ผู้ชายที่สูงใหญ่ใส่ชุดสูทสีดำเข้ารูป ใบหน้ามาดเข้มมีสีหน้าเรียบเฉย
แววตาคมเข้มมองพิงกี้ด้วยอารมณ์ที่หนัก หน่วง เหมือนผิวน้ำทะเลในยามค่ำคืน
คลื่นทั้งหมดต่างก็ซ่อนอยู่ในความมืดมน เขาสงับแต่เคร่งขรึม
ดวงไฟที่ขาวซีดส่องอยู่บนตัวเขา ทำให้ลม หายใจในตัวเขายิ่งอยู่ยิ่งเยือกเย็น
พิงกี้แค่อยากหลบหลีก เมื่อก่อนมีความ คาดหวังมากแค่ไหน
ตอนนี้ก็มีความผิดหวังมากเท่านั้น ที่ยิ่งไป กว่านั้นคือผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า
ในใจรู้สึกทรมาน หัวใจทั้งดวงเหมือนถูก คนใช้ฝ่ามือกดทับไว้อย่างแรง
ไม่มีความผ่อนคลายเลยแม้แต่นิด มีแต่ ปวดปวดแน่นจนไม่รู้จะทำยังไง
เธอเอาหน้ามุดไปที่อ้อมอกของเตชิต มือที่ กอดคอเขาไว้ยิ่งแน่นกว่าเดิม
การต่อต้านที่ไร้เสียงนี้เจาะจงแค่คนที่อยู่ ในเหตุการณ์คนเดียว ใครๆก็ดูออก
“จะเอายังไง? ให้ฉันฟังเธอ หรือเธอฟัง ฉัน?”เตชิตเหลียวมองเควินที่เงียบสงบทีนึง
และมองผู้หญิงที่ใบหน้าซีดเซียวในอ้อมอก เขากอดเธอแน่นขึ้น
คำที่เขาพูดทำให้คนคิดลึก ทุกถ้อยคำ แสดงถึงความใกล้ชิดกับเธอ แต่ต่อต้านเขา
อยู่ตรงหน้าเควินที่น่ายำเกรง เขาก็ยังขึ้ เล่นอยู่เช่นเคย
หน้าตาเขาค่อนข้างอ่อนโยนแบบร้ายๆ ใบหน้าสวยยิ่งกว่าผู้หญิง
แต่กลับไม่มีท่าทีของผู้หญิงเลยสักนิด เขายักคิ้วเล็กน้อย ดวงตาที่มีเสน่ห์มองดูเควิน
ในสายตาแฝงไปด้วยการกลั่นแกล้ง สีหน้า เหมือนอยากให้โลกวุ่นวาย
เขาจะได้ทำเป้าหมายตัวเองสำเร็จ เขาเป็น คนเจ้าเล่ห์
ย่อมดูออกระหว่างพิงกี้กับเควินผิดสังเกตุ และคิดถึงคำพูดที่คนอื่นลือกัน
ก็รู้ว่าพิงกี้มีบาดหมางกับเควิน เขาดีใจที่ทั้ง สองทะเลาะกัน ไม่ซ้ำเติมก็ถือว่าบุญแล้ว
นาทีนี้เขาไม่มีทางช่วยเควินพูดดีแน่นอน “ไม่ต้องทำยังไงหรอก พาฉันกลับห้องเถอะ
พิงกี้หายใจลึกๆทีนึง เสียงที่สั่นเล็กน้อย เผยความอ่อนแอของเธอออกมา
ไม่อยากให้คนฟังออก เธอพยายามคุมให้ อารมณ์ให้สงบ และจึงพูดต่อ“หรือว่าคุณปล่อยฉันลงมา ฉันเดินเองได้ น้ำหวานก็ประคองฉันได้”
น้ำหวานที่ยืดอก “ใช่ๆๆ ฉันประคองได้!”
ตอนพูดคำนี้ เธอยังไม่ลืมจ้องเควินทีนึง เพื่อแสดงถึงความไม่พอใจและดูถูกเขา
“เธอเนี่ยนะ?” เตชิตไม่คิดจะปล่อยพิงกี้ลง เหลียวมองน้ำหวานด้วยสาตาดูถูกทีนึง
“เธอเก็บแรงไว้เถอะ อย่าทับไข่นกกระทา ที่อยู่ข้างหน้าเธอเป็นไข่ดาวเลย ไม่งั้นระวังต่อ ไปจะไม่มีใครเอานะ
‘…..คุณ น้องคุณสิ!” น้ำหวานแทบ กระอักเลือดออกมา
เธอเท้าและเริ่มโจมตีกลับ “คุณสิไข่นก กระทา! คุณเป็นไข่นกกระทากับไม้จิ้มฟัน
บนไม้จิ้มฟันมีไข่สองฟองห้อยอย่างต่องแต่ง!”
“เธอพูดเหลวไหลอะไร ที่นั่นของฉันใหญ่ จะตาย กว้างห้าเซนติเมตร
ยาวยี่สิบเซนติเมตร เกินมาตรฐานใน ประเทศ
อยู่ต้นๆระดับนานาชาติ เป็นแมนทั้งแท่ง ร้อยเปอร์เซ็นต์แน่นอน!”
“เฮอๆ โม้เก่งดีนัก แน่จริงตอนนี้คุณก็ควัก ออกมา ทําให้ฉันตกใจตายสิ!
เตชิต “ .” หรือว่าเพื่อจะพิสูจน์ความ บริสุทธิ์ใจของตัวเอง
เขาต้องถอดกางเกงต่อหน้าผู้คนจริงๆหรือ ไง? “เธอคิดว่าเธอแน่มาจากไหน?คิดว่าใคร อยากดูของรักของหวงฉัน
ฉันก็จะให้ดูหมดงั้นหรอ?”ใบหน้าที่สวยจนหญิงงามยังต้องอายมี สีหน้าแดงก่ำ คิ้วทั้งสองที่ดำเข้มทิ่มลงไป
ขาดก็แต่ควันออกหูอย่างเดียวแล้ว แม่ง เอ๊ย นี่เป็นยัยบ้าที่วิ่งออกมาจากไหนเนี่ย?
ปากจัดชะมัดเลย อยากจัดการย้ยบ้าน จริงๆ!
แต่ว่า พอนึกถึงเควินยังจ้องเขมือบอยู่ข้างๆ ไม่แน่ยังรอดูตลกอยู่
ทันใดนั้น เตชิตเก็บอารมณ์ไว้ ตัดสินใจยัง ไม่ถือสายัยตัวแสบที่อยู่ตรงหน้านี้ก่อน
เพราะยังไง ต่อไปมีโอกาศเยอะแยะที่จะ
จัดการเธอ!
“เธอก็เป็นเพื่อนของพิงกี้
เธอว่าจะให้เธออยู่ห้องรวมหรือว่าอยู่ ห้องvipที่ชั้นบนสุดดี?ฉันดูท่าทางเธอแล้ว
คงต้องอยู่โรงพยาบาลครึ่งเดือนเลยแหล่ะ สามารถพักที่ดีหน่อยก็พักดีหน่อยเถอะ
เธอว่าใช่ไหม?”เตชิตพูดจาดีๆ น้ำหวานก็ ตั้งใจคิดขึ้นมา
นาทีนี้เธอถาม “ฟรีหรือเปล่า?”
“ค่าห้องไม่เก็บตังค์สักบาท ฉันรับผิดชอบ หมด! เตชิตพยักหน้าอย่างภาคภูมิใจ
“ไม่ต้องหรอก สิ่งที่ควรจ่ายพวกเราก็ต้อง จ่าย คุณไม่ใช่อะไรของพิงกี้สักหน่อย
จะให้คุณมาสิ้นเปลืองอย่างนี้ได้ยังไง?ถึง แม้เราสองคนไม่มีตังค์ แต่ยังมีพี่ชายฉันอยู่
คุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอก!แต่ว่า แต่เรื่อง เปลี่ยนห้องvipนี้
ก็ถือว่าเป็นน้ำใจของคุณก็แล้วกัน! ”
ห่างเหินหรือใกล้ชิดมีความแตกต่างกัน จุด นี้น้ำหวานรู้ซึ้งดี
เควินไม่ใช่คนดีอะไร ต่อไปเธอต้องนำ เสนอพี่ชายตัวเองเยอะๆหน่อย!
ไม่นาน เธอก็ตัดสินใจแทนพิงกี้ เห็นพิงกี้ สีหน้าจะปฎิเสธ เธอก็พูดดักไว้ก่อน
“พิงกี้ เธอก็กังวลให้มันน้อยๆหน่อยเถอะ บางเวลาถึงพึ่งผู้ชายไม่ได้
แต่ยังพึ่งพาเพื่อนได้ ฉันจะไม่ทิ้งเธอไว้ ข้างๆแล้ววิ่งหนีไปหรอก!”
ระหว่างพูด เธอก็แอบจ้องเควินอีกทีนึง
พิงกี้ “
ความคิดที่อยากจะพูดเจือจางลง งั้นเธอก็
ไม่เปิดปากพูด
ปล่อยให้น้ำหวานกับเตชิตจัดการเถอะ เธอ ไม่สําออย
และรับไม่ไหวกับการทำดีของคนอื่น ตอน นี้คนอื่นดีกับเธอ
ต่อไปเธอตอบแทนเยอะๆหน่อยก็แล้วกัน
ความสัมพันธ์ก็ไม่ใช่ไปมาหาสู่กันถึงได้ พอกพูนขึ้นมาหรอกหรือ
เห็นพิงกี้เห็นด้วยแล้ว น้ำหวานวิ่งกลับไป เอาของที่ห้อง
และกล่าวขอโทษญาติของผู้ป่วยข้างๆอีก สองเตียง แล้วจึงปิดประตูเดินออกมา
ของก็เก็บเสร็จแล้ว เธอโบกมือทักทายเต ชิต “ไปเถอะ ขึ้นไปชั้นบนกัน!
เตชิตยักคิ้วแล้วตามไป ทั้งสามเดินผ่านเค วินอย่างไม่ขายตามองเลย
เหมือนกับว่าไม่เห็นเขายืนอยู่ตรงนั้น ท่ เหมือนเขาเป็นอากาศ
แต่เควินที่เงียบสงบตั้งแต่แรกก็ไม่พูดอีก เช่นเคย แค่หันหลังไป
นัยต์ตาที่คมเข้มมองพิงกี้ที่ถูกเตชิตอุ้มไว้ ในอ้อมอกตลอด
แววตาแฝงไปด้วยความอ้างว้าง ดวงไฟที่ ขาวซีดส่องอยู่บนตัวเขา
ทำให้เขาดูแล้วยิ่งเงียบเหงาเข้าไปอีก