บทที่ 72
โจวไท่
“ขอบคุณท่านเย่ ที่เชิญชวนพวกเราเข้าร่วมการประมูลของท่าน”
“โอกาสดีๆ แบบนี้ข้าไม่พลาดแน่นอน!”
หลังจากที่เย่เย่ผู้เป็นตำนานบทใหม่แห่งหลิงเฉิงได้ป่าวประกาศวันที่จะจัดการประมูลของหอการค้าหยูเย่ขึ้นนั้นมหาชนก็ตอบรับคำเชิญชวนนั้นทันที ถึงแม้ว่าก่อนหน้าการประลอง หลิงหยวนชื่อเสียงของหอการค้าหยูเย่นั้นจะไม่สู้ดีนัก แต่เย่เย่ก็แสดงพลังของเขาให้เป็นที่ประจักษ์แก่มวลชนเป็นที่เรียบร้อย
ชาวเมืองมากหน้าหลายตาเห็นดังนั้นจึงรีบตักตวงผลประโยชน์โดยการพยายามผูกสัมพันธไมตรีกับเย่เย่อย่างอุ่นหนาฝาคั่ง ไม่ว่าพวกเขาจะจริงใจ หรือประจบประแจง เย่เย่ให้การต้อนรับพวกเขาอย่างเท่าเทียมกันด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม
เมื่อข่าวที่เย่เย่คว้าชัยเหนือเฉินเทียนหนานไปถึงหอการค้าหยูเย่ ซูฉีเจี่ย และเสี่ยวหยูที่ได้ยินข่าวดีก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก พวกเขาเริ่มมีไฟในการกลับมาทำงานอีกครั้ง
ลูกจ้างที่เหลืออยู่ภายในหอการค้าหยูเย่ก็ได้เฉลิมฉลองกันอย่างมีความสุข แสงแห่งความหวังเริ่มสะท้อนออกมาจากนัยน์ตาพวกเขาอีกครั้งหนึ่ง
ในสายตาของคนทั่วๆไป สถานการณ์ของหอหยูเย่ขณะนี้ถือว่าได้ก้าวข้ามวิฤติเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเป็นที่เรียบร้อย ถึงเวลาที่หอการค้าต้นกล้าต้นเล็กๆต้นนี้ จะงอกเงยกลายเป็นต้นไม้ใหญ่ที่งดงาม
ก่อนถึงวันประมูล หอการค้าหยูเย่ที่ผ่านหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญก็กลับมาคึกคักอีกครั้งหนึ่ง จากโถงหลักที่เคยว่างเปล่า แน่นขนัดไปด้วยมวลมหาประชาชนที่ถาโถมเข้ามาจับจองสินค้าที่ตนเองต้องการอย่างไม่ขาดสาย
ภายในสองวันก่อนมหกรรมการประมูลครั้งสำคัญ รายได้ของหอการค้าหยูเย่นั้นพุ่งทะยานทัดเทียมกับมูลค่าที่เย่เย่เคยลงทุนไว้ในการก่อตั้งหอการค้า ทำให้ลูกจ้างภายในได้รับโบนัสปันผลเป็นจำนวนมากจากเม็ดเงินในส่วนนี้ด้วย เย่เย่ที่กำลังยุ่งในช่วงสองวันนี้ก็ได้มีแขกที่ไม่ได้รับเชิญของเขาขอเข้าพบ
“นี่เจ้าคิดว่า เจ้าเอาชนะเฉินเทียนหนานแล้ว ปราการ หลิงหยวนก็จะยอมลดราวาศอกง่ายๆอย่างงั้นหรอ? ช่างเป็นความคิดที่อ่อนหัดยิ่งนัก!”
หลังจากที่เฉินอี้ตันได้ยินข่าวเกี่ยวกับชัยชนะของเย่เย่ เขาก็ได้เข้าพบเย่เย่โดยพลการ หนำซ้ำยังตั้งคำถามกวนประสาทอีกด้วย แต่ใจจริงแล้วเขาเพียงต้องการมาเตือนสติเย่เย่เท่านั้น
จากการมาของเฉินอี้ตันทำให้เย่เย่รู้ว่านอกจากเขาจะตกเป็นศัตรูคู่อาฆาตกับปราการหลิงหยวน แล้ว หอการค้าตันเซียงก็กำลังเพ่งเล็งเขาอยู่เช่นกัน
“ไม่ต้องเป็นกังวลไป ท่านผู้อาวุโสเฉิน หลังจากนี้พวกเราจะไม่ตั้งตนเป็นศัตรูกับปราการหลิงหยวนอีก พวกเราไม่สามารถรับมือกับบรรดาศิษย์แห่งปราการหลิงหยวนที่มีวิทยายุทธสูงส่งได้ในคราเดียวหรอกท่าน”
ถึงจะกวนส้นเท้าไปบ้าง แต่เย่เย่ก็รู้สึกได้ถึงมิตรไมตรีที่เฉินอี้ตันนั้นมอบให้ผ่านคำตักเตือน แต่ที่เย่เย่พูดออกไปแบบนั้นเพราะตัวเขารู้ดีว่าการที่เขามีชัยเหนือเฉินเทียนหนานนั้นทำให้ปราการหลิงหยวนยังไม่กล้าที่จะเคลื่อนไหวอะไรมากนัก
ในสถานการณ์ตอนนี้โจวซงกำลังหัวหมุนกับการรับศึกหลายด้านอยู่ทำให้ปราการหลิงหยวนอาจจะยังไม่ใช่ศัตรูที่เข้าประชิดกำแพงเมืองของหอการค้าหยูเย่ในขณะนี้
เฉินอี้ตันเมื่อเห็นเย่เย่คิดได้ดังนั้นก็พยักหน้าด้วยความโล่งอก แม้ว่าศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในปราการหลิงหยวนในสายตาของใครหลายคนคือเฉินเทียนหนาน แต่เฉินอี้ตันนั้นรู้เหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้ปราการหลิงหยวนเป็นมหาอำนาจอันดับหนึ่งในเมืองหลิงเฉิง
“เจ้าคุ้นหูกับชายที่มีนามว่าโจวไท่บ้างหรือไม่?”
“โจวไท่?”
เย่เย่เอียงคอด้วยความสงสัย เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน
“โจวไท่คือหนึ่งในบรรดาบุตรบุญธรรมผู้เป็นความภาคภูมิใจของโจวซง”
“โจวไท่ผู้นี้เข้าเป็นศิษย์แห่งปราการหลิงหยวนได้ตั้งแต่อายุ 7 ขวบ เมื่ออายุย่างเข้าเลขสิบได้ไม่นานเขาก็ได้ปลุกจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ได้สำเร็จ และเป็นจ้าววรยุทธ์ที่เยาว์วัยที่สุดในประวัติศาสตร์เมืองหลิงเฉิง เมื่อเขาอายุได้ 18 ปีเขาก็ได้รับการยอมรับให้เป็นศิษย์ของผู้เฒ่าหลูยู่ผู้เป็นผู้นำแห่งสำนักตงเทียนเหมิน 1 ใน 8 สำนักที่ยิ่งใหญ่ในราชวงศ์ฉางหลาง และในปัจจุบันเขาได้เป็นถึงหนึ่งในศิษย์ที่สำนักให้ความไว้วางใจ ทั่วทั้งแผ่นดินฉางหลางขนานนามเขาว่าเป็นอัจฉริยะ”
ผู้เฒ่าเฉินพูดไปพลางถอนหายใจไปก่อนที่เขาจะเสริมขึ้นมาอีกว่า
“แม้ว่าโจวไท่จะไม่ได้อยู่ในหลิงเฉิง และไปพำนักที่สำนักได้สักระยะหนึ่งแล้ว แต่พลังความแข็งแกร่งของเขานั้นเหนือไปกว่าโจวซง หรือแม้กระทั่งเฉินเทียนหนานเองก็ตาม ยิ่งไปกว่านั้นในฐานะศิษย์เอกของสำนักตงเทียนเหมินอิทธิพลของเขาก็ไม่ใช่ธรรมดาๆเลย นี่คือสาเหตุหลักที่ปราการหลิงหยวนเป็นใหญ่ใน หลิงเฉิงเป็นเวลานานนับหลายปี”
น้ำเสียงของเฉินอี้ตันนั้นเอาจริงเอาจังเป็นอย่างมาก สีหน้าของเขาเคร่งเครียดมากขึ้นกว่าเดิม
“หากพวกเจ้าสามารถทานทนการล้างแค้นของปราการ หลิงหยวนในครานี้ได้ละก็ หอการค้าของพวกเจ้าจะสามารถกลายเป็นขั้วอำนาจใหม่ของเมืองนี้ได้ แต่อย่าได้คิดจะถอนรากถอนโคนปราการหลิงหยวนเชียวนะ เพราะผลที่ตามมานั้นยากที่สองมือเล็กๆของพวกเจ้าจะจัดการได้”
เย่เย่เมื่อได้ยินดังนั้นก็นิ่งเงียบไปสักพัก พร้อมกับจดจำข้อมูลของโจวไท่เข้าไปในส่วนลึกของสมอง แม้ว่าตัวเย่เย่เองจะบรรลุขั้นจ้าววรยุทธ์มาแรมปี แต่เขาก็ยังไม่สามารถบรรลุวิทยายุทธทั้งหมดได้ หากไม่มีระบบแลกเปลี่ยนครอบจักรวาลนี้ เขายังคงเป็นลูกคนรวยกะล่อนเสเพลอยู่ในเมืองบ้านเกิดของเขาเป็นแน่
ถึงแม้ความต่างชั้นระหว่างตัวเขากับโจวไท่จะทำให้บ่าของเย่เย่รู้สึกหนักอึ้งขึ้นมาทันที แต่เขาก็ไม่แสดงออกถึงความท้อแท้แต่อย่างใด
ตราบใดที่ความลับเกี่ยวกับระบบแลกเปลี่ยนของเขายังไม่ถูกเปิดเผย และเขายังมีเวลาเหลือเฟือที่จะพัฒนาฝึกฝนทักษะที่เขาซื้อมา แล้วการเอาชนะโจวไท่นั้นจะไม่ใช่เรื่องที่เกินความสามารถของเขาอีกเลย
“ขอบคุณท่านผู้อาวุโส ที่อุตส่าห์มาเตือนข้าด้วยตัวเองเช่นนี้ หากปราการหลิงหยวนไม่เป็นฝ่ายที่ลงมือก่อนข้าก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องสู้”
หลังจากที่เย่เย่ปรับอารมณ์ของเขาสู่ภาวะปกติได้แล้ว เขาก็พูดกับเฉินอี้ตันด้วยรอยยิ้มเล็กๆ น้ำเสียงของเขาสุขุมนุ่มลึก และแฝงไปด้วยความมั่นอกมั่นใจ
เฉินอี้ตันพยักหน้าพึงพอใจกับคำตอบของเย่เย่ ในสายตาของเขาเย่เย่นั้นไม่ใช่คนที่ชั่วช้าแต่อย่างใด
แม้ว่าโจวไท่จะเป็นคนที่คอยค้ำจุนอำนาจของปราการ หลิงหยวน แต่เขาจะไม่เข้ามาก้าวก่ายหากยังไม่มีภัยคุกคามที่ชี้ชะตาความเป็นตายของปราการของเขา ยิ่งไปกว่านั้นการที่เย่เย่เอาชนะเฉินเทียนหนานได้นั้นทำให้กระแสลมเปลี่ยนทิศ หากพวกเขาต้องการจะแก้แค้นเย่เย่ และหอการค้าหยูเย่ พวกเขาต้องใช้เวลาวางแผนให้แยบยล ทำให้ปราการหลิงหยวนในตอนนี้ไม่ใช่ภัยคุกคามสำหรับเย่เย่
ในขณะที่เย่เย่ และเฉินอี้ตันกำลังหารือเรื่องของโจวไท่ และปราการหลิงหยวนนั่นเอง พวกเขาไม่ได้ตระหนักว่าโจวซงนั้นให้ความสนใจกับความพ่ายแพ้ของเฉินเทียนหนานอยู่ไม่น้อย เนื่องจากนอกจากคนในปราการหลิงหยวน และเย่เย่แล้วไม่มีใครรู้เรื่องเกี่ยวกับการวางมือของเฉินเทียนหนานเลย ซึ่งทำให้โจวซงคิดไม่ตกเกี่ยวกับอนาคตของปราการหลิงหยวน หากผู้คนรับรู้ถึงการจากไปอย่างลับๆของเฉินเทียนหนานแล้วล่ะก็ อำนาจในการปกครองเมืองหลิงเฉิงของพวกเขาต้องสั่นคลอนอย่างแน่นอน
นอกจากนี้โจวซงที่ไม่ต้องการให้หอการค้าหยูเย่เจริญเติบโตไปมากกว่านี้จึงได้ส่งเฉียนเฟิงมาต่อกรกับเย่เย่อย่างเงียบๆ
ในขณะที่เย่เย่กำลังง่วนกับการเตรียมการประมูลอยู่นั้น เฉียนเฟิงก็ได้เข้าพบชิวเฟิงอิง และชิวหยวนตงแห่งหอการค้าหยวนเชินเพื่อหารือเกี่ยวกับแผนการในการหยุดยั้งหอการค้า หยูเย่อย่างลับๆ
ชิวหยวนตงผู้นี้เคยได้รับผลประโยชน์จากการค้าขายกับตระกูลเจิ้งโดยตรงในสมัยที่หลิวชีเฟินยังถืออำนาจสูงสุดในตระกูลก่อนที่จะถูกเจิ้งซูและเย่เย่กำจัดออกไป ทำให้ตระกูลเจิ้งยุติการค้าขายกับหอการค้าหยวนเชินของเขา และหันไปทำการค้ากับหอการค้าหยูเย่แทน ทำให้ชิวหยวนตงคับแค้นใจจากการโดนแย่งลูกค้ารายใหญ่ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
หอการค้าหยวนเชินถึงจะเป็นหอการค้าขนาดกลางในเมืองหลิงเฉิง แต่ก็มีอำนาจเพียงพอในการบดขยี้หอการค้าเล็กๆได้แล้ว เฉียนเฟิงเห็นโอกาสดังนั้นจึงรีบดิ่งมาเพื่อพูดคุยกับหอการค้าหยวนเชินถึงแผนการที่พวกเขาจะขจัดเสี้ยนหนามที่ทิ่มแทงพวกเขาเป็นเวลานานเสียที