เมื่อหยางชูกล่าวจบก็มีศิษย์จากเสวียนตูกวันยืนขึ้นมาจริงๆ “เรียนฝ่าบาท แม้กระหม่อมจะไม่เก่งกาจเท่าศิษย์พี่ทั้งสอง แต่กระหม่อมก็อยากลองวัดความสามารถของตนเองพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้เป็นผู้มีจิตใจเมตตามาโดยตลอดเมื่อยกเหตุผลนี้ขึ้นมาเขาจะปฏิเสธได้อย่างไร ดังนั้นจึงถามผู้อาวุโสอี้ไปว่า “พวกเจ้าคิดว่าอย่างไร”
ผู้อาวุโสอี้ยิ้มพร้อมกล่าวว่า “หัวข้อการแข่งได้จัดเตรียมไว้แล้วพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท ต่อให้มีคนมากมายก็ไม่เป็นผลอะไรพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้พยักหน้าแล้วยิ้ม “ในเมื่อเป็นเช่นนี้เจิ้นอนุญาต! ศิษย์สำนักเสวียนตูกวันทุกคนสามารถเข้าร่วมการแข่งได้ผู้ชนะจะได้เป็นเจ้าสำนัก”
หยางชูยืดคอ “ฝ่าบาท กระหม่อม…”
“เจ้าจะกังวลอะไร” ฮ่องเต้หัวเราะและกล่าวว่า “ผู้ที่ไม่ได้เป็นศิษย์ในสำนักเสวียนตูกวันก็สามารถร่วมการแข่งขันนี้ได้เพียงแต่ตำแหน่งเจ้าสำนักไม่เกี่ยวข้องกับพวกเจ้า หากชนะก็ได้แค่รางวัลจากเจิ้นและกุ้ยเฟยเท่านั้น”
ทันทีที่คำพูดนี้ออกมาบรรยากาศในที่นี้ก็คึกคักยิ่งขึ้น
นี่เป็นการแข่งขันต่อหน้าพระพักตร์ แม้เคล็ดวิชาจะไม่ดีเท่านักพรตจากเสวียนตูกวัน แต่พวกเขาก็บอกมาแล้วไม่ใช่หรือว่าไม่เพียงแต่ทดสอบเคล็ดวิชา ยังมีหลักคำสอนและวรยุทธ์อีกด้วย ขอเพียงแค่ได้แสดงความสามารถโดดเด่นต่อหน้าฝ่าบาทก็เพียงพอ
ผู้ที่เดินออกมาจากแถวคนแรกเป็นศิษย์จากเสวียนตูกวัน มีสองนายที่ยินดีร่วมการแข่งขัน ทางฝั่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงหยางชูพูดขึ้นโดยไม่ส่งสัญญาณใดๆ
“ฝ่าบาท กระหม่อมต้องการเข้าร่วมการแข่งพ่ะย่ะค่ะ” เมื่อเขาพูดจบก็มีคนอื่นๆ เดินตามออกมา
หมิงเวยส่งสัญญาณให้จี้เสียวอู่ทางสายตา จี้เสียวอู่แม้ไม่เต็มใจแต่ก็จำใจลุกขึ้น
“เสียวอู่ เจ้าจะทำอะไรน่ะ!” จี้ฮูหยินตกใจ
จี้เสียวอู่ตอบ “ข้าเองก็จะไปเข้าร่วมด้วยไงเล่า ได้สร้างชื่อเสียงต่อหน้าพระพักตร์ ภายภาคหน้าอาจได้เลื่อนตำแหน่งดีๆ!”
ถ้าเขาไม่คอตกตอนพูดประโยคนี้ทุกคนในตระกูลจี้อาจจะเชื่อ
นายท่านจี้แปลกใจ “เจ้าจะไปแข่งอะไรได้ บุ๋นไม่เป็นบู๊ไม่ได้คิดว่าตนเองเก่งกาจเพียงนั้นเลยหรือ”
จี้เสียวอู่เบะปาก “ไม่ว่าอย่างไรข้าก็จะแข่ง”
นายท่านจี้อยากจะพูดแต่หมิงเวยยืนขึ้นขัดเสียก่อน “ท่านลุงเจ้าคะ ข้าจะไปกับพี่ห้าเองจะคอยช่วยเหลือเขาเป็นอย่างดีเจ้าค่ะ” พูดจบนางก็ส่งสายตาอันลึกซึ้งให้อีกฝ่าย
ทุกคนต่างรู้ดีว่าจี้เสียวอู่โตมาเป็นคนดื้อรั้น นั่นก็กลัวถูกสั่งสอน นี่ก็กลัวทำผิดพลาด
นายท่านจี้รู้ดีว่าตนเองห้ามอีกฝ่ายไม่ได้หรอก เมื่อได้ยินหมิงเวยกล่าวเช่นนั้นเขาก็คิดว่านิสัยของเสี่ยวชีเป็นคนใจเย็นมั่นคงมีนางคอยจับตาดูคงไม่เกิดเรื่องอะไรหรอกใช่หรือไม่ เขาพยักหน้าด้วยความโล่งอก “ก็ดี” แต่จี้เสียวอู่มองออกเขามุมปากกระตุก
ท่านพ่อ ท่านรู้หรือไม่ว่าผู้ที่ก่อเรื่องมากที่สุดคือนาง นางกำลังใช้บุตรชายของท่านเป็นโล่! แล้วพวกเขาสองคนก็เดินมาถึงตรงกลางพิธี
ฮ่องเต้เห็นพวกเขาก็ประหลาดใจ “เหตุใดถึงมีสตรีด้วย”
จี้เสียวอู่หมอบลง “กระหม่อมนามจี้เหว่ยต้องการเข้าร่วมการแข่งร่วมกับน้องสาวพ่ะย่ะค่ะ”
“จี้เหว่ยงั้นรึ ชื่อนี้ช่างคุ้นหูมาก!”
ว่านต้าเป่าที่คอยรับใช้อยู่ข้างกายกระซิบเตือน “ฝ่าบาท คดีโครงกระดูกใต้สะพานเมื่อไม่กี่วันก่อน…”
“อ้อ!” ฮ่องเต้นึกขึ้นได้ “เจ้าคงเป็นจี้เหว่ยผู้มีคุณธรรมสูงส่งเทียมฟ้า! เป็นวีรบุรุษรุ่นเยาว์แล้วเหตุใดเจ้าต้องพาน้องสาวมาร่วมแข่งขันด้วยเล่า”
สีหน้าของจี้เสียวอู่แดงเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่ได้พบฮ่องเต้จึงตอบคำถามด้วยความประหม่า “ทูลฝ่าบาท กระหม่อมและน้องสาวได้เดิมพันกันไว้ หากเข้าร่วมการแข่งขันนี้ผู้ใดจะผ่านด่านได้มากกว่ากันดังนั้น…”
ฮ่องเต้หุบยิ้ม “คนรุ่นเยาว์มีปณิธานอันแรงกล้า อย่างไรก็ตามพวกเจ้าเข้าร่วมการแข่งขันได้เพียงแต่นี่เป็นงานใหญ่ของเสวียนตูกวัน ไม่ใช่สถานที่ที่พวกเจ้ามาขุ่นเคืองกันเองเอาให้พอเหมาะสมก็สมควรหยุด”
“พ่ะย่ะค่ะ” จี้เสียวอู่ทำความเคารพแล้วถอยไปด้านข้าง
หมิงเวยทำความเคารพตามเขาแล้วยืนอยู่ด้านหลังอีกฝ่ายครึ่งก้าว นางก้มหน้ามาตลอดทางจนกระทั่งถอยกลับไปหมิงเวยเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย
ฮ่องเต้เห็นแล้วก็คิดในใจน้องสาวของจี้เหว่ยผู้นี้เป็นสาวงามที่หาตัวจับได้ยากจริงๆ ไม่แปลกใจเลยหากมีบุรุษผู้ใดยอมแพ้เมื่ออยู่ต่อหน้านาง
จวนเฉิงเอินโหวมีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมพิธีนี้อยู่แล้วเมื่อเห็นหมิงเวยเดินมากับจี้เสียวอู่ เหวินอิ๋งตีเหวินหรูเบาๆ “ดูสิ นั่นหมิงเวยใช่หรือไม่”
เหวินหรูมองตาม “คงใช่…”
“นางมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรงานเช่นนี้ลุงของนางที่มีตำแหน่งเล็กๆ มีคุณสมบัติด้วยหรือ” เหวินหรูไม่ตอบอะไร
เหวินอิ๋งที่ไม่ได้รับคำตอบก็หันหน้าไปดูท่าทางที่ไร้เรี่ยวแรงของอีกฝ่าย นางแค่นหัวเราะแล้วพูดเสียงเบา “น้องสี่ เจ้าจะทำตัวเช่นนี้ให้ผู้ใดเห็นกัน อยากให้พวกเขารู้หรือว่าพวกเราทั้งตระกูลรู้สึกผิดต่อเจ้า”
เหวินหรูส่ายหน้า “ข้าเปล่า…”
“เจ้าคิดหรือไม่พวกเราทุกคนต่างรู้ดี!” เหวินอิ๋งมองด้วยสายตาเย็นชาผ่านไปสักพักนางก็ยิ้มแย้ม ลดท่าทีเย็นชาลงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“น้องสี่ เจ้าไม่ต้องเสียใจไปหรอก ทุกคนพูดความจริงถึงแม้เจ้าแซ่เหวิน แต่บิดามารดาของเจ้าก็เสียไปนานแล้ว เดิมทีเรื่องออกเรือนเป็นเรื่องที่ปีนป่ายไม่ถึงอยู่แล้ว เรื่องนี้ถือว่าเจ้าช่วยข้าท่านพ่อท่านแม่รับปากแล้วว่าจะหาตระกูลที่ดีให้ แม้ฐานะอาจจะต่ำสักหน่อย แต่มันจะเอื้อประโยชน์ต่อเจ้าแน่นอน พวกเราจะให้สินสอดทองหมั้นเจ้าเยอะๆ ให้ไม่แพ้สินเดิมเลยดีหรือไม่”
เหวินหรูขยับริมฝีปากนางตอบรับเสียงเบา “ขอบคุณพี่สาม”
เหวินอิ๋งยิ้มแล้วจับแขนนาง “ไม่ว่าจะพูดอย่างไร พวกเราก็เป็นพี่น้องที่สนิทกัน เจ้าอยู่กับข้ามาหลายปีจะให้เจ้าเสียหายได้อย่างไร แล้วอีกอย่างในเมื่อเจ้าไม่ได้เข้าวัง ไม่สามารถออกเรือนกับตระกูลชั้นสูงได้ ชื่อเสียงไม่สำคัญสำหรับเจ้าอยู่แล้ว เจ้าดูเว่ยเสี่ยวอันสิตอนนี้นางไม่ได้สบายดีอยู่หรือ ผ่านไปสักสองปีเรื่องนี้คงซาลงแล้ว เรื่องการทาบทามคงไม่ได้รับผลกระทบอะไร”
“เจ้าค่ะ” ในที่สุดเหวินหรูก็พยักหน้า “ที่พี่สามพูดมาก็ถูกข้าคงแค่กังวลไปก่อน”
เหวินอิ๋งยิ้มด้วยความพึงพอใจ “เจ้าเป็นน้องสาวที่ดีของข้าจริงๆ” พูดจบนางก็หันไปมองหมิงเวยที่อยู่กลางสนามด้วยความรู้สึกไม่พอใจ “ชอบทำตัวโดดเด่นอะไรขนาดนั้นกัน คงไม่ใช่ว่าใช้โอกาสในวันนี้แสดงรูปโฉมของตัวเองหรอกนะ คงคิดจะตกเต่าทองคำ[1]ล่ะสิ!”
เหวินหรูไม่พูดอะไร นางหันหน้าไปทางอื่นพลางพูดในใจว่า ‘หากนางอยากทำตัวโดดเด่นบ้างล่ะคงไม่ทำร้ายผู้อื่นใช่หรือไม่’
เมื่อไม่มีผู้ใดลงสนามอีกฮ่องเต้จึงโบกมือ “เอาล่ะ พวกเจ้าเริ่มเถอะ”
ผู้อาวุโสอี้ตอบรับและออกไปเผชิญหน้ากับผู้เข้าร่วม “ทุกท่าน กฎสำหรับการแข่งขันนี้มีดังต่อไปนี้ จากหอเหวินเต้าไปจนถึงหอดูดาวจะมีทั้งหมดห้าประตู ทุกครั้งที่ผ่านด่านจะได้รับเหรียญแปดทิศหนึ่งอัน ผู้ที่ได้มากที่สุดจะเป็นผู้ชนะ หากมีผู้ที่ได้จำนวนเท่ากันก็จะเชิญผู้เฝ้าประตูมาให้คะแนน ในขั้นตอนนี้สามารถใช้วิธีการใดก็ได้เพื่อป้องกันไม่ให้คู่ต่อสู้ผ่านด่านไปได้ ขอแค่เพียงไม่ทำอันตรายถึงชีวิตถือว่าไม่ผิดกฎ”
มีคนถามทันทีว่า “ท่านนักพรตท่านหมายถึงสามารถบังคับคู่ต่อสู้ด้วยกำลังได้งั้นหรือ”
ผู้อาวุโสอี้ยิ้ม “วรยุทธ์อยู่ในขอบเขตของการแข่งขัน หากท่านมีความมั่นใจเช่นนั้น ท่านสามารถลองดูได้”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้หลายคนก็เตรียมตั้งท่าต่อสู้
“แต่ว่า…” ผู้อาวุโสอี้กล่าวช้าๆ “การเลือกใช้วิธีนี้อาจจะถูกผู้เฝ้าประตูหักคะแนน หากมีคนผ่านระดับเดียวกับท่านไปได้ก็อาจทำให้ท่านแพ้ในการแข่งขันครั้งนี้”
ผู้อาวุโสอี้ยื่นมือออกมา “ทุกท่านเข้าใจแล้วใช่หรือไม่ หากเข้าใจแล้วล่ะก็ งั้นมาเริ่มกันเถอะ”
……………
[1] ตกเต่าทองคำ : หาสามีรวยๆ