เสน่ห์คมดาบ – ตอนที่ 98
เสียงโกรธเกรี้ยวของหลี่เยว่เหวินดังก้องอยู่ในถ้ำ แคลร์เวียนหัวเล็กน้อยแต่ไม่กล้าโต้เถียงอะไร
“เอาล่ะ เยว่เหวิน มันเป็นความจริงที่ดาบสมบัติเลือกแคลร์เป็นนาย เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้แล้ว” เสียงของหลี่หมิงหยู่ดังมาอย่างนุ่มนวล
หลี่เยว่เหวินปล่อยคอเสื้อของแคลร์อย่างโกรธแค้น แต่ดวงตายังจับจ้องแคลร์อยู่
แคลร์มองดาบในมือแล้วปากกระตุกเล็กน้อย นางอยากบอกว่าตนเองไม่ต้องการให้ดาบเลือกนาง เป็นนายของมันหรอก แต่เมื่อมองสายตากินเลือดกินเนื้อของหลี่เยว่เหวินแล้ว แคลร์ก็ฉลาดพอที่จะกลืนประโยคนี้กลับไป
“มันเกิดอะไรขึ้น? ไม่ใช่ว่าดาบจะเลือกคนของตระกูลหลี่เป็นนายเท่านั้นหรือ? ทำไมถึงยอมให้ข้าดึงออกมาได้ล่ะ?” แคลร์มองดาบในมืออย่างมึนงงแล้วถาม
“แน่นอนสิว่าเจ้าทำได้…” หลี่เยว่เหวินตะโกนแล้วจะพูดอะไรบางอย่าง แต่หลี่หมิงหยู่ห้าม ไว้ด้วยเสียงต่ำ
“เยว่เหวิน!” การแสดงออกของหลี่หมิงหยู่ซับซ้อนมาก ในขณะที่เขาพูดอย่างเคร่งขรึม “มันเป็นความจริงที่ดาบสมบัติยอมรับว่าแคลร์เป็นเจ้านาย ในเมื่อยอมรับเจ้าเป็นนายแล้ว มันก็ย่อม มีเหตุผลอยู่แล้ว แต่เราไม่สามารถรู้ได้ว่าทำไม”
แคลร์มองใบหน้าที่ซับซ้อนของทั้งสองอย่างสงสัยและรู้สึกว่าพวกเขา ซ่อนอะไรบางอย่างไว้ แต่แคลร์ไม่สามารถบอกได้ว่าพวกเขาปิดบังอะไร
“นี่เป็นเครื่องมือของพระเจ้าหรือ? ข้าไม่รู้สึกถึงความแตกต่างเลย” แคลร์ยกดาบและโบกมืออย่างสงสัย
“ดาบชังหลันเป็นอาวุธประเภทที่มีการเติบโตขึ้นได้ เมื่อเจ้าโตขึ้น ดาบ ก็จะพัฒนาพลังของมันได้ นั่นคือเหตุผลที่มันถูกเรียกว่าอาวุธศักดิ์สิทธิ์ แต่ดูเหมือนว่าเมื่อดาบชังหลัน อยู่ในมือของเจ้า มันก็เป็นเพียงดาบธรรมดานะ” หลี่เยว่เหวินพูดอย่างโกรธเกรี้ยว
ดาบชังหลันที่เคยเปล่งแสงสีเงินค่อยๆ จางลงและกลายเป็นดาบยาวธรรมดา
แคลร์เหวี่ยงดาบชังหลัน มันเป็นเพียงอาวุธธรรมดาที่ดูถูกคนมากเท่านั้น แต่นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้ยินเกี่ยวกับเรื่องอาวุธที่มีการเติบโตได้
“แต่พวกเจ้าจะทำอย่างไรล่ะ? พวกเจ้าต้องการหาดาบเล่มนี้เพื่อไปฟื้นฟูตระกูลหลี่ แต่ตอนนี้พวกเจ้าต้องกลับไปมือเปล่า…” แม้ว่าแคลร์จะไม่พอใจกับดาบชังหลันในมือของนาง แต่นางก็คิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาด้วย ความกังวล นางจึงถามพี่น้องตระกูลหลี่
“เราทำได้เพียงฟื้นฟูตระกูล ไปทีละขั้น เราจะทำให้ดีที่สุด ถ้าฟ้าอยาก กำจัดตระกูลหลี่ของเรา…” เสียงของหลี่หมิงหยู่มีความมืดมัวอยู่
“พี่ใหญ่! ไม่มีทาง! ข้าจะไม่ปล่อยให้ตระกูลหลี่ไปถึงจุดจบแน่!” หลี่เยว่เหวินพูดอย่างกังวลทันที
แคลร์มองฉากตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่หลากหลายในใจ ถ้าดาบไม่ได้เลือกนางเป็นเจ้านาย สิ่งต่างๆ ก็คง ไม่กลายเป็นเช่นนี้!
“ข้า ข้า ทำอะไรให้พวกเจ้าได้บ้างหรือไม่?” แคลร์ถามเบาๆ หลังจากเรื่องทั้งหมด
“ไม่ต้องหรอก มันเป็นความประสงค์ของพระเจ้าที่ให้ดาบสมบัติเลือกเจ้าเป็นนาย… ” หลี่หมิงหยู่พูด แต่หลี่เยว่เหวินกลับขัดจังหวะ ก่อนที่เขาจะพูดจบ
“แน่นอน เจ้าต้องทำเพื่อพวกเรา เจ้าต้องรับผิดชอบ!” หลี่เยว่เหวินพูดเสียงดังฮึดฮัด
“อืม ใช่ ข้าต้องรับผิดชอบ มันเป็นความผิดของข้า” แคลร์พยักหน้าซ้ำๆ “เช่นนั้นข้าจะทำอะไรให้พวกเจ้าได้บ้างล่ะ?”
“ในอีกสามเดือน เจ้าจะต้องต่อสู้เพื่อตระกูลหลี่ของเราในการแข่งขันสี่ตระกูลใหญ่! โดยที่เจ้าต้องใช้ดาบชังหลันนี้!” หลี่เยว่เหวินพูดอย่างมั่นใจ
“หือ?” แคลร์อ้าปากค้างจ้องหลี่เยว่เหวิน “คนนอกสามารถเข้าร่วมแทนตระกูลหลี่ของเจ้าได้หรือ?”
“ใครบอกว่าเจ้าเป็นคนนอก?!” หลี่เยว่เหวินพูดอย่างรวดเร็วและเกือบจะพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่เมื่อเห็น สายตาเตือนของหลี่หมิงหยู่ก นางก็รีบเปลี่ยนเรื่องและพูดด้วยความโกรธทันที “ดาบชังหลันของตระกูลหลี่ยอมรับเจ้าเป็นนาย! เจ้า! ก็ถือว่าเจ้าเป็นครึ่งหนึ่งของตระกูลหลี่ของพวกเราแล้ว! ทำไมเจ้าถึงจะออกไปต่อสู้แทนพวกเราไม่ได้?”
“อย่างนั้นหรือ?” แคลร์กระพริบตาและมองดาบชังหลันที่ไม่โดดเด่นในมือของนาง
“ทำไมจะไม่ใช่ล่ะ! ยังจะทำตัวไร้เดียงสาอีก! ตอนนี้สิ่งประดิษฐ์เลือกเจ้าเป็นนายแล้ว เจ้าควรทำอะไรเพื่อตระกูลหลี่ของเราบ้างใช่หรือไม่?” หลี่เยว่เหวินไม่พอใจ
“โอ้ ฟังดูมีเหตุผลนะ” แคลร์แตะคางแล้วถอนหายใจ “อืม ในอีกสามเดือนข้าจะสู้ให้พวกเจ้าภายใต้นามแฝงของข้า”
“ดีมาก” หลี่เยว่เหวินพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
หลี่หมิงหยู่ตะลึง ทั้งสองคนนี้เข้ากันอย่างดีจนตัดสินใจเรื่องนี้ไปแล้วหรือ?!
“แต่ตอนนี้เจ้าอ่อนแอเกินไป ตอนนี้เจ้ายังใช้พลังครึ่งหนึ่งของดาบชังหลันไม่ได้ด้วยซ้ำ ในอีกสามเดือนข้างหน้า ข้าจะฝึกฝนเจ้าเอง” ดวงตาของหลี่เยว่เหวินมีประกายสว่างขึ้นแล้วพูด
แคลร์กระตุกมุมปากและรู้สึกได้ทันทีว่าอนาคตของนางดูมืดมน แคลร์มองดาบในมือด้วยความเศร้าและแอบด่าตัวเอง ตอนนี้นาง ถูกลากลงน้ำไปด้วยแล้ว! น่าหดหู่จริงๆ!
ทุกคนมองแคลร์อย่างเห็นอกเห็นใจ คามิลล์ยักไหล่เล็กน้อยแสดงความรู้สึกหมดหนทาง ความหมายในดวงตาของจินเหยียนนั้นชัดเจนมาก ไม่ว่าแคลร์จะไปที่ไหน เขาก็จะตามไปด้วย!
“ต่อไปนี้ เราจะไปฝึกที่หุบเขาหลงทางเป็นเวลาสองเดือน จากนั้นก็ ไปฝึกที่บ้านตระกูลหลี่อีกหนึ่งเดือน” หลี่เยว่เหวินพูดอย่างร้ายกาจ
แคลร์พูดไม่ออก
“งั้นตอนนี้เราออกไปกันเถอะ ว่าแต่เราจะออกกันอย่างไรล่ะ?” แคลร์ถามอย่างสงสัย ขณะที่มองไปที่สไลด์ครึ่งวงกลมขนาดใหญ่นั้น
“มีบันไดอยู่ตรงนั้น” คามิลล์ยิ้ม เขา พูดพร้อมกับชี้ไปที่บันไดยาวข้างๆเขา
ทุกคนหันไปและเห็นบันได ยาวที่เป็นระเบียบ อยู่ข้างสไลด์ ทุกคนรู้สึกหงุดหงิด และทันใดนั้นก็รู้สึกได้ว่าคนที่ออกแบบถ้ำแห่งนี้เป็นคนเจ้าเล่ห์ จริงๆ มีบันไดแต่ไม่ให้คนเดินลงมา กลับให้ผู้คนสนุกกับการสไลด์กระแทกที่ก้นแทน
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังจากปากถ้ำและจากนั้นถ้ำก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง หินตกลงมา และทั้งถ้ำก็สั่นสะเทือน
“ถ้ำจะถล่มแล้ว! อ๊า!” ซัมเมอร์กรีดร้องด้วยความตกใจ
แคลร์โบกมือเรียกเขตกั้นออกมา แล้วคลุมทุกคนเอาไว้ข้างใน
“คนจากตระกูลฮว๋า!” หลี่เยว่เหวินพูดด้วยสีหน้าเย็นชา
ทุกคนตกตะลึง แคลร์เองก็งงเช่นกัน “ไม่จริงน่า ทะเลกว้างใหญ่ไม่มีอะไรขัดขวางการมองเห็น หากเรือของพวกเขาเข้าใกล้ เราก็จะต้องเห็น แน่นอน กัปตันและลูกเรือของเราก็ได้รับการคัดเลือกมาอย่างดีโดยเจ้าเมืองเลยนะ พวกเขาทั้งหมดเป็นทหารที่ภักดีมาก”
ก้อนหินกระแทกเข้ากับเขตกั้น ทำให้เกิดเสียงโครมคราม แม้ว่าถ้ำจะสั่นจนดูอันตรายมากแต่ก็ไม่ได้ถล่มลงมา ตอนนี้แสงที่ทางเข้าของถ้ำค่อยๆ หายไปและทางเข้าของถ้ำก็ถูกปิดไว้แล้ว
“มีเพียงความเป็นไปได้ทางเดียวเท่านั้น ในบรรดาลูกเรืออาจจะมีคนของเขาบางส่วนแฝงเข้ามา” ใบหน้าของหลี่เยว่เหวินเริ่มเย็นชามากขึ้น
“เป็นไปไม่ได้” คามิลล์พูดเบาๆ “ข้าได้เห็นทุกคนที่เจ้าเมืองเลือกแล้ว ทุกคนล้วนอาศัยอยู่ในอาณาจักรและเป็นชาวอันพาแกรนด์อย่างแท้จริง ภูมิหลังของพวกเขาล้วนใสสะอาด”
“ไม่ใช่ตัวคน แต่เป็นวิญญาณต่างหาก!” หลี่เยว่เหวินกัดฟัน
ในที่สุดถ้ำก็สงบลง พื้นดินเต็มไปด้วยหินและทางเข้าของถ้ำก็ถูกปิดกั้น
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” แคลร์ได้ยินบางอย่าง
“ตระกูลฮว๋ามีคาถาชั่วร้ายขั้นสูง มันสามารถถ่ายทอดเจตจำนงของคนๆ หนึ่งไปยังอีกคนหนึ่ง จากนั้นก็กลืนกินจิตวิญญาณ เพื่อควบคุมร่างกายของคนนั้นได้” ใบหน้าของหลี่หมิงหยู่ดูแย่ไปเล็กน้อย เขาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าเพื่อที่จะหยุดพวกเราในครั้งนี้ พวกเขา ถึงขั้นเต็มใจที่จะจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อ ส่งคนที่รู้เวทมนตร์ขั้นสูง มา”
นั่นคือการแข่งขันของจิตวิญญาณหรือ? แคลร์กำลังตั้งใจฟัง
“จะเป็นอย่างไรถ้าพลังจิตของฝ่ายตรงข้ามแข็งแกร่งกว่าเขาล่ะ?” แคลร์ถามทันทีและปลดเขตกั้นออก
“สิ่งที่ร้ายแรงที่สุดคือความตาย น้อยลงมาคือกลายเป็นคนไร้สติ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าใช้เวทมนตร์ที่ชั่วร้ายนี้ง่ายๆ แต่คราวนี้พวกเขาเลือกลูกเรือเหล่านั้น เพราะพวกเขาไม่กล้าโจมตีพวกเจ้า” หลี่เยว่เหวินพูดอย่างเย็นชา “ข้าคาดว่าพวกเขาคงอยากจะระเบิดถ้ำนี้และฝังพวกเราทั้งเป็น แต่ถ้ำนี้ไม่ได้ถล่มง่ายๆ ดังนั้นคนเหล่านั้นต้องรอพวกเราอยู่ที่ปากถ้ำเพื่อซุ่มโจมตีอย่าง แน่นอน”
“งั้นพวกเราก็ออกไปฆ่าพวกมันซะ!” เบนพูดอย่างเคร่งขรึม
“เวทมนตร์นี้น่าสนใจทีเดียว” วัลโดแสยะยิ้มและเริ่มสนใจเวทมนตร์ที่ชั่วร้ายเช่นนี้ ในฐานะนักเวทย์แห่งความมืด เขาจึงอยากเห็นและเรียนรู้เวทมนตร์นี้ คงจะดีถ้าเขาสามารถเรียนรู้มัน ได้
“ข้าอยากจะรู้จริงๆ ว่าร่างที่แท้จริงของชายผู้ร่ายเวทย์อยู่ที่ไหน” รอยยิ้มแปลกๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปากของแคลร์และพูด “ถ้าทำลายร่างของคนนั้น เขาก็จะติดอยู่ ในร่างของคนอื่น แบบนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับเจตจำนงทางวิญญาณของเขาล่ะ?”
หลังจากฟังคำพูดของแคลร์ ความรู้สึกหนาวสั่นก็เกิดขึ้นในใจของทุกคน
“ไปกันเถอะ ออกไปกัน” แคลร์ถือดาบชังหลันและเดินนำไป
ทุกคนเดินขึ้นบันไดไป เบนโบกมืออย่างสบายๆ เพื่อร่ายเวทมนตร์เคลียร์ทางข้างหน้าให้ทุกคน
“เดี๋ยวก่อน!” หลี่เยว่เหวินหยุดกึกในขณะนี้และบอกให้ทุกคนหยุดด้วยเสียงเย็นชา
“มีอะไรหรือ?” แคลร์ขมวดคิ้วเล็กน้อย นางไม่รู้สึกถึงสภาพแวดล้อมผิดปกติเลย
“แคลร์ เจ้าพึ่งพามังกรทรงพลังตัวนี้มากเกินไป สิ่งนี้จะส่งผลเสียต่อการเติบโตของเจ้า ดังนั้นจากนี้ไปเขาไม่ได้รับอนุญาตให้โจมตี เว้นแต่เจ้ากำลังจะหมดลมหายใจ เขาจึงจะทำได้!” หลี่เยว่เหวินพูดอย่างเคร่งขรึม
“หือ?” แคลร์อ้าปากค้าง นางมองก้อนหินที่บันได จะให้เริ่มทำทุกอย่าง เองตั้งแต่ตอนนี้เลยหรือ?
“มาเลย หัวหน้า ข้าจะช่วยพัด ข้างหลังเจ้าเอง” คามิลล์ยืนอยู่ข้างหลังแคลร์ด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย ไม่รู้ว่าเขาเอาพัด จากที่ไหนมาพัดให้แคลร์
เบนเริ่มที่จะล่าถอยและสละตำแหน่งให้
ซัมเมอร์ยิ้มอย่างเงียบๆส่วน เฉียวฉู่ซินก็กระพริบตาอย่าง ไม่เข้าใจ
วัลโดหาวเอนตัวไปด้านข้างและรอสิ่งที่จินเหยียนพยายามจะพูด แต่หลี่เยว่เหวินพูดอย่างน่ากลัว “ถ้าเจ้าอยากให้แคลร์ตายบนเวทีการต่อสู้ในอีกสามเดือนข้างหน้า เจ้าก็เข้ามาแทรกแซงเลยสิ” จินเหยียนได้ยินเช่นนั้นจึงถอยออกไป เงียบๆ
……………………………………………………………………………..