บทที่80: อุบัติเหตุที่ไม่คาดฝัน
พิงกี้นึกว่าตัวเองจะกลุ้มใจจนนอนไม่หลับ แต่เธอไม่
ได้เป็นอย่างนั้นเลย
อาจจะเพราะเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ เธอหลับสนิท
จนถึงเช้าเลย
ลุกขึ้นมาจากเตียง เธอกะพริบตาแล้วมองดูสถานที่ๆ
คุ้นเคย
เธอถึงรู้สึกทึ่งว่าเธอไม่ได้อยู่ที่เมฆหลวงวิลล่าแล้ว
แต่ว่าอยู่ที่คอนโดวิมานเมฆพื้นที่เล็กๆของตัวเอง
พิงกี้ตบที่แก้มเบาๆให้ตัวเองยิ้มออกมา ถึงแม้รอยยิ้ม
นี้จะฝืนใจไปหน่อย
มานพยังอยู่ที่โรงพยาบาล บริษัทของเขาไม่มีใคร มาจัดเก็บ ทำความสะอาด
สะดวกกับพิงกี้พอดีเลย เธออยากจะชดใช้และ พยายามทำในสิ่งที่ตัวเองทำได้
เธอจ้างคนมายกโต๊ะทำงานที่ถูกทุบตีจนเสียหาย
ออกไป
เพราะเสียดายเงินไม่อยากจ้างคนมาทำงานเป็นรายชั่วโมง
เธอคุกเข่าและเช็ดล้างสีที่พื้นให้สะอาดเรียบร้อย
ทําความสะอาดมาสองสามวัน ถึงแม้เหนื่อยแต่ก็รู้สึก ภูมิใจกับความสำเร็จ
มองดูแผ่นกระเบื้องที่เงาวับเหมือนใหม่ เธอยิ้มมุม
แววตาที่ดำเข้มมีรอยยิ้มออกมา สายตามองไปที่ฝา
ตั้งแต่พรุ่งนี้ เป็นต้นไปเธอก็จะเตรียมตัวทำความ
สะอาดฝาผนังแล้ว
สีที่พวกจิ๊กโก๋ราดใส่ฝาผนังคือสีแดง เดิมทีสไตล์ ของบริษัทมาน คือโทนขาวดำ
ดูขึ้นไปแล้วแสบตามาก จู่ๆพิงกี้คิดอะไรขึ้นมาได้
เธอตัดสินใจไม่กลบสีพวกนั้นหมด แต่เธอกะจะ
เซอร์ไพรส์มานพ
วันที่สอง เธอซื้อสีมาหลายถังและเริ่มวาดภาพฝาผนง
ตอนนี้เธอมีเวลาเยอะแยะ ไม่ต้องคอยรางยงานตัวว่า จะไปไหนมาไหน
ทุกคืนพิงกี้นอกจากไปเยี่ยมยายและแอบไปยืนดู มานพที่นอกห้องเขาแล้ว
เวลาที่เหลือเธอก็อยู่แต่บริษัทของมานพ คราบเลอะ บนฝาผนัง
ภายใต้ฝีมือเธอถูกวาดเป็นภาพการ์ตูนในเกมส์ ทัน สมัยและดูไม่เหมือนใคร
เข้ากับบริษัทออกแบบของมานพมาก ดูทันสมัยกว่า การตกแต่งก่อนหน้านั้น
ทีนี้บริษัทก็ไม่ต้องตกแต่งใหม่ก็รู้สึกแปลกใหม่แล้ว
ฝาผนังวาดเสร็จทีละนิดๆ
พิงกี้ยิ่งอยู่ยิ่งยิ้มจนเบิกบาน แต่เธอไม่รู้มีหลายครั้ง
เงาที่สูงใหญ่ยืนดูเธอที่กำลังยุ่งอยู่อย่างลับๆ ดวงตา
ที่คมเข้มมองดูเธอนากมาก
แต่ทุกครั้งกลับจากไปอย่างลับๆ
* สำเร็จแล้ว! ” นวดแขนที่ปวดเมื่อยไปครู่นึง
พิงกี้หายใจออกแรงๆเชือกนึง ดวงตาเธอสว่างไสว
ใช้เวลาไปหนึ่งอาทิตย์กว่าๆ
ในที่สุดเธอก็ทำจนบริษัทของมานพกลายเป็นบริษัท
ที่ใหม่เอี่ยม
ต่อไปก็แค่จัดเตรียมโต๊ะทำงานและคอมพิวเตอร์ก็ ถือว่าเสร็จสมบูรณ์แล้ว!
แต่ว่าเธอไม่มีเงินจัดเตรียมของพวกนี้จริงๆ ให้มานพ
มาจัดการเองเถอะ
ดูนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนัง นี่ก็สองทุ่มแล้ว ต้องไป
เยี่ยมยายสมศรีแล้ว
ไม่อยากให้ยายสมศรีรอนาน พิงกี้รีบเก็บของเสร็จ
แล้วล็อคประตู
อยู่บนรถไฟฟ้าใต้ดินมีเวลาว่างเยอะ
เธอหยิบโทรศัพท์มาดูว่ามีข้อความตกหล่นไหม? ดู
แล้วมีหนึ่งข้อความ
ไม่น่าเชื่อว่ายายสมศรีส่งข้อความเสียงมา พิงกี้กด
ฟังด้วยความสงสัย
* พิงกี้ วันนี้ถ้าหลานมาเยี่ยมยายซื้อเกี๊ยวน้ำมาให้ ยายถ้วยนึงได้ไหม?
ยายอยากกินของร้านที่อยู่ในซอยใกล้โรงพยาบาล
แต่หนูต้องเดินไกลหน่อยนะ
“ ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันซื้อมาฝากยายนะ ” พิงกี้ตอบ
ข้อความกลับ
ยายสมศรีพิมพ์ไม่เป็น ก่อนหน้านั้นเธอเคยสอนยาย
ใช้ส่งข้อความเสียง
คิดไม่ถึงยายส่ายมือบอกว่าใช้ไม่เป็นๆ แต่พอใช้ขึ้น มาก็คล่องดีนะเนี่ย
อีกอย่างส่งข้อความให้เธอครั้งก็อยากกินเกี๊ยวน้ำเลย
ดูท่ายายสมศรีคงอยู่โรงพยาบาลมานาน
เริ่มกินอาหารที่โรงพยาบาลจนเบื่อแล้ว
เพราะปกติท่าบไม่ใช่คนที่ชอบกิบอกลิ
คิดๆแล้ว พิงกี้ส่งข้อความให้น้ำหวาน น้ำหวาน
วันนี้ฉันเอาของอร่อยมาฝากเธอ แต่ว่าเธอห้ามบอก
พี่มานพนะ
ห้ามๆๆๆเอ่ยถึงชื่อเด็ดขาดฉันนะ ส่งข้อความเสร็จ พิงกี้นอนงีบบนเก้าอี้
พอสงบลง เธอคิดถึงคนๆนั้นแบบไม่รู้ตัวอีกแล้ว
ไม่ได้เจอและไม่ได้ติดต่อมาหลายวัน เธอไม่ไป
ติดตามข่าวของเขา
รู้สึกเหมือนเขาหายไปจากชีวิตเธอแล้วจริงๆ…..เธอ
น่าจะดีใจสิ
แต่ว่าหลังจากดีใจที่เดินออกจากการราวีที่ซับซ้อน
แต่กลับเพิ่มความเงียบเหงาให้เธอเยอะเลย เพราะ
อะไร?
ข้างหูเหมือนมีเสียงของผู้ชายคนนั้นดังขึ้น: พิงกี้
เธอบอกฉันมาซิ
เธอเคยรักฉันจริงๆหรือเปล่า?
เคยรักไหม? น่าจะเคยรักนะ หลายวันนี้เธอคิด
คำถามนี้ตลอด
เพราะว่าตอนที่เธอคิดว่าเธอคงใกล้ตายแล้วเขามา ช่วยเธอไว้
เพราะฉะนั้นเธอทั้งรู้สึกซาบซึ้งและนับถือเขา และ คอยวนเวียนอยู่ข้างกายเขา
เธอรู้สึกเขาเหมือนพระอาทิตย์ของเธอตลอดชีวิต
คอยส่องแสงสว่างให้ใจที่อ้างว้างของเธอ พริบตา
เดียวก็ตามราวีเขามาแปดปี
แปดปีนี้ความรักของเธอบริสุทธิ์มาก ไม่คิดที่จะ
ครอบครอง
เธอแค่นับถือเขาเหมือนเทพ ถึงสุดท้ายต้องละทิ้ง
เธอก็รู้สึกตเหมือนตัวเองแค่ทิ้งความเชื่อไป แต่
ไม่ใช่ทิ้งความรักไป
ทุกคนต่างรู้สึกเธอเป็นคนริเริ่มก่อน ไม่รู้จักยางอายเกินไป
แต่มีแค่เธอเท่านั้นที่รู้ว่าเธอเป็นคนจริงใจขนาดไหน
ออกจากรถไฟฟ้าใต้ดิน
พิงกี้เบียดอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย ยังไงก็ชีวิต แบบนี้ดีกว่า
ยุ่งเหยิงและคึกคัก เรียบง่ายและสงบสุข
ทำให้เธอไม่มีเวลามาคิดเรื่องวุ่นวายพวกนี้ สักวัน ด้วยความพยายามของเธอ
เธอคงจะลืมผู้ชายคนนั้นได้สนิทมั้ง? เธอรู้สึกตัวเอง
ทำได้
เพิ่งเลี้ยวเข้าซอยใกล้โรงพยาบาลไม่นาน จู่ๆพิงกี้
รู้สึกไม่สบายใจ
เธอขมวดคิ้วรู้สึกเหมือนมีคนกำลังสะกดรอยตามเธอ
เธอรีบก้าวเท้าเดินไปอย่างไว
ตอนถูกไฟที่อบอุ่นของร้านเกี๊ยวน้ำคลอบตัวเธอไว้
ความรู้สึกที่ถูกคนจ้องจับตาดูสลายหายไป
หัวใจที่วุ่นวายถึงได้รู้สึกผ่อนคลายลงหน่อย เจ้าของร้านพูดกับเธอ
“ คนสวย คุณจะรับอะไรคะ?
“อ๋อ..” ทันใดนั้นพิงกี้ดึงสติกลับมา ยิ้มและเปิดปาก
“ เถ้าแก่เนี้ยะ ฉันเอาเกี๊ยวน้ำสามที่ค่ะ ” เธอพูดจบ
ก็หันไปดูรอบๆ
แต่ไม่เห็นมีคนน่าผิดสังเกตุ สงสัยเธอคงคิดไปเอง
คำนึงถึงความปลอดภัย
ตอนที่เดินกลับไปเธอเดินไปด้วยและสำรวจรอบๆไป
แต่ถึงจะระวังอยู่ยังไง สุดท้ายก็เกิดเรื่องจนได้
ตอนที่เดินไปถึงทางแยก จู่ๆข้างกายเธอมีมือยื่นมา
จับแขนเธอไว้
และลากเธอไปซอยที่มืดมนอย่างไม่ทันตั้งตัว