“เราคงต้องถามเธอ…” จางเซวียนส่ายหน้า
ดูเผินๆ ผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดในสรวงสวรรค์ก็ไม่น่าจะใช่ใครอื่นนอกจากหลัวลั่วชิง แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง จางเซวียนรู้สึกว่าเขากับเธอถูกผลักด้วยมือที่มองไม่เห็น ทำให้ทั้งคู่จมดิ่งลงสู่วังวนของความรุ่มร้อน
“พอจะเป็นไปได้ไหมหากคุณจะถ่ายทอดเทคนิคบั่นทอนสามร่างให้ผม?” จางเซวียนถาม
ไม่ว่าเขาจะปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระจากพันธนาการสวรรค์ได้หรือไม่ เทคนิคนี้ก็จะทำให้เขามีชีวิตเพิ่มถึง 3 ชีวิตและปกป้องตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่าเดิม
อีกอย่าง เขาจะได้แยกร่างธรรมะ ร่างอธรรม กับร่างอัตตาออกจากกัน ซึ่งนั่นจะทำให้การฝึกฝนวรยุทธในอนาคตทำได้ง่ายขึ้นอีกมาก
“ในการล่อลวงสวรรค์ เป็นเรื่องสำคัญมากที่เราจะต้องไม่เก็บรักษาความทรงจำในสมองเอาไว้ เพราะไม่อย่างนั้น สวรรค์ก็ย่อมเข้ามาสังเกตการณ์ได้ พวกเราศึกษาและฝึกฝนเทคนิคนั้นท่ามกลางคลื่นความสั่นสะเทือนแห่งมิติขณะที่เราออกจากทวีปแห่งปรมาจารย์ และหลังจากเสร็จสิ้นการเรียนรู้ ก็ลบมันออกจากความทรงจำ แม้แต่ท่านอาจารย์ก็ยังไม่เก็บรักษามันไว้ในหัวสมองของเขา ดังนั้น…ผมเกรงว่าพวกเราจะไม่มีเทคนิคนั้นอยู่กับตัว” นักปราชญ์โบราณจื่อหยวนตอบพร้อมกับยิ้มแหยๆ
ได้ยินคำตอบนั้น จางเซวียนส่ายหน้าขณะถอนหายใจเฮือกใหญ่ แต่แล้วก็พลันคิดอะไรได้บางอย่าง จึงถามต่อ “ปรมาจารย์ขงเป็นผู้คิดค้นเทคนิคนี้ใช่ไหม? แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขารู้ล่วงหน้าว่าจะมีใครอื่นมาแข่งขันกับเขาเรื่องเศษเสี้ยวสวรรค์ ใช่หรือเปล่า?”
นี่คือสิ่งหนึ่งที่ทำให้จางเซวียนสงสัย
แม้เมื่อตอนที่เขาออกจากทวีปแห่งปรมาจารย์มาแล้ว ก็ยังแทบไม่รู้อะไรเลยเรื่องเศษเสี้ยวสวรรค์และสงครามสวรรค์ เขายังคงไว้ใจและพึ่งพาหอสมุดเทียบฟ้าตลอดมา
ทุกอย่างน่าจะปะติดปะต่อเข้าด้วยกันหลังจากที่พวกเขามาถึงสรวงสวรรค์แล้ว และสงครามสวรรค์ก็ปะทุขึ้น แต่มันไม่ดูประหลาดไปหน่อยหรือที่ปรมาจารย์ขงเตรียมการเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่เมื่อครั้งที่เขายังอยู่ในทวีปแห่งปรมาจารย์
หรือลิขิตสวรรค์มอบอำนาจของการหยั่งรู้อนาคตให้เขา?
“ถึงท่านอาจารย์ของพวกเราจะฉลาดปราดเปรื่อง แต่ก็ไม่ได้รู้ไปเสียทุกอย่าง เขารู้เรื่องนี้ก็เพราะคำชี้แนะของใครคนหนึ่ง” นักปราชญ์โบราณจื่อหยวนพูด
จางเซวียนพยักหน้าโดยไม่พูดอะไร
ความสำเร็จของปรมาจารย์ขงที่ปรากฏในทวีปแห่งปรมาจารย์นั้นพิเศษมากจนกระทั่งไม่มีใครเชื่อว่าคนคนหนึ่งจะทำได้ขนาดนี้ด้วยน้ำมือของตัวเอง
มันดีเกินกว่าจะเป็นเรื่องจริง
มนุษย์ทุกคนย่อมต้องแสวงหาความรู้จากบางคนหรือบางสิ่งทั้งนั้น
ต่อให้ผู้ปราดเปรื่องอย่างปรมาจารย์ขงก็ยังต้องการคำชี้แนะจากผู้อื่นเพื่อการฝึกฝนวรยุทธ
ก็เหมือนกับตัวเขาที่แม้จะมีหอสมุดเทียบฟ้า แต่ก็ยังต้องการคำชี้แนะของปรมาจารย์ขงอยู่เนืองๆเพื่อหาเส้นทางที่ถูกต้อง
“อาจารย์ปู่เป็นผู้ถ่ายทอดเทคนิคนั้นให้พวกเรา” นักปราชญ์โบราณจื่อหยวนเสริม
“อาจารย์ปู่?” จางเซวียนถึงกับงง
เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าปรมาจารย์ขงก็มีอาจารย์
“เมื่อนานแสนนานมาแล้วในทวีปแห่งปรมาจารย์ พวกเราเรียกขานผู้ที่ถ่ายทอดความรู้ให้คนอื่นๆด้วยความเคารพว่า ‘ปรมาจารย์’” นักปราชญ์โบราณจื่อหยวนอธิบาย “แต่เมื่ออาจารย์ปู่ของพวกเราปรากฏตัว พวกเราก็เริ่มเรียกขานผู้ที่ให้คำชี้แนะกับคนอื่นๆว่า ‘อาจารย์’!”
“….” จางเซวียนงุนงงอย่างหนัก
ทำไมเขาถึงไม่เข้าใจสิ่งที่นักปราชญ์โบราณจื่อหยวนพูด?
“ก็เหมือนกับการที่ใครต่อใครเรียกคุณว่าปรมาจารย์จางนั่นแหละ เหมือนการที่คุณเรียกขานท่านอาจารย์ของเราว่าปรมาจารย์ขง โดยทั่วไป…เราใช้แซ่บวกกับคำว่า ‘ปรมาจารย์’ เพื่อเรียกขานด้วยความเคารพ ส่วนคำว่า ‘อาจารย์’ เป็นคำที่ท่านอาจารย์ของเราใช้เรียกท่านอาจารย์ของเขาตั้งแต่แรก ซึ่งลงท้าย พวกเราที่เหลือก็ใช้คำนั้นเช่นกัน สืบต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้” นักปราชญ์โบราณจื่อหยวนอธิบาย
จางเซวียนถามต่อด้วยความสงสัย “ถ้าอาจารย์ปู่ของคุณเก่งกาจถึงขนาดถ่ายทอดเทคนิคที่แสนจะไร้เทียมทานให้ปรมาจารย์ขงได้ ตัวเขาก็ต้องไร้เทียมทานเช่นกัน ถูกไหม? แต่ทำไมผมถึงไม่เคยได้ยินชื่อของเขาเลย?
จางเซวียนรอบรู้เรื่องประวัติศาสตร์ของทวีปแห่งปรมาจารย์ แถมยังมีไอ้โหดซึ่งเป็นตำนานของยุคโบร่ำโบราณอยู่กับตัว แต่ก็ไม่เคยได้ยินชื่อของอาจารย์ปู่ผู้ไร้เทียมทานคนนี้มาก่อน
“จากที่ท่านอาจารย์ของเราเล่าให้ฟัง อาจารย์ปู่พำนักอยู่ในทวีปแห่งปรมาจารย์เพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนจะจากไปโดยขี่วัวสีเขียวตัวหนึ่ง ท่านอาจารย์ไม่รู้ว่าหลังจากนั้นอาจารย์ปู่ไปไหน และพวกเราก็ไม่รู้เหมือนกัน…”
“เข้าใจแล้ว…”
ดูเหมือนเขาคงทำได้แค่ซักถามเรื่องนี้กับปรมาจารย์ขงหลังจากที่อีกฝ่ายฟื้นคืนชีพ
จางเซวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่ จากนั้นก็มองฝูงชนที่อยู่ตรงหน้า “ว่าแต่พวกคุณมียาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นสูงสุดหรือสมุนไพรชนิดอื่นๆที่ผมจะใช้ยกระดับวรยุทธได้บ้างไหม?”
วรยุทธของจิตวิญญาณของเขาเข้าถึงระดับราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติขั้นสูงสุดแล้ว แต่วรยุทธของกายเนื้อกับพลังปราณยังคงอ่อนด้อย
จางเซวียนวางแผนไว้แล้วว่าจะทำอย่างไรกับกายเนื้อของเขา ด้วยการฟื้นคืนชีพของจอมราชันย์อมตะ เขาจะสามารถเข้าใช้แอ่งลาวาอมตะเพื่อบ่มเพาะกายเนื้อได้
ส่วนวรยุทธของพลังปราณ เขาทำความเข้าใจเทคนิควรยุทธขั้นจอมราชันย์ได้แล้ว สิ่งเดียวที่ยังขาดอยู่คือยาเม็ดและสมุนไพรที่ใช้สำหรับขัดเกลาพลังปราณ
ขอแค่มีพลังจิตวิญญาณมากพอ ก็จะสามารถยกระดับวรยุทธของพลังปราณไปถึงขั้นราชันย์เทพเจ้าขั้นสูงสุด หรืออาจฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นจอมราชันย์ได้เลยทีเดียว!
แต่ปัญหาก็คือยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นสูงสุดนั้นหายากมาก ขนาดนักปรุงยาผู้เก่งกาจอย่างฟู่เจียงเฉินก็ยังมีเก็บไว้เพียงไม่กี่เม็ด แต่จางเซวียนก็คิดว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา ปรมาจารย์ขงคงสะสมยาเหล่านี้ไว้มากพอให้เขานำมาใช้
“ก่อนหน้านี้ ท่านอาจารย์ของเราหลอมยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นสูงสุดไว้หลายเม็ด พวกเรากินยาเหล่านั้นตลอดหลายปีที่ผ่านมาเพื่อยกระดับวรยุทธ ผมคิดว่าตอนนี้คงยังเหลืออยู่สักสองสามร้อยเม็ด ผมจะนำมาให้คุณนะ” นักปราชญ์โบราณจื่อหยวนพูดยิ้มๆก่อนจะเดินออกจากห้อง
“สองสามร้อยเม็ด?” จางเซวียนอ้าปากค้าง
สมกับเป็นปรมาจารย์ขง ช่างร่ำรวยมั่งคั่งเสียจริงๆ
ครู่ต่อมา นักปราชญ์โบราณจื่อหยวนก็กลับมาพร้อมกระสอบใบหนึ่ง เขาโยนมันให้จางเซวียน “ยาพวกนั้นน่าจะอยู่ในนี้แหละ”
จางเซวียนเปิดปากกระสอบ มียาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าจำนวนมากอยู่ในนั้นจริงๆ รวมแล้วก็น่าจะสองสามร้อยเม็ด
“พวกคุณ…เก็บยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้ากันแบบนี้หรือ?” จางเซวียนเลิกคิ้ว
นักรบแทบทุกคนในสรวงสวรรค์เก็บยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าของพวกเขาไว้ในกล่องหยกหรือขวดหยกเพื่อรักษาไว้อย่างดี แต่นักปราชญ์โบราณจื่อหยวนกับพรรคพวกกลับทิ้งขว้างมันไว้ในกระสอบราวกับเป็นขยะ
จางเซวียนอดสงสัยไม่ได้ว่ายาเม็ดที่อยู่ข้างในเป็นของจริงหรือเปล่า
เขาหยิบออกมาเม็ดหนึ่งและกลืนลงไป
ฟิ้วววววว!
กระแสพลังจิตวิญญาณระเบิดออกและพวยพุ่งเข้าสู่ทางเดินพลังปราณของเขา จางเซวียนรีบหยิบเม็ดที่ 2 และเม็ดที่ 3 ใส่ปากโดยไม่ลังเล…
“นั่นคือ…วิธีกินยาของคุณหรือ?” นักปราชญ์โบราณจื่อหยวนอ้าปากค้าง
พวกเขามียาเม็ดเก็บไว้มากมายก็จริง แต่ยาเหล่านี้คือยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นสูงสุดนะ! ต่อให้ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติก็ยังต้องใช้เวลาระยะหนึ่งเพื่อซึมซับพลังงานของมัน แต่อีกฝ่ายโยนมันเข้าปากเม็ดแล้วเม็ดเล่าราวกับกินขนม
ไม่แปลกใจแล้วที่คุณมียาไม่พอ!
ขณะที่นักปราชญ์โบราณจื่อหยวนเฝ้ามองชายหนุ่มโดยไม่รู้จะพูดอะไร ระดับวรยุทธของอีกฝ่ายก็พุ่งพรวด
ราชันย์เทพเจ้า ขั้นกลาง!
ราชันย์เทพเจ้า ขั้นสูง!
…..
เพียงครู่เดียว วรยุทธของจางเซวียนก็เข้าถึงราชันย์เทพเจ้าขั้นสูงสุดก่อนจะค่อยๆสงบลง
“น่าเสียดาย ยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นสูงสุดไม่มีประโยชน์กับผมแล้ว” จางเซวียนพึมพำ
โดยปกติ ยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นสูงสุดมีประสิทธิภาพดีแม้แต่กับนักรบระดับราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติส่วนใหญ่ แต่ด้วยความพิเศษของเวทนาสวรรค์ ปริมาณและความบริสุทธิ์ของพลังจิตวิญญาณที่จางเซวียนต้องการจึงอยู่ในระดับสูงมาก
ระดับความบริสุทธิ์ของยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นสูงสุดที่มีอยู่ในเวลานี้เพียงพอให้เขาเข้าถึงวรยุทธระดับราชันย์เทพเจ้าขั้นสูงสุดเท่านั้น ต่อให้กินยาเพิ่มอีกเท่าไหร่ ก็ไม่อาจผลักดันวรยุทธให้สูงกว่านี้ได้แล้ว
“โชคดีนะที่พวกมันไม่มีประโยชน์กับคุณอีกต่อไป ไม่อย่างนั้น คุณคงกินยาของพวกเราจนหมดคลังแน่!” นักปราชญ์โบราณจื่อหยวนตอบอย่างจนปัญญา
จางเซวียนก้มหน้าดู พบว่ายาเม็ดในกระสอบหายไปกว่าครึ่ง เขาหัวเราะอย่างกระอักกระอ่วน จากนั้นก็เกาศีรษะแล้วพูดว่า “ยาเม็ดที่ปรมาจารย์ขงหลอมนี่รสชาติดีจริงๆ มีกลิ่นผลไม้ต่างๆกันไปเสียด้วย ทั้งสับปะรด แอปเปิ้ล องุ่น…ผมออกจะติดใจ ก็เลยกินเกินความจำเป็นไปหน่อย!”
“….” นักปราชญ์โบราณจื่อหยวน
เพราะเคียงบ่าเคียงไหล่กับปรมาจารย์ขงมาเนิ่นนาน นักปราชญ์โบราณจื่อหยวนจึงถือเป็นนักรบคนหนึ่งที่ฝ่าฟันมรสุมมาอย่างโชกโชน มีเพียงไม่กี่อย่างในโลกใบนี้ที่ทำให้เขาหวั่นไหวได้
แต่เมื่อเป็นเรื่องของยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นสูงสุด แม้แต่พวกเขาก็ยังต้องการเวลาอย่างน้อย 1 หรือ 2 เดือนเพื่อซึมซับพลังจิตวิญญาณปริมาณมหาศาลที่อยู่ในนั้น แต่ชายหนุ่มกลับกลืนลงไปเป็นร้อยเม็ดในคราวเดียวโดยไม่หยุดพัก…
และไม่เพียงแต่อีกฝ่ายจะไม่เป็นอะไร ยังแถมออกความเห็นเรื่องรสชาติของยาอีกต่างหาก
จะบ้าหรือไง!
มันใช่ประเด็นหรือ?
นักปราชญ์โบราณจื่อหยวนกับคนอื่นๆรู้สึกไม่อยากพูดกับจางเซวียนอีก
สิ่งที่อยู่ในร่างกายของคุณไม่น่าจะใช่กระเพาะ แต่เป็นหลุมดำ!
ขณะที่นักปราชญ์โบราณจื่อหยวนกำลังจนปัญญา ก็พลันรู้สึกว่าชายหนุ่มจับจ้องเขา
“นอกเหนือจากยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นสูงสุด คุณยังมียาอื่นๆที่รสชาติ…เอ่อ ผมหมายความว่า…มีพลังจิตวิญญาณที่บริสุทธิ์กว่านี้ไหม? อย่างราชายาเม็ดหรืออะไรประมาณนั้น? ถ้ามีล่ะก็ ผมยินดีขอซื้อจากคุณ สัญญาว่าจะชดเชยให้พวกคุณอย่างงามหลังจากที่ผมได้เป็นจอมราชันย์แล้ว”
“พวกเราไม่มีอะไรที่ดีกว่านี้หรอก” นักปราชญ์โบราณจื่อหยวนตอบพร้อมกับส่ายหน้า
ท่านอาจารย์สั่งเสียไว้ว่าให้พวกเขาปฏิบัติต่อจางเซวียนในฐานะผู้นำ จึงเป็นธรรมดาที่ชายหนุ่มจะมีสิทธิ์เข้าถึงยาเม็ดของพวกเขา เพียงแต่ตอนนี้ พวกเขาไม่มีอะไรที่มีประสิทธิภาพดีไปกว่ายาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นสูงสุด
“สมัยก่อน ปรมาจารย์ขงก็คงต้องการพลังจิตวิญญาณปริมาณมหาศาลเพื่อการฝ่าด่านวรยุทธเช่นกัน แล้วเขาได้พลังจิตวิญญาณตามที่ต้องการได้อย่างไร?” จางเซวียนตั้งข้อสงสัย