คู่ชะตาบันดาลรัก – บทที่ 96 ภูเขาไฟ

บทที่ 96 ภูเขาไฟ

บทที่ 96 ภูเขาไฟ
Ink Stone_Romance
กริชพุ่งปักลงบนพื้น ออกแรงวาดเป็นวงกลมจนดินเปียกถูกขุดออกและมีหลุมบ่อปรากฏขึ้น หยางชูรีบขุดพื้นดินด้านข้างแล้วผลักหมิงเวยลงไป ส่วนเขาก็กระโดดตามลงไปด้วย

ในเวลาที่จำกัดหลุมนี้จึงมีขนาดเล็กมาก อาศัยกำแพงหินที่ยื่นออกมาทำให้แทบจะไม่เพียงพอสำหรับสองคน

หยางชูขยับมือกางร่มขนาดใหญ่แล้วยัดมันลงในมือของหมิงเวย

“ยังตื้นเกินไป ข้าต้องขุดอีกท่านถือบังเอาไว้หน่อย”

หมิงเวยเหลือบมองร่ม “มันคือผ้าชนิดใดหรือพอถูกน้ำมันจะไหม้หรือไม่”

หยางชูขุดไปพูดกับนางไป “ท่านคิดว่าข้าโง่เพียงนั้นเลยหรือ หากมันติดไฟแล้วข้าจะให้ท่านถือทำไมกัน”

หมิงเวยยื่นมือไปสัมผัส “เอ๋ เหมือนจะเป็นหนังปลาชนิดหนึ่ง”

“เป็นหนังของฉลามจากทะเลตะวันออก น้ำกับไฟทำอันใดไม่ได้หรอก”

หมิงเวยพยักหน้า “สมกับที่เป็นคุณชายตระกูลโหว ขนาดร่มยังเป็นของหายาก”

หยางชูไม่ตอบอันใด เขายังคงขุดต่อไป

น้ำมันเชื้อเพลิงยังคงไหลหยดลงมาแม่แต้เศษกิ่งไม้ยังถูกโยนลงมาด้วย

หมิงเวยขดตัวอยู่ในหลุมฟังเสียงน้ำมันหยดกระทบร่มอยู่พักใหญ่

“ในช่วงต้นปีข้าติดตามท่านอาจารย์ท่องไปทั่วยุทธภพ ที่ที่เคยเดินทางผ่าน สถานที่ที่มีอาหารรสเลิศที่เป็นที่นิยม” จู่ๆ นางก็พูดขึ้นมา

“พวกเขาเลือกใช้ก้อนหินเรียบๆ มาล้างให้สะอาดแล้วเอาไปย่างบนไฟจากนั้นก็ทำอาหารวางไว้บนก้อนหินเพื่อปรุงให้สุกร้อน…”

“ซู่ซ่า!” น้ำมันราดรดลงบนร่ม กิ่งไม้ก็ร่วงหล่นตามมา

“ปัง!” มีเสียงดังขึ้นตามด้วยไอร้อน

สุดท้ายก็จุดไฟ!

หยางชูพูด “พวกเราอยู่ด้านล่าง ก้อนหินอยู่ด้านบนเป็นการเปรียบเทียบที่ไม่ถูกต้องสักเท่าใด”

หมิงเวยคิด “ก็จริง มีวิธีการปรุงอีกวิธีหนึ่งคือล้างอาหารให้สะอาดห่อด้วยใบบัวแล้วนำฝังดิน จากนั้นจุดไฟเผาด้านบน ตอนที่อยู่ในป่ากับท่านอาจารย์ ข้าชอบกินแบบนี้มาก อาหารที่ถูกย่างไม่ค่อยกรอบแต่ก็ชุ่มฉ่ำ…”

“….” หยางชูดันดินเปียกขึ้นเพื่อปิดกั้นคลื่นความร้อนและถามนางว่า

“ท่านต้องเปรียบเทียบเช่นนี้ด้วยหรือ”

หมิงเวยขอโทษ “มื้อเที่ยงกินอาหารบิณฑบาตยังไม่อิ่มเลยข้าเลยทนไม่ไหว”

ไฟเริ่มรุนแรงขึ้น และแม้ว่าจะถูกบังด้วยร่มหนังฉลาม แต่ความร้อนก็ยังคงสูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้หายใจยากลำบากขึ้น

หยางชูทำได้เพียงพยายามขุดต่อไปอย่างถึงที่สุด มีเพียงดินเปียกด้านล่างเท่านั้นที่สามารถทำให้พวกเขาเย็นลงได้

“ติง!” ดูเหมือนกริชจะไปสัมผัสอะไรบางอย่างเข้า เขาเลิกคิ้วแล้วใช้แรงขุดต่ออีกหน่อยเพื่อยกดินออกมา

“อิฐงั้นหรือ” หยางชูแทงอยู่สองครั้ง “คงไม่สามารถขุดสุสานของผู้อื่นได้”

หมิงเวยสำลักควันไฟจนไอออกมาแล้วพูดว่า “ที่นี่ไม่สามารถเป็นสุสานได้ ฮวงจุ้ยไม่ดี ผู้ใดจะคิดมาฝังศพที่นี่กัน สมองคงมีปัญหาแน่”

“แล้วนี่คืออันใดกัน”

หมิงเวยลองสัมผัสและสงสัย “วัสดุเช่นนี้เป็นสุสานจริงๆ…”

หยางชูมองนาง “พวกเราขุดต่อไปดีหรือไม่ หากเป็นสุสานของผู้อื่นจริงๆ ขุดต่อไปเช่นนี้คงต้องอยู่กับซากศพ”

หมิงเวยเงยหน้ามอง “ท่านอยากโดนย่างจนกลายเป็นไก่ยัดไส้ห่อใบบัวอบหรืออยู่เป็นเพื่อนซากศพกันล่ะ”

……….

ด้านข้างหินเทพธิดาตัวฝูนั่งอยู่ด้านหน้าศาลเจ้าตามองตรงไป

อาหว่านรออย่างใจจดใจจ่อนางพึมพำในปาก “คุณชายไปคนเดียวไม่เสี่ยงเกินไปงั้นหรือ หากเกิดอันใดขึ้นมาจะทำอย่างไร…”

อาสวนอดไม่ได้ที่จะพูดแทรก “คุณชายไม่ได้ไปคนเดียว พวกเราจัดกำลังคนไว้ด้านล่างแล้ว พวกเขาจะไปกับคุณชาย”

อาหว่านถอนหายใจ “แต่วรยุทธ์ของพวกเขาไม่เก่งเท่าเจ้า!”

แม้จะดีใจที่ได้รับคำชม แต่อาสวนกลับรู้สึกว่า นางเป็นห่วงเกินเหตุไปหรือไม่

ถึงวรยุทธ์ของเขาจะเก่งกาจเพียงใด แต่ก็เทียบไม่ได้กับกำลังคนกลุ่มหนึ่ง

หากเกิดเรื่องขึ้นจริงแล้วเขาอยู่ข้างกายคุณชายก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอันใดได้อยู่ดี

ในขณะนั้นฝั่งตรงข้ามของยอดเขาชุ่ยมู่ก็มีเสียงกึกก้องดังขึ้น

ทั้งสามคนมองไปยังฝั่งตรงข้าม แต่จากมุมนี้พวกเขามองไม่เห็นเลยว่าเกิดอันใดขึ้นในหุบเขา

“นั่นเสียงอันใดน่ะ” ทั้งสามคนแปลกใจ

ผ่านไปไม่นานตัวฝูก็ร้องตะโกนขึ้น “พวกท่านดูนั่น มีควัน!”

“ท่าไม่ดีแล้ว!” อาสวนบอก “พวกเขากำลังจะจุดไฟเผาภูเขา!”

อาหว่านไม่อยากจะเชื่อเลย “นี่พวกเขากล้าจุดไฟเผาภูเขางั้นหรือ หรือคิดจะเผาคุณชาย บังอาจเกินไปแล้ว!”

อาสวนสงบลงอย่างรวดเร็ว “พวกเราประเมินความกล้าของพวกเขาต่ำไป อาหว่านเจ้ากลับไปรายงานใต้เท้าเจี่ยง ข้าจะไปหาเหลยหง ป้ายคำสั่งกองกำลังอยู่ในมือเขา”

“ได้” อาหว่านยัดกระถางธูปใส่มือของตัวฝูแล้วทั้งสองก็ทะยานกระโดดแยกย้ายกันไป

“เดี๋ยว!” ตัวฝูที่ถูกทิ้งไว้ไม่รู้จะทำอย่างไรดี

ควันจากยอดเขาชุ่ยมู่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนสามารถมองเห็นเปลวไฟได้จางๆ

ตัวฝูรู้สึกวิตกกังวล คุณหนูและคุณชายไปที่ฝั่งตรงข้ามด้วยกัน หากคุณชายถูกขังอยู่ที่นั่น งั้นแสดงว่าคุณหนูก็ตกอยู่ในอันตรายด้วย

จะทำอย่างไรดี

มีเสียงฝีเท้าแผ่วเบา มีใครบางคนเหยียบบันไดหินทีละก้าว

ตัวฝูหันกลับไปเมื่อเห็นว่าเป็นผู้ใดนางก็ดีใจ “นายท่านสี่!”

‘นายท่านสี่’ เมื่อเห็นนางจึงยิ้มบางๆ “ตัวฝูเองหรือ เหตุใดถึงมาอยู่ที่นี่คนเดียว คุณหนูของเจ้าล่ะ!”

คุณหนูกำลังตกอยู่ในอันตราย ตัวฝูไม่กล้าปกปิดมันอีกต่อไปจึงชี้ไปที่ฝั่งตรงข้ามและตะโกนว่า “นายท่านสี่ คุณหนูไปที่ฝั่งตรงข้ามเจ้าค่ะ ที่นั่นเหมือนจะไฟไหม้ ท่านรีบไปช่วยคุณหนูเถิดเจ้าค่ะ”

“งั้นหรือ” สีหน้าของเขาเรียบเฉยส่งสายตาให้เด็กรับใช้แข็งแรงที่ตามเขามา

หนึ่งในนั้นเดินเข้ามาจับตัวฝูไว้

ตัวฝูผู้โง่เขลา “นายท่านสี่ ท่านจะทำอันใดหรือเจ้าคะ”

‘นายท่านสี่’ เดินไปหยุดตรงหน้าศาลเจ้า เขาเอื้อมมือไปแกว่งระฆังที่แขวนอยู่ด้านบน เขาออกแรงจนระฆังที่ถูกลมกัดเซาะเกิดเสียงดัง

…………

“ไฟไหม้ๆ!” ไม่รู้ว่าผู้ใดเป็นคนแรกที่เห็นควันดำที่ยอดเขาชุ่ยมู่แล้วตะโกนขึ้นมา การค้นพบนี้ทำให้พวกเขาตื่นตระหนกมาก

ตอนนี้เป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ ภูเขาเขียวชอุ่มไปด้วยพืชพันธุ์ หากเกิดไฟป่าขึ้นมาก็ยากที่จะดับได้โดยง่าย

พระสงฆ์ในวัดเป่าหลิงต่างตื่นตระหนก เจ้าหน้าที่ก็ตื่นตระหนกเช่นกัน

สีหน้าของท่านเจ้าเมืองอู๋เปลี่ยนไปเมื่อเขาเห็นไฟ “เร็ว! เรียกคนไปดับไฟเร็ว!”

วันนี้อากาศปลอดโปร่ง ไม่มีฟ้าร้อง ฟ้าผ่า แล้วจะเกิดไฟไหม้ได้อย่างไร ท่านเจ้าเมืองอู๋รู้สึกงุนงง แต่เมื่อเขาเห็นฉีตงจวิ้นอ๋องขมวดคิ้วเขาก็เข้าใจทันที

หรือว่า…

เขาโกรธมาก ผู้ใดกันที่เป็นคนคิดเรื่องนี้ ท่านอู่หรือ ไม่ใช่! หรือจะเป็นผู้วางแผนที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดงั้นหรือ ต้องเป็นเขาแน่!

น่ารังเกียจ! วางเพลิงภูเขาแล้วจะสิ้นสุดอย่างไรกัน

เรื่องใหญ่เช่นนี้เขาซึ่งเป็นท่านเจ้าเมืองต้องเป็นคนรับผิดชอบ!

เจี่ยงเหวินเฟิงเห็นภูเขาที่ลุกไปด้วยเปลวเพลิงใจเขาก็ดิ่งลงไปอยู่แทบเท้า

ไม่ดีแล้ว เกิดเรื่องขึ้นกับหยางชู เขาเดินออกไปทันที แต่ถูกเจ้าหน้าที่ห้ามไว้

“ใต้เท้าเจี่ยงจะไปที่ใดขอรับ คนในวัดเป่าหลิงมีมากมาย มีทางลงเขาเพียงทางเดียว เกิดเหตุวุ่นวายอย่างคาดไม่ถึงเช่นนี้! ถึงไฟจะไม่ลามมาถึง แต่คนน่าจะเหยียบกันตายเสียก่อน”

“ใช่ๆ!” คนกลุ่มหนึ่งพูดขึ้น

เจี่ยงเหวินเฟิงสะบัดแขนเสื้อ “เกิดเพลิงไหม้ที่ภูเขาผลที่ตามมาทุกคนคงทราบดีอยู่แล้ว ยังไม่รีบไปช่วยกันดับไฟอีก องครักษ์!”

องครักษ์ก้าวมาข้างหน้าทันที “ขอรับใต้เท้า”

“เจ้ารีบไปดับไฟซะ!”

“ขอรับ” ฉีตงจวิ้นอ๋องกำพัดในมือแน่น

เพลิงลุกขึ้นมาแล้ว นั่นหมายความว่านายท่านสามได้เคลื่อนไหวแล้ว ตอนนี้ได้ลงมือไปแล้วขอให้ทุกอย่างสำเร็จก็พอ ต้องห้ามไม่ให้พวกเขาไปช่วยคนกลับมาได้อย่างเด็ดขาด!

……………………………………….

คู่ชะตาบันดาลรัก

คู่ชะตาบันดาลรัก

Status: Ongoing

เหตุชะตาถึงฆาตทำให้วิญญาณของ ‘หมิงเวย’ หญิงสาวผู้มีวรยุทธ์เก่งกล้า ย้อนเวลามาอยู่ในร่างของคุณหนูเจ็ดแห่งตระกูลหมิงผู้อ่อนแอ

แต่เรื่องราวกลับไม่ง่ายเมื่อทันทีที่ลืมตา นางกลับพบว่าในสวนอวี๋ฟางที่นางและฮูหยินสามผู้เป็นมารดาอาศัยอยู่นั้นมีสิ่งอัปมงคล!

สองแม่ลูกเชื่อว่าสิ่งนี้อาจเกี่ยวพันกับไสยศาสตร์มืด จึงได้ลงมือสืบความจริงของเรื่องนี้อย่างลับๆ

และยิ่งตามสืบปริศนามากมายที่เกิดขึ้นในจวนและตระกูลหมิงแห่งนี้… กลับยิ่งเจอความลับอันดำมืดที่ซุกซ่อนอยู่

แต่ท่ามกลางความมืดมิดและสิ่งชั่วร้าย โชคชะตากลับลิขิตให้หญิงสาวได้ไขประตูสู่ความจริง… รวมถึงนำไปสู่ความรัก!

นับตั้งแต่ที่ ‘หยางชู’ เหลนของฮ่องเต้จอมเสเพลแฝงกายมายังเมืองที่นางอาศัยอยู่เพื่อภารกิจบางอย่าง

นางและเขาจึงได้ตกลงร่วมกันทำภารกิจไขปริศนา แต่หารู้ไม่ว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นอาจเป็นไปเพราะโชคชะตารักบันดาลอยู่เบื้องหลัง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท