“ฮิๆๆ ซื้อสิเจ้าคะ! แต่ว่านะเพื่อตอบสนองความต้องการสูงสุดของนายท่าน ข้าแนะนำว่าให้นำยาควบแน่นจิตวิญญาณขวดนี้เข้าร่วมการประมูลที่จะจัดในอีก 2 วันหลังจากนี้ดีกว่าเจ้าค่ะ ไม่ต้องกังวลนะเจ้าคะ พวกข้าจะไม่ทำให้การมาใช้บริการกับทางเราในครั้งนี้ของท่านต้องสูญเปล่าแน่นอน หรือถ้ามันเกิดเหตุการณ์ที่ขายไม่ออกจริงๆ หอการค้าชิงเฟิงแห่งนี้จะซื้อยาควบแน่นจิตวิญญาณนี้ด้วยราคาที่สูงที่สุดในท้องตลาดเอง! ข้าสัญญาว่าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังแน่ๆ!”
เฟิงเซียนซีไม่รอช้าที่จะก้าวขึ้นมาข้างหน้าและเอ่ยถ้อยคำเยินยอเย่เย่เพื่อพยายามสร้างความสัมพันธ์อันดีงามกับ เย่เย่เอาไว้
ไม่เพียงเท่านั้น นางยังยื่นบัตรสีขาวใบหนึ่งให้แก่เย่เย่พร้อมกับบอกกล่าวด้วยน้ำเสียงเข้มขรึม “ท่านเย่เจ้าคะ นี่คือบัตรสำหรับแขกระดับสูงเป็นพิเศษของทางหอการค้าชิงเฟิงแห่งนี้ ตราบใดก็ตามที่ท่านพกบัตรนี้ติดตัวไว้ ท่านสามารถสนุกไปกับการซื้อสินค้าลดราคาจากหอการค้าชิงเฟิงได้เลย ได้โปรดอย่าปฏิเสธความหวังดีของข้าเลยนะเจ้าคะ”
ความลุกลี้ลุกลนของเฟิงเซียนซีนี้อยู่เหนือความคาดหมายของเย่เย่เป็นอย่างมาก นั่นเพราะตัวเขานั้นเคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของบัตรแขกพิเศษระดับสูงนี่มานานแล้ว พอได้มาเห็นของจริงจึงถึงกับตกใจแบบสุดๆ
ในตอนนี้มีเพียงผู้ปกครองแห่งจ้าววรยุทธ์และ 3 สำนักนอกเมืองนั่นเท่านั้นที่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะได้ถือครองบัตรใบนี้ ส่วนลดที่บัตรใบนี้มอบให้ได้นั้นถือว่าสูงมากๆจนคนอื่นๆต้องพากันอิจฉา และที่สำคัญการที่คนคนนั้นได้ถือครองบัตรใบนี้ นั่นก็เหมือนเป็นเครื่องแสดงตัวตนของเขาด้วย
“ข้าต้องขอขอบคุณความมีน้ำใจของเจ้ามากๆ ในเมื่อจ้าบอกเช่นนี้ข้าก็จะขอรับไว้อย่างไม่เกรงใจก็แล้วกันนะ!”
เย่เย่ตื่นเต้นมากๆขณะที่รับบัตรแขกพิเศษนั้นไปพร้อมกับกล่าวขอบคุณแก่เฟิงเซียนซี แต่เพราะตระหนักได้ถึงจุดยืนของตนเองในตอนนี้ เขาก็จำเป็นต้องข่มความตื่นเต้นไว้และทำเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไรมากนัก
หลังจากที่รับบัตรแขกพิเศษมาแล้ว เย่เย่ก็ยื่นขวดยาควบแน่นจิตวิญญาณให้แก่คนของหอการค้าชิงเฟิง ซึ่งในอีก 2 วันที่จะถึงเขาจึงจะกลับมาที่นี่อีกครั้งเพื่อรับชมการประมูลด้วยตนเอง
การประมูลที่จะจัดขึ้นในอีก 2 วันที่จะถึงนั้นคือ การประมูลระดับกลางที่หอการค้าชิงเฟิงแห่งนี้จะจัดขึ้นทุกๆปี ซึ่งงานประมูลนี้ตามปกติแล้วจะดึงดูดเหล่าผู้มีอิทธิพลมากมายให้มารวมกันที่หอการค้าชิงเฟิงแห่งนี้ และด้วยความที่ยาควบแน่นจิตวิญญาณที่เย่เย่นำไปฝากไว้นั้นถือเป็นสิ่งที่เหล่าจ้าววรยุทธ์ที่แข็งแกร่งแล้วหมายปองกันเป็นอย่างมาก ดังนั้นแล้วเย่เย่จึงคิดว่าสิ่งนี้จะต้องขายได้ราคาดีแน่ๆ
เพราะขนาดยาควบแน่นจิตวิญญาณที่เฒ่าซุนทำไว้ยังมีราคาตั้ง 10,000 เหรียญทอง ทั้งๆที่เฒ่าซุนนั้นเป็นเพียงนักเล่นแร่แปรธาตุระดับ 2 เท่านั้น และในทางสายยาแล้วระดับของเขาถือว่าต่ำมากๆ ดังนั้นแล้วยาควบแน่นจิตวิญญาณที่เขาใช้ระบบช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้นั้นมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่านัก หากหอการค้าชิงเฟิงแห่งนี้ไม่เสนอราคาในระดับ 3-40,000 เหรียญทอง เย่เย่ก็จะไม่ขายให้เด็ดขาด
แต่หลังจากได้ฟังน้ำเสียงของเฒ่าซุนแล้ว ดูเหมือนว่าราคาของยาควบแน่นจิตวิญญาณของเขานั้นจะราคาสูงกว่าที่ตนเองตั้งไว้เสียอีก ถ้ามันเข้าไปอยู่ในการประมูลที่จะจัดขึ้นในอีก 2 วันได้ล่ะก็ บางทีราคาของมันอาจจะสูงกว่า 60,000 เหรียญทองอีกก็ได้
ถึงแม้จะต้องใช้เวลานานหน่อยกว่าจะถึง 60,000 เหรียญทองได้ แต่เย่เย่ก็ไม่ได้จะรีบร้อนอยู่แล้ว เขาพยายามจะไม่สร้างพฤติกรรมแปลกๆอะไรให้กลายเป็นที่จับตามอง โดยเฉพาะพฤติกรรมที่เกิดมาจากความใจร้อน ทั้งนี้ก็เพื่อหลบเลี่ยงปัญหาบางอย่างด้วย
ในตอนนั้นเอง ภายในลานของหลินหยูฉีภายในอารามจ้าววรยุทธ์ ชายหนุ่มรูปงามคนหนึ่งกำลังพยายามพูดจาหว่านล้อมหลินหยูฉีอยู่
“ศิษย์น้อง ข้าได้ยินมาว่าในงานประมูลสินค้าที่จะจัดขึ้นในอีก 2 วันที่จะถึงนี้ที่หอการค้าชิงเฟิงนั้นมีราชาโสมมาจัดประมูลด้วย ดังนั้นเพื่อที่จะแสดงความจริงใจที่ข้ามีต่อเจ้า ข้าน่ะจะไปประมูลโสมราชานี่มาให้เจ้าเอง!”
ชายผู้ที่กำลังกล่าวกับหลินหยูฉีด้วยความตื่นเต้นและสายตาอันชื่นชมนี้ชื่อ หลี่เฉียน
ถึงแม้ว่าหลินหยูฉีจะมีพรสวรรค์และมีฝีมือในการฝึกฝนจนความสามารถสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นนางก็ยังมีข้อด้อยเรื่องพละกำลังที่ไม่ได้ต่างไปจากจ้าววรยุทธ์คนอื่นๆเลย ดังนั้นหากนางได้ดื่มราชาโสมเข้าไปมันจะช่วยเพื่อศักยภาพในทุกๆด้านของร่างกายโดยเฉพาะร่างกายของจ้าววรยุทธ์ที่ด้อยเรื่องพละกำลังของนางนี้ ควรค่าแก่การได้มาครอบครองเป็นอย่างมาก
แต่ช่างน่าเสียดายที่ความเสียใจจากการที่เย่เย่ได้ดิบได้ดีนั้นทำให้หลินหยูฉีไม่มีกะจิตกะใจที่จะมาต่อรองกับหลี่เฉียนผู้นี้
“ท่านพี่หลี่เฉียน ท่านไม่ต้องสิ้นเปลืองเงินทองเพื่อข้าก็ได้นะ เรื่องนั้นน่ะเดี๋ยวข้าหาทางจัดการเอาเองก็ได้”
นางตอบปฏิเสธไปอย่างไม่รีรอ กระนั้นแล้วด้วยความหน้าหนาของหลี่เฉียน ไม่ว่าเขาจะโดนปฏิเสธมากี่ครั้งแล้วก็ตาม แต่เขาก็ยังคงวนเวียนกับการเข้าหาหลินหยูฉีอย่างไม่ท้อถอย
“ศิษย์น้อง เจ้าอย่าพูดไม่ไยดีเช่นนั้นสิ มันจะทำให้ข้าชอกช้ำใจเอานะ เจ้าและข้าต่างก็มีอาจารย์ผู้เดียวกัน นั่นคือจ้าวแห่งอารามจ้าววรยุทธ์นี้ ดังนั้นพวกเราทั้งสองคนควรจะสนิทกันเข้าไว้นะ เรื่องกังวลใจของเจ้า ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้า หลี่เฉียน ผู้นี้ได้เลย!”
หลี่เฉียนนั้นมักจะยกเรื่องความสัมพันธ์รวมถึงเรื่องที่มีอาจารย์คนเดียวกันกับหลินหยูฉีมาพูดอยู่เรื่อยๆเพื่อโน้มน้าวนาง มันเป็นแบบนี้ตั้งแต่ที่หลินหยูฉีเข้ามาที่อารามจ้าววรยุทธ์แห่งนี้ใหม่ๆแล้ว หากไม่ติดว่านางนั้นอยู่ภายใต้การดูแลของปรมาจารย์หลี่ชวนซึ่งมีหลี่เฉียนอยู่ด้วยล่ะก็ ป่านนี้นางคงสั่งสอนบทเรียนแก่หลี่เฉียนไปแล้ว
ถึงหลินหยูฉีจะเข้ามาเป็นศิษย์ของอารามจ้าววรยุทธ์ช้ากว่าหลี่เฉียนอยู่พักใหญ่ๆ แต่เพราะความสามารถที่สูงส่งของนางเอง ทำให้เวลาอันสั้นนางก็สามารถอยู่ในระดับที่สูงกว่าหลี่เฉียนได้แล้ว ดังนั้นแล้วแม้จะเขาจะโดนหลินหยูฉีปฏิเสธอยู่บ่อยครั้ง เขาก็ไม่กล้าที่จะแสดงอาการโกรธใดๆใส่นางทั้งนั้น
“ข้าก็บอกท่านมาตั้งนานแล้วว่าเรื่องระหว่างเรานั้นไม่มีทางเป็นไปได้หรอก! มายุ่งกับข้าท่านก็เสียเวลาเปล่า เอาล่ะ วันนี้ข้าเหนื่อยแล้ว กลับไปซะ ข้าจะพักผ่อน!”
นางอารมณ์เสียขึ้นมาแล้ว ในเมื่อหลี่เฉียนดั้นด้นจะยืนอยู่ตรงนี้ นางก็จะเป็นฝ่ายไปเอง หลินหยูฉีหันหลังและทิ้ง หลี่เฉียนไว้ที่เดิมพร้อมกับคำพูดเย็นชาที่พูดด้วยความโกรธที่ พวนพุ่ง ร่างบางของนางเดินหายไปในห้องก่อนจะปิดประตูสนิท
“นังนี่! ถ้าไม่เห็นว่าเจ้าเลอค่าข้าคงไม่ยอมเสียเวลาขนาดนี้แน่!”
หลังจากที่หลินหยูฉีปิดประตูไปแล้ว สีหน้าของหลี่เฉียนก็เปลี่ยนไปในทันทีพร้อมๆกับการที่เขาก่นด่าถ้อยคำที่แฝงอยู่ในใจออกมาด้วย
กระนั้นมันก็ได้แค่พูดลับหลังเท่านั้น เพราะหลินหยูฉีไม่มีทีท่าจะเปิดประตูออกมาแต่อย่างใด ท้ายสุดหลี่เฉียนจึงต้องจากออกไปด้วยความช่วยไม่ได้
2 วันให้หลัง ที่งานประมูลสินค้าขนาดกลาง ณ หอการค้าชิงเฟิง หลี่เฉียนได้มายังงานประมูลนี้ตามแผนที่ได้วางไว้
เพียงแค่เข้ามาและเหลือบมองพื้นที่ภายในโถงประมูล เขาก็พบว่าที่นั่งนั้นเกือบจะเต็มแล้ว บรรยากาศภายในสถานจัดงานนี้ค่อนข้างระอุกันเลยทีเดียว เห็นได้ชัดเลยว่ามีคนมากมายขนาดไหนที่สนใจที่จะเข้าร่วมประมูลสินค้าในครั้งนี้
แต่แล้วทันใดนั้นเอง หลี่เฉียนก็มองเห็นร่างร่างหนึ่งที่ดูคุ้นหน้าคุ้นตา และใครคนนั้นก็ไม่ใช่อื่นนอกเสียจาก เย่เย่ที่ซึ่งมาถึงที่นี่สักพักแล้ว
ถึงหลี่เฉียนจะไม่เคยเจอหน้าเย่เย่มาก่อน แต่เขาก็รู้ว่ารูปร่างหน้าตาเย่เย่เป็นอย่างไรจากหลินหยูฉี แถมเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันจากตระกูลใหญ่ๆทั้ง 3 ตระกูลต่างก็เหยียดหยามเย่เย่ด้วย จริงๆเขากับหลี่เฉียนจะไม่มีอะไรกันเลยถ้าไม่เคยได้ยินมาว่าเย่เย่นั้นเป็นคนกลั่นแกล้งหลินหยูฉี
แต่ที่นี่นั้นไม่เหมาะที่จะมีเรื่อง ดังนั้นแล้วหลี่เฉียนจึงตัดสินใจที่จะอดทนไว้ก่อนและขยับไปนั่งให้อยู่หน้าที่สุดเท่าที่จะทำได้
เย่เย่นั้นก็อยู่ในกลุ่มคนที่วุ่นวายเช่นนี้ไม่ไกลจากเขาเท่าไหร่ ถึงแม้ว่าเขาจะมีบัตรแขกพิเศษซึ่งสามารถเลือกห้องรับรองพิเศษเพื่อที่จะนั่งรับชมการประมูลนี้ได้ก็จริง แต่ถ้าจะรับรู้ถึงกลิ่นอายของการประมูลนั้นยังไงก็คงต้องลงมาดูด้วยตาตัวเองข้างล่างเนี่ยแหละ
“ดูเหมือนว่าการประมูลครั้งนี้จะคึกคักกว่าที่ข้าคิดไว้เสียอีกแฮะ แบบนี้แสดงว่ายาควบแน่นจิตวิญญาณจะต้องได้ราคาดีแน่ๆ!”
เขาตื่นเต้นมากๆและคาดหวังว่าตัวเขาเองจะได้สิ่งที่ชอบกลับไปจากการประมูลนี้ด้วย อย่างน้อยๆจะได้ไม่เสียเวลาเปล่า
ไม่นานนัก ร่างที่สง่างามของเฟิงเซียนวีก็ปรากฏขึ้นที่เวทีประมูล นางนั้นทำหน้าที่เป็นประธานในงานประมูลประจำหอการค้าชิงเฟิงในครั้งนี้ ดูเหมือนเพราะเหตุนี้ด้วยกระมังที่ทำให้คนที่มาร่วมงานประมูลจะดูให้ความสนใจมากเป็นพิเศษ
ตามปกติแล้วจะมีเพียงงานประมูลทุกๆ 3 ปีเท่านั้นที่ เฟิงเซียนซีจะเป็นประธานในพิธีด้วยตนเอง ดังนั้นครั้งนี้ยามที่ร่างของเฟิงเซียนซีปรากฏตัวขึ้นบนเวที ผู้ชมรอบๆนั้นต่างก็ส่งเสียงอึกทึกครึกโครมไปทั่วทั้งโถงประมูล
“เฟิงเซียนซีเป็นประธานในงานประมูลครั้งนี้?!”
“ดูท่างานประมูลครั้งนี้จะไม่ทำให้เราผิดหวังซะแล้ว!”
“หาได้ยากจริงๆที่จะได้เจอตัวเฟิงเซียนซี! วันนี้ต้องเป็นวันดีแน่ๆ!”
ชัดเจนเลยว่าเฟิงเซียนซีนั้นพึงพอใจกับความอึกทึกแบบนี้เป็นอันมาก นางยกแขนขึ้นสูงเป็นสัญญาณให้ทุกคนเงียบลงเพื่อที่งานประมูลจะได้เริ่มต้นได้
“ของชิ้นแรกที่เราจะเริ่มประมูลกันในวันนี้ ได้แก่ เกราะแห่งราชาทองคำ! ที่ซึ่งถูกสร้างขึ้นจากจ้าวศาสตราที่ใช้เวลาในการสร้างกว่า 7 ปี! ด้วยพลังของสิ่งนี้จะทำให้ผู้สวมใส่ที่เป็นจ้าวแห่งวรยุทธ์นั้นเพิ่มพลังป้องกันอีกเป็นอย่างมาก เริ่มต้นที่ 30,000 เหรียญทอง! และการประมูล…เริ่มได้!”
ทันทีที่เสียงของเฟิงเซียนซีเงียบลง เสียงโหวกเหวกจากทั่วทั้งโถงเบื้องล่างเวทีก็ดังขึ้นมา พวกเขาไม่คาดคิดเลยว่าสิ่งที่มาประมูลนั้นจะเป็นของดีขนาดนี้ตั้งแต่ชิ้นแรก
“ข้าให้ 35,000 เหรียญทองเลย!”
“40,000!”
“เอาไป 50,000 เลย! ข้าไม่ยอมให้ใครมาแย่งข้าไปแน่!”
……
ท่ามกลางเสียงเอ่ยราคาเหล่านั้น เต็มไปด้วยหลายๆคนที่กำลังหมดหวังเพราะราคามันพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากที่การประมูลเริ่มต้นไม่นาน ในตอนนี้ราคามันก็ขึ้นสูงถึง 80,000 เหรียญทองแล้ว
“เอาล่ะ! ข้าจะขอประกาศอย่างเป็นทางการสำหรับเกราะแห่งราชาทองคำ! จ้าววรยุทธ์ที่ได้ไป คือผู้ที่เสนอราคา 80,000 เหรียญทอง! ยินดีด้วยนะเจ้าคะ!”
เพราะนี่เป็นการประมูลของชิ้นแรกสำหรับงานประมูลในครั้งนี้ ทางหอการค้าชิงเฟิงจึงนำของล้ำค่าออกมาเลยเพื่ออุ่นเครื่องให้เหล่าผู้ร่วมประมูลทั้งหลายตื่นตัวกัน
เฟิงเซียนซีพอใจกับราคาของเกราะแห่งราชาทองคำนี้เป็นอย่างมาก และด้วยความตื่นเต้นนางจึงรีบประกาศเริ่มการประมูลของชิ้นที่ 2 ต่อในทันที
ถึงแม้ว่าของชิ้นนี้จะดูไม่มีมูลค่าสูงเหมือนดั่งชิ้นแรกนั่นก็จริง แต่กระนั้นแล้วเหล่าผู้เข้าร่วมก็ยังคงตื่นเต้นกับการประมูลอยู่ดี
สำหรับคนเหล่านี้ ต่างคนต่างก็มีสิ่งที่อยากได้กันอยู่แล้ว และเมื่อไหร่ที่สิ่งที่ต้องการถูกนำขึ้นประมูล พวกเขาก็จะทุ่มแทบหมดหน้าตักเลยเพื่อให้ได้มันมาไว้ในครอบครอง
เย่เย่ที่อยู่ท่ามกลางฝูงชนเหล่านี้เองก็รู้สึกตื่นเต้นไปกับการแข่งขันนี้ด้วย แต่โชคยังไม่มาหาเขาเพราะในบรรดาสิ่งของที่นำมาประมูลนั้นยังไม่มีสิ่งไหนที่เข้าตาเขาเลย
การประมูลดำเนินมาถึงของสิ่งสุดท้าย ซึ่งนั่นก็คือยาควบแน่นจิตวิญญาณของเย่เย่ที่ซึ่งถูกการันตีสรรพคุณและคุณภาพโดยชื่อเสียงของหอการค้าชิงเฟิงแห่งนี้และด้วยการการันตีคุณภาพนี้เอง ทั่วทั้งโถงประมูลก็เหมือนถูกไฟโหมกระหน่ำอีกครั้ง
แม้ว่าตามปกติแล้วเหล่าจ้าววรยุทธ์แห่งเฟิงเจิ้นนั้นจะซื้อยาควบแน่นจิตวิญญาณจากหอการค้าชิงเฟิงเป็นประจำหรือไม่ก็ตามหอการค้าอื่นๆ แต่ยาที่ซื้อจากแหล่งเหล่านั้นต่างก็ให้คุณภาพในระดับต่ำกันทั้งสิ้น ซึ่งระดับของมันนั้นยังห่างไกลจากหลิงเฉิงและสถานที่ใหญ่ๆอีกเยอะ ในครานี้ ยามที่ได้ยิน เฟิงเซียนซียืนยันถึงสรรพคุณของยาควบแน่นจิตวิญญาณนี้ เหล่าจ้าววรยุทธ์ที่แข็งแกร่งเป็นทุนอยู่แล้วต่างจับจ้องมายังยาขวดนี้และหมายปองที่จะครอบครองมันกันอย่างออกนอกหน้า
“เอาล่ะ ข้าได้บอกถึงสรรพคุณของยาควบแน่นจิตวิญญาณนี้ไปเรียบร้อยแล้ว ต่อไปจะเข้าสู่ขั้นตอนการประมูล ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 50,000 เหรียญทอง ใครก็ตามที่เสนอราคาสูงสุดก็เอามันไปเลย!”
บรรยากาศของโถงประมูลในตอนนี้ราวกับมีทะเลเพลิงขนาดใหญ่กำลังลุกโชติช่วงขึ้นมา และนี่คือสิ่งที่เฟิงเซียนซีหวังอยู่แล้ว ในเมื่อบรรยากาศพร้อมแล้วนางจึงไม่รอช้าที่จะกล่าวเปิดการประมูลยาควบแน่นจิตวิญญาณทันที
“การประมูล…เริ่มได้!”
เย่เย่นั้นตกใจอยู่มากๆกับราคาที่นางเอ่ยทิ้งไว้ เขาหันมองไปยังเหล่าผู้ที่อยู่ในโถงนี้ด้วยความตื่นเต้น
ทว่าในตอนแรกที่หันไปมองนั้น ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นก่อนหน้าได้สงบลงแล้วหลังจากได้ยินราคาเปิดประมูลราวกับว่าพวกเขากำลังครุ่นคิด แต่แล้วในทันใดนั้นเอง ความคึกคักก็กลับมาอีกครั้ง เสียงโหวกเหวกตะโกนเพื่อประมูลยาควบแน่นจิตวิญญาณเริ่มต้นขึ้นแล้ว!
“55,000 เหรียญทอง! ยานั่นต้องเป็นของข้า!”
“60,000 เหรียญทอง!”
“70,000 เหรียญทอง ถ้ามีเงินแค่นั้นก็อย่าสะเออะมาแย่งข้า!”
“75,000 เหรียญทอง!”
ราคานั้นเพิ่งขึ้นอย่างรวดเร็วจาก 50,000 สู่ 90,000 เหรียญทอง ซึ่งการพุ่งขึ้นของราคาอย่างรวดเร็วนี้ทำเอาเย่เย่ตื่นเต้นแบบสุดๆเลย ในตอนนี้เขาเริ่มหวังแล้วว่า บางทีมันอาจจะแตะหลักแสนเลยก็ได้!