หมิงเวยแบมือ บนฝ่ามือขาวเนียนมีเครื่องรางวางอยู่
เมื่อคืนพอพบว่าเครื่องรางนี้แตกต่างออกไปยังไม่ทันได้พูดอะไรก็ถูกกลุ่มกบฏขัดจังหวะ
หยางชูไม่เข้าใจความหมายของนาง “ของสิ่งนี้ทำไมหรือ”
หมิงเวยตอบ “ข้าทำเรื่องพวกนี้ หนึ่งก็เพื่อแก้แค้นให้ท่านแม่ สองก็เพื่อหาเส้นทางชีวิตให้ผู้หญิงและเด็กในตระกูลหมิง แต่ที่ท่านและใต้เท้าเจี่ยงอนุญาตให้ข้าเข้าร่วมด้วยเพราะข้าสามารถหาเบาะแสสำคัญให้พวกท่านได้”
“แล้วอย่างไร”
“ตอนนี้ความจริงของการเสียชีวิตของเกิงซานได้ปรากฏขึ้นแล้ว การก่อกบฏของฉีตงจวิ้นอ๋องได้ถูกเปิดเผยไปทั่วหล้า ความสัมพันธ์ของพวกเราถือว่าจบกันแล้วเจ้าค่ะ”
หยางชูหัวเราะ แววตาคู่นั้นของเขามองอย่างไรก็ราวกับกำลังเล่นหูเล่นตา “ความสัมพันธ์ของพวกเราเป็นอย่างไร แม่นางหมิงช่วยบอกให้ข้าฟังหน่อยได้หรือไม่”
ฟังดูเหมือนหยอกล้อ
สีหน้าหมิงเวยดูไร้อารมณ์ “ต้องให้ข้านำเรื่องนี้เขียนเป็นหนังสือแล้วให้ผู้อื่นนำไปอธิบายให้ฟังทุกที่หรือไม่เจ้าคะ เพื่อคดีแล้วคุณชายท่านหนึ่งได้ติดต่อกับหญิงสาวบริสุทธิ์ทำให้ครอบครัวของนางพังพินาศ เสื่อมเสียชื่อเสียง ตระกูลหมิงอาจจะต้องถูกยึดทรัพย์ หากนางต้องเข้าไปอยู่ในตระกูลโหวก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ในฐานะอะไร”
“….” หยางชูน้อมตัวประสานมือ “ถือว่าข้าพูดผิดไป ข้าไม่ขัดจังหวะท่านแล้ว”
หมิงเวยยิ้มมุมปาก นางไม่เข้าใจเหมือนกันว่าการพูดจาประชดมีประโยชน์อะไร ไม่เข้าใจทุกครั้งเลยเสียที
“คดีนี้จบลงแล้ว การอำนวยความสะดวกที่คุณชายมอบให้ก่อนหน้านี้จะเรียกกลับคืนไปหรือไม่เจ้าคะ”
หยางชูเท้าคาง “พอเรื่องจบลงข้าต้องกลับเมืองหลวง”
หมิงเวยพยักหน้า “ข้าเองก็ต้องไปเมืองหลวงเช่นกันเจ้าค่ะ”
หยางชูมองนางในแววตาของเขามีความไม่แน่ใจ “ท่าน…ขาดข้าไม่ได้งั้นหรือ”
หมิงเวยยิ้มเล็กน้อย “ข้าเป็นพยานคนสำคัญ ท่านแน่ใจหรือว่าจะไม่ให้ข้าตามท่านไปเมืองหลวงด้วย อีกอย่างครอบครัวนักโทษต้องถูกพาตัวไปเมืองหลวงด้วยมิใช่หรือ”
“อ้อ ก็จริง” หยางชูรู้สึกร้อนที่ใบหน้านี่เขากลายเป็นคนโง่งมได้อย่างไรกัน
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในตงหนิง เมื่อกลับไปยังเมืองหลวง ท่านเป็นคุณชายตระกูลโหว ส่วนข้าเป็นครอบครัวของนักโทษ เราไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันแล้ว คงไม่มีโอกาสได้พบกันอีกเจ้าค่ะ”
ได้ยินนางพูดเช่นนั้นหยางชูก็รู้สึกเศร้าหมองในใจ เริ่มแรกเขาคิดในใจไม่มีอะไรมากไปกว่านางเป็นผู้ที่มีประโยชน์คนหนึ่งซึ่งเขาคอยดูอยู่ว่ามีประโยชน์จริงหรือไม่
แต่เมื่อมีการแลกเปลี่ยนมีความเข้าใจกันมากขึ้นเรื่อยๆ จนมองนางกลายเป็นคนของตนเองโดยไม่รู้ตัว ผลลัพธ์เช่นนี้เขารู้สึกไม่ค่อยเต็มใจเท่าใดนัก…
ไม่รู้ว่าเขาคิดวนไปกี่พันครั้ง หมิงเวยก็ชะงักแล้วเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
“เพราะฉะนั้นข้าอยากบอกท่านว่า เรื่องยังไม่จบลงเจ้าค่ะ”
“หืม…” หยางชูรู้สึกสับสนเล็กน้อย
นางพูดว่าอะไรนะ เปลี่ยนเรื่องเร็วมากจนเขาไม่ทันได้เตรียมใจ หมิงเวยแสดงเครื่องรางบนฝ่ามืออีกครั้ง “หากข้าบอกท่านว่า ข้าได้พบดาวดวงอื่นล่ะ”
“….” หลังจากนั้นไม่นานหยางชูก็ปรับความคิดของเขากลับมา “ท่านจะบอกว่าไม่ได้มีแค่นายท่านสามผู้เดียวงั้นหรือ”
หมิงเวยพยักหน้า “ข้าเคยพบสองคน พวกเขาคือโต้วมู่เซี่ยกับปี้ฉุยอวี่ หากเป็นอย่างที่ข้าคาดการณ์เอาไว้ ผู้ที่ช่วยเขาเมื่อคืนวานคงเป็นหนึ่งในดวงดาวนี้”
หยางชูรีบพูดออกไปว่า “ท่านบอกว่าเคยพบไม่ได้หมายถึงยุคสมัยนี้ใช่หรือไม่”
“ใช่เจ้าค่ะ”
หยางชูตอบ “จากที่ท่านบอกมาปรมาจารย์แห่งชีวิตหายสาบสูญไปนานแล้ว แสดงว่ายุคสมัยที่ท่านมีชีวิตอยู่คงห่างจากตอนนี้นานมาก ท่านแน่ใจถึงเพียงนี้หากนายท่านสามเป็นหนึ่งในนั้น มันไม่บังเอิญไปหน่อยหรือที่ท่านได้รับของที่เป็นหลักฐานเช่นนี้ไว้”
หมิงเวยยิ้ม “ทุกอย่างต้องเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่เลวร้ายที่สุด หรือพวกท่านหวงเฉิงซือไม่ได้ทำเรื่องเช่นนี้เหมือนกัน แน่นอนว่ามีโอกาสที่ข้าจะคาดเดาผิด แต่ตราบใดที่มีความเป็นไปได้เพียงเล็กน้อยที่จะถูกจึงไม่สามารถมองเป็นเรื่องธรรมดาและไม่สนใจมันได้ ข้าจะบอกความจริงกับท่าน ท่านอาจารย์ของข้าเสียชีวิตด้วยน้ำมือของคนเหล่านี้ พวกเขายังบังคับให้ข้าใช้ทางเลือกสุดท้ายนั่นคือเหตุผลที่ข้ามายืนอยู่ที่นี่”
“….”
เห็นเขาหน้านิ่วคิ้วขมวดคลี่ปิดพัดในมือไม่หยุด หมิงเวยกวักมือเรียกสาวใช้คนหนึ่งและสั่งให้นางไปเตรียมชาและของว่างมา
รอจนหยางชูได้สตินางกับอาสวนกำลังคุยกันเรื่องทำขนมซิ่งเหรินอย่างไรให้อร่อย
“หึ!” หยางชูไม่พอใจ “พวกท่านสนใจกินกันเองสองคน”
สีหน้าอาสวนดูจริงใจ “คุณชายกำลังใช้สมาธิ ข้าน้อยจึงไม่กล้ารบกวน…”
จากนั้นจึงขยับกล่องขนมมาวางต่อหน้าเขา “เนื้ออบแห้งกับขนมซิ่งเหรินรสชาติดีมาก คุณชายลองชิมดูขอรับ”
หยางชูผลักออกไปอย่างไม่สบอารมณ์ “ข้าไม่ใช่พวกท่านที่ทานขนมหวานเลี่ยนแบบนี้ รินชาให้ข้าที!”
“ขอรับ”
พอรับชามาไว้ในมือก็ได้ยินหมิงเวยบอกว่า “ครอบครัวของเรายากจน น้ำที่ใช้ต้มชาจึงมีเพียงน้ำจากบ่อเท่านั้น ไม่มีน้ำจากแหล่งน้ำพุธรรมชาติยิ่งไม่ต้องพูดถึงกักเก็บน้ำหิมะในช่วงฤดูหนาวเลย”
“….” หยางชูจิบชาไม่พูดอะไร
“หากที่ท่านกล่าวมาเป็นเรื่องจริงคงเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก” หยางชูตอบ “แค่นายท่านสามผู้เดียวก็ก่อเรื่องใหญ่เพียงนี้แล้ว สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือพวกเราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพวกเขาเลย”
เขาดูแลหวงเฉิงซือซึ่งมีหน้าที่สอดแนมอาณาจักรศัตรูและตรวจสอบการเมืองภายใน แต่เขาไม่รู้ว่าอาณาจักรของตนเองซ่อนสิ่งที่น่ากลัวไว้เช่นนี้
“อันที่จริง” อาสวนพูดขึ้น “ขอเพียงจับผู้ที่ช่วยนายท่านสามไว้ได้ก็จะรู้เรื่องราวทุกอย่างแล้วใช่หรือไม่ขอรับ”
“คนผู้นั้นเป็นเสวียนชื่อ” หมิงเวยตอบ “เพราะฉะนั้นพวกท่านยังคงต้องใช้ข้าอยู่เจ้าค่ะ”
หยางชูมองนาง “นี่คือจุดประสงค์ของท่านงั้นหรือ”
หมิงเวยยิ้ม “ข้าบอกไปแล้วว่าพวกเขาเป็นศัตรูของข้า การทำให้ศัตรูทุกข์ทรมานไม่ใช่เรื่องที่สมเหตุสมผลงั้นหรือเจ้าคะ”
“แต่พลังของท่านอ่อนแอมาก เช่นนั้นจะเป็นการดึงพวกเราไปในทางที่ผิดหรือไม่”
“จะไปในทางที่ผิดอย่างไรเจ้าคะ” หมิงเวยพูดอย่างจริงจัง “หากไม่มีข้า พวกท่านจะสืบหาเบาะแสพบงั้นหรือ ปล่อยให้คนอันตรายเหล่านี้อยู่นอกกฎหมาย หวงเฉิงซือไม่ทำการทำงานหรืออย่างไรกัน”
“หึๆ พวกเราไม่ทำการทำงานมาหลายสิบปีแล้ว”
หมิงเวยรู้ว่าเขาอารมณ์ไม่ดีจึงเลิกกวนประสาทเขา “ก่อนที่ผู้ที่ช่วยนายท่านสามจะจากไป ท่านจำได้หรือไม่ว่าข้าพูดกับเขาว่าอย่างไร”
“ท่านไม่ใช่เสวียนชื่อ แต่เป็นปรมาจารย์แห่งชีวิต” ตอนนี้คำพูดนี้เขาไม่จำเป็นต้องใช้สมองคิดเลย
หมิงเวยยิ้ม “ท่านคิดว่าพวกเขาจะมาหาข้าหรือไม่กันเล่า”
“….”
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็สบถเสียงเบาและเก็บพัดด้วยความโกรธ “ท่านแน่มาก!”
ใต้หล้ากว้างใหญ่เพียงนี้ แม้จะรู้ว่ามีคนพวกนี้อยู่แล้วจะไปหาได้จากที่ใดกัน หากอีกฝ่ายมาตามหานางเอง แค่เฝ้าต้นไม้รอกระต่ายก็พอแล้ว
“หลังจากนี้ท่านยังได้พบข้าอีก คุณชายดีใจหรือไม่เจ้าคะ” หมิงเวยยิ้มกริ่ม
“หึๆ ข้าดีใจมากเลยล่ะ” หยางชูลุกขึ้นยืน “อาสวน พวกเรากลับกันได้แล้ว! ไปสืบว่าการตายของอู๋ควนเกี่ยวข้องกับคนพวกนี้หรือไม่! เดี๋ยวก่อน!”
เขาครุ่นคิด “เจ้าอยู่ที่นี่รอจนกว่าอาหว่านจะมาเปลี่ยนตัวกับเจ้าแล้วค่อยกลับไป” นี่เป็นการให้เขาคุ้มครองนางอย่างใกล้ชิด
อาสวนตอบรับ
หมิงเวยพูดขึ้นว่า “อย่าลืมรีบมาค้นจวนตระกูลหมิงนะเจ้าคะ คนพวกนั้นไม่ได้อ่อนแอ หวงเฉิงซือต้องคอยจับตาดูอย่างใกล้ชิด มีโอกาสที่จะถูกพวกเขาเอาเปรียบได้เช่นกัน”
“วางใจเถอะ ถึงท่านไม่พูดอีกไม่นานพวกเขาก็มาแน่” หยางชูไม่ดีใจเอามากๆ นางเป็นสาวงามที่นัดหมายได้ยอดเยี่ยมมาก ในที่สุดทุกอย่างก็กลับมาเป็นเรื่องที่ย่ำแย่อีกเช่นเคย
…………………………………….