หลังจากที่คิดเรื่องนี้อยู่พักใหญ่ เย่เย่ก็เพิ่มความรอบคอบให้แต่ละความคิดมากยิ่งขึ้น เขากลั่นกรองจนกระทั่งได้สิ่งที่ต้องการออกมา โดยเขาให้เสี่ยวหยูไปซื้อยาควบแน่นจิตวิญญาณมาจากหอการค้าชิงเฟิง จากนั้นก็ใช้ 70 เหรียญจักรวาลเพื่อกลั่นตัวยาใหม่ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิมด้วยยาควบแน่นจิตวิญญาณระดับ 10
วันต่อมา เย่เย่กลับไปที่หอการค้าชิงเฟิงอีกครั้ง
คราวที่เฟิงเซียนซีรู้ว่าเย่เย่มา นางก็ไม่รอช้าที่จะเชิญเย่เย่ขึ้นไปยังห้องที่อยู่ชั้นสองเพื่อความเป็นส่วนตัวในฐานะจ้าววรยุทธ์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังทันที
“ท่านเย่~ ไม่มาหาข้าเสียนานเลยนะเจ้าคะ ท่านลืมข้าไปแล้วหรือ?”
เพียงแค่ก้าวเข้ามาในห้องตามคำแนะนำของเด็กหนุ่มที่ทำงานอยู่ภายในหอการค้าชิงเฟิง เฟิงเซียนซีก็ไม่รอช้าที่จะเข้ามาพันเกี่ยวกับเขาพร้อมทั้งใช้เสน่ห์ของนางเย้ายวนเย่เย่ทันใด
เย่เย่นั้นไม่สามารถรับความกระตือรือร้นของนางไหว ดังนั้นเขาจึงปลีกตัวออกมาแล้วหาที่นั่งที่มุมห้องนั้นแทน
“เฟิงเซียนซี เจ้าต้องหัดเคารพตัวเองหน่อยสิ ข้าไม่ใช่คนแบบที่เจ้าคิดหรอกนะ”
ในฐานะที่เป็นถึงสตรีอันดับหนึ่งนั้น มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่เย่เย่จะไม่หวั่นไหว แต่ยังไงซะเขาก็ระวังตัวเองจากผู้หญิงประเภทนี้อยู่แล้ว เพราะวิธีการที่นางเข้าหาเขานั้นมันอาจจะแฝงไว้ด้วยลูกไม้อะไรก็ได้ ดังนั้นแล้วเย่เย่จึงระมัดระวังท่าทีของนางอยู่ตลอดเวลา
“แหะๆ ท่านเย่นี่ยังเย็นชาเหมือนเดิมเลยนะเจ้าคะ! แต่จะไม่ให้ข้าคิดเช่นนั้นได้อย่างไรกัน เพราะล่าสุดท่านเองก็ปลุกจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้และกลายเป็นจ้าววรยุทธ์ได้ แถมยังสอบผ่านในการเป็นศิษย์ของอารามจ้าววรยุทธ์อีก ไม่เพียงเท่านั้น ข้ายังได้ยินมาว่าท่านเย่นั้นถือครองตราแห่งจ้าววรยุทธ์ไว้อีก มันเป็นเรื่องธรรมชาติที่เหล่าสาวๆสวยๆในเมืองนี้จะยอมถวายตัวเข้าสู่อ้อมแขนของท่านเย่ทุกวี่ทุกวัน เพราะงั้นแล้วท่านเย่เองก็คงจะเบื่อข้าแล้วสินะเจ้าคะ”
การที่เย่เย่สลัดนางออกแล้วหนีมานั่งนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ดังนั้นแล้วเฟิงเซียนซีจึงเดินมานั่งฝั่งตรงข้ามเย่เย่พร้อมทำท่าทีเศร้าสร้อยพลางระบายความอัดอั้นตันใจออกมาเหมือนกับสาวน้อยที่เขาต้องคอยปกป้อง
ท่าทีของนางในตอนนี้มันยากเหลือเกินที่เขาจะไม่หวั่นไหว แต่หลังจากที่ได้ยินเรื่องที่นางพูดมานั้นเย่เย่ก็ตกตะลึงไปในทันที
นั่นก็เพราะว่าสิ่งที่นางพูดมานั้นมันแสดงให้เห็นว่านางกำลังจับตามองเย่เย่อยู่ แถมยังเหมือนจะจับตามองเป็นพิเศษอีกด้วย ไม่งั้นแล้วนางคงจะไม่รู้เรื่องละเอียดถึงเพียงนี้
เย่เย่ไม่รู้ว่าจุดประสงค์ที่เฟิงเซียนซีสนใจในตัวเขาขนาดนี้คืออะไรกันแน่ แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ตอนนี้เย่เย่ต้องเริ่มระวังตัวอย่างมากแล้ว
“เฟิงเซียนซี ข้ามียาอายุวัฒนะมาขาย ถ้ายังไงเจ้าช่วยไปตามท่านซุนมาที่นี่ที”
เขารีบตัดบทสนทนาก่อนที่เรื่องจะไม่ไปตามที่คาดคิดไว้มากกว่านี้พร้อมกับวางขวดเม็ดยาลงไปตรงกลางโต๊ะระหว่างเขาและนาง “ยาควบแน่นจิตวิญญาณระดับ 10 ข้าหวังว่าท่านซุนน่าจะให้ราคาที่สมเหตุสมผลได้หลังจากตรวจสอบแล้ว หรือไม่เช่นนั้นข้าจะนำมันไปขายที่ร้านอื่น”
“โอ้ะ? ถ้าเช่นนั้นช่วยรอข้าก่อนนะเจ้าคะ เดี๋ยวข้ากลับมา”
เฟิงเซียนซีมองยาขวดที่วางอยู่บนโต๊ะขวดนั้นด้วยความสนอกสนใจและความคาดหวังบนใบหน้า
เพราะยาโคตรแกร่งที่เย่เย่นำมาขายที่หอการค้าพิธี เชียงเฟิงครั้งก่อนนั้นถือเป็นเรื่องเหลือเชื่อมากๆถึงแม้ว่ามันจะใช้ได้กับแค่เหล่าผู้ฝึกวิทยายุทธ์เท่านั้น และไม่ได้มีค่ามากมายอะไรนักก็ตาม
อย่างไรก็ตามครั้งนี้มันต่างออกไป เพราะยาควบแน่นจิตวิญญาณนั้นเป็นยาอายุวัฒนะที่จะทำให้เหล่าจ้าววรยุทธ์ที่แข็งแกร่งแล้วนั้นสามารถควบแน่นจิตวิญญาณของพวกเขาได้ ซึ่งการทำเช่นนี้จะช่วยเพิ่มประโยชน์ให้แก่ตอนฝึกมากกว่า เพราะยิ่งจิตวิญญาณภายในตัวควบแน่นเท่าไหร่ พวกเขาก็จะเร่งศักยภาพออกมาได้มากขึ้นเท่านั้น
การที่ได้ยาควบแน่นจิตวิญญาณดีๆนั้นถือเป็นความฝันของเหล่าจ้าววรยุทธ์ที่แข็งแกร่งแล้วทุกคน ดังนั้นเฟิงเซียนซีจึงค่อนข้างจะสนใจเจ้าสิ่งนี้มากๆ
ขณะที่เย่เย่ถูกปล่อยให้รออยู่ตัวคนเดียวนั้น ภายนอกห้องที่เขาอยู่ก็มีจ้าววรยุทธ์ดักอยู่แล้ว 3 คนซึ่งคนเหล่านี้ก็คือเหล่าผู้ดูแลรักษาความปลอดภัยของหอการค้าเชียงเฟิงแห่งนี้นั่นแหละ
ถึงแม้ว่าหอการค้าชิงเฟิงนั้นจะไม่ได้ถูกให้ความสำคัญมากเท่า 3 ตระกูลใหญ่ก็ตาม แต่หลายๆคนก็คาดการณ์กันไว้ว่าเบื้องลึกเบื้องหลังของหอการค้าเชียงเฟิงแห่งนี้นั้นไม่ได้ด้อยค่าไปกว่าความยิ่งใหญ่ของทั้ง 3 ตระกูลใหญ่เลย แม้แต่ตัวเฟิงเซียนซีเองก็เถอะ ในความคิดของเย่เย่ นางผู้นี้ย่อมไม่ใช่ผู้ฝึกฝนวรยุทธ์ทั่วๆไปแน่
แต่สิ่งหนึ่งที่เย่เย่คิดไม่ถึงนั่นก็คือเมื่อครั้งที่เขายาโคตรแกร่ง 100 เม็ดให้แก่หอการค้าชิงเฟิงนั้น สิ่งนั้นกลับกลายเป็นสิ่งที่ทำให้เฟิงเซียนซีหันมาสนใจเขามาถึงเพียงนี้ ถึงขนาดส่งคนไปสืบหาเรื่องราวของเย่เย่มาโดยละเอียดจนนางมั่นใจว่าเบื้องหลังเย่เย่ไม่มีผู้มีอิทธิพลรายใหญ่หนุนหลังอยู่จึงได้สรุปว่าสิ่งต่างๆที่เย่เย่นำมาขายนั้นได้มาเพราะความบังเอิญล้วนๆ เพราะฉะนั้นเย่เย่จึงได้นำยาที่ดีจำนวนมากเช่นนั้นมาขายทั้งหมดในคราวเดียว
นอกจากนั้นเมื่อไม่นานมานี้เย่เย่ก็เพิ่งจะปลุกจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ขึ้นมาได้และเข้าเป็นศิษย์ของอารามจ้าววรยุทธ์ได้สำเร็จดังที่นางกล่าวไปในตอนแรก ด้วยเหตุนี้มันจึงทำให้เฟิงเซียนซียิ่งมั่นใจเข้าไปอีกว่าตัวเย่เย่นั้นจะต้องมีของดีติดตัวอยู่อย่างแน่นอน
เพราะฉะนั้นแล้วเมื่อเห็นว่าเย่เย่มายังหอการค้าชิงเฟิงในครั้งนี้ เฟิงเซียนซีจึงตัดสินใจที่จะใช้โอกาสนี้ยึดเอาสิ่งของที่เย่เย่พกมาเพื่อเป็นของนางเองเสีย
ถึงแม้ว่าตราแห่งจ้าววรยุทธ์จะยังอยู่ในมือของเย่เย่ซึ่งทำให้เขาจะไม่ถูกแตะต้องได้ในเฟิงเจิ้นแห่งนี้ แต่หอการค้าชิงเฟิงน่ะต่างจาก 3 ตระกูลใหญ่และพวกสำนักที่อยู่นอกเมือง ดังนั้นการเข้าถึงที่นี่น่ะ เป็นอะไรที่ยากเสียยิ่งกว่าหาทางออกในเขาวงกตเสียอีก
ต่อให้เกิดการฆ่ากันตายเพื่อขโมยของจากคนที่เป็นศิษย์ของอารามจ้าววรยุทธ์ กว่าทางอารามจะรู้ เฟิงเซียนซีและเหล่าผู้ติดตามก็แบกเอาของมีค่าทั้งหลายออกไปจากที่นี่ได้หมดแล้ว หนำซ้ำนางยังสามารถตั้งหอการค้าใหม่เมื่อไหร่ก็ได้อีก
ในฐานะที่เป็นผู้ที่ประสบผลสำเร็จในการก่อตั้งธุรกิจภายในเฟิงเจิ้นแห่งนี้ เฟิงเซียนซีรู้ลู่ทางดี
“ท่านเย่ ขออภัยที่ต้องให้คอยนานเจ้าค่ะ ท่านซุน ช่วยตรวจสอบตัวยาในขวดนี้ด้วยเจ้าค่ะ”
หลังจากที่ปล่อยให้เย่เย่คอยมาครู่หนึ่ง เฟิงเซียนซีก็พาตัวเฒ่าซุนเข้ามาในห้องนี้โดยที่จ้าวรยุทธ์ที่เฝ้าหน้าห้องนั้นก็ยังคงอยู่ แต่คราวนี้พวกเขาอยู่ในสภาพที่ซุ่มรอสัญญาณมากกว่า ดูเหมือนว่าเมื่อตอนที่เฟิงเซียนซีออกไปนั้น นางจะวางแผนอะไรบางอยู่กับคนเหล่านี้เอาไว้ด้วย
“ท่านเย่ พบกันอีกครั้งแล้วนะขอรับ สิ่งนี้คือยาควบแน่นจิตวิญญาณที่จะนำมาขายให้แก่หอการค้าชิงเฟิงในครั้งนี้สินะขอรับ? ถ้าเช่นนั้นข้าขอดูใกล้ๆหน่อยเถิด”
ด้วยความที่เป็นคนสนิทของเฟิงเซียนซี เฒ่าซุนนั้นย่อมรู้แผนการของนางอยู่แล้ว
เขารู้ว่าการที่เฟิงเซียนซีเรียกเขามาให้ตรวจสอบคุณลักษณ์ของยาที่เย่เย่นำมานั้น แท้จริงแล้วก็แค่อยากจะทำให้ เย่เย่ผ่อนคลายและลดความระมัดระวังลงเท่านั้น ทั้งนี้ก็เพื่อให้แผนการที่เตรียมไว้ของนางสามารถเป็นไปได้ด้วยความราบรื่นอีกด้วย
เฒ่าซุนแสร้งทำเป็นเทยาจากในขวดนั้นออกมาและเริ่มทำการตรวจสอบคุณสมบัติ ทว่าเมื่อเขาได้มีโอกาสมองยาเหล่านี้ดีๆแล้ว เหงื่อเย็นๆก็ซึมไหลออกมาจากบริเวณหน้าผากของเขา
“ท่านซุน เป็นอะไรไปงั้นเหรอเจ้าคะ?”
ยามที่เฟิงเซียนซีเห็นท่าทีของเฒ่าซุน นางก็เตรียมจะส่งสัญญาณเพื่อให้เริ่มแผนแล้ว แต่สัญชาตญาณมันก็ชิงเตือนก่อนว่าเรื่องในครั้งนี้มีลางสังหรณ์ไม่ดีเสียเท่าไหร่ ดังนั้นแล้วจึงหยุดการกระทำที่คิดไว้ไปในชั่วขณะ
“ท่านเย่ขอรับ ข้าขอถามอะไรหน่อยได้ไหม? ว่านี่…ใช่ยาควบแน่นจิตวิญญาณที่ซื้อมาจากหอการค้าชิงเฟิงแห่งนี้หรือเปล่า?”
เขาเมินท่าทีของเฟิงเซียนซีไปก่อนและหันไปมองทาง เย่เย่ด้วยความสับสนราวกับกำลังเกรงกลัวอะไรอยู่
เย่เย่ชะงักไปและคิดขึ้นว่า หอการค้าชิงเฟิงแห่งนี้ทำสัญลักษณ์อะไรไว้บนยาของพวกเขาหรืออย่างไรน่ะ? ทำไมเฒ่าซุนถึงได้รู้ว่ายานี่ถูกซื้อมาจากหอการค้าแห่งนี้
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่มั่นใจในประสิทธิภาพของยาควบแน่นจิตวิญญาณที่ตนปรับแต่งด้วยตนเองนั้นแล้ว เย่เย่เชื่อมันว่าต่อให้จะขายให้หอการค้าชิงเฟิงอีกครั้ง มูลค่ามันต้องไม่เท่าเดิมแน่ๆ ถ้างั้นยอมรับไปก็ไม่น่าจะมีผลกับราคามากนักหรอก
“ใช่แล้ว ข้าให้บริวารของข้าให้มาซื้อยาควบแน่นจิตวิญญาณมาจากที่นี่ แต่ว่านะข้าได้กลั่นมันใหม่แล้ว เพราะงั้นประสิทธิภาพของมันสูงกว่าปกติเอาการเลยล่ะ ข้าเชื่อว่าท่านซุนเองก็น่าจะเห็นด้วยตาตนเองแล้ว”
เขาตอบคำถามของเฒ่าซุนไปอย่างตรงไปตรงมาทว่าทางฝ่ายเฟิงเซียนซีกับเป็นฝ่ายที่รู้สึกกำกวมขึ้นมาแทน
ตั้งแต่ที่ได้ยินเฒ่าซุนถามจนถึงเย่เย่ตอบ นางกำลังคิดว่าเย่เย่นั้นพยายามจะหลอกเอาเงินจากหอการค้าชิงเฟิงของนางหรือเปล่า กระนั้นเฟิงเซียนซีกลับไม่ได้รู้เลยว่า นางตีความท่าทีของเฒ่าซุนผิดไป
ในหัวของนางตอนนี้ยังคงครุ่นคิดว่าถ้าหากเย่เย่คิดจะเชิดเงินจากหอการค้าชิงเฟิงจริงๆ นั่นต้องเป็นเรื่องที่แย่มากๆแน่ๆ และเมื่อคิดว่าเย่เย่ใช้วิธีนี้เพื่อจะหลอกลวงจริงๆ นางเดาได้เลยว่าเฒ่าซุนจะต้องโกรธจัดเป็นอย่างมากแน่ๆ
ยิ่งได้เห็นก็ยิ่งมั่นใจ แต่ถึงอย่างนั้น นางก็รอดูท่าทีที่เฒ่าเฟิงมีให้กับคำตอบของเย่เย่ก่อน
หลังจากที่กรอกยาควบแน่นจิตวิญญาณคืนกลับไปในขวดแล้ว เฒ่าซุนก็ลุกพรวดและโค้งให้แก่เย่เย่พร้อมพูดด้วยท่าทีหวาดกลัว “ดูเหมือนว่าท่านเย่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญสินะขอรับ? ก่อนหน้านี้พวกข้าตาไม่ถึงจริงๆ ได้โปรดให้อภัยด้วย!”
เขาพูดพร้อมกับขยิบตาให้เฟิงเซียนซีเพื่อเป็นสัญญาณห้ามปรามนางไว้ไม่ให้หาเรื่องตายใส่ตัว เฟิงเซียนซีที่เห็นท่าทีนั้นนางก็ตกใจมากและตัดสินใจทิ้งแผนที่ว่าจะฆ่าเย่เย่แล้วชิงเอาของมีค่ามาไว้ด้านหลังก่อนจะรีบโค้งให้แก่เย่เย่ตามที่เฒ่าซุนปฏิบัติไปก่อนหน้า
“ต้องขอประทานโทษด้วยจริงๆที่ข้าล่วงเกินท่านไปก่อนหน้านี้ ได้โปรดอย่าใส่ใจเลยนะเจ้าคะ!”
ท่าทีของเฟินเซียนซีและเฒ่าซุนที่มีต่อเย่เย่เปลี่ยนไปในทันทีโดยที่เย่เย่เองยังไม่รู้สึกตัวเสียด้วยซ้ำ
เมื่อเห็นเย่เย่แสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา เฒ่าซุนก็รีบหัวเราะกลบเกลือนก่อนจะอธิบาย “อย่าตกใจไปเลยขอรับ ถึงแม้ว่าข้าผู้นี้จะมีวิชาเล่นแร่แปรธาตุห่างชั้นจากนายท่านของท่านเย่มากนัก แต่ข้าเองก็มักจะกลั่นยาเองบ่อยๆ ดังนั้นเวลาข้ากลั่นยาด้วยตัวข้าเอง ข้าก็จะทำสัญลักษณ์ไว้บนเม็ดยาที่ข้าทำน่ะขอรับ”
“ด้วยสิ่งนี้ข้าจึงรู้ได้ว่ายาควบแน่นจิตวิญญาณเหล่านี้ถูกซื้อมาจากหอการค้าชิงเฟิงแห่งนี้อย่างแน่นอน แต่เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหาหรอกขอรับ ได้โปรไว้วางใจได้ เพราะข้าเชื่อว่าประสิทธิภาพของยาควบแน่นจิตวิญญาณที่นายท่านของท่านเย่ทำการกลั่นใหม่แล้วนั้น ต้องเหนือชั้นกว่าสิ่งที่ข้าทำไว้ก่อนหน้าอีกอย่างแน่นอน และข้าจะประเมินราคาให้สมเกียรติพวกท่านเลย”
ยืนฟังเฒ่าซุนอธิบาย เฟิงเซียนซีก็จับจุดถึงสิ่งที่อีกฝ่ายรับรู้ได้และหน้าซีดขึ้นมาทันที
นั่นก็เพราะว่านางนั้นก็พอจะรู้เรื่องการเล่นแร่แปรธาตุอยู่บ้าง เนื่องจากการขายยานั้นถือเป็นรายได้หลักของหอการค้า ชิงเฟิงแห่งนี้เลย
ในโลกของการเล่นแร่แปรธาตุ สิ่งที่จะแสดงให้เห็นถึงความเก่งกาจของวิชาเล่นแร่แปรธาตุของนักแปรธาตุคนนั้นๆนอกจากการกลั่นยาระดับสูงได้ด้วยตนเองแล้วนั้นก็คือการที่นำยาที่คนอื่นกลั่นไว้แล้วมากลั่นใหม่อีกครั้งให้ดีขึ้นกว่าเดิม
เพราะการที่ยาที่ถูกกลั่นมาก่อนแล้วนั้นจะมีความเสถียรที่ถูกจัดแต่งไว้ให้เหมาะสมตามความต้องการอยู่แล้ว ดังนั้นหากมีคนอื่นเข้าไปแก้ไขมันจะทำให้คุณสมบัติตัวยาถูกทำลายไปจนหมด เพราะฉะนั้นเหล่านักแปรธาตุที่จะสามารถกลั่นยาของผู้อื่นใหม่ได้โดยยาไม่เสียหายรวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่ยานั้นได้อีกหลายเท่านั้น ถือเป็นเพชรทรงสวยที่หายากในหมู่เพชรที่รอการเจียรไน ซึ่งพวกเขานั้นจะต้องมีระดับการเป็นนักแปรธาตุที่อย่างน้อยๆต้องระดับ 7 เป็นขั้นต่ำ
จะต้องเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับ 7 แน่ๆที่อยู่เบื้องหลังเย่เย่! และถ้ามันเป็นแบบนี้จริงๆ มันก็จะยิ่งน่ากลัวกว่าอารามจ้าววรยุทธ์อีก!
ต่อให้นักเล่นแร่แปรธาตุระดับ 7 คนนั้นจะไม่ใช่พวกแสวงหาอำนาจและเดินทางไปทั่ว แต่ก็น่าจะมีพวกชนชั้นสูงอีกหลายคนที่เคยได้รับการช่วยเหลือจากยาและความใจดีของคนคนนี้เอาไว้ ดังนั้นหากจะเป็นศัตรูกับคนคนนี้ละก็ มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆแน่ๆ!
แม้ว่าเย่เย่จะบอกว่าเป็นคนที่กลั่นยาควบแน่นจิตวิญญาณนี่เองก็ตาม แต่ทั้งเฒ่าซุนและเฟิงเซียนซีนั้นล้วนแต่ไม่เชื่อและคิดว่าเขาต้องกำลังพยายามปกปิดตัวตนของจ้าวแห่งการเล่นแร่แปรธาตุไว้เบื้องหลังแน่ๆ
ทั้งสองมั่นใจอย่างมากว่าเบื้องหลังเย่เย่ต้องมีคนบงการที่ถือเป็นนายท่านที่แท้จริงคอยควบคุมอยู่ ส่วนสาเหตุที่เลือกที่จะขายยาวิเศษเหล่านี้ให้กับพวกเขาก็น่าจะเป็นเพราะคนคนนั้นอยากจะให้พวกเขารับรู้ถึงการมีตัวตนอยู่แน่ๆ
เมื่อคิดได้ดังนั้นทั้งเฟิงเซียนซีและเฒ่าซุนต่างก็พากันเหงื่อแตกพลั่ก พวกเขาเกือบจะทำในสิ่งที่แก้ไขลงไปไม่ได้เสียแล้ว และถ้าเผลอทำมันลงไปจริงๆละก็ ทางออกเดียวที่จะรอดจากการตามล่าได้อาจจะเป็นการจบชีวิตตัวเองเป็นแน่แท้
“ท-ท่านเย่ ข้าไม่คิดเลยว่าท่านจะยิ่งใหญ่ขนาดนี้เจ้าค่ะ! หากไม่ใช่เพราะท่านซุนตระหนักขึ้นได้ละก็ ข้าเองก็คงยังไม่รู้จนถึงตอนนี้!”
เฟิงเซียนซีมองเย่เย่ด้วยความขมขื่น และครั้งนี้นางไม่ได้แสร้งทำเพื่อใช้เสน่ห์เย้ายวนหากแต่นางกลัวขึ้นมาจริงๆแล้ว
เห็นดังนั้นเย่เย่ก็พอจะเดาได้ว่าทั้งสองคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ และถึงแม้ว่ามันจะเป็นการเข้าใจผิดว่าเขานั้นได้รับการช่วยเหลือจากผู้ที่มีตำแหน่งสูงส่งอยู่เบื้องหลัง แต่เขาก็ไม่ได้ทึ่มขนาดที่จะไม่รู้ว่าเรื่องนี้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้
“ข้าไม่รู้หรอกนะว่าพวกเจ้ากำลังพูดเรื่องอะไรกัน แต่ช่วยบอกข้าให้ชัดเจนทีได้ไหมว่าพวกเจ้าจะซื้อยาของข้าหรือเปล่า?”
แทนที่เขาจะยืนยันเรื่องที่เฟิงเซียนซีคาดเดาไว้ เขากลับยืนขึ้นและหันหลังให้ทั้งสองด้วยท่าทีที่เหมือนจะโกรธราวกับว่านี่เป็นความผิดที่ของเขาที่ทำให้ความลับนี้ถูกเปิดเผย ซึ่งท่าทีนี้มันก็ยิ่งทำให้เฟิงเซียนซีและเฒ่าซุนเชื่อสนิทใจเลยว่ามีใครบางคนคอยหนุนหลังเย่เย่แน่ๆ!