ์ในทวีปแห่งปรมาจารย์ ทั้งคู่ผ่านอาณาจักรคุนฉื่อกับมิติเบื้องบนมาด้วยกัน ซึ่งวรยุทธของมันก็เหนือชั้นกว่าเขามาตลอด ถ้าเป็นคนอื่น คงท้อใจจนแทบจะฆ่าตัวตาย
“ผมเพิ่งตื่น เอิ๊ก!”
ไก่น้อยยืดคอขณะใช้ปีกลูบพุงกลมๆของมัน มันจ้องหน้าจางเซวียนอย่างกังวลใจด้วยนัยน์ตากลมดำเหมือนลูกปัดขณะตั้งคำถาม “คุณคงไม่ตำหนิผมที่กินหมอนั่นใช่ไหม?”
มันถูกจางเซวียนตำหนิมานับครั้งไม่ถ้วนเรื่องที่กินในสิ่งที่ไม่ควรจะกินเข้าไป
“ไม่เป็นไร กินไปเถอะ” จางเซวียนตอบพร้อมกับโบกมือ “ถ้ายังไม่อิ่ม ก็กินคนอื่นที่เข้ามาเล่นงานฉันด้วยก็ได้!”
ถ้าไก่น้อยตื่นขึ้นมาไม่ทันเวลา เขาคงต้องใช้หน้าหนังสือสีทองเล่นงานราชันย์เทพเจ้านั่น ถือว่าไก่น้อยช่วยทุ่นแรงของเขาได้มาก
“ขอบคุณนายท่าน!” ไก่น้อยฉีกยิ้มด้วยความดีใจ
จากนั้น มันก็ทำปากยื่นแล้วขย้อนเอาดาบเล่มหนึ่งออกมา
“นี่คืออาวุธที่หมอนั่นใช้ ผมลบรอยประทับของจิตวิญญาณไปแล้ว คุณแค่ร่ายมนต์ใส่และทำให้มันยอมจำนน จากนั้นก็ใช้งานมันได้!”
ตอนที่กลืนราชันย์เทพเจ้าลงไป มันกลืนอาวุธของอีกฝ่ายลงไปด้วย
จางเซวียนรับดาบมา จากนั้นก็รีบร่ายมนต์ใส่และทำให้มันยอมจำนน เมื่อเสร็จเรียบร้อยก็พยักหน้าให้ไก่น้อยอย่างพอใจ
สมกับเป็นผู้ที่เดินทางไปกับเขาทั่วทั้งสามโลก อย่างน้อยมันก็ยังพอรู้จักคิดบ้าง
ดาบเล่มนี้เป็นของล้ำค่าของจอมราชันย์ ถ้าไก่น้อยไม่ลบรอยประทับของจิตวิญญาณและกำจัดจิตวิญญาณของอาวุธที่อยู่ในนั้นก่อน เขาคงไม่มีทางร่ายมนต์ใส่หรือทำให้มันยอมจำนนได้ ซึ่งเมื่อมีอาวุธทรงพลังอยู่ในมือ ประสิทธิภาพการต่อสู้ของเขาจะเพิ่มสูงขึ้นทันที
ด้วยศิลปะเพลงดาบทั้ง 3 แบบที่เขาได้ทำความเข้าใจ ต่อให้ต้องเผชิญหน้ากับราชันย์เทพเจ้าอีกคน ก็คงต่อสู้กับอีกฝ่ายได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ!
จางเซวียนมองดาบในมือ เขาชูมันขึ้นสูงและประกาศอย่างภาคภูมิใจ “นับจากวันนี้ไป แกจะมีชื่อว่า…ดาบราชันย์เทพเจ้า!”
เสียงกุกกักของดาบสะดุดลงทันที ดูเหมือนจิตวิญญาณที่อยู่ในดาบกำลังงุนงง
ผมคือของล้ำค่าของราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรตินะ! คนอื่นเขาได้ชื่อเจ๋งๆอย่างฤดูใบไม้ผลิอันว่างเปล่า, หงส์เริงระบำ, มังกรพิษ, นกคีรีบูนพิศวง หรืออะไรทำนองนั้น เพียงแค่ผู้คนได้ยินชื่อ ก็รู้ระดับขั้นของพวกผมแล้ว…
แล้วไอ้ดาบราชันย์เทพเจ้าที่เป็นชื่อของผมนี่คืออะไร?
มีอะไรที่ตรงไปตรงมากว่านี้อีกไหม?
“แกไม่ชอบหรือ?” จางเซวียนลูบคางอย่างครุ่นคิด “เอาเถอะ แกเป็นของกำนัลจากไก่น้อยนี่ ใช้ชื่อดาบไก่ดีไหม?”
เคร้งงง!
ดาบแทบร่วงลงกับพื้นด้วยความตกใจ มันรีบปิดปากเงียบ ไม่พูดอะไรสักคำ
เอาเถอะ ตามนั้นก็ได้! ดาบราชันย์เทพเจ้า!
อย่างน้อยที่สุด ก็ฟังดูดีกว่าดาบไก่หลายเท่า!
หลังจากได้ชื่อเสียงเรียงนามแล้ว จางเซวียนพยายามสำแดงศิลปะเพลงดาบโดยใช้ดาบ ซึ่งก็เป็นไปด้วยความราบรื่น เขาถ่ายทอดพละกำลังเต็มพิกัดได้อย่างง่ายดาย
จางเซวียนพยักหน้าพร้อมกับยิ้มอย่างดีอกดีใจกับประสิทธิภาพของอาวุธที่ได้มาใหม่
แม้จะเป็นการต่อสู้ที่แสนอันตราย แต่เขาก็ได้ข้าวของกลับมาจำนวนหนึ่ง ได้ประสบการณ์การต่อสู้กับราชันย์เทพเจ้า แถมยังได้ไก่…เอ่อ ไม่ใช่, ได้ดาบราชันย์เทพเจ้าอีกด้วย!
เมื่อนำดาบเล่มนี้มาใช้กับศิลปะเพลงดาบที่ตัวเขาเพิ่งทำความเข้าใจใหม่ ก็จะสู้กับนักรบระดับราชันย์เทพเจ้าโดยทั่วไปได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ และอาจสังหารพวกเขาได้
ที่สำคัญกว่านั้น จางเซวียนได้รู้แล้วว่ากายเนื้อของเขามีประสิทธิภาพการเยียวยาตัวเองในระดับที่น่าทึ่งไม่แพ้ตัวโคลน
ขอแค่จิตวิญญาณไม่ได้ถูกทำลาย ต่อให้ศีรษะหลุดจากบ่า ก็เยียวยาตัวเองได้สบาย
คงไม่เป็นการพูดเกินจริงหากจะกล่าวว่าเขามีร่างกายที่เป็นอมตะ!
เดี๋ยวก่อน…จางเซวียนคิด หรือว่าพลังงานที่เราซึมซับเข้าไปมีเลือดของไก่น้อยผสมอยู่?
ในประวัติศาสตร์ตระกูลฉี มีนักรบมากมายที่ได้เข้าสู่ทะเลสาบจันทร์กระจ่าง แต่ก็ไม่เคยมีใครได้รับกายเนื้อที่เป็นอมตะอย่างตัวเขา
เมื่อคิดดู ตอนนั้นไก่น้อยก็อยู่กับเขาด้วย เลือดของมันผสมปนเปไปกับทะเลสาบตอนที่มันถูกพลังงานรุนแรงเกรี้ยวกราดในนั้นสังหาร เรื่องนี้มีอะไรเกี่ยวข้องกันหรือเปล่า?
ไก่น้อยได้เปิดเผยความสามารถเฉพาะตัวอันน่าทึ่งมากมายนับตั้งแต่อยู่ในมิติเบื้องบน แม้ตอนที่มันยังเป็นน้ำเต้า น้ำที่ได้จากการต้มตัวมันก็มีประสิทธิภาพในการเยียวยาอาการบาดเจ็บได้ดีกว่าพลังปราณเทียบฟ้าเสียอีก
ยิ่งกว่านั้น มันยังถูกแผดเผาจนแหลกเป็นชิ้นๆครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ฟื้นคืนสภาพเดิมได้ทุกครั้งโดยไม่มีปัญหาใด
ถึงจะยังระบุไม่ได้ว่าไก่น้อยคืออสูรในตำนานชนิดไหน แต่ก็เห็นได้ชัดว่าอาการบาดเจ็บโดยทั่วไปไม่อาจทำอันตรายมันได้ กลับช่วยบ่มเพาะร่างกายของมันด้วย
ทุกครั้งที่มันตาย จะกลับมาด้วยความแข็งแกร่งกว่าเดิม!
หรือนั่นคือเหตุผลที่ทำให้ประสิทธิภาพการต่อสู้ของเขาดูจะเพิ่มขึ้นเมื่อได้รับบาดเจ็บหนักขึ้นเรื่อยๆตอนที่สู้กับราชันย์เทพเจ้าเมื่อครู่ก่อน?
“ไก่น้อย แกแปลงร่างได้หรือยัง?” จางเซวียนถามด้วยความอยากรู้
อสูรสวรรค์โดยทั่วไปจะแปลงร่างได้เมื่อสำเร็จวรยุทธระดับเทพเจ้าขั้นต่ำ แต่ก็มีอสูรที่แข็งแกร่งกว่าบางชนิดต้องสำเร็จวรยุทธระดับเทพเจ้าขั้นสูงเสียก่อนถึงจะแปลงร่างได้
ส่วนมังกรสายเลือดบริสุทธิ์อย่างอ้าวหัว ต้องได้เป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูงถึงจะสามารถแปลงร่างเป็นมนุษย์
ในเมื่อไก่น้อยเป็นราชันย์เทพเจ้าแล้ว ก็ควรจะแปลงร่างได้สิ ใช่ไหม?
“ผมยังไม่ได้ลอง แต่คิดว่าน่าจะทำได้” ไก่น้อยมองร่างอ้วนกลมปุกปุยของมันขณะตอบอย่างลังเล
“งั้นก็ลองเลย” จางเซวียนพูดยิ้มๆ
ไก่น้อยพยักหน้า มันตั้งต้นขับเคลื่อนพลังงานภายในร่างกาย
ฟึ่บ!
ร่างสีเหลืองเล็กจ้อยของมันสั่นสะท้านเล็กน้อยก่อนจะเปลี่ยนสภาพอย่างรวดเร็ว กลายเป็นชายร่างสูงหุ่นดี