บทที่ 151
แตกคอ
ถนนผ่านหุบเขานั้นแคบและทอดยาวออกไปหลายลี้ ทำให้เย่เย่และพรรคพวกเดินทางเป็นระยะเวลานาน เมื่อพวกเขาเดินทางมาถึงทางออกของหุบเขา ดวงอาทิตย์ก็ได้ลับฟ้าไปเสียแล้ว
“เอาล่ะ วันนี้เราจะพักผ่อนกันที่นี่ พรุ่งนี้ค่อยออกเดินทางต่อ” เย่เย่แหงนหน้ามองหมู่ดาวบนท้องฟ้าก็พบว่ามันเป็นเวลาหัวค่ำแล้ว เขาจึงสั่งให้คณะเดินทางของเขาพักผ่อนเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางในวันพรุ่ง แม้ว่าข้ามภูเขาอีกเพียงลูกเดียวก็จะถึงเมืองหลิงเฉิงแล้วก็ตาม
“รับทราบ!” เหล่าชายหนุ่มหญิงสาวก็ตอบรับคำสั่งของเย่เย่ พวกเขาดูเหนื่อยล้าจากการต่อสู้กับกลุ่มโจรจำนวนมาก
กวนเหยาและผู้ติดตามก็คอยดูแลประจบประแจงเย่เย่ราวกับลืมไปแล้วว่าเคยทำอะไรกับเขาเอาไว้ แต่ทว่าโจวหลางและเฉินเยว่กลับแสดงท่าทีตรงกันข้าม พวกเขายังคงไม่พอใจกับการตัดสินใจของเย่เย่ที่ปล่อยให้จางเสี่ยวชูหนีไป พวกเขาคิดว่าความหยิ่งผยองของเย่เย่อาจนำมาซึ่งหายนะได้ในวันใดวันหนึ่ง ดังนั้นทั้งสองจึงพยายามตีตัวออกห่างเย่เย่
อย่างไรก็ตามท่าทีของทั้งสองในสายตากวนเหยานั้นถือว่าเป็นการไม่ให้ความเคารพแก่ผู้มีพระคุณ ทั้งสามจึงเริ่มมีปากเสียงกันจนในที่สุดคณะเดินทางที่เคยสมัครสมานสามัคคีก็เสียงแตกออกเป็น 2 ฝ่าย
หากไม่นับเย่เย่ โจวหลางคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเขา แต่กวนเหยานั้นคิดไปเองว่าเย่เย่ต้องให้ท้ายเขา เขาจึงเริ่มแสดงท่าทีอวดเบ่งกับโจวหลางและเฉินเยว่
ในคืนนั้นเองระหว่างที่เย่เย่กำลังนอนหลับ กวนเหยา โจวหลางและคณะเดินทางของเขาก็ได้ปรึกษาหารือเกี่ยวกับการเดินทางในวันรุ่งขึ้น
“ถึงหลิงเฉิงเมื่อไหร่ เพื่อภาพลักษณ์ที่ดีข้าว่าเราควรหาโรงเตี๊ยมสำหรับอาบน้ำแต่งตัวซะก่อนแล้วค่อยไปหอการค้า หยูเย่”
กวนเหยาพูดพลางวางมาดราวกับว่าเขาเป็นตัวแทนของเย่เย่
“เป็นความคิดที่ดี!”
“อ๊าาา ข้าอยากอาบน้ำมานานแล้ว ดูสิเนี่ยเนื้อตัวมอมแมมไปหมดแล้ว”
หลายต่อหลายคนเห็นด้วยกับข้อเสนอของกวนเหยา โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกลูกคุณหนูที่ทนดูสภาพของตัวเองไม่ได้
“ข้าว่าเราเสียเวลามามากพอแล้ว เราควรรีบไปเข้ารับบททดสอบของหอการค้าหยูเย่ให้เร็วที่สุดจะดีกว่า อย่างน้อยข้าก็ไม่คิดว่าหอการค้าหยูเย่จะคัดคนที่หน้าตาหรือรูปลักษณ์ภายนอกล่ะนะ”
โจวหลางอดีตผู้นำกลุ่มผู้เป็นไม้เบื่อไม้เมากับกวนเหยาได้กล่าวขึ้น
“ข้าเห็นด้วยกับท่านโจวหลาง พวกเจ้าคงลืมไปแล้วสินะว่าที่พวกเราถ่อมาถึงที่นี่เพื่ออะไรกัน
น่ะ?” เฉินเยว่เสริมขึ้น
“ใช่แล้ว ขืนข้ากลับบ้านไปมือเปล่าล่ะก็ท่านแม่เอาข้าตายแน่!”
“ใช่ๆภาพลักษณ์ไม่สำคัญหรอก ของแบบนี้เขาวัดกันที่ฝีมือต่างหากเล่า!”
ข้อเสนอของโจวหลางและเฉินเยว่นั้นเป็นที่ยอมรับของเสียงข้างมาก ทำให้กวนเหยานั้นหน้าแตกหมอไม่รับเย็บกันเลยทีเดียว
“ข้ารู้นะ ตั้งแต่ที่ท่านเย่แสดงพลังที่แท้จริงออกมา ท่านก็รู้สึกเก็บกดมาโดยตลอดซึ่งทำให้ท่านเอาแต่คัดค้านด้วยความอคติ”
“กวนเหยา เจ้ากำลังเบี่ยงประเด็นอยู่นะ! จริงอยู่ว่าข้าไม่พอใจท่านเย่ แต่ข้าก็ซาบซึ้งในน้ำใจของเขา แต่เจ้ากลับใช้ชื่อของเขามาออกความเห็นซี้ซั้วแบบนี้เจ้าไม่ละอายใจบ้างรึไง?” โจวหลางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงขึงขัง เขาไม่พอใจที่กวนเหยาทำตัวเสมือนเป็นเย่เย่เสียเอง
“นี่เจ้า!” กวนเหยาลุกขึ้นพรวด พร้อมชี้หน้าโจวหลางอย่างไม่พอใจ เย่เย่เมื่อได้ยินเสียงดังเอะอะโวยวาย เขาก็ตื่นขึ้นและเดินออกจากเต็นท์ด้วยสีหน้าสะลึมสะลือ
“ท่านเย่! พวกเขาไม่เห็นด้วยกับท่านขอรับ เพื่อความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของกลุ่ม ข้าว่าท่านควรไล่พวกเขาออกไป” กวนเหยาสังเกตเห็นเย่เย่เดินออกมาจากเต๊นท์ เขาก็รีบฟ้องเย่เย่ทันที
โจวหลางและเฉินเยว่เห็นดังนั้นพวกเขาก็สงบปากสงบคำลง แต่ทันใดนั้นเองเย่เย่ก็ได้พูดกับพวกเขาขึ้น
“ข้าได้ยินที่พวกเจ้าพูดหมดแล้ว เอาตามที่เจ้าว่านั่นแหละ ถึงหลิงเฉิงเมื่อไหร่ก็ไปหอการค้าหยูเย่ได้เลย บอกคนของเจ้าให้พร้อมด้วย”
เย่เย่รู้ดีว่าโจวหลางและเฉินเยว่นั้นยังคงไม่พอใจในตัวเขาอยู่ แต่เขาก็ไม่ได้เอาเรื่องนั้นเก็บมาใส่ใจ เขาจึงไม่ได้บีบบังคับอะไรและปล่อยให้หน้าที่การตัดสินใจเป็นของโจวหลางต่อไป
ทันทีที่พูดจบ เย่เย่ก็เดินบิดขี้เกียจและกลับเข้าไปนอนในเต็นท์ดังเดิม โจวหลางและกวนเหยาก็แน่นิ่งไปชั่วขณะ แม้ว่าทั้งสองจะมีความรู้สึกที่ต่างกันโดยสิ้นเชิงแต่ทั้งสองก็ยิ่งรู้สึกประหลาดใจในตัวเย่เย่ โจวหลางนั้นเคารพเย่เย่มากขึ้น ในขณะที่กวนเหยารู้สึกเสียหน้า
หลังจากที่เย่เย่พูดทิ้งท้ายเอาไว้ คณะเดินทางของพวกเขาก็กลับมาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันและรับฟังคำสั่งของโจวหลางดังเดิม
เฉินเซียนและสองพี่น้องที่อยู่ในองค์ประชุมด้วย ทั้งสามก็ยิ่งสับสนกับเย่เย่ บางครั้งเขาก็ดูเหมือนเย่เย่คนเดิม บางครั้งก็เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน ในสายตาของพวกเขาเย่เย่นั้นเปรียบเสมือนวังวนแห่งความพิศวง ยิ่งรู้จักมากเท่าไหร่ ยิ่งรู้สึกห่างไกลมากเท่านั้น
ในที่สุดค่ำคืนอันแสนยาวนานก็ได้สิ้นสุดลง แสงแห่งรุ่งอรุณได้สาดส่องลงมายังพื้นโลกอีกครั้ง เหล่าหนุ่มสาวผู้เปี่ยมไปด้วยความฝันก็ได้มุ่งหน้าสู่หลิงเฉิงอีกครั้งหนึ่ง ไม่นานนักพวกเขาก็ได้เดินทางถึงจุดหมาย
เจิ้งซูที่ได้รับข่าวว่าเย่เย่จะเดินทางมาถึง ก็นำเหล่าผู้พิทักษ์หอการค้าจำนวนหนึ่งออกมารอคอยการมาถึงของประธานหอการค้า
โจวหลางที่เห็นหอการค้า 7 ชั้นตั้งตระหง่านอยู่รำไร พร้อมกับเหล่ายอดฝีมือที่ออกมาเรียงราย อยู่ด้านหน้าก็อดรู้สึกประหม่าไม่ได้ เขานำร่องลงจากหลังม้าและรีบทำความเคารพ เจิ้งซูพร้อมกับแนะนำตัวเอง แต่ทว่าสายตาของเจิ้งซูนั้นจับจ้องไปที่เย่เย่ที่แฝงตัวปะปนกับคณะเดินทาง เขาจึงโค้งคำนับผู้เป็นประธานพร้อมกับเหล่าจอมยุทธ์
“ท่านประธาน ในที่สุดท่านก็กลับมา ตอนนี้หอการค้ามีหลายสิ่งหลายอย่างกำลังรอให้ท่าน จัดการอยู่พอดีเลยขอรับ!” เจิ้งซูที่รับภาระหนักในวันที่ไม่มีเย่เย่ ทำให้เขาอดตัดพ้อออกมาไม่ได้
“งั้นรึ? ขอโทษด้วยที่ข้ามาช้า พวกเขาเหล่านี้หน่วยก้านไม่เลวเลย ข้ายกให้เจ้าจัดการเลยก็แล้วกัน” เย่เย่ตอบกลับเจิ้งซูด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเขาออกมา…