บทที่ 80
รุกฆาต
“ช้าก่อน! อย่าเพิ่งสู้กัน!”
ในขณะที่สงครามกำลังเริ่มเปิดฉากอยู่นั้น เสียงของชายผู้หนึ่งก็ดังออกมาจากในหอการค้าหยูเย่
สายตาของทั้งสองฝ่ายที่กำลังจะเข้าห้ำหั่นก็อยู่นั้นก็ได้มองไปที่ชายเจ้าของเสียงทรงพลังนั้น
“ท่านเฉียน ข้าจะไม่ตำหนิท่านที่เข้ามาบุกรุกหอการค้า หยูเย่โดยพลการเช่นนี้หรอกนะ แต่อย่างน้อยช่วยกรุณาปล่อยข้าและเสวี่ยหยูออกไปก่อนได้หรือไม่?” เสวี่ยเฉิงกุ่ยโค้งคำนับ เฉียนเฟิงพร้อมกับอ้อนวอนด้วยความนอบน้อม
ท่าทีของเสวี่ยเฉิงกุ่ยนั้นต่างไปจากที่เขามีให้กับเย่เย่ เขาไม่คิดว่าเย่เย่จะเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้ไปได้จึงพยายามตัดช่องน้อยแต่พอตัว
“ท่านพ่อ!? ท่านทำแบบนี้ได้ยังไง ท่านลืมที่ท่านให้สัญญากับท่านเย่ไว้แล้วหรือเจ้าคะ!?”
เสวี่ยหยูผิดหวังในตัวพ่อของนางเป็นอย่างมาก ดวงตากลมสวยของนางเต็มไปด้วยความคลางแคลงใจ
“หุบปากซะ! ความเอาแต่ใจของเจ้าจะพาตระกูลเสวี่ยของเราไปเจอกับอะไร เจ้าเคยคิดบ้างไหม!?”
เสวี่ยเฉิงกุ่ยตะคอกเสียงดังใส่ลูกสาวของตนด้วยความหงุดหงิด ใบหน้ามีชีวิตชีวาของเสวี่ยหยูนั้นซีดเผือดลงทันที ก่อนที่นางจะมองไปที่เย่เย่ด้วยความรู้สึกผิด
“ขอโทษนะ..ท่านเย่” เสวี่ยหยูกระซิบอย่างแผ่วเบากับตนเอง นางขอโทษเย่เย่ออกมาจากใจจริง แม้นางจะรู้ดีว่าเสียงภายในจิตใจนี้จะส่งไปไม่ถึงเย่เย่เลยก็ตาม
เฉียนเฟิง และเย่เย่นั้นไม่ได้พูดอะไรเป็นพิเศษ แต่ ชิวเฟิงอิงที่รู้เรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างหอการค้าหยูเย่กับหอการค้าตงหยวนเป็นอย่างดีก็ได้พูดขึ้น
“เฮ้ เฮ้ นี่แปลว่าท่านจะตัดความสัมพันธ์กับหอการค้า หยูเย่อย่างงั้นเหรอ!? ยากที่จะเชื่อแฮะ แสดงหลักฐานให้ข้าเห็นทีซิ?”
ชิวเฟิงอิงอดสงสัยตั้งคำถามถึงสถานะความสัมพันธ์ของหอการค้าทั้งสองเสียไม่ได้
“ท่านชิว ท่านล้อข้าเล่นแล้ว! แม้ว่าหอการค้าหยูเย่กำลังเจริญรุ่งเรือง แต่เถ้าแก่ของพวกเขาก็เป็นแค่คนนอกไม่รู้หัวนอนปลายเท้า จะให้ตระกูลเสวี่ยของข้าลดตัวไปคบค้าสมาคมได้ยังไงกัน!?”
เจ้าตระกูลเสวี่ยรีบตอบคำถามของชิวเฟิงอิงอย่างไม่ลังเล คำพูดของเขาเต็มไปด้วยความดูถูกดูแคลนและการเลือกปฏิบัติต่อหอการค้าหยูเย่
“นี่เจ้าว่ายังไงนะ!?” เสี่ยวหยูที่อารมณ์กำลังคุกรุ่นได้ที่ก็ถกแขนเสื้อพร้อมที่จะเข้าปะทะกับคนที่ว่าร้ายเย่เย่ของนาง เย่เย่ที่เห็นท่าไม่ดีจึงรีบคว้ามือเสี่ยวหยูไว้เป็นสัญญาณราวกับบอกให้นางใจเย็น
“ฮ่า ฮ่า ฮ่าา น่าสมเพชสิ้นดีเลยนะ พวกเจ้าเนี่ย! ชอบมีอะไรให้พวกข้าประหลาดใจอยู่เรื่อย”
เฉียนเฟิงและชิวเฟิงอิงที่เริ่มเข้าใจสถานการณ์ความเป็นมาของศัตรูของพวกเขาก็กลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่
“ท่านตัดสินใจได้ถูกต้องแล้วท่านเสวี่ย! สมแล้วที่ท่านเป็นผู้นำตระกูลและเป็นต้นแบบของพวกเราชาวหลิงเฉิงมาอย่างช้านาน! เช่นนั้นเพื่อความปลอดภัยของพวกท่าน ข้าขอเชิญพวกท่านออกจากที่นี่ไปเสียก่อน เชิญ!” เฉียนเฟิงโค้งตัวเล็กน้อยเพื่อคารวะผู้นำตระกูลเสวี่ย ก่อนที่จะผายมือเชิญพวกเขาออกจากสมรภูมินี้
“ข้าขอขอบใจ ท่านเฉียน!” เสวี่ยเฉิงกุ่ยถอนหายใจด้วยความโล่งอก และรีบดึงเสวี่ยหยูออกจากที่เกิดเหตุในทันที
“ผู้ใดมีประสงค์ที่จะออกไปจากที่แห่งนี้ พวกท่านกลับไปได้! หากผู้ใดประสงค์ที่จะอยู่ต่อข้าจะถือว่าเป็นปฏิปักษ์ต่อปราการหลิงหยวนทั้งสิ้น!”
คำพูดข่มขู่ของพวกเขาประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ลูกจ้างของหอการค้าหยูเย่ก็ค่อยๆทยอยออกไปทีละคนๆ ท้ายที่สุดก็เหลือลูกจ้างต่ำกว่าสิบคน และเหล่าบรรดาผู้ก่อตั้งที่ยอมยืนหยัดต่อสู้เพื่อหอการค้าอันเป็นที่รักของพวกเขาตราบจนชีวิตจะหาไม่
เย่เย่ที่เห็นลูกน้องของเขาค่อยๆทยอยออกไปทีละคนๆ ไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม ไม่ได้แสดงความผิดหวังออกมาทางสีหน้า ไม่แม้กระทั่งก่นด่าลูกจ้างที่หักหลังเขา แต่เขากลับรู้สึกประหลาดใจที่ยังเหลือลูกจ้างบางส่วนที่ยังยืนเคียงข้างเขาในวันฟ้าฝนไม่เป็นใจเช่นนี้
เทพยุทธ์เย่มองไปที่ลูกจ้างที่เหลือของเขาด้วยความยินดี และพูดกับพวกเขาเหล่านั้นอย่างใจเย็น
“ข้าจะไม่ทำให้พวกเจ้าผิดหวัง เชื่อมือข้าได้เลย!”
“เหอะ! โง่เง่าสิ้นดี! ในเมื่อเจ้าเอยากตายนัก ข้าจะทำให้เจ้าสมปรารถนาเอง! ฆ่ามัน!!” เฉียนเฟิงที่เห็นผู้คนบางส่วนเชื่อมั่นในพลังมิตรภาพก็อดจะถากถางคนเหล่านั้นไม่ได้ก่อนที่จะให้สัญญาณกองกำลังปราการหลิงหยวนของเขาเข้าโจมตีอีกครั้ง!
“ข้าสัญญาว่าหอการค้าหยวนเชินของข้าจะรับช่วงต่อพวกเจ้าเอง!”
ชิวเฟิงอิงก็ไม่รอช้าสั่งให้เหล่าเทพยุทธ์ของหอการค้าหยวนเชินของพวกเขาผนึกกำลังกับกองกำลังของปราการ หลิงหยวน และเริ่มเปิดฉากการโจมตีในทันที
ตู้ม ตู้ม ตู้ม
สองพ่อลูกตระกูลเสวี่ยที่ทิ้งหอการค้าหยูเย่ไว้เบื้องหลังก็ได้ติดตามสถานการณ์จากรอบนอก
มีเพียงเสวี่ยหยูที่ทนไม่ได้ที่จะเห็นชายเพียงคนเดียวที่นางปันใจให้ตายต่อหน้าต่อตาจึงรีบเดินกลับไปด้วยน้ำตาที่คลอเบ้า
“เจ้าแน่ใจแล้วเหรอว่าจะฆ่าข้าได้น่ะ!?” เย่เย่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาแต่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจของเขาก่อนที่เขาจะเปิดใช้งานค่ายกลที่เขาติดตั้งไว้รอบๆหอการค้าของเขา
ครืนนน ครืนนน ครืนนน
เมื่อเขาเปิดใช้งานค่ายกลของเขาทันใดนั้นก็เกิดแสงสว่างเจิดจ้าขึ้น พร้อมกับม่านพลังแห่งแสงทรงครึ่งวงกลมขนาดยักษ์จำนวนหนึ่งปรากฏขึ้นบนฟ้าและลงมาปิดครอบบริเวณรอบๆหอการค้าในทันที
เฉียนเฟิงและชิวเฟิงอิงที่คอยบัญชาการพรรคพวกของเขาจากข้างหลังก็โดนม่านพลังขนาดมหึมานี้จับแยกออกจากกองกำลังของพวกเขา
“ค่ายกล? พวกเขาติดตั้งของพวกนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!?”
สองพันธมิตรที่ถูกปิดล้อมด้วยค่ายกลขนาดใหญ่ก็มีสีหน้าตกอกตกใจ ก่อนที่เฉียนเฟิงผู้รอบรู้เกี่ยวกับค่ายกลจะต่อยลงไปบนม่านพลังอย่างสุดแรงเพื่อทดสอบพลังของค่ายกลนี้
ตู้มม!
ม่านพลังเกิดรอยร้าวขนาดใหญ่ขึ้น ก่อนที่มันจะฟื้นฟูตัวเองกลับคืนสู่สภาพเดิมในพริบตา
“ปะ…เป็นไปไม่ได้!? แม้แต่ท่านเฉียนก็ทำอะไรมันไม่ได้งั้นเรอะ!”
ชิวเฟิงอิงพูดด้วยเสียงสั่นเครือจากความตื่นตระหนกเมื่อเห็นว่าเฉียนเฟิงผู้เก่งกาจไม่สามารถทำอะไรกับม่านพลังนี้ได้เลย
ไม่ได้มีเพียงพวกเขาสองคนที่หวาดกลัวกับค่ายกลนี้ เทพยุทธ์ทั้งหลายของพวกเขาที่บุกเข้ามาติดอยู่ในหอการค้าก็เริ่มหวาดระแวงเช่นเดียวกัน พวกเขาที่เตรียมใจมาล่ากลับกลายเป็นฝ่ายที่ถูกล่าเสียเอง
“ข้าเคยให้โอกาสพวกเจ้าแล้ว! ไม่มีโอกาสครั้งที่สองสำหรับพวกเจ้า!” เสียงเย่เย่ที่ดังออกมาจากทุกทิศทุกทางในม่านพลังที่ครอบพวกเขาอยู่นั้นทำให้ศัตรูของพวกเขาต่างพากันหวาดเกรง แม้แต่ลูกจ้างของหอการค้าหยูเย่เองก็ต้องตกตะลึงกับสถานการณ์ที่คาดไม่ถึงเบื้องหน้าพวกเขา
“ท่านเย่ของข้าเก่งที่สุด!”
เสี่ยวหยู และซูฉีเจี่ยที่รู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้วต่างพากันยกย่องเชิดชูท่านเย่ของพวกเขามากขึ้นไปอีก
“น่ะ..นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกันเนี่ย!?”
เสวี่ยเฉิงกุ่ยที่การต่อสู้ครั้งนี้จากบริเวณรอบนอกก็ตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาไม่เคยคาดคิดว่าหอการค้าหยูเย่จะต้านทานการรุกฆาตครั้งนี้ของปราการหลิงหยวนได้
เย่เย่ที่เร้นกายอยู่ในค่ายกลอยู่นานแล้ว ก็ไม่ปล่อยให้เหยื่ออันโอชะของเขาเล็ดลอดกลับไปได้โดยง่าย เขาเริ่มเผยตนจากเงามืดสังหารหมู่เหล่าศัตรูของเขาอย่างเลือดเย็น จำนวนพลที่มากมายมหาศาลนี้ไม่มีผลเมื่ออยู่ต่อหน้าเย่เย่เลยแม้แต่น้อย
“ม่านฟ้าบัญชาสวรรค์ !”
เย่เย่ได้เรียกใช้พลังขั้นสูงสุดของค่ายกลนี้ ทำให้เกิดสายฟ้านับหมื่นนับพันผ่าลงไปที่เหล่าผู้เคราะห์ร้ายที่ติดอยู่ในม่านพลังเหล่านั้น แม้ว่าจะไม่ตายในทันที แต่ก็ทำให้พวกเขาได้รับบาดเจ็บแสนสาหัส…