บทที่ 87
ธูปสูบวิญญาณ
“ท่านไม่จำเป็นต้องพูดไปมากกว่านี้อีกแล้ว ท่านโจวหลาน ข้ารู้ดีว่าท่านไม่ได้จะมาเจรจาสันติตั้งแต่แรกอยู่แล้ว” เย่เย่พูดอย่างไม่อ้อมค้อม เมื่อเห็นโจวหลานเริ่มใช้อารมณ์มาเป็นที่ตั้ง ทั้งสองต่างรู้ดีว่าข้อพิพาทระหว่างหอการค้าหยูเย่ และปราการหลิงหยวนนั้นไม่สามารถไกล่เกลี่ยกันด้วยคำพูดได้
ฟู่วววววว ฟุ่บ
บรรยากาศภายในศาลากลางน้ำฮู่ฮิงนั้นเงียบสงัด และตึงเครียดขึ้นมาทุกที มีเพียงเสียงธูปหอมที่เผาไหม้ก่อนจะสลายไปต่อหน้าเขาทั้งสอง
โจวหลานลุกขึ้นก่อนหันหลังมองออกไปยังทะเลสาบที่ล้อมรอบพวกเขา
จุดประสงค์ของนางที่เชิญเย่เย่ออกมานั้น เพื่อจะดึงความสนใจของเมืองหลิงเฉิงเอื้อประโยชน์ให้หลิวเทียนเซียง นอกจากนั้นนางยังนำเหล่ายอดฝีมือของปราการหลิงหยวนบางส่วนออกมาคุ้มกันนาง เพื่อให้หลิวเทียนเซียงและพรรคพวกบุกเข้าโจมตีปราการหลิงหยวนได้โดยง่ายอีกด้วย
“เช่นนั้นข้าขอเข้าเรื่องเลยก็แล้วกัน ท่านโจวไท่มอบทางเลือกให้ท่าน 2 ทางเลือก หนึ่ง! ท่านเย่ต้องมาเป็นผู้ติดตามของท่านโจวไท่ และดูแลรับใช้เขาอย่างดีเพื่อชดใช้บาปของท่าน นายน้อยของข้าสัญญาว่าหลังจากนั้นจะไม่เอาเรื่องท่าน และรับท่านเข้าเป็นศิษย์ของนิกายวิถีสวรรค์อีกด้วย ข้าเชื่อว่าท่านเย่จะตัดสินใจอย่างชาญฉลาด”
หลังจากนางเสนอข้อเสนอมาเพียงหนึ่งข้อนางก็หันกลับมามองเย่เย่โดยไม่มีท่าทีจะพูดถึงทางเลือกที่สอง แต่เย่เย่ก็พอจะเดาได้จากสายตาและมุมปากที่ยกชันขึ้นของนาง
“นี่เจ้าจะให้ข้าไปเป็นทาสของเขารึไง? เสียใจด้วยข้ายอมตายดีกว่าต้องไปก้มหัวให้ใคร แล้วก็นะนายน้อยของเจ้าน่ะฆ่าข้าไม่ได้หรอก”
เมื่อโจวหลานได้ยินคำตอบของเย่เย่ นางก็ล้มเลิกความตั้งใจที่จะชักชวนต่อ
“ดูเหมือนว่าท่านตอบผิดเสียแล้ว น่าเสียดายที่แผ่นดินฉางหลางจะเสียคนมีความสามารถอย่างท่านไปเร็วขนาดนี้”
โจวหลานถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ นัยน์ตาของนางดูเศร้าสร้อยที่โดนปฏิเสธ แต่ในพริบตาเดียวสีหน้าของนางก็กลับมาเย็นชาอีกครั้ง “ท่านมันดื้อด้านสมคำร่ำลือจริงๆนะ ไม่ต้องให้ถึงมือนายน้อยหรอก ข้าเนี่ยแหละจะฆ่าเจ้าเอง!”
สิ้นเสียงโจวหลาน เย่เย่ก็ยืนขึ้นก่อนตอบนางด้วยคำพูดดูถูกดูแคลน
“ถึงแม้ด้วยวรยุทธ์ของข้าในตอนนี้อาจจะโค่นนายน้อยของเจ้าไม่ได้ก็จริง แต่กับเจ้าก็ไม่แน่นะ?”
“นี่เจ้าคิดว่าเจ้าฆ่าเทพยุทธ์มามากมาย แล้วเจ้าจะฆ่าข้าได้เนี่ยนะ น่าขำสิ้นดี! ความห่างชั้นของเทพยุทธ์ดาดๆ กับศิษย์แห่งนิกายวิถีสวรรค์น่ะไม่ใช่ตัวตน พรสวรรค์ หรือว่าวิชาที่สืบทอดกันมาแต่มันคือวิสัยทัศน์!”
“ข้าจะอธิบายให้คนไร้สมองอย่างเจ้าเข้าใจง่ายละกัน ธูปหอมในกระถางที่อยู่ข้างหน้าเจ้าต่อให้ดู หรือสูดดมยังไงก็ไม่ต่างจากธูปหอมธรรมดาๆ แต่จริงๆแล้วมันคือธูปสูบวิญญาณที่มีพิษร้ายแรง ต่อให้เป็นเทพอสูรไร้เงาที่เก่งกาจมาจากไหนเมื่อสูดเข้าไปจะติดพิษทันที หากพยายามขัดขืนและใช้วรยุทธ์ละก็เลือดลมจะไหลย้อนกลับ ทำให้เสียเลือดตายในทันที ทีนี้เจ้ายังคิดว่าเจ้ายังมีโอกาสรอดบ้างไหมล่ะ?”
สำหรับตัวโจวหลาน นางได้กินยาสลายพิษมาก่อนหน้านี้แล้ว พิษของธูปสูบวิญญาณจึงไม่ส่งผลใดๆกับนาง อย่างไรก็ตามเย่เย่ได้สูดดมพิษนี้เข้าไปตลอดเวลาที่เจรจากัน ตอนนี้เขาไม่ต่างอะไรกับไก่ที่โดนล้างคอรอเชือดก็ไม่ปาน
“กลิ่นนี้คือกลิ่นของธูปสูบวิญญาณงั้นเหรอ? ดีล่ะข้าจะจำเอาไว้! นี่เจ้าคิดว่าแค่ธูปนี่จะฆ่าข้าได้รึไง? ”
เย่เย่ยกกระถางธูปขึ้นมาพินิตพิจารณาถึงรูปร่างลักษณะ และกลิ่นของมัน เขาไม่ได้ถูกคำพูดของโจวหลานข่มขู่เลยแม้แต่น้อย นั่นเป็นเพราะตั้งแต่ก่อนเย่เย่เข้าไปยังศาลากลางน้ำ ประคำจ้าวอสรพิษของเขาก็ได้แจ้งเตือนเขาโดยเปลี่ยนจากสีเขียวอ่อนเป็นเขียวเข้ม ทำให้เขารู้ได้ทันทีว่าธูปหอมนั้นมีพิษอย่างแน่นอน และประคำเส้นนั้นยังดูดพิษทั้งหมดเข้าไปทำให้เขาไม่ได้รับอันตรายใดๆจากธูปพิษนี้เลย
นี่เป็นครั้งแรกที่เขารับมือกับผู้ใช้พิษ เขาจึงมีความอยากรู้อยากเห็นเป็นอย่างมาก หลังจากที่เขาฟังโจวหลานอธิบายสรรพคุณอย่างใจจดใจจ่อ เขาก็ได้จำชื่อธูปสูบวิญญาณนี้เก็บไว้ในก้นบึ้งของสมอง
“ทำไมเจ้าไม่ติดพิษล่ะ? ทำไมกัน!?”
เย่เย่ไม่ปล่อยโอกาสให้โจวหลานค้นพบคำตอบนั้น เขายืนขึ้นพร้อมกับปลดปล่อยจิตสังหารของเขาออกมา โจวหลานพยายามถอยหลังออกจากศาลาด้วยความหวาดกลัว นางพยายามเรียกเหล่าขุนพลของปราการหลิงหยวนออกมาคุ้มกันนาง แต่มันก็สายเกินไปเสียแล้ว
ตู้มมมมมมมม!
เย่เย่รวบรวมพลังทั้งหมดบนฝ่ามือ และใช้ฝ่ามือคลื่นพิโรธโจมตีโจวหลานเข้าอย่างจัง คลื่นที่โหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่งซัดร่างของนางกระเด็นไปไกล นางกระอักเลือดออกมากลางอากาศ ก่อนที่จะตกลงสู่ทะเลสาบ
“พวกโง่! มัวทำอะไรกันอยู่ มาช่วยข้าสิ!”
โจวหลานที่ตกลงไปในน้ำก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมาตะโกนขอความช่วยเหลือ หลังจากได้ยินเสียงของนางเหล่าบรรดาลูกกระจ๊อกแห่งปราการหลิงหยวนก็แห่กันเข้ามาปิดล้อมทางออกของศาลาเอาไว้
“ใครไม่กลัวตาย ก็เข้ามา!!”
เย่เย่ส่งสายตาอำมหิตใส่ฝูงชน ก่อนพุ่งเข้าโจมตีด้วยฝ่ามือพิโรธอย่างต่อเนื่องในทันที
แม้ว่าเหล่าผู้คุ้มกันนี้จะเป็นคนของปราการหลิงหยวนที่โจวหลานเลือกมาคุ้มกัน แต่นางก็ไม่คาดคิดว่าเย่เย่จะรอดเงื้อมมือของธูปสูบวิญญาณที่นางเตรียมไว้อย่างดิบดีได้ นางจึงไม่ได้พาเหล่าเทพยุทธ์ขั้นสูงมาคุ้มกันนางด้วย ทำให้พวกที่กำลังต่อสู้กับเย่เย่นี้ก็ไม่ต่างอะไรกับพวกปลายแถวทั่วๆไป พวกเขาจึงโดนเย่เย่จัดการอย่างไม่ยากเย็น ทะเลสาบถูกย้อมด้วยเลือดของพวกเขาจนน้ำกลายเป็นสีแดงฉานไปทั่วบริเวณ
โจวหลานที่เพิ่งตะเกียกตะกายว่ายน้ำขึ้นฝั่งมาได้ เมื่อเห็นลูกน้องของนางถูกฆ่าอย่างทารุณ ใบหน้าของนางก็ซีดเผือด นางจึงรีบวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว แต่เย่เย่ก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของนาง ความเร็วของนางที่ทั้งตัวเปียกชุ่มไปด้วยน้ำช้ากว่าเย่เย่อย่างเห็นได้ชัด
“ถ้าเจ้าฆ่าข้า ท่านโจวไท่ไม่เอาเจ้าไว้แน่!!”
โจวหลานที่หมดทางหนีทีไล่ ไม่แม้แต่จะอ้อนวอนของชีวิต แต่นางกลับข่มขู่เย่เย่อีกด้วย
เปรี้ยงงงงงงงงงงง!
เสียงคลื่นขนาดยักษ์ซัดกระแทกไปที่ผู้เคราะห์ร้ายอย่างรุนแรง แม้นางจะปัดป้องอย่างสุดกำลังแต่ก็ไม่ทำให้ต้านทาน ฝ่ามือคลื่นพิโรธนี้ได้เลย นางถูกซัดจนปลิวไปไกล ก่อนที่จะตกลงมาบนพื้น นางกระอักลิ่มเลือดออกมา ก่อนที่แสงในตาที่ริบหรี่ของนางจะดับลง
แผนการโจมตีของปราการหลิงหยวนถูกเย่เย่ทำลายอย่างไม่เป็นท่าลงอีกครั้งหนึ่ง ศพของบรรดาศิษย์แห่งปราการ หลิงหยวน และโจวหลาน กระจัดกระจายออกไปอย่างน่าสยดสยอง
หากเย่เย่ไม่ได้ประคำจ้าวอสรพิษช่วยชีวิตเขาเอาไว้เขาคงตายไปแล้ว และหอการค้าหยูเย่ของเขาต้องระส่ำระสายอย่างแน่นอน
‘โจวไท่ แกต้องชดใช้!’ เย่เย่ต้องการที่จะปิดบัญชีโจวไท่ที่เป็นต้นตอของเรื่องราวทั้งหมดให้ได้โดยเร็วที่สุด มิเช่นนั้นแล้วอาจทำให้เขาและหอการค้าของเขาต้องเผชิญอันตรายอีกมากมายในอนาคต
เย่เย่รู้ดีว่าเขาไม่จำเป็นต้องเป็นฝ่ายไปหาโจวไท่ด้วยตนเอง หากโจวไท่รู้ข่าวการตายของสาวใช้ของเขา เขาต้องมุ่งหน้ามาสะสางบัญชีแค้นกับเย่เย่อย่างแน่นอน ระหว่างที่เขาคิดเขาก็ดูดกลืนจิตวิญญาณการต่อสู้จากซากศพที่เขาสังหารไปพลางๆ
ในขณะเดียวกันชะตากรรมของปราการหลิงหยวนก็ใกล้เข้าสู่กาลอวสาน
“ในที่สุดเจ้าก็มา! ข้ารอเจ้าอยู่นี่มาสักพักใหญ่ๆแล้วนะ”
ที่ห้องโถงชั้น 1 ของปราการหลิงหยวน โจวซงจ้าวแห่งปราการหลิงหยวนนั่งอยู่บนบัลลังก์ เขามองไปที่หลิวเทียนเซียงและพรรคพวกที่บุกพังทลายประตูของปราการเข้ามา ก่อนพูดออกมาอย่างเยือกเย็น
ข้างหลังโจวซงนั้นเต็มไปด้วยเหล่าจ้าววรยุทธ์ และเทพยุทธ์มากฝีมือของปราการ บางส่วนถูกเรียกให้กลับมาจากการฝึกฝนข้างนอกเพื่อกลับมาพร้อมรบอย่างเต็มกำลัง
“วันนี้เป็นวันตายของเจ้า และเป็นวันที่ปราการหลิงหยวนจะล่มสลาย ไม่มีใครหลีกเลี่ยงชะตานี้ได้!” แม้พรรคพวกของ หลิวเทียนเซียงจะน้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด แต่พวกเขาล้วนเป็นเทพยุทธ์ขั้นสูงทั้งสิ้นทำให้ไม่มีใครได้เปรียบไปกว่าใคร
วันนี้เป็นวันที่หลิวเทียนเซียงและพรรคพวกของเขารอมานาน โอกาสที่จะได้ปลดปล่อยความแค้นที่สั่งสมของพวกเขาออกมาบดขยี้ศัตรูคู่อาฆาตอย่างเต็มกำลัง
โจวซงขมวดคิ้วด้วยความเครียด แม้ว่าเขาจะไม่ได้แสดงออกถึงความกลัวมากนัก แต่ลึกๆแล้วเขาหวาดวิตกไม่น้อยไปกว่าใครในปราการหลิงหยวนเลย
ในตอนที่โจวหลานมาเสนอแผนเจรจาสันติกับเย่เย่ โจวซงนั้นคัดค้านอย่างหัวชนฝา เขาไม่ต้องการให้ปราการ หลิงหยวนที่อ่อนกำลังลงไปสร้างความขัดแย้งกับผู้อื่นอีก ยิ่งเป็นหอการค้าหยูเย่ด้วยแล้วเขายิ่งปฏิเสธ เนื่องจากเขาต้องรับมือกับเทพอสูรหลิวเทียนเซียงและบรรดาเทพยุทธ์ขั้นสูงพร้อมๆกันอีก เขาจึงต้องการเวลาแก้ปัญหาตรงหน้าเสียก่อน แต่เรื่องทั้งหมดกลับไม่เป็นไปอย่างที่เขาคิด…