คุณชายมาดเข้มกับคุณหนูสุดแสบ – 159:เงามืดในประตู

159:เงามืดในประตู

กลับมายังห้องเช่าอย่างมีความสุข

พิ้งกี้กำลังล้วงหากุญแจห้องในกระเป๋า พร้อมด้วยก๋าลังก้าวขาออกนอกลิฟต์มาอย่าง ช้าๆ โดยกำลังคิดว่าจะเตรียมตัวกลับห้อง แล้วไปอาบน้ำ จากนั้นก็นอนหลับให้เต็มที่

ปล่อยให้ตัวเองผ่อนคลายมานานแล้ว พรุ่ง นี้ก็ต้องเริ่มทำงานอย่างหนักแล้ว

แต่ว่า กลับมีสิ่งที่เธอไม่คาดคิดนั่นก็คือ เธอเพิ่งเดินออกมาจากลิฟต์ และเมื่อเงยหน้า ขึ้นมองก็เห็นเงามืดๆที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องของ เธอ
จนเธอต้องยืนนิ่งชะงักอยู่ตรงนั้น

เงามืดที่เห็นรูปร่างไม่ชัดเจน แต่ก็พอจะ มองรู้ได้ว่าเป็นร่างสูงของผู้ชาย และยังมีกลิ่น เลือดจางๆลอยมา จากนั้นเธอจึงเริ่มสังเกตได้ ว่า จากประตูลิฟต์ที่ออกมาก็มีรอยคราบเลือด อยู่ด้วย ทันใดนั้นเธอจึงเผลอร้อง “ว้าย” ออก

มา

“นายเป็นใคร ทำไมถึงมาอยู่หน้าบ้าน ฉัน?”

เธอถามออกมาอย่างตื่นตระหนก จากนั้น พิงกี้ก็ตระหนักขึ้นมาได้ว่า ตอนนี้ไม่ใช่เวลามา ถามเรื่องพวกนี้
ใครจะไปรู้ได้ว่าชายแปลกหน้าที่อันตราย คนนี้จะทำอะไรไม่ดีกับเธอรึเปล่า?

นาทีนี้ เธอเดินหนีดีกว่า แบบนี้มันจะ ปลอดภัยกว่า!

แค่ชักช้าอยู่ครู่นึง พิงกี้ก็รีบย้อนกลับไป ยังข้างในลิฟต์ กดลงไปยังชั้นล่าง เธอเอาแต่ กระแทกปิดประตู และหวังว่าประตูจะปิดได้ทัน ท่วงทีนะ เธอแค่อยากจะหนีไปให้เร็วๆเท่านั้น

แต่ในช่วงเวลานี้เอง เธอกลับได้ยินน้ำเสียง ที่เรียกเธออย่างคุ้นเคย ลอยเข้ามาในหูของเธอ
“พิงกี้…”

พิงกี้เริ่มขมวดคิ้วเล็กน้อย

“พิงกี้ ผมเอง…”

น้ำเสียงฟังดูคุ้นเคยมาก ตาที่มองดูประตูที่ กําลังจะปิดตัวลง พิงกี้กลับตัดสินใจใช้แรงกด ไปยังปุ่มให้ประตูเปิดออก

ทเมื่อประตูลิฟต์เปิดออกอีกครั้ง เธอจึงกด ปุ่มหยุดเอาไว้ แล้วจึงเดินออกมาดู
ใช้เวลาเพียงแค่เล็กน้อยคงไม่เป็นไรหรอ กมั้ง…….เธอเพียงเพื่อต้องการที่จะแน่ใจว่าตัว เองฟังผิดไปหรือเปล่า? คนที่อยู่หน้าประตูห้อง ของเธอคนนี้ ใช่คนที่เธอคิดไว้หรือไม่นะ…

“พิงกี้ ผมเอง”

เขาตะโกนขึ้นมาอีกครั้ง เงาดำๆที่ยืนพิงอยู่ หน้าประตูเงยหน้าขึ้นมาอย่างยากลำบาก ทั่วทั้ง ใบหน้าที่อยู่ใต้แสงไฟ เห็นแต่ความซีดขาวชนิด ที่ว่าซีดจนไม่มีเลือดแล้ว แต่ว่า เพียงแค่มองดู แวบเดียว ก็ทำให้พิงกี้รู้จักกับคนที่อยู่ตรงหน้า แล้ว
“ณรงค์กร ?” พิงกี้ถามอย่างประหลาดใจ “นายมาอยู่นี่ได้ยังไง?

แถมยังบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้อีก……..

นี่มันเกิดอะไรขึ้น ?

“ผม…แก๊กๆๆๆ…..” เพิ่งพูดออกมาคํา เดียว ก็ทำให้ณรงค์กรไอออกมาอย่างรุนแรง ดู แล้วเหมือนจะเจ็บปวดมาก แต่กลับไม่ร้องออก มาสักแอะ คงจะเจ็บจนทำให้ต้องโค้งงอตัวลง ไปแบบนี้
“นายเป็นอะไรไป?” หลังจากที่ยืนลังเลอยู่ ครู่นึง พิงกี้จึงเดินหน้าเข้าไป

“ผม…ผมไม่เป็นไร…

พิงกี้ได้แต่เหล่ตามองดู

มีหรือไม่มีเรื่องอะไรก็ช่างปะไร ยังไงซะ ก็ไม่ใช่เพื่อนกันแล้ว งั้นก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไป

ดูแลเขา

“นายมาหาฉันทำไม?” พิงกี้ถามออกไป ด้วยความสับสน เพราะเมื่อมองดูณรงค์กรที่อยู่ ในสภาพแบบนี้ เธอก็ไม่รู้ว่าจะต้องเผชิญหน้าด้วยยังไง จึงพูดออกไปด้วยคำง่ายๆ “นายรอ แป๊บ ฉันจะไปเรียกรถพยาบาลมาให้

ททรอเมื่อรถพยาบาลมาถึง เรื่องที่เหลือ จากนั้นเธอก็ไม่ยุ่งด้วยแล้ว

ต้องมาอยู่ต่อหน้าคนที่เคยทำร้ายตัว เอง เธอไม่ได้ซ้ำเติมเขา เธอก็รู้สึกตนเองคือ เยาวชนหญิงที่ดีในศตวรรษที่21แล้ว!

หลังจากที่เธอโทรเรียกรถพยาบาลแล้ว หันกลับไปมองดูณรงค์กร กลับพบว่าเขาสลบ ไปแล้ว
“เฮ้ย! นายตื่นสิ!”

“ณรงค์กร นายอย่ามาแกล้งหลับจะได้

มั้ย?”

“ตื่นก่อน ตื่นขึ้นมาสิ!

สะกิดไปยังบนไหล่ของณรงค์กร กลับพบ ว่าเขาไม่มีการตอบสนองอะไรกลับมา จนทำให้ พิงกี้เริ่มกระวนกระวาย แล้วจึงลองเอานิ้วมือ ไปยังไว้ที่จมูก นั่นค่อยทำให้เธอโล่งอกขึ้นมา หน่อย
“แล้วตอนนี้จะทําอย่างไรดี?

โทรเรียกรถพยาบาลแล้ว แต่ไม่รู้ว่ารถ พยาบาลเมื่อไหร่จะมา ทำให้ไม่แน่ใจกันไปหมด

หรือจะปล่อยณรงค์กรไว้ที่นอกประตู แล้ว ถ้าหากว่าเขาเกิดตายขึ้นมาจริงๆ แล้วเธอจะทํา ยังไง ถึงแม้ว่ามันจะเป็นแค่ชีวิตของคนคนหนึ่ง แต่วันข้างหน้าก็จะทำให้ไม่สบายใจไปได้ตลอด ชีวิต

หรือว่าจะลองโทรไปถามเควินว่า ทำไม ณรงค์กรถึงมาอยู่ที่นี่ได้?
ความจริง วิธีนี้ก็น่าเชื่อถือที่สุดแล้ว แต่เมื่อ คิดได้ว่าเมื่อวานเพิ่งจะทะเลาะกับเควินมา แล้ว วันนี้เธอยังจะโทรไปหาเขา แต่นี่ก็เท่ากับว่าเธอ ก้มหัวยอมแพ้ให้เขาน่ะสิ… ถ้าเกิดเควินคิดว่า เธอกำลังทําดีกับเขาและพึ่งพาเขา แล้วต้อง กลับไปพัวพันกันอีกจะทำไง?

คิดไปคิดมา พิงกี้ก็ยังหาทางออกไม่ได้ อยู่ดี ถ้าจะต้องยืนอยู่ตรงนี้ก็ไม่ใช่ปัญหา แต่ ทางออกสุดท้ายก็มีเพียงเปิดประตูห้อง พยุง ไหล่ของเขาไว้แล้วพาเข้าไปในห้องของตัวเอง

ฉากนี้ ในเวลาที่พิงกี้ไม่รู้ตัว กลับมีคนที่ อยู่ในมุมมืดทำการบันทึกภาพลงในกล้องไป เรียบร้อยแล้ว
ฟรี 15 ในประเ

หลังจากนำตัวณรงค์กรเข้ามาในห้องได้ สําเร็จ ก็ทำให้พิงกี้ถึงกับเหงื่อไหลไปทั้งตัว

หลังจากทําการเปิดแอร์ในห้อง เธอจึงมอง ไปยังร่างที่นอนหมดสติอยู่บนพื้น เป็นปัญหา จริงๆ

“ทำไงดี?”

ช่างเถอะ เธอไม่สนใจอะไรเยอะแยะขนาด นั้นแล้ว เช็ดเนื้อเช็ดตัวให้เขาก่อนก่อนเถอะ

นั่งอยู่กับพื้น แต่พิงกี้กลับมีความไม่สะดวกใจต่อการปลดกระดุมเสื้อของณรงค์กรเท่าไหร่ ปลดไปทีละเมิด แต่ก็ยังคงบ่นขึ้นมาด้วยความ ไม่พอใจ “ที่ฉันทําอยู่นี่คือเป็นการ ทำความดี ทำดีแล้วถึงจะได้รับแต่สิ่งดีๆ….คนเราจะเห็น คนใกล้ตายแล้วไม่ช่วยไม่ได้ แม่ง! ถึงไม่อยาก จะช่วยก็ตาม แต่ก็ไม่ควรที่จะแสดงออกอย่าง ชัดเจนแบบนี้……

ยังมีอีกคำที่ไม่ได้พูด

ถ้าหากเขามาตายอยู่ที่หน้าห้องของเธ งเธอจะ

ทําไง?

หรือจะต้องย้ายบ้านอีกแล้วงั้นเหรอ? งั้น เธอคงต้องมีโชคในการการย้ายบ้านมากเลย สินะ?!
อีกอย่าง……….

อาจจะเพราะท้ายที่สุดแล้วณรงค์กรไม่ ได้คิดจะลงมือกับเธอ เธอจึงไม่ได้เกลียดเขา ขนาดนั้น แล้วก็ไม่สามารถเพิกเฉยได้เช่นกัน

เพียงแต่ว่า เธอเองก็ไม่ได้อยากทำดีกับเขา

มากนัก

ใบหน้าเริ่มมีความขมขื่น พิงกี้เองก็ให้ ณรงค์กรนอนอยู่บนพื้นอย่างนี้ แล้วใช้ผ้าชุบน้ำ อุ่นเช็ดไปที่เขา แต่เมื่อเช็ดไปเรื่อยๆกลับเห็นว่า อาการของเขาแย่เอามากจริงๆ ทั่วร่างกายไม่มี จุดไหนของเนื้อหนังที่ดีเลย เช็ดไปขนาดนี้แล้ว ยังไม่มีอะไรหลุดออกมาอีก เลือดก็ยังคงไหล อยู่อย่างต่อเนื่อง เหมือนกับว่ามันจะไม่มีวันหยุดไหลอย่างนั้นแหละ

จะต้องปิดแผลห้ามเลือดก่อนถึงจะถูก

แต่ในบ้านก็ไม่มีผ้าพันแผลด้วย พิงกี้ได้ แต่หยิบกระเป๋าแล้วออกจากห้องไป ไปร้านยา อย่างยอมจํานนต่อโชคชะตา

ในที่สุดก็จัดการปิดแผลบนร่างกายของ ณรงค์กรได้สำเร็จ เล่นเอาพิงกี้ถึงกับเหนื่อย หอบ แน่นิ่งอยู่บนโซฟาอย่างไม่ขยับ จนถึงตอน นี้แล้ว รถพยาบาลก็ยังไม่มา เธอยังต้องอยู่ใน ห้องเดียวกับณรงค์กรต่อไป
ไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้ว จู่ๆณรงค์กรที่นอน อยู่บนพื้นก็ส่งเสียงขึ้นมา พิงกี้จึงรีบลุกออกจาก โซฟาแล้วเดินตรงมามองดูด้านหน้าของณรงค์ กร ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่หน้าที่ซีดขาวของเขากลับ แดงขึ้นมา ดวงตาทั้งคู่ที่ดูอ่อนแรงมองมายังเธอ อย่างสับสน

“นายเป็นไข้แล้ว” พิงกี้นั่งลงข้างๆ แล้วใช้ มือแตะลงไปที่หน้าผากของเขา ทำให้รับรู้ได้ถึง อุณหภูมิมิที่ร้อนจัด

“ไม่ถึงตายหรอกครับ” ณรงค์กรยิ้มขึ้น

เมื่อเห็นเขายิ้มขึ้นมาได้ เธอก็รู้สึกไม่ดีใจ แล้ว น้ำเสียงก็ดุร้ายขึ้นมา “ฉันไม่สนหรอกว่า นายจะตายหรือไม่ตาย ขอแค่อย่ามาตายตรงหน้าประตูของฉันก็พอ

“ครับ” ณรงค์กรตอบรับ

เป็นเพียงคำพูดง่ายๆ แต่ว่า ภายในใจของ พิงกี้กลับรู้สึกอึดอัดขึ้นมา

“ฉันเรียกรถพยาบาลให้นายแล้ว รอเมื่อ รถพยาบาลมาถึง ก็ขอเชิญให้นายรีบออกไป ซะ!”

“ครับ” ณรงค์กรผงกหัวอย่างยากลําบาก
ยิ่งเขาพูดจาดีมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้พิง กี้รู้สึกว่าเขามีเจตนาที่ไม่ดีไปด้วย ไม่ว่าจะ อย่างไรก็ตาม เพราะว่าการที่เขามาปรากฏตัว อยู่ตรงหน้าประตูของเธอมันดูแปลกๆ ทำให้เธอ ไม่คิดมากไม่ได้

“ทางที่ดีเมื่อนายพูดแล้วก็ทำให้ได้แล้วกัน อย่าคิดจะมาเล่นลูกไม้อะไรกับฉันเชียวนะ! เธอพูดเตือน

คุณชายมาดเข้มกับคุณหนูสุดแสบ

คุณชายมาดเข้มกับคุณหนูสุดแสบ

พอตื่นขึ้นมา พบว่าตัวเองมีอะไรกับพีเขย? รู้สึกยังไงกับ ประสบการณ์? ฟังก็กล่าวเปรียวสะใจมาก! การวางแผนสับเปลี่ยน ครั้งนึง ทำให้พิงกีกับลิสาถูกสลับสับเปลี่ยนฐานะ เกิดเป็นสายเลือด แท้ๆของตระกูล ดำรงกูล ตั้งแต่วันที่ฟังก็กลับมาที่บ้านดำรงกูล พ่อ ไม่เอ็นดูแม่ไม่รัก มีแต่ความลำบากกับความทุกข์ใจ ไม่มีใครรักเธอ เลย และลิสาก็แย่งฐานะลูกสาวสุดที่รักของพ่อแม่ไปจากเธอ แย่ง พ่อแม่เธอไป แถมยังวางแผนพยายามกำจัดเธอให้สิ้นซาก

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท