เขานั่งเงียบๆอยู่ที่พื้น พยายามสุดขีดที่จะนำตัวเองไปอยู่ในสถานภาพเดียวกันกับเซียนดาบชิงเหมิงและพยายามทำความเข้าใจความรู้สึกของทั้งคู่ แต่จิตใจของเขาก็ไม่ยอมเชื่อฟังเอาเสียเลย
จางเซวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่ จากนั้นก็เงยหน้ามองหลัวฉีฉีและตั้งคำถาม “บอกผมหน่อยสิ คุณคิดว่าความรู้สึกที่พ่อแม่มีต่อลูกนั้นเป็นอย่างไร?”
หลัวฉีฉีชะงักกับคำถามปุบปับของจางเซวียน เธอหน้าแดงก่ำขณะตอบว่า “ฉัน…ฉันก็บอกอะไรไม่ได้เหมือนกัน ฉันเดาว่าคงมีแต่คนที่มีลูกเท่านั้นแหละถึงจะเข้าใจความรู้สึกพวกนั้น…”
ความรู้สึกคือประสบการณ์ ไม่ใช่การอธิบาย
พวกเขาอายุเพียง 20 ต้นๆ และยังไม่มีลูก เมื่อไม่ได้อยู่ในสถานภาพนั้นด้วยตัวเอง ก็ไม่อาจเข้าใจความรู้สึกต่างๆได้
เห็นหลัวฉีฉีเข้าใจเขาผิด จางเซวียนหัวอย่างกระอักกระอ่วน เขากำลังจะอธิบายเหตุผลที่ตั้งคำถามแบบนี้ ก็พอดีกับที่ไก่น้อยโยกหัวไปมาขณะกระพือปีกเล็กจ้อยของมัน “มีลูกสักคนก็ไม่ได้ยากอะไรนี่? ตรงนี้ก็ไม่มีใคร คุณเป็นผู้ชาย ส่วนเธอก็เป็นผู้หญิง แถมร่างกายของคุณทั้งคู่ก็ยังใช้การได้ดี มีลูกสักคนก็ได้ ไม่ต้องห่วง ผมจะหลับตาปี๋และไม่แอบดู…”
“….” จางเซวียนอ้าปากค้าง
เขาน่าจะจับเจ้าไก่นี่ทอดกินเสียตั้งนานแล้ว!
จางเซวียนรีบหันไปมองหลัวฉีฉี เห็นหน้าของเธอแดงก่ำจนแทบระเบิด
เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่และพูดว่า “ผมไม่ได้แกล้งคุณนะ ที่ถามแบบนี้ก็เพื่อจะได้ฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นราชันย์เทพเจ้าและพาพวกเราทะลุผ่านกำแพงสีเทานี้ไปให้ได้!”
“คุณหมายความว่าอย่างไร? คิดว่าผมพูดเล่นหรือ? คุณจะเข้าใจความรู้สึกของการเป็นพ่อแม่ได้อย่างไรถ้ายังไม่มีลูกสักคน?” ไก่น้อยสวนกลับอย่างหงุดหงิด “ในเมื่อคุณทั้งคู่ก็อยู่ตรงนี้ด้วยกันแล้ว ทำไมไม่มีลูกด้วยกันล่ะ? มีลูกเมื่อไหร่ ก็จะเข้าใจความรู้สึกที่มาพร้อมกับการเป็นพ่อแม่เองนั่นแหละ!”
เห็นเจ้าไก่บ้ายังคงพูดจาหน้าไม่อาย จางเซวียนเตะมันกระเด็นก่อนจะคำรามใส่ “แกจะพูดอะไรให้มันดีๆหน่อยได้ไหม?”
ต่อให้พวกเขาทำแบบนั้นจริงๆ ก็ยังต้องใช้เวลาตั้งท้องอีก 10 เดือนและเลี้ยงดูอีกหลายปีกว่าจะรู้ซึ้งถึงความรู้สึกของการเป็นพ่อแม่
แต่เขาไม่มีเวลามากขนาดนั้น!
“นี่ ผมก็พูดดีแล้วนะ ถ้าคุณห่วงว่าจะมีเวลาไม่พอ หรือไม่อยากแบกรับภาระผูกพันที่จะตามมาล่ะก็ ทำในฝันเอาก็ได้ คุณจะมีลูกได้มากมายตามที่ต้องการ ขอแค่สร้างสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมก็พอ” ไก่น้อยตอบ
จอมราชันย์สามารถใช้ค่ายกลสร้างความฝันเสมือนจริงได้
ค่ายกลชนิดนี้จะทำให้ผู้นั้นตกอยู่ในความฝันขณะที่เวลาล่วงเลยไปอย่างรวดเร็วราวกับติดปีก ชั่วชีวิตของคนๆหนึ่งในความฝันอาจใช้เวลาเพียง 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น
จางเซวียนครุ่นคิดหนัก
พูดกันตามตรง นี่คือทางออกที่พอรับได้ เพราะถึงอย่างไรก็เป็นแค่ความฝัน ถือเอาเป็นจริงเป็นจังไม่ได้อยู่แล้ว
แต่เขาเพิ่งอายุ 20 กว่าปีเท่านั้น หากต้องใช้เวลาชั่วชีวิตในความฝัน กว่าจะกลับมาก็คงกลายเป็นคนละคนไปแล้ว จิตวิญญาณเยาว์วัยและความเลือดร้อนคงสูญหายไปหมด
อีกอย่าง ทันทีที่เขามีภรรยาและลูกในความฝัน ต่อให้เป็นแค่ความฝันก็เถอะ ย่อมไม่ยุติธรรมกับหลัวลั่วชิงแน่
จางเซวียนจึงส่ายหน้าและถามอีก “แกมีความคิดอื่นไหม?”
ไก่น้อยเดาะลิ้นอย่างรำคาญใจก่อนจะตอบว่า “น่ารำคาญเสียจริง เอาเถอะ คุณอาจไม่มีลูก แต่ก็มีศิษย์สายตรงตั้งหลายคน อย่างที่ผู้คนเขาว่ากัน เป็นอาจารย์วันหนึ่ง, เป็นบิดาชั่วชีวิต ความรู้สึกที่คุณมีให้พวกเขาคงเทียบได้กับพ่อแม่ของพวกเขานั่นแหละ เพราะฉะนั้น ทำความเข้าใจจากมุมมองนี้ก็คงได้”
มันทนความซื่อบื้อของเจ้านายไม่ได้จริงๆ
ทั้งที่มีสาวสวยขนาดนั้นพร้อมอุทิศตัวให้ แต่ก็ไม่ยอมคว้าโอกาสไว้ สมควรแล้วล่ะที่จะอยู่เป็นโสด!
เอ…เดี๋ยวก่อน เราก็เป็นไก่โสดเหมือนกันนี่นา อย่างน้อยที่สุด หมอนี่ก็ยังมีใครบางคนมาหลงรัก แต่เรา…กลับไม่มีแม้ไก่หรือเป็ดสักตัวมาคลั่งไคล้…
ไก่น้อยมุดดินอย่างขัดใจ
ระหว่างนั้น จางเซวียนก็พลันนึกบางอย่างได้ “เป็นอาจารย์วันหนึ่ง, เป็นบิดาชั่วชีวิต…”
เขาไม่อาจทำความเข้าใจความรู้สึกของพ่อแม่เพราะตัวเขาไม่มีลูก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาเอาใจใส่ และดูแลลูกศิษย์ของเขาอย่างดี
จางเซวียนยินดีทำทุกอย่างเพื่อให้เด็กๆเหล่านั้นมีชีวิตที่ดีขึ้น และพร้อมจะยืนหยัดเคียงข้างทุกคนอย่างไม่ลังเลหากมีใครกล้าใช้อำนาจบาตรใหญ่เอาเปรียบพวกเขา แต่ถึงอย่างนั้น ก็ไม่มีสักวินาทีที่เขาจะคิดว่าตัวเองทุ่มเทชีวิตให้เด็กพวกนั้นมากเกินไป
กลับตรงกันข้าม ขอแค่ลูกศิษย์ของเขาไปได้ดี เขาก็เต็มตื้นและพออกพอใจแล้ว
นี่คือความรู้สึกที่พ่อแม่มีต่อลูกหรือเปล่า?
ขณะที่จางเซวียนกำลังครุ่นคิด รอยยิ้มของเซียนดาบชิงเหมิงก็ปรากฏในหัวสมอง
มีหลายครั้งที่เซียนดาบชิงเหมิงใช้ตัวเองเป็นโล่เพื่อปกป้องเขาจากอันตราย แม้จะมีวรยุทธอ่อนด้อยกว่าเขาก็ตาม ไม่มีสิ่งใดสั่นคลอนความตั้งใจของทั้งคู่ที่จะปกป้องเขาให้ปลอดภัย และทั้งคู่ก็พร้อมทำทุกอย่างเพื่อประโยชน์ของเขา
นั่นคือความรู้สึกของพ่อแม่…ความรักที่ล้ำลึกและสูงส่งที่สุดในโลก
พ่อแม่บ่มเพาะดูแลลูกอย่างทะนุถนอมและไม่คาดหวังสิ่งใดกลับคืน
ต้นหญ้าที่สูงเพียง 1 นิ้วจะตอบแทนความอบอุ่นของแสงแดดในฤดูใบไม้ผลิได้อย่างไร?
หัวใจของจางเซวียนสะท้านสะเทือนขณะที่พลังปราณไหลเวียนไปทั่วพร้อมกับความคิดของเขา ในเวลาเดียวกัน กระแสดาบฉีก็เริ่มก่อตัวและโอบล้อมทั่วร่างของจางเซวียน ตัดมิติที่บิดเบี้ยวให้ขาดจากกัน
“เขากำลังหลอมรวมเทคนิควรยุทธกับศิลปะเพลงดาบเข้าด้วยกันหรือ?” ไก่น้อยพึมพำอย่างสงสัย
เพราะติดตามนายท่านมาระยะหนึ่งแล้ว มันรู้ว่านายท่านมักทำความเข้าใจเทคนิควรยุทธก่อนจะคิดค้นศิลปะเพลงดาบที่เหมาะสมออกมา แต่คราวนี้เขาหลอมรวมทั้งสองอย่างเข้าด้วยกัน
สายลมปะทะต้นไม้ที่ดื้อรั้นอย่างไม่หยุดหย่อน บุตรชายคนหนึ่งเสาะแสวงหาการเป็นลูกกตัญญู แต่กาลเวลาก็หลุดรอดนิ้วมือของเขาไป..
กระแสดาบฉีของจางเซวียนมีทั้งความผิดหวังและความหม่นหมองจากการรอคอยอันยาวนาน
ในชีวิตเก่าของเขา พ่อแม่เสียชีวิตตั้งแต่เขายังเด็กมาก จึงไม่มีโอกาสได้พบทั้งคู่ ส่วนในชีวิตปัจจุบัน เขาก็ถูกกลุ้มรุมจากเหตุการณ์รอบตัวเสียจนช่วงเวลาที่ได้อยู่กับพ่อแม่ก็มีน้อยมาก
เขาไม่อาจทำความเข้าใจได้กระจ่างแจ้งว่าการเป็นลูกชายนั้นเป็นอย่างไร แต่พอรับรู้ได้ถึงความเป็นห่วงเป็นใยที่ท่านพ่อท่านแม่มีให้เขา
ก็ไม่ต่างกับความรู้สึกที่เขามีต่อบรรดาลูกศิษย์
ศิษย์สายตรงทั้ง 11 คนของเขากระจัดกระจายไปทั่วทั้ง 9 น่านฟ้า และคงจะเป็นการโกหกหากจะบอกว่าเขาไม่เป็นห่วงเป็นใยเด็กๆเหล่านั้น ด้วยมุมมองนี้ จางเซวียนพอเข้าใจแล้วว่าเซียนดาบชิงเหมิงทั้งเป็นห่วงและขัดอกขัดใจในตัวเขาอย่างไร
ทั้งคู่ไม่ได้อยากรั้งตัวเขาไว้หรือตัดรอนอนาคต แต่ก็ไม่อาจทนเห็นเขาต้องฝ่าฟันอันตรายต่างๆครั้งแล้วครั้งเล่า
นี่คือความรู้สึกที่ขัดแย้งกันของคนเป็นพ่อแม่ เหมือนที่เขารู้สึกกับบรรดาลูกศิษย์!
ฟึ่บ!
จางเซวียนนำราชายาเม็ดออกมาและกลืนลงไปโดยไม่ลังเล
ฤทธิ์ยาปริมาณมหาศาลแผ่ซ่านไปทั่วร่างของเขา ด้วยการไหลเวียนของพลังงานจากยา จางเซวียนขัดเกลามันให้เป็นพลังปราณของเวทนาสวรรค์แล้วเก็บไว้ในจุดตันเถียน
ราชายาเม็ดมีพลังงานที่บริสุทธิ์ที่สุดซึ่งอยู่ภายในหญ้าราชันย์เทพเจ้า มีพละกำลังพอๆกับนักรบระดับราชันย์เทพเจ้าคนหนึ่งเลยทีเดียว จุดตันเถียนของเขาที่เคยว่างเปล่าเพราะถูกใช้พลังปราณเทียบฟ้าไปจนหมดกลับเต็มเปี่ยมอีกครั้งด้วยความเร็วอันน่าทึ่ง
ขณะที่จุดตันเถียนของเขาได้รับการเติมเต็ม จางเซวียนก็ก้าวข้ามด่านคอขวดในวรยุทธของพลังปราณและเข้าถึงความเป็นราชันย์เทพเจ้า
รังสีของเขาพุ่งฉิวราวกับมังกรที่ผงาดขึ้นจากท้องทะเล แปรสภาพเป็นบางสิ่งที่ล้ำลึกและแข็งแกร่งกว่าเดิม
ครู่ต่อมา การไหลบ่าของพลังงานของเขาก็ถึงจุดสิ้นสุด
จางเซวียนระบายลมหายใจยาวก่อนจะลุกขึ้นยืน
เขาฝ่าด่านวรยุทธเป็นราชันย์เทพเจ้าสำเร็จแล้ว แต่ยังเป็นแค่ขั้นต้นเท่านั้น เพราะก่อนหน้านี้เขาใช้พลังงานมากเกินไป และพลังปราณของเวทนาสวรรค์ก็ต้องการพลังจิตวิญญาณที่บริสุทธิ์มาก หากเขาอยากสำเร็จวรยุทธระดับราชันย์เทพเจ้าขั้นสูงสุด ก็ต้องใช้ยาเม็ดระดับราชายาเม็ดในจำนวนอีกไม่น้อย
การที่ราชายาเม็ดเติมเต็มจุดตันเถียนอันใหญ่โตของเขาและทำให้เขายกระดับวรยุทธไปเป็นราชันย์เทพเจ้าได้สำเร็จคือหลักฐานที่บอกชัดถึงพลังงานมหาศาลของมัน
เราจะเก็บราชายาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธที่เหลืออีก 3 เม็ดไว้ให้ท่านพ่อท่านแม่กับซุนฉาง จางเซวียนคิดขณะยิ้มออกมา
ถ้าเขากินมันเข้าไป ก็จะยกระดับวรยุทธขึ้นได้อีก แต่ผลที่ได้คงไม่ค่อยเด่นชัด อาจทำไม่ได้แม้แต่จะฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นราชันย์เทพเจ้าขั้นกลางด้วยซ้ำ ดังนั้น เก็บไว้ให้ท่านพ่อท่านแม่กับซุนฉางใช้ประโยชน์จะดีกว่า
จางเซวียนสำรวจการเปลี่ยนแปลงในร่างกายของเขาที่เป็นผลจากการฝ่าด่านวรยุทธ และพบว่าพลังปราณของเขาบริสุทธิ์กว่าเดิม ในเวลาเดียวกัน ปริมาณของพลังปราณก็เพิ่มขึ้นอีกมาก
ต่อไปเขาคงไม่ต้องห่วงว่าพลังปราณจะถูกใช้หมดอย่างรวดเร็วอีกแล้ว
“ไปกันเถอะ!”
รู้ดีว่าเมื่อฝ่าด่านวรยุทธสำเร็จแล้วก็ไม่ต้องกังวลอะไรอีก จางเซวียนชักดาบราชันย์เทพเจ้าออกมาแล้วกวัดแกว่งมันเบาๆ
ดาบนั้นปล่อยกระแสดาบฉีออกมาหลายสาย ตรงเข้าโอบล้อมร่างของพวกเขาไว้และก่อเกิดเป็นปราการชั้นดี
นี่คือศิลปะเพลงดาบระดับราชันย์เทพเจ้าที่จางเซวียนเพิ่งคิดค้นได้จากการทำความเข้าใจเวทนาสวรรค์ – ศรัทธากตัญญู
ศิลปะเพลงดาบที่มีทั้งอารมณ์ของความเศร้าหมองและการรอคอย
ต่อให้วรยุทธของเขาสูงส่ง แล้วอย่างไร? หรือต่อให้เขาร่ำรวยล้นฟ้า แล้วอย่างไรต่อ?
การจัดลำดับความสำคัญของพ่อแม่ไว้เป็นที่ 2 เพื่อใช้เวลาไขว่คว้าสิ่งอื่นนั้นทำได้ง่าย แต่เมื่อในที่สุดเขานึกอยากกลับไปอยู่กับทั้งคู่ ก็คงสายไปเสียแล้ว
มนุษย์ก็เป็นแบบนี้ มักผัดวันประกันพรุ่งในสิ่งที่ควรทำจนกระทั่งสาย จากนั้นก็โทษตัวเอง เศร้าโศกเสียใจที่ไม่เห็นคุณค่าของสิ่งที่พวกเขามี
…..
ฟึ่บ!
ไก่น้อยกับหลัวฉีฉีเข้าสู่ปราการของกระแสดาบฉีด้วย แล้วทั้ง 3 ก็ตั้งต้นเดินทางทะลุกำแพงสีเทา
…..
คลื่นพลังงานสีเทาที่อยู่ตรงหน้าถูกเจตจำนงเพลงดาบของจางเซวียนเฉือนเป็นชิ้นๆ ทำให้พวกเขาเดินต่อไปได้โดยไม่มีปัญหาใด
ทั้งสามเดินไปอีกราว 1 ชั่วโมง ก่อนจะมาถึงปลายสุดอีกด้านหนึ่งของกำแพงสีเทา แล้วทุกคนก็หยุดกึก