เครือข่ายทางเดินพลังปราณของเทพเจ้ามีความเชื่อมโยงกลมกลืนกับสรวงสวรรค์และธรรมชาติของโลกนานารูปแบบ ก็เพราะพื้นฐานนี้ที่ทำให้เหล่าเทพเจ้ายกระดับวรยุทธได้อย่างรวดเร็วจนเหนือชั้นกว่าบรรดาสิ่งมีชีวิตในทวีปแห่งปรมาจารย์กับมิติเบื้องบน
และก็เพราะเหตุผลเดียวกันนี้ที่ทำให้เผ่าพันธุ์ปีศาจมีสภาวะร่างกายแข็งแกร่งเหนือชั้นแต่กำเนิดแถมมีอายุขัยยืนยาว ทำให้พวกมันได้เปรียบเผ่าพันธ์มนุษย์มาก
ถ้าไม่ใช่เพราะการปรากฏตัวของปรมาจารย์ขง เหล่านักรบของทวีปแห่งปรมาจารย์ก็คงไม่มีวันขับไล่เผ่าพันธุ์ปีศาจกลับสู่สนามรบของพวกมันได้
จางเซวียนพลันเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา “ถ้าคุณยกระดับวรยุทธได้รวดเร็วกว่าเดิมหลังจากมาถึงที่นี่…จะเป็นไปได้ไหมว่าเหล่าบรรพบุรุษของคุณประสบปัญหาเดียวกันกับฝงจิ่วเกอ จึงทำให้ระดับวรยุทธถดถอยลงไปตามกาลเวลา?”
ถ้าวรยุทธของฝงจิ่วเกอถดถอยเพราะเขาได้สัมผัสใกล้ชิดกับบางอย่างในหลุมดำ บางทีประชากรดั้งเดิมของเมืองหลวงแห่งจิตวิญญาณต้นกำเนิดก็อาจประสบปัญหาเดียวกัน วรยุทธของพวกเขาถดถอยลงไปเรื่อยๆ จากนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ พวกเขาร่วงลงไปจนเป็นนักรบอมตะขั้นสูง, อมตะตัวจริง, เสมือนอมตะ, นักปราชญ์โบราณ, นักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่, นักรบระดับเซียน…
“เอ่อ…เรื่องนี้ผมไม่รู้จริงๆ” ไอ้โหดตอบ
“ผมคิดว่าคงต้องหาทางเข้าสู่หลุมดำให้ได้เพื่อพิสูจน์เรื่องนี้” จางเซวียนพึมพำ
เมื่อตัดสินใจแล้ว เขาเงยหน้ามองฝงจิ่วเกอ “คุณพาผมไปยังสถานที่ที่คุณพูดถึงเมื่อครู่นี้ได้ไหม?”
“ฮะ?” ฝงจิ่วเกอลังเล
ที่นั่นอันตรายมาก ต่อให้ตัวเขามีพละกำลังอย่างที่มีอยู่ในเวลานี้ ก็ยังไม่มั่นใจหากต้องเข้าใกล้หลุมดำ
“อย่าห่วงน่ะ เราถอยได้ทันทีหากพบบางสิ่งที่เป็นอันตราย อีกอย่าง สภาวะของคุณก็ค่อนข้างประหลาด ผมกำจัดบางสิ่งที่อยู่ในร่างกายของคุณออกไปแล้วเพื่อป้องกันไม่ให้มันดูดกลืนพลังงานของคุณอีก แต่การหวนกลับมาใหม่ก็อาจเป็นไปได้ ถ้าคุณอยากหายขาดจากอาการป่วยนี้ เราต้องเดินทางไปที่นั่น ไปยังจุดเริ่มต้นของมันและขุดรากถอนโคนให้สิ้นซาก” จางเซวียนพูด
เขารู้ดีว่าถึงอย่างไรก็ต้องไปเห็นหลุมดำกับตาให้ได้ แต่ฝงจิ่วเกอยังลังเล จึงแสดงทีท่าแบบนั้นออกมา
ซึ่งหากจะพูดกันตามตรง จางเซวียนก็ไม่ได้โกหก เพราะจนถึงตอนนี้ เขาก็ยังไม่รู้แน่ชัดว่ากลุ่มพลังงานสีเทานั้นคืออะไร หากยังไม่อาจล้วงลึกถึงก้นบึ้งของปัญหา ก็คงยืนยันไม่ได้ว่ากลุ่มพลังงานสีเทานั้นจะไม่กลับมาสร้างความเดือดร้อนให้ฝงจิ่วเกออีก
“ก็ได้ ผมจะพาคุณไปที่นั่น…” ฝงจิ่วเกอกัดริมฝีปากขณะตอบตกลงอย่างไม่ค่อยเต็มใจ “แต่ในการเข้าสู่หลุมดำ คุณจะต้องมีของบางอย่าง ซึ่งของชิ้นนั้นมีอยู่เฉพาะในตระกูลนกฟีนิกซ์ไฟ ผมต้องกลับตระกูลเพื่อไปนำมันมา”
“ของ?” จางเซวียนทวนคำ
“หลุมดำเต็มไปด้วยอันตราย แม้แต่ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติก็ไม่อาจลงไปสำรวจก้นบึ้งของมันได้ เพื่อหลีกเลี่ยงความผิดพลาดต่างๆที่อาจเกิดขึ้น สามราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติจึงทุ่มเทพลังงานมหาศาลเพื่อปิดกั้นเส้นทางไว้ มีแต่ผู้ที่มีตราสัญลักษณ์ของพวกเขาเท่านั้นถึงจะเข้าไปได้” ฝงจิ่วเกอตอบ “หากไม่มีตราสัญลักษณ์ ต่อให้คุณไปยืนอยู่ตรงหน้าทางเข้าหลุมดำ ก็ไม่มีวันได้เข้าไปในนั้น”
จางเซวียนพยักหน้า
แม้ตลอดหลายวันที่ผ่านมา ตัวเขาจะยกระดับวรยุทธได้อีกมาก แต่การจะฝ่าค่ายกลที่เป็นฝีมือของสามราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติก็ยังคงเป็นเรื่องยาก
แทนที่จะสร้างปัญหา คงจะง่ายกว่ากันเยอะหากเขาตามฝงจิ่วเกอกลับไปที่ตระกูลนกฟีนิกซ์ไฟ เพราะถึงอย่างไร เขาก็ปลอมตัวเป็นสมาชิกคนหนึ่งของตระกูลนกฟีนิกซ์ไฟไปแล้ว คงดูน่าเชื่อถือขึ้นอีกมากหากมีฝงจิ่วเกอไปด้วย
หลังจากตัดสินใจแม่นมั่น ทั้งคู่รีบออกจากโรงเตี๊ยมและเดินกลับไปยังคฤหาสน์ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
…..
“คุณยังดื้อด้านไม่ยอมไปอีก? ต้องให้พวกเราเชิญฝงเชากับฝงเชียงออกมาอีกรอบหรือไงถึงจะยอมไป?”
เห็นชายหนุ่มที่เพิ่งถูกขับไล่เหมือนหมูเหมือนหมากลับมาปรากฏตัวอีกครั้ง สององครักษ์ที่ยืนอารักขาบริเวณประตูทางเข้าขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิด
“คุณก็พูดถูกนะ ผมตัดสินใจแล้วว่าผมจะไม่ไปไหน เรียกฝงเชากับฝงเชียงออกมาพบผมด้วย”
ฝงจิ่วเกอตอบอย่างวางมาด ความมั่นใจของเขากลับคืนมาพร้อมกับวรยุทธ
“คุณกำลังทำให้ตัวเองเดือดร้อนนะ” องครักษ์คนหนึ่งคำรามก่อนจะผลุบเข้าไปในคฤหาสน์
ไม่ช้า ฝงเชากับฝงเชียง สองหนุ่มที่เหยียดหยามฝงจิ่วเกอเมื่อครู่ก็เดินออกมา
ฝงเชาคำรามขณะชี้หน้าฝงจิ่วเกอ “กำลังสงสัยอยู่พอดีว่าใครมาขอพบพวกเรา ที่แท้ก็ขยะของตระกูลนกฟีนิกซ์ไฟ! ถูกซ้อมเมื่อกี้ยังไม่หนำใจหรือไง? หรืออยากโดนอีก…”
ตั้งแต่วรยุทธของฝงจิ่วเกอเริ่มถดถอย เขาก็กลายเป็นกระสอบทรายให้ฝงเชากับฝงเชียงระบายอารมณ์ได้ตามใจ
พลั่ก!
แต่ยังไม่ทันที่ฝงเชาจะพูดจบ ก็ถูกสอยกระเด็นไปอัดกับประตูคฤหาสน์ แรงกระแทกทำให้เขาหน้าซีดและกระอักเลือดกองใหญ่ออกมา
“คุณพูดถูก ถูกซ้อมเมื่อกี้น่ะยังไม่หนำใจ แต่คราวนี้เราจะสลับที่กัน!” ฝงจิ่วเกอคำรามขณะพุ่งเข้าใส่ฝงเชียง
“คุณ…”
ฝงเชียงนึกไม่ถึงว่าเจ้าขยะที่ถูกเขากลั่นแกล้งรังแกตลอด 2 ปีที่ผ่านมาจะสอยพี่ชายของเขากระเด็นด้วยการเตะเพียงครั้งเดียว เมื่อรู้แล้วว่าฝงจิ่วเกอน่าจะได้วรยุทธกลับคืนมาดังเดิม ก็ถอยกรูดด้วยความหวาดกลัว
แต่น่าเสียดายที่ความเร็วของเขาไม่ใกล้เคียงกับฝงจิ่วเกอ เสียงตบเพียะดังขึ้นก่อนที่เขาจะทันได้หลบ
เพียะ!
ฝงเชียงผู้โอหังทรุดลงไปกองกับพื้น ฟันร่วงกราว
“ฝงจิ่วเกอ คุณได้พละกำลังกลับคืนมาแล้วหรือ? เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้…เดี๋ยวก่อน คุณจะทำอะไรน่ะ?”
ฝงเชาที่เพิ่งได้สติอุทานด้วยความไม่อยากเชื่อขณะค่อยๆล่าถอยอย่างพรั่นพรึง
เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ชายผู้นี้คือทายาทรุ่นเยาว์ที่ทุกคนให้ความเคารพยกย่อง แต่เมื่อเขาร่วงหล่นจากความรุ่งโรจน์ ผู้ที่เคยอิจฉาเขาก็ถือโอกาสนี้ซ้ำเติมเขาอย่างหนัก แม้แต่ผู้ที่เคยสนิทสนมกับเขาก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
ทุกคนคิดว่ายุคสมัยแห่งความรุ่งโรจน์ของฝงจิ่วเกอผ่านพ้นไปนานแล้ว และอีกฝ่ายคงไม่มีวันหวนคืนสู่สังเวียนได้อีก ใครจะไปรู้ว่าผ่านไปเพียงชั่วโมงเดียว ไม่เพียงแต่ฝงจิ่วเกอจะได้วรยุทธกลับคืนมา ยังแถมทรงพลังกว่าเดิมด้วย!
“ผมจะทำอะไรน่ะหรือ? ก็ไม่มีอะไรมาก แค่เก็บเศษเสี้ยวของศักดิ์ศรีที่ถูกปล้นไป” ฝงจิ่วเกอตอบด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบขณะมองฝงเชาอย่างอาฆาต
กว่าเขาจะหวนคืนกลับมาได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เป็นธรรมดาที่สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือเอาคืนผู้ที่เคยย่ำยีเขาอย่างสาสม เขาจะทำให้คนเหล่านั้นรู้ว่าคิดผิดที่มายุ่งกับคนอย่างเขา!
ชายที่เคยถูกทรยศและถูกย่ำยีอย่างโหดร้ายกำลังกลับมาล้างแค้น!
เห็นรังสีของฝงจิ่วเกอแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ฝงเชียงกัดฟันและตวาดก้อง “คุณ…คุณไม่มีสายเลือดของพวกเราแล้ว แถมยังถูกขับออกจากตระกูล! ถ้าคุณกล้าเล่นงานพวกเราล่ะก็ ตระกูลนกฟีนิกซ์ไฟจะต้องลงโทษคุณอย่างหนักแน่!”
ต่อให้ฝงจิ่วเกอได้วรยุทธของเขาคืนมา ก็แล้วอย่างไร?
เมื่อครู่นี้ ตอนที่พวกเขาตรวจสอบสายเลือดของฝงจิ่วเกอ ก็พบว่ามันเหือดหายไปเกือบหมดแล้ว ต่อให้อีกฝ่ายได้วรยุทธกลับคืนมา แต่หากปราศจากสายเลือด ก็ไม่มีทางได้การยอมรับให้กลับเข้าสู่ตระกูลนกฟีนิกซ์ไฟในฐานะสมาชิกสายหลัก
สิ่งนี้จะทำให้เขาไม่ต่างอะไรกับนักรบพเนจร เมื่อมีทรัพยากรสำหรับการฝึกฝนวรยุทธในปริมาณจำกัด โอกาสการประสบความสำเร็จในอนาคตก็มีจำกัดตามไปด้วย
วรยุทธขั้นราชันย์เทพเจ้าจะเป็นอุปสรรคใหญ่หลวงที่เขาไม่มีวันก้าวข้ามได้สำเร็จ!
“เอ่อ…”
คำนั้นทำให้ฝงจิ่วเกอยืนอึ้ง
ฝงเชากับฝงเชียงพูดถูก การที่สายเลือดของใครสักคนจะหายวับไปแบบนั้นเป็นเรื่องที่ไม่มีใครเคยได้ยินมาก่อน แต่นั่นคือผลการทดสอบที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้จริงๆ
เกรงว่าจะทำให้ท่านอาจารย์ของเขาต้องยุ่งยากโดยไม่จำเป็น ฝงจิ่วเกอหันไปมองจางเซวียนอย่างลังเล เห็นอีกฝ่ายพูดยิ้มๆ
“ในเมื่อคุณได้วรยุทธกลับคืนมาแล้ว สายเลือดก็ย่อมกลับคืนมาเช่นกัน อยากทำอะไรก็ทำเถอะ ผมอยู่ตรงนี้”
เท่าที่จางเซวียนรู้ กลุ่มพลังงานสีเทาภายในร่างของฝงจิ่วเกอจะกลืนกินเฉพาะพลังปราณของเขาเท่านั้น ไม่ได้ออกฤทธิ์ปรับเปลี่ยนสายเลือด และเป็นไปได้ว่าเหตุผลที่ก่อนหน้านี้ไม่อาจสัมผัสได้ถึงสายเลือดของเขาก็เพราะมันถูกกดข่มไว้
แต่ตอนนี้ เมื่อกลุ่มพลังงานสีเทาสลายตัวไปแล้ว เขาก็น่าจะได้สายเลือดกลับคืนมา ยิ่งไปกว่านั้น ทางเดินพลังปราณของฝงจิ่วเกอยังได้รับการชำระล้างจากพลังปราณเทียบฟ้าด้วย จึงน่าจะบริสุทธิ์กว่าเมื่อก่อนเสียอีก!
“ขอบคุณมาก” ฝงจิ่วเกอพูดอย่างซาบซึ้งก่อนจะหันกลับไปมองคฤหาสน์
เขาไม่แน่ใจว่าสายเลือดของเขากลับคืนมาหรือยัง แต่ไม่ว่าอย่างไร ก็จะไม่มีวันลืมหนี้บุญคุณที่เขาติดค้างท่านอาจารย์ไว้โดยเด็ดขาด
ฝงจิ่วเกอไม่แยแสฝงเชากับฝงเชียงที่นอนหมดสภาพ ตัวเขากับจางเซวียนเดินผ่านประตูเข้าไปในลานบ้าน ครู่ต่อมา คนกลุ่มหนึ่งก็รี่เข้ามาตีวงล้อมพวกเขา
ดูเหมือนข่าวที่ฝงจิ่วเกอได้วรยุทธกลับคืนมาและทำร้ายสมาชิกในตระกูลจนได้รับบาดเจ็บบริเวณประตูทางเข้าได้แพร่สะพัดไปทั่วทั้งคฤหาสน์แล้ว
ถือว่าตระกูลนกฟีนิกซ์ไฟไร้เทียมทานมากที่รวบรวมกำลังพลได้มากขนาดนี้ภายในเวลาไม่กี่สิบวินาที สมกับที่เป็นผู้นำของสามตระกูลใหญ่!
“จิ่วเกอ คุณถูกขับออกจากตระกูลแล้ว กล้าดีอย่างไรถึงบุกเข้ามาที่นี่และทำร้ายสมาชิกสายหลักของพวกเราจนได้รับบาดเจ็บ คิดจะก่อการกบฏหรือ?” ชายหนุ่มคนหนึ่งคำรามกร้าว
ฝงจิ่วเกอในเวลานี้ไม่ต่างอะไรกับคนนอกสำหรับตระกูลนกฟีนิกซ์ไฟ การที่คนนอกรุกล้ำเข้ามาในอาณาบริเวณของพวกเขาถือเป็นความพยายามท้าทายและสบประมาทอำนาจของตระกูล
“แหม! ฝงเจียง คุณก็รีบตั้งข้อหาให้ผมเหลือเกิน! ผมเชื่อว่าการทดสอบสายเลือดเมื่อครู่นี้น่ะไม่แม่นยำ จึงกลับมาที่นี่เพื่อทดสอบอีกครั้ง” ฝงจิ่วเกอตอบหน้าตาเฉย “ขอแค่ผมผ่านการทดสอบ ก็จะยังมีสถานภาพเป็นสมาชิกสายหลักของตระกูลนกฟีนิกซ์ไฟอยู่ ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้น การดวลระหว่างสมาชิกรุ่นเดียวกันย่อมไม่ถือเป็นการก่อการกบฏ ถูกไหม?”
คำพูดนั้นทำให้ฝงเจียงขมวดคิ้ว เขาพินิจพิจารณาฝงจิ่วเกออย่างถี่ถ้วน
ผ่านไปเพียง 1 ชั่วโมง รังสีของอีกฝ่ายแตกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง มันดูมั่นคงและไม่อาจถูกทำลายได้โดยง่าย ตอนนี้ฝงจิ่วเกอเป็นนักรบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูง-สูงสุดเหมือนกับตัวเขา
ที่สำคัญกว่านั้น ทีท่าวางมาดและเปี่ยมด้วยความมั่นใจของอีกฝ่ายยังไม่ต่างอะไรกับเมื่อ 2 ปีก่อน