บทที่ 64: ถูกแทงไปแผลนึง
“ พิงกี้ รีบไปกับพ่อเดี๋ยวนี้ ! เร็วๆ! ”
“ ขอแค่ลูกเชื่อฟังคุณเควินดีๆ ให้พ่อได้โครงการ
เยอะๆ
เรื่องของยายสมศรีเขาก็จะรับผิดชอบ
ยังจะต้องให้ลูกไปออกแรงลำบากขนาดนี้หรือ?”
ลูกคนนี้หน ทำไมหัวดื้อขนาดนี้นะ
พ่อมีแค่ลูกและน้องชายที่เป็นสายเลือดแท้ๆของพ่อ
ต่อไปทุกอย่างของตระกูลเราก็เหลือไว้ลูกทั้งสองนั่น
แหล่ะ!
พ่อรู้ว่าลูกเกลียดลิสา อยู่ในใจพ่อ ลิสาสู้ลูกไม่ได้ เลยแม้แต่นิดเดียว!
« แกจะไปหรือไม่ไป? ถ้าไม่เชื่อฟังอีกฉันจะให้คน
ลงมือแล้วนะ!
วันนี้ถึงอุ้มฉันก็ต้องอุ้มแกไปให้ได้ ฉันเป็นพ่อแท้ๆ ของแกเชียวนะ! ”
พูดถึงสุดท้ายชาตรีก็ไม่มีความอดทนแล้ว แต่พิงกี้ก็ ไม่สนใจอีกเช่นเคย
เธอนั่งอยู่ที่เก้าอี้ของโรงพยาบาลด้วยสีหน้าเย็นชา
ไอ้ผู้ชายสมควรตายคนนั้นยังจะเจอเธออีกหรือ? เมื่อ คืนยังไม่จุกตายอีกหรือ?!
“ พูดจบหรือยัง? ” เธอเปิดปากพูด
“ พูดจบแล้ว ไปกับฉันเดี๋ยวนี้! ” ชาตรีจะลงมือ
“ ถ้าแกมีปัญญาก็ลองลงมือดูสิ! ” พิงกี้เอามีดคัต เตอร์ออกมาจากกระเป๋าเล่มนึง
มีดยังมีแสงสะท้อน เธอพูดอย่างใจเย็น
ฉันเชื่อว่าก่อนที่แกจะอุ้มฉันไป ร่างกายแกต้องได้ รับแผลหลายแผลแน่!”
.” ชาตรีถอยหลังไปก้าวนึงอย่างไม่อยากเชื่อ
“ พิงกี้ ลูกทำแบบนี้ได้ยังไง? เราเป็นพ่อลูกกันนะ
พ่อลูกกันมีอะไรจะคุยกันดีๆไม่ได้?
มีพ่อที่ไหนที่ขายลูกสาวตัวเองแบบนี้? แกไสหัว ไปเดี๋ยวนี้! ”
“ ถ้าพ่อไป ลูกจะหาค่ารักษามาจากที่นี่? ชาตรียัง
ไม่ตายใจ
“ ขอแค่ลูกไปนอนกับคุณเควินคืนนึง พ่อให้ลูกแสน
ห้า….ไม่ แสนนึง!
หนึ่งแสนมากสุดก็สามารถใช้ได้หนึ่งสัปดาห์
คุณเควินนอนกับพิงกี้อาทิตย์ละครั้งก็น่าจะพอแล้ว
ชาตรีกังวลกลัวเวลาจะห่างกันนานเกิน เพราะว่าเมื่อ
มั้ง?
คืนเพิ่งนอนไป
วันนี้ก็อยากนอนอีก ดูท่าแล้วคุณเควินเสพติด ลูกสาวคนนี้แล้วจริงๆ…เสพติดก็ดีสิ
ต่อไปอนาคตของตระกูลดำรงกูลจะได้ก้าวไกล คิดๆแล้วเขารู้สึกดีใจ !
“ ยังแสนสองแสนอีก แกรีบไสหัวไปเดี๋ยวนี้! ชาตรีกำลังเพ้อฝันอยู่
พิงกี้กลับโมโหจนตาแดง เธอเอาคัตเตอร์แทงไปที่
แขนเขา
หน้าร้อนเสื้อผ้าที่ใส่ก็บางเบา กรีดไปทีนึงก็เห็น
เลือดไหลแล้ว
* แก…แกกล้าแทงฉันจริงๆหรือเนี่ย!” เจ็บ เจ็บจน
ปางตาย!
ชาตรีไม่เคยเสียเปรียบแบบนี้มาก่อน เขาตกใจจน
พูดอะไรไม่ออก
เขายังกล้าราวีเธอไม่เลิกเซะที่ไหน
เขารีบร้อนกุมแขนไว้และวิ่งจากไปเหมือนข้างหลังมี
ผีไล่ตาม
พิงกี้ดูมีดที่มีคราบเลือดติดอยู่ เธอสังเกตุคนรอบ ข้างมองด้วยความอึ้งและความกลัว
เธอรู้สึกสมองเฉื่อยชาไปหมด เธอ…แทงชาตรีไป แผลนึงจริงๆหรือ?
ถึงเธอแค่แทงที่แขนเขา แต่ว่ามันก็มีเลือดออกจริงๆ ก้มหน้าอย่างขมขื่น
เธอรู้สึกตัวเองยิงอยู่ยิงน่ากลัวแล้ว! เวลาคนถูกบีบ เค้นจนถึงขีดสุด
อาจจะกลายเป็นโรคจิตจริงๆใช่ไหม?เธอรู้สึกตัวเอง เหมือนสัตว์ตัวเล็กๆตัวนึงที่จนมุม
ถ้าไม่มีทางเอาตัวรอด เธอก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะทำเรื่อง อะไรขึ้นมาอีก
เธอเกลียดตัวเองตอนนี้มาก ไม่มีปัญญาแถมยังคิด
ด้านลบเกินไป
ในขณะนี้ เสียงที่สดใสดังขึ้นมา ทำลายความคิด
ของเธอ
* พิงกี้ ทำไมนั่งอยู่ข้างนอกคนเดียว?” พิงกี้เงย หน้าขึ้นก็เห็นน้ำหวานที่สีหน้ากังวล
“ น้ำหวาน เธอมาได้ยังไง?
“ ฉันได้ยินคนข้างบ้านบอกว่ายายสมศรีเข้าโรง
พยาบาล
ฉันเดาเธอก็คงเฝ้าอยู่ที่โรงพยาบาลเหมือนกันก็เลย
มาหาเธอ”
นาหวานวางกระเช้าผลไมลง และถามด้วยความ
ห่วงใย
“ ดูเธอสีหน้าไม่ค่อยดีเลย เป็นไรเปล่า?”
* ฉันไม่เป็นไร…..” กอดน้ำหวานไว้ พิงกี้กลั้นน้ำตา
“ ทำไมเธอโง่อย่างนี้ ฉันไม่ได้ติดต่อเธอมาสักพัก
แล้ว ฉันหลบหน้าเธอ
เธอยังมาหาฉันอีกทำไม?”
“ ก็ฉันเป็นห่วงเธอไม่ได้ไงที่จริง พี่ชายฉันยิ่งเป็น
ห่วงเธอมากกว่า
เฮ้อ…ช่างเถอะไม่พูดแล้ว
“ ฉันรู้ ” เรื่องบางเรื่องทุกคนรู้อยู่แก่ใจก็พอ
‘ ช่วงนี้พี่มานพสบายดีไหม?” พิงกี้ถามอย่างลังเล
“ ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ น้ำหวานส่ายหัว
“ ก่อนหน้านั้นติดต่อเธอไม่ได้ พี่ชายฉันยังตั้งหน้า ตั้งตาเฝ้ารอ ยังถือว่าปกติ
แต่ช่วงนี้เขานอนที่บริษัททุกวัน ฉันเห็นเขาทำงาน แทบตาย เห็นแล้วไม่สบายใจเลย
” พิงกี้เงียบ
พิงกี้ เธอรับปากพี่ชายฉันไม่ได้จริงๆหรือ? เขารัก
เธอมาก
เธออยู่กับเขาๆต้องมอบความสุขให้เธอได้แน่ๆ ไม่ พูดถึงอย่างอื่นนะ
ฉันดูเขาเป็นคนซื่อสัตย์กับความรักขนาดนั้น เขา
ไม่มีทางไปหาเมียน้อย
อันนี้เธอวางใจได้ชัวร์ๆ!” พิงกี้ส่ายหัว
ไม่ใช่มานพไม่ดี แต่เธอนี่แหล่ะที่ไม่คู่ควรกับเขา
รอบตัวเธอมีแต่ปัญหาสารพัด เธอจะให้เขามาช่วย แบกรับได้ยังไง?
มานพคู่ควรกับผู้หญิงที่ดีกว่า แต่ไม่ใช่ผู้หญิงอย่าง
“เธอนี่นะ ! ช่างเถอะ ฉันไม่พูดแล้ว” น้ำหวานลุก
เธอ
ขึ้น
เข้าไปดูยายสมศรีเถอะสนิทกับยายสมศรีเท่าไหร่หรอก ” ที่จริงน้ำหวานไม่ค่อย
เธอมาครั้งนี้ก็เพื่อจะมาดูพิงกี้มากกว่า ไม่งั้นคนบาง คนไม่วางใจ
ส่งน้ำหวานถึงหน้าโรงพยาบาล พิงกี้ก็พูดอย่าง
เกรงใจ
* น้ำหวาน เธอมีเงินให้ฉันยืมหน่อยไหม? เธอหมด
หนทางแล้วจริงๆ
เธอต้องก้าวข้ามปัญหาที่อยู่ตรงหน้าก่อนให้ได้
“ เธอขัดสนเรื่องเงินหรือ?”
.ใช่ “
“ เธอจะเอาเท่าไหร่?
เธอ…มีเท่าไหร่? ” พิงกี้ถาม
“ ฮ่าๆ….” น้ำหวานหัวเราะ “เธอก็รู้ว่าฉันเป็นคนใช้
เงินต้นชนปลาย
เดือนนี้ฉันเหลือแค่พันกว่าบาท
ทุกเดือนเธอก็ต้องอาศัยมานพให้เงิน เธอก็เป็นแค่ คนจนๆคนนึง
* แต่ว่าฉันเอากระเป๋าเสื้อป้าฉันไปขาย จะได้หาเงิน
ให้เธอได้! ”
น้ำหวานรีบรับประกัน “ ตอนที่ฉันไม่มีเงินก็ทำแบบ
นี้แหล่ะ
ของเก่าไม่ไปของใหม่ไม่มาจริงไหม!
* ช่างเถอะ ฉันไม่ทารุณของรักเธอหรอก
พิงกี้ยิ้มและเอานิ้วชี้ที่หน้าผากน้ำหวานด้วยความ
“ ฉันก็ไม่ได้ขัดสนเท่าไหร่ ฉันไปยืมกับคนอื่นเถอะ
“…เอางั้นก็ได้” น้ำหวานกะพริบตา เธอไม่ได้ห้าม
ปรามต่อ
เวลาห้าทุ่ม ตอนที่พิงกี้ออกมาจากห้องผู้ป่วย แบ
แรกก็เห็นมานพยืนอยู่หน้าประตู
เหมือนเพิ่งมาไม่นาน มานพเห็นเธอก็เดินมาตรงหน้า
พิงกี้ สบายดีไหม?
พิงกี้ “
“ พี่มานพตั้งใจมาหาฉันหรือ?
* ใช่ ” มานพลูบศรีษะเธอ จากนั้นก็เอาถุงกระดาษสี นํ้าตาลออกมาให้เธอ
* ไปเถอะ เราไปจ่ายค่ารักษาให้ยายกัน
“ พี่มานพ….”
“ ถ้าเธอไม่รับเงินนี้ไว้ ต่อไปที่จะเงินมาส่งให้เธอ
ทุกวันเลย”
“ ไม่ใช่ค่ะ ”
“ แล้วเพราะอะไรหล่ะ?”
เพราะ… ” พิงกี้เม้มปาก เธออยากร้องไห้ แต่ สุดท้ายก็มีรอยยิ้มที่ร่าเริงออกมา
เธอกอดมานพเบาๆ ” พี่มานพ ขอบคุณมากนะ
ขอบคุณมากจริงๆ!
ทุกครั้ง ตอนที่เธอต้องการความช่วยเหลือ เขาก็จะ
อยู่ข้างกายตลอด
* ขอบคุณอะไร? มานพอดยิ้มไม่ได้ เขาดีดนิ้วใส่ หน้าผากเธอไปทีนึง
ใบหน้าที่หล่อใสยิ่งยิ้มเบิกบาน เขาจูงมือพิงกี้ไว้
* ไป เราไปจ่ายเงินกัน จ่ายเสร็จเธอจะได้สบายใจ
* ค่ะ! ” พิงกี้พยักหน้า ทั้งสองพูดไปด้วยหัวเราะไป ด้วย เดินเข้าลิฟท์อย่างมีความสุข
ไม่สังเกตุเห็นทางเลี้ยวของลิฟท์มีคนยืนอยู่คนนึง ผู้ชายที่สูงหล่อมาดเข้มไม่มีที่ติ
แอบอยู่ข้างลิฟท์ สายตาที่คมลึกจ้องมองเขาสองคน มองด้วยความเศร้าหมอง